แชร์

บทที่ 588

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงไปที่ตำหนักเฉียนคุน เพื่อเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวง

ไท่ซ่างหวงตรัสถามถึงนางข้าหลวงสี่ หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ในระหว่างพักฟื้น มหาเสนบดีฉู่ไปเยี่ยมนาง นางจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ส่วนด้านนอกก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกเพคะ"

"แต่เจ้าดูไม่ร่าเริงเอาเสียเลย เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?" ไท่ซ่างหวงตรัสถามขึ้น

หยวนชิงหลิงเพิ่งนึกถึงเรื่องขององค์ชายแปดได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า "หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะเสด็จปู่ หากคนของฮองเฮาถามว่าเหตุใดองค์ชายแปดถึงมีแว่นตา เสด็จปู่ก็บอกว่าพระองค์เป็นคนประทานมันให้นะเพคะ"

ไท่ซ่างหวงตรัสอย่างเย้ยหยันว่า "ไม่จำเป็นต้องพูด เพราะฮองเฮาไม่กล้ามาถาม"

หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้งไป

ฉางกงกงจึงช่วยอธิบายให้นาง "ฮองเฮาเองก็เป็นคนของตระกูลฉู่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ"

หยวนชิงหลิงนั่งลงมองไท่ซ่างหวง "เสด็จปู่ มหาเสนาบดีฉู่ผู้นี้ พระองค์ทรงเชื่อใจเขาจริงหรือเพคะ?"

"อยากจะพูดอะไรกันแน่?" ไท่ซ่างหวงเหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วตรัสถามขึ้น

หยวนชิงหลิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย "หม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกว่า เมื่อก่อนหม่อมฉันคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยาน ท่านพ่อของหม่อมฉัน จิ้งโฮ่วพยายามประจบประแจงเขา แต่ก็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 589

    ส่วนจะสามารถสร้างผลงานไว้เป็นที่จารึกได้หรือไม่ ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องลำบากยากแค้นถึงขนาดต้องไปขอทานเพื่อปะทังชีวิต นางรู้สึกว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วแต่คำพูดเหล่านี้ หยวนชิงหลิงกลับไม่สามารถเอ่ยออกมาต่อหน้าไท่ซ่างหวงได้เพราะเท่าที่นางรู้ ไท่ซ่างหวงก็ทรงสนับสนุนเจ้าห้าเช่นกันตอนนี้สามผู้ยิ่งใหญ่ต่างล้วนฝากความหวังไว้ที่เจ้าห้าเพียงแค่พวกเขาช่วยผลักดันสักเล็กน้อย ก็สามารถประสบสำเร็จได้ทันใดนั้นนางก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าอุปสรรค สุดท้ายแล้วคืออุปสรรคอะไรกันแน่? เมื่อก่อนคิดว่าเจ้าห้าเก่งกาจมีความสามารถยิ่งนัก แต่ภายหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีขึ้นแล้ว ก็กลับรู้สึกว่าเจ้าห้าไม่ได้เฉลียวฉลาดเหมือนแต่ก่อนบางทีรู้ตัวช้าในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงนางรู้สึกหดหู่จนไม่กล้ามองไท่ซ่างหวงสองวันผ่านไป พระชายาซุนก็มาพบนาง เพื่อปรึกษารายการอาหารในวันเกิดของอ๋องซุนหยวนชิงหลิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ อ๋องซุนมาที่จวนหลายครั้ง ได้กล่าวว่ามาลองชิมอาหารของพ่อครัวหลวงเพื่อเตรียมฉลองวันเกิดของเขานางเอ่ยขึ้น "พี่สะใภ้รอง ข้ามีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง วั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 590

