เจ้าห้าไม่ได้ตรงไปที่จวนฉู่ แต่ไปที่สำนักงานผู้ตรวจการ หาเจ้าหน้าที่ที่ประตู และเจ้าหน้าที่ตอนรับอีกสองสามคนให้มาเป็นพยาน และไปหาอ๋องรุ่ยชินและเซียวเหยากงด้วย ให้พวกเขามาเป็นพยาน ใครกันแน่ที่ทำเกินไปมหาเสนาบดีฉู่วันนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมท้องพระโรงยามเช้า แต่วันนี้ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีมากด้วยเมื่อคืนวานฉู่หมิงหยางคุกเข่าอยู่ข้างนอกทั้งคืน บอกว่าจะยกเลิกการแต่งงานกับอ๋องจี้ เพราะว่านางกับอวี่เหวินห่าวได้มีสัมพันธ์ร่วมกัน และได้หยิบหลักฐานยืนยันออกมาเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ความคิดของหลานสาวมีรึที่เขาจะมองไม่ออก จึงไม่สนใจนาง สั่งให้นางคุกเข่าอยู่ข้างนอก คุกเข่าให้ตายไปซะวันนี้ตอนเช้า ฮูหยินฉู่ที่เป็นห่วงกังวลเหลือเกิน จึงสั่งให้คนไปเชิญให้ฉู่หมิงชุ่ยกลับมาเกลี้ยกล่อมฉู่หมิงหยาง ดังนั้นเมื่อฉู่หมิงชุ่ยกลับมาถึงบ้านตัวเอง ได้ยินว่าให้ตายยังไงฉู่หมิงหมายก็จะแต่งกับอวี่เหวินห่าวให้ได้ นางก็ตกใจมากนางมาถึงสวนของท่านปู่ด้านนอก ฉู่หมิงหยางคุกเข่าโอนเอนเกือบจะล้มไม่ล้ม หมดแล้วซึ้งความสดใสอบอุ่นแต่เดิม ราวกับดอกลิลี่ยามเช้าที่ถูกทำให้บอบช้ำด้วยความเย็น ไม่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวาเหลือเลย
ตอนนี้กลับมอบให้ฉู่หมิงหยาง เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่แรก เขาโกหกไม่ได้จริงใจกับนางความเกลียดชังผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของนาง นางกระชากป้ายหยกออกมาจากมือฉู่หมิงหยางและปามันลงกับพื้น ป้ายหยกแตกออกเป็นสามเสี่ยง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าไปมีความสัมพันธ์กัน”ฉู่หมิงหยางโกรธมากเสียจนกระโดดขึ้นมาคว้าแส้ฟาดลงไปบนหน้าของฉู่หมิงชุ่ยเข้าเต็ม ๆรอยแส้พาดผ่านอยู่บนใบหน้าฝั่งซ้ายของฉู่หมิงชุ่ย เป็นรอยราวกับมีตะขาบปีนอยู่ เจ็บเสียจนฉู่หมิงชุ่ยเกือบเป็นลมหมดสติไปมีคนก้าวมาข้างหน้าเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ต่อจากนั้น ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลคลอเบ้า นางคุกเข่าลงกับพื้นและพูดเสียงดังว่า “ท่านปู่ หลานขอให้ท่านให้ความยุติธรรมด้วย”เจ้าหน้าที่ต้อนรับรีบวิ่งเข้ามาเคาะประตู “นายท่าน อ๋องฉู่ อ๋องรุ่ยชิน และเซียวเหยากง อยู่ด้านนอกบอกว่าอยากพบท่านขอรับ”มหาเสนาบดีฉู่เอามือไพล่หลังเดินออกไป สีหน้าดำมืด กวาดตามองฉู่หมิงชุ่ยและฉู่หมิงหยางและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “พาพวกนางสองคนลงไป มีเรื่องอะไรอีก?”ฉู่หมิงหยางคุกเข่าลงและพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ท่านปู่ ไม่ใช่อ๋องฉู่ หลานไม่แต่ง”ฉู่หมิงชุ่ยฟ้อง
อวี่เหวินห่าวคว้าแส้ด้วยมือข้างหนึ่งและเหวี่ยงพันรอบคอนาง และมือที่ว่างอยู่อีกข้างปลดเข็มขัดของซูยี่ออกผูกกับแส้แล้วโยนขึ้นไป เขาดึงเข็มขัดนั้นขึ้น และแขวนคอของฉู่หมิงหยางบนขื่อคานข้างบน ทุกอย่างเสร็จสิ้นชั่วพริบตา “ไม่ต้องไปผูกคอตายหน้าประตูจวนอ๋องฉู่หรอก เจ้าก็จงตายที่นี่ซะ”ซูยี่รีบกอดเอวตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าที่หลวมหลุดออกมาเหตุการณ์นี้ทำให้คนใช้ในตระกูลฉู่ และทหารองค