แชร์

บทที่ 597

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หัวใจของฉู่หมิงชุ่ยถึงกับเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว ความตื่นตระหนกที่เอ่อล้นมาจากก้นบึ้งจากขั้วหัวใจ ราวกับสมองได้ว่างเปล่าไปแล้ว

หย่าไม่ได้! หย่าไม่ได้! หย่าไม่ได้โดยเด็ดขาด!

นางตะโกนกรีดร้องอยู่ในใจ แม้ว่าตอนนี้สภาพนางจะน่าอดสูมากขนาดไหน แต่ถ้าตอนนี้นางหย่ากลับบ้านตัวเองล่ะก็ ทั้งชีวิตนางได้จบสิ้นเป็นแน่

แต่ทว่า เมื่อได้เงยหน้ามองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง นางเองก็ไม่อยากก้มหัวยอมแบบนี้เหมือนกัน ไม่อยากง้อ และยิ่งไม่อยากพูดว่าไม่อยากหย่าด้วย

ความคิดมากมายไหลวนอยู่ในสมอง นางพยายามข่มใจอดทนที่จะไม่ลงมือทุบตีคนตรงหน้า นางหลุบตาลง “ข้าก็ไม่อยากไปแล้ว พรุ่งนี้ท่านไปเถอะ ข้าจะอยู่ในจวนรอข่าวจากท่าน”

อ๋องฉีพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปก่อน ได้ความว่าอย่างไรจะกลับมาบอกเจ้า”

พูดจบ อ๋องฉีก็ลุกเดินออกไป

ฉู่หมิงชุ่ยกำหมัดแน่น ในใจเกลียดแค้นราวกับถูกอสรพิษกัดเข้าให้

ทำไมกัน ทำไมนางถึงได้ล้มเหลวเช่นนี้? แม้กระทั้งผู้ชายไร้ประโยชน์เช่นนี้ยังทอดทิ้งนางได้?

อันที่จริงนางเคยคิดจะหย่า แต่ทว่านางไปหาอวี่เหวินห่าว แล้วก็คว่ำน้ำเหลวมา ตอนนี้นางถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้ว

แม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 598

    แต่ทว่านางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ และร้องสะอื้นจนทั้งร่างสั่นเทาไปหมดอ๋องฉีโบกมือบอกให้หมอหลวงเฉา และหยวนหยงอี้ออกไปก่อนหยวนหยงอี้เองก็เข้าใจ จึงหันออกไปเรียกให้หมอหลวงเฉาออกไปด้วย หมอหลวงเฉาวางผงยาลง และออกคำสั่งให้แก่นางกำนัล “นี่เป็นยาห้ามเลือด ใช้โรยแผลเล็กน้อย และพันผ้าพันแผลเอาไว้ ไม่เกินสองวันแผลก็จะสมานตัวดี”นางกำนัลค่อมตัวลงยื่นมือไปรับผงยานั้น และกล่าวขอบคุณอ๋องฉีให้คนทั้งหมดออกไป แล้วเข้าไปนั่งลงข้างฉู่หมิงชุ่ย และเอ่ยถามว่า “ทำไมกัน ? ”ฉู่หมิงชุ่ยหันออกไป มีเพียงน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลออกมา และไม่กล่าวอะไรสักคำอ๋องฉีที่เห็นนางเป็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนักแต่ความสับสนที่อยู่ในหัวเขาเกิดพลันกระจ่างชัดขึ้นมาอันที่จริงคำพูดเหล่านั้นของหยวนหยงอี้ได้ทำให้เขาได้สติอย่างแจ่มชัดเพราะถ้าหากว่าชุ่ยเอ๋อร์สนใจความรู้สึกเขาจริง คงไม่มีทางบีบบังคับให้เขาทำเรื่องที่ไม่อยากทำ เขาเป็นถึงท่านอ๋องไม่ได้อดอยากยากแค้น ใยเขาต้องไปแก่งแย่งชิงดี เท่าที่เป็นอยู่แค่นี้ก็สามารถให้นางอยู่สุขสบายได้ไปทั้งชีวิตอยู่แล้วไม่มีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขา ไม่มีค