    หยวนชิงหลิงรู้สึกสับสนกับเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น "สตรีนางนี้เข้ามาจวนเพื่อเป็นบ่าว แต่กลับตั้งครรภ์แล้วหรือ? กับใคร?""น้องสาม" พระชายาซุนถอนหายใจ "เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่จริงพระชายาเว่ยช่วยผู้หญิงคนนี้ไว้ แต่นางกลับเนรคุณกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคาอย่างง่ายดายหยวนชิงหลิงรีบเปลี่ยนท่าทีจริงจังมากขึ้น "เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่? พี่สะใภ้รองท่านรีบบอกข้ามาเถิด"นางรู้สึกดีต่อพระชายาเว่ยสกุลชุยเป็นอย่างมาก นางรู้สึกว่าคนผู้นี้ทั้งอ่อนหวานและสง่างาม ถึงแม้จะเป็นคนของตระกูลชุย แต่กลับแทบไม่มีท่าทีก้าวร้าววางอำนาจบาตรใหญ่เหมือนอย่างตระกูลฉู่นอกจากนี้ นางตั้งครรภ์ไปเมื่อปีที่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ทารกตายในครรภ์ เมื่ออายุได้หกเดือน และนางพักฟื้นอยู่นาน เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้พระชายาซุนพูดขึ้น "เรื่องนี้พระชายาเว่ยไม่ได้เอ่ยกับข้าอย่างจริงจังนักหรอก นางเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อเอ่ยถึงน้ำตาก็ร่วงหล่นออกมา ช่างน่าสงสารยิ่งนัก น้องสามก็เช่นกัน ไม่รู้ว่ามีภูตผีปีศาจตนใดเข้าสิง ถึงได้รักมั่นต่อสตรีนางนั้นเหลือเกิน เพื่อนางแล้ว ถึงขนาดทะเลาะกับพระชายาเว่ยตั้งหลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังบ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 591

    ในเวลานั้นไม่ได้มีความปรารถนาอื่นใดเลย นอกจากเพียงหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่เพราะนางเคยอยู่กับฉู่หมิงหยาง ดังนั้นทุกคนจึงตั้งแง่เป็นศัตรูกับนางคนเรามักมีช่วงเวลาที่ได้พบเจอคนไม่ดีช่างเถอะ นางไม่อยากขัดแย้งกับเจ้าห้าเพราะเรื่องนี้อีกหลังจากผ่านเรื่องของนางข้าหลวงสี่ นางก็รู้ว่าบางครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเกิดโหดเหี้ยมต้องการเอาชีวิตนางขึ้นมา ย่อมไม่มีทางที่จะคุยกันได้ในยุคนี้ความใจดีมีเมตตา ในบางครั้งอาจทำให้ตัวเองถึงตายได้หูหมิงคาดเดาไม่มีผิด หมานเอ๋อร์ไปแบกกระสอบที่ท่าเรือจริง สถานะของคนเจียงหนาน ทำให้ตระกูลสูงศักดิ์ครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองหลวงต่างหลีกเลี่ยงทั้งนั้นผู้หญิงไปแบกกระสอบ แม้ว่าครั้งหนึ่งนางจะแบกกระสอบมากกว่าผู้อื่นหนึ่งกระสอบ แต่เงินที่ได้รับกลับน้อยกว่าคนอื่นถึงครึ่งหนึ่งนี่คือกฎเกณฑ์เมื่ออาซื่อออกไปทำธุระก็พบนางนางรีบแบกข้าวสองถุงวิ่งไปที่ด้านข้างของเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว หลังจากโยนมันลงไว้กับที่แล้ว นางก็กลับไปแบกอย่างอื่นอย่างรวดเร็วนางจำเป็นต้องแบกมันมากกว่าคนอื่นหนึ่งเท่า เพื่อให้ได้เงินเท่ากับคนอื่น ดังนั้นนางจึงวิ่งแทบไม่หยุดพักเลยเดิมทีอาซื่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 592

    หลังจากอาซื่อกลับมา นางก็บอกหยวนชิงหลิงเกี่ยวกับเรื่องที่เห็นหมานเอ๋อร์ที่ท่าเรือเมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจไม่น้อยในยุคสมัยนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏตัวออกมาสังคมข้างนอก หมานเอ๋อร์ไปแบกกระสอบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ด้วยกัน คงไม่อาจห้ามให้ออกมาปรากฏตัวข้างนอกแต่ว่านางบอกแล้วว่าจะไม่สนใจ จึงไม่ได้เอ่ยถามอีก เพียงแต่ให้อาซื่อมอบเงินสิบตำลึงให้นางอาซื่อกลับมาหาในวันรุ่งขึ้น บอกว่าหมานเอ๋อร์ปฏิเสธ นางจึงยัดเงินให้กับหมานเอ๋อร์และรีบวิ่งหนีไปหยวนชิงหลิงไม่พูดไม่จา "มอบให้นางก็พอแล้ว" "พระชายาเป็นคนดีจริง ๆ เพคะ" อาซื่อกล่าวชื่นชมภายในใจหยวนชิงหลิงไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดการให้เงินสิบตำลึง แท้จริงแล้วเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจของตนเอง จึงคิดจะใช้เงินสิบตำลึงนี้บรรเทาความรู้สึกตัวเองหากพูดกันตามตรง นางไม่ได้ติดค้างหมานเอ๋อร์นางแค่รู้สึกว่าความเห็นอกเห็นใจของตัวเองจะค่อย ๆ หายไป หยวนชิงหลิงคนเดิมจะกลายเป็นคนใจแข็งไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่นางอาจจะปกป้องตัวเองได้ดีกว่านี้ และสุดท้ายก็อาจเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนตัวเองเมื่ออวี่เหวินห่าวกลับมาในตอนเย็น เ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 593

    เดิมทีหยวนหย่งอี้ก็อารมณ์ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นนี้ แล้วเห็นสีหน้าเหมือนจะกินคนของเขาอีก หน้าตาก็บึ้งตึงทันที บุรุษผู้นี้ปัญญาอ่อนหรอกหรือ? บอกว่านางมั่วผู้ชายอยู่ในจวนของผู้อื่น หน้าของเขาไม่มีเหลือแล้วหรือไร?นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสุนัขบ้า จึงหันหลังเดินจากไปอ๋องฉีก้าวไปข้างหน้าคว้าตัวนางไว้ แล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า "เจ้าอธิบายมา" ซูยี่โบกมืออยากจะอธิบาย หยวนหย่งอี้เอ่ยเสียงเย็น "คนเลวเอ่ยอะไรก็มีแต่เรื่องเลว ๆ ท่านโมโหก็อย่ามาลงกับข้า กลับไปลงกับฉู่หมิงชุ่ยไป" "เจ้า..." ประโยคนี้แทงเข้าใจดำของเขาเต็ม ๆ ตอนนี้ทั้งอายทั้งโกรธยิ่งกว่าเดิม "เจ้าอย่าอาศัยว่าเจ้ารู้วรยุทธ์ไม่กี่กระบวนท่าแล้วกล้าทำการไม่เกรงใจข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสั่งให้คนมาลงโทษโบยเจ้าทันที?"ซูยี่ตกใจอย่างมาก นึกถึงตอนที่พระชายาถูกลงโทษโบยในครั้งนั้น รู้สึกว่าอ๋องฉีจริงจัง ถึงอย่างไรท่านอ๋องเหล่านี้ก็ล้วนโหดเหี้ยม จึงรีบเอ่ยขึ้น "อ๋องฉี ท่านอย่าเข้าใจผิด ผู้น้อยแค่ประคองพระชายารองหยวนเท่านั้น นางแค่เซล้มเท่านั้น ไม่ใช่การมั่วชู้อย่างที่ท่านกล่าวแต่อย่างไร ท่านวางใจเถอะ กระหม่อมไม่ชอบแบบพระช

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 594

    อ๋องฉีโกรธจนแทบระเบิดออกมา "น้ำเสียงของเจ้าราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กอย่างไรอย่างนั้น? อีกทั้งยังจะแนะนำพระชายาเอกให้ข้าอีก งานแต่งของข้าต้องให้เสด็จแม่เป็นคนตัดสินใจ"หยวนหย่งอี้หัวเราะ แววตาสว่างสดใส ไรฟันขาวสะอาดรวมถึงลักยิ้มน่ารักมีเสน่ห์ "ท่านย่าบอกว่าผู้ชายทุกคนก็เหมือนเด็กเกลี้ยกล่อมก็พอแล้ว ส่วนเสด็จแม่ของท่าน…"อ๋องฉีโกรธจนไม่รู้จะว่าอย่างไรดี "นั่นก็เป็นเสด็จแม่ของเจ้าด้วย!"หยวนหย่งอี้ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา จึงลูบจมูกอย่างเบื่อหน่าย "ข้าไม่ใช่พระชายาเอก ไม่สามารถเรียกเสด็จแม่ได้"อ๋องฉีหรี่ตาลง "เจ้าอยากให้ข้าหย่ามาตลอด ตอนนี้ยังกล่าวเช่นนี้อีก มิใช่ว่าเจ้าอยากเป็นพระชายาเอกหรอกหรือ?"หยวนหย่งอี้เอ่ยถาม "เป็นพระชายาเอกนี่มีอะไรดี?""มีข้อดีมากมายนัก" อ๋องฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "อย่างน้อยเจ้ากับข้าก็เป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกธรรมนองคลองธรรม ชอบธรรมด้วยเหตุผล""สามีภรรยาที่ถูกธรรมนองคลองธรรม ชอบด้วยเหตุผลมีอะไรดี?" หยวนหย่งอี้ถามอีกครั้งอ๋องฉีมองนาง "อยู่ในจวนเจ้าอยากได้ลมก็ได้ลม อยากฝนก็จะได้ฝน บ่าวไพร่ทุกคนล้วนเชื่อฟังเจ้า" หยวนหย่งอี้ถามกลับ "ตอนนี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 595