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 599

    อ๋องฉีก้มลงไปมองปิ่นที่ปักอยู่ที่ท้องตัวเอง ปิ่นเล่มนี้เป็นปิ่นที่เขามอบให้นางในวันที่สาม หลังวันแต่งงานหัวปิ่นเป็นลายหยกหรูอี้ มีสลักอักษรมงคลสี่คำว่าว่า รักจนแก่เฒ่าเขาก้มหัวมองเห็นอักษรสี่ตัวนั้นที่สลักอยู่อย่างเด่นชัดยิ่งสีหน้าเขาไม่ได้มีร่องรอยความรู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เสียงร้องตกใจสักแอะก็ไม่มี ทันทีที่เขาดึงปิ่นเล่มนั้นออก เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาเป็นสาย ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดออกจากปิ่นเล่มนั้น แล้ววางมันลงต่อหน้านาง และเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “รักษาตัวด้วย!”เขาลุกขึ้นมาเดินโซเซออกไปที่ประตูฉู่หมิงชุ่ยมองภาพตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง นัยน์ตาแห้งผากไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้“อวี่เหวินชิง เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่” นางพูดอาฆาตอย่างเยือกเย็น“ไม่มีทาง” เขาไม่หันหลังกลับไป และเปิดประตูออกโดยมีหยดเลือดไหลหยดลงไปกับพื้น “วันนี้คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของข้า”หยวนหยงอี้และหมอหลวงเฉาแม้ว่าจะออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้ออกไปไหนไกลนางพึ่งได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในสายตาของอ๋องฉีสำหรับการฆ่าตัวตายของ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 600

    ฮองเฮาไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี นางมองจักรพรรดิหมิงหยวนอย่างกระสับกระส่าย เมื่อพบว่าสีหน้าของฝ่าบาทปรากฏความมืดมนขึ้น จึงรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้ฮูหยินอาวุโสสูงสุดช่วยนางพูดอะไรสักอย่าง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นฮูหยินอาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเย็นชา และแข็งกร้าวยิ่ง “ฝ่าบาท ฮองเฮา เพคะ ในฐานะที่อ๋องฉีเป็นลูกหลานราชวงศ์ การที่ลุ่มหลงในอนุและละเลยชายาเอกนั้น แม้ว่าชุ่ยเอ๋อร์จะหุนหันพลันแล่น กระทำผิดไปจริง แต่ก็มิได้ผิดไปทั้งหมด เพียงเพราะชายารองคนเดียว อ๋องฉีถึงขั้นดึงดันที่จะหย่าร้าง หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปคงเป็นที่น่าขบขันเป็นแน่ ทำให้ราชวงศ์และตระกูลฉู่เสียชื่อเสียงอย่างยิ่ง ฝ่าบาททรงออกรับสั่งลงไป เมื่ออ๋องฉีพักฟื้นหายดีแล้ว ให้มาหารือหน้าท้องพระโรง และรับสั่งไม่ให้มีการหย่าร้างเกิดขึ้น”คำพูดฮูหยินอาวุโสสูงสุดไม่ใช่การขอร้อง กลับกัน มันคือการออกคำสั่งเสียด้วยซ้ำอีกทั้งนางยังเอาหน้าตาของราชวงศ์มาผูกรวมกับตระกูลฉู่ด้วยกันเช่นนี้ ฮองเฮาถึงกับหน้าเจื่อนไปในทันที และรีบเหลือบมองดูจักรพรรดิหมิงหยวนด้วยความหวาดกลัวเมื่อครู่สีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนไม่น่ามองยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินอาวุโส

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 601

    เมื่อเห็นว่าฉู่หมิงชุ่ยยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น นางจึงตำหนิฉู่หมิงชุ่ย “ร้อง ร้อง ร้องอยู่ได้ เจ้ากล้าลงมือฆ่าสามี ยังจะร้องทำไมอีก?”ฮูหยินเฒ่าตะคอกเสียงดังฮองเฮาพูดอย่างเย็นชา “ท่านย่า ข้าว่าเรื่องนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่สนใจ ข้าว่าท่านก็อย่าได้สนใจเรื่องนี้ไปเลย”ในชีวิตฮูหยินเฒ่าเคยถูกคนใช้น้ำเสียงเช่นนี้มาก่อนหรือ? นางจึงลุกขึ้นมาตะคอกใส่ทันที “ดี เรื่องนี้เจ้าเป็นฮองเฮาไม่สนใจ งั้นข้าเรียกให้พ่อเจ้าจัดการก็ได้ ชุ่ยเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่หมิงชุ่ยที่ร้องไห้มาตลอด แต่นางกลับเข้าใจอย่างแจ่มชัดเข้าวังครั้งนี้ หากตัวเองหาวิธีแก้ต่างไม่ได้ คงไม่อาจรอดพ้นเป็นแน่ดังนั้นเมื่อได้ยินฮูหยินเฒ่าพูดเช่นนี้ นางจึงคุกเข่าและร้องไห้ออกมา “ย่าทวด ท่านป้า ที่จริงเรื่องนี้ข้าทำผิดไปแล้ว จะอย่างไรเสีย ข้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายเขา”นางคลานเข่าเข้าไปจับชายกระโปรงฮองเฮา และพูดทั้งน้ำตา “ท่านป้า หลานไม่อาจปล่อยความสัมพันธ์สามีภรรยาของหลานเป็นเช่นนี้ ขอร้องท่านช่วยเกลี้ยกล่อมเขา ให้เรื่องนี้มันผ่านไปด้วยดีได้หรือไม่? วันหลังข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก ถ้าเขาอยากจะหลงใหลชายารองหยวน ก็หลงไปเถิด ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 602

    ฮองเฮาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออก นางกลัวเหลือเกินว่าเจ้าเจ็ดถูกกล่าวหาว่าหลงใหลอนุจนทอดทิ้งภรรยา หากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง เขาต้องเข้ารับการไต่สวนที่ท้องพระโรง และอนาคตของเขาต้องถูกทำลายลงแน่ดังนั้นนางไม่สนหรอกว่าเรื่องนี้จริงหรือเท็จ จึงรีบกล่าวว่า “ถ้ายังมิได้ร่วมเตียง ทำไมถึงบอกว่าหลงใหลอนุจนทอดทิ้งภรรยาเช่นนี้? เกิดข่าวนี้รั่วไหลออกไปไม่เป็นที่น่าขบขันหรอกหรือ?”ฮูหยินเฒ่าก็มิได้เลอะเลือน มองสีหน้าของฉู่หมิงชุ่ยแล้วรู้ว่าสิ่งที่ไทเฮาพูดนั้นเป็นความจริงแต่ทว่านางเองก็ไม่แน่ใจว่า นางเลอะเลือนหรือไม่ ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะชายารอง แล้วทำไมอ๋องฉีถึงต้องการจะหย่ากันแน่?จะเป็นไปได้ไหมว่า สิ่งที่ชายารองหยวนพูดนั้นจะเป็นความจริง? นางและอ๋องฉู่มีแอบมีความสัมพันธ์ลับกัน?สีหน้าฮูหยินเฒ่าก็พลันเครียดขึ้นมาทันที ตอนนี้มีไทเฮาอยู่ คงไม่ดีที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้แค่ข่มความโกรธเอาไว้ไทเฮาเองก็ไม่ไว้หน้าฮูหยินเฒ่าเลยแม้แต่น้อย นางกล่าวออกมาอย่างราบเรียบว่า “ฮูหยินเฒ่า ข้าถามท่านสักคำ หากมีภรรยาที่เห็นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำร้ายสามีจนบาดเจ็บ ไม่รู้จักสำนึกผิด และทำตัวชั่วช้าชิงมาฟ้องก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 603

    นางจะไปไหนดี?หลังเดินจากไป ความรู้สึกโดดเดี่ยวเคว้งคว้างที่ถาโถมเข้ามาบนร่างของนางนั้น นางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ความฝันก็ได้แตกสลายไปเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว นางมีชีวิตต่อไปอีกจะมีความหมายอะไรอีก?แต่จะมาตายแบบนี้ นางจะไปยอมได้อย่างไรกัน?ฮองเฮาโกรธเสียจนปวดหัวไปหมด หลังจากฉู่หมิงชุ่ยไปแล้ว นางก็ยังโกรธอยู่พักใหญ่ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลูกชายยังบาดเจ็บอยู่ จึงได้รีบเรียกคนออกจากวังไปดูที่จวนอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งของอวี่เหวินห่าว และอ๋องฉีได้รับพระบัญชาเข้าให้วังอวี่เหวินห่าวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่ำค่ำก็ขี่ม้าเข้าไปในวังเมื่อถึงประตูวัง รถม้าของอ๋องฉีก็มาถึงพอดีอ๋องฉีที่นอนอยู่ข้างใน เขาเห็นเช่นนั้นก็อดตกใจไม่ได้ นึกว่าเขาถูกมือสังหารลอบทำร้ายเสียอีก จึงรีบถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้เมื่อได้ยินว่าเขาถูกฉู่หมิงชุ่ยทำร้าย เขาหมดสติไปไม่ฟื้นอยู่นาน หลังจากได้ยิน เขาก็นิ้วชูหัวแม่มือให้ “เหล่าหยวนเรียกหมอหลวงเฉาไปด้วยเช่นนี้ ถูกต้องแล้วจริง ๆ”เห็นอ๋องฉีมีสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองได้เผลอปากเสียไปแล้ว “ฟ้าก็มืดแล้ว ในวังไม่อนุญาตให้ขี่ม้าเข้าไป เจ้าเอง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 604