    อ๋องฉีมองนางอย่างเหม่อลอย ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากนางได้ปกติแล้วนางเป็นคนมุทะลุและหยาบกระด้างขนาดนั้น จะมาเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่าตระกูลหยวนอบรมมาเป็นอย่างดีแววตาของเขาไม่อาจเก็บซ่อนความเหงาโดดเดี่ยวนี่ได้อีก "ที่จริงข้าเข้าวังไปพบเสด็จแม่ เสด็จแม่ตำหนิข้าอย่างหนัก ตรัสว่าชุ่ยเอ๋อร์...ฉู่หมิงชุ่ยคิดเพื่ออนาคตของข้า นางเชื่อว่าสิ่งที่ฉู่หมิงชุ่ยทำทั้งหมดก็เพื่อวางแผนให้ข้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต และข้าไม่ควรโกรธและพาลใส่นางเหมือนเด็ก ๆ ทำให้นางที่รักและห่วงใยข้าอย่างแท้จริงต้องเสียใจอีก ทั้งยังทำให้นางที่มีบุญคุณช่วยเหลือสนับสนุนต้องผิดหวัง"ตอนที่เขาเงยหน้ามองนางแววตาก็เปล่งประกายขึ้น "ที่จริงวันนี้ข้าไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับนางมาตลอด หลังจากออกจากวัง ข้าก็สงสัยตัวเองมาตลอดว่าสุดท้ายแล้วข้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ หรือเพียงแค่รู้จักประมาณตน? นางคิดเพื่อข้าจริง ๆ หรือเพียงแค่ต้องการบรรลุความปรารถนาของตัวนางเองกันแน่? เจ้าให้คำตอบแก่ข้า ข้าจะกลับไปคุยนาง เจ้าหน้ากลม ขอบใจเจ้ามาก!"ตอนที่หยวนหย่งอี้ฟังเขาพูดก็จะยิ้มด้วยความเอ็นดูอยู่ตลอด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 596

    ถังหยางที่ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับตกใจจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้าอาซื่อเดินเข้าไปนั่งลง และเอ่ยถามว่า “อะไรมีชีวิตหรือเพคะ?”“ลูกของข้า!” อวี่เหวินห่าวพูดอวดเหมือนคนบ้าเห่ออาซื่อตกใจแล้วตกใจอีก และหันไปมองถังหยางอย่างไม่ทันรู้ตัว ถังหยางชี้ไปที่หัวของเขาราวกับจะบอกอาซื่อว่า ท่านอ๋องเป็นบ้าไปแล้วหยวนชิงหลิงโกรธจนหลุดขำออกมา “เอาเถอะ ๆ เตรียมตัวกินข้าวกัน”“พี่ใหญ่ของหม่อมฉันล่ะ เพคะ?” อาซื่อเอ่ยถาม“กลับไปแล้ว” หยวนชิงหลิงตอบนางอาซื่อกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า “อ๋องฉีเลอะเลือนเสียจริง เขาพูดว่าพี่ใหญ่กับซูยี่เป็นชู้กัน และยังมาพาลโกรธพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะอดทนไม่ตีท่านน๋องได้ไหม”อวี่เหวินห่าวที่อารมณ์ดีมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็เหลือบตามองอาซือ “นังหนูซื่อบื้อนี่ พูดซะเจ้าเจ็ดเหมือนจะอ่อนแอเหลือเกิน เจ้าเจ็ดเองก็เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนเช่นกัน”“ไม่จริงกระมั้ง?" อาซื่อตกใจ "ทำไมท่าทางของเขาอ่อนแอนุ่มนิ่มกว่าไก่เสียอีก?”อวี่เหวินห่าวยักไหล่ “ไม่อ่อนแอสักหน่อย อย่างน้อยก็ใช้มือบีบไข่ไก่ฟองหนึ่งให้แตกได้”“ข้าบีบก้อนหินแตกได้” อาซื่อพูดอย่างอวดโอ้ อวี่เหวินห่าวหัวเราะขึ้นมาหยว

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status