    อวี่เหวินห่าวพูดปลอบ “เจ้าอย่าคร่ำครวญนักเลย ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ ถ้าพระองค์ได้ยินเจ้าคร่ำครวญอยู่ตลอดแบบนี้ จะบอกว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดเอาได้” อ๋องฉีที่เจ็บจนพูดไม่ออก ได้แต่คร่ำครวญเดินลากขาไป ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว “ท่านพี่ ท่านแบกข้าเถอะ”"บาดแผลของเจ้าอยู่ข้างหน้า ข้าแบกเจ้า เจ้าก็ยิ่งเจ็บมิใช่หรือ?” อวี่เหวินห่าวเห็นเขาเป็นเช่นนั้นก็อดกังวลไม่ได้ ทำไมแค่นี้ถึงทนเจ็บไม่ได้?พอนึกถึงตอนแรกที่เหล่าหยวนบาดเจ็บ แล้วเข้ามาในวัง แต่ก็ยังรอดมาถึงตอนนี้ เจ้าเจ็ดนี่สู้พวกผู้หญิงไม่ได้เลย“ยอมเจ็บหน้าอกดีกว่า ไม่อยากเจ็บเหมือนแผลจะฉีกเช่นนี้” อ๋องฉีหยุดเดิน โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของเขา รวมไปถึงริมฝีปากซีดเผือดไร้เลือดไปหมดอวี่เหวินห่าวจึงทำได้แค่แบกเขาขึ้นมา เมื่อแบกเขาขึ้นหลัง อ๋องฉีก็ส่งเสียงร้องเจ็บขึ้นมาทันทีอวี่เหวินห่าวถามขึ้นมา “พอไหวหรือไม่?”อ๋องฉีหันไปมองมู่หรูกงกงอย่างยากลำบาก ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “เทียบไม่ได้เลยกับที่พวกท่านแบกข้าไป”มู่หรูกงกงที่ได้ถามคนในวังที่ออกไปจากวัง หมอหลวงเฉาบอกว่าอาการบาดเจ็บมิได้สาหัสมากนัก ที่หน้าอกยังพอไหว แต่ที่ท้องบาดแผลลึกอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 605

    เขาหายใจเหนื่อยหอบ เหมือนจะขาดใจตายอยู่แล้วอ๋องฉีเองก็รู้สึกว่านี่คืออีกช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทรมานที่สุด กลับกันทั้ง ๆ ที่ถูกฉู่หมิงชุ่ยทำร้ายจิตใจ เขากลับไม่สนใจอะไรมันมากนั้น แค่อยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปโดยเร็วเท่านั้นในที่สุดจักรพรรดิหมิงหยวนก็เดินกลับมาที่บันไดหิน และเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “เข้ามาได้!”อวี่เหวินห่าวที่คุกเข่าอยู่ฟุบล้มลงไปพร้อมมือทั้งสองที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะฝืนยกต่อไป โดยไม่ได้สนว่าอ๋องฉีนั้นจะร่วงลงมาด้วยหรือไม่ มือทั้งสองข้างนั้นไม่มีความรู้สึกไปแล้ว อ๋องฉีก็ร่วงลงมาทับร่างของเขาไว้ แต่มันกลับรู้สึกสบายขึ้นมากหลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง สองพี่น้องก็พากันเดินก้มหน้าและพยุงกันเข้าไปหลังจากเข้าไปแล้ว เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนนั่งลงบนเก้าอี้มังกร เสียงตบโต๊ะก็ดังขึ้น พร้อมคำสั่งที่เอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “คุกเข่า!”พวกเขาคุกเข่าหมอบลงกับพื้นเสียงดัง ‘ตุบ’จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องไปที่ทั้งสองเขม็ง และได้เอาความโกรธเหล่านั้นไปลงที่อวี่เหวินห่าวก่อน “มีข่าวลือแพร่อยู่ข้างนอกว่าเจ้ากับพระชายาฉีแอบมีสัมพันธ์กัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปทางม

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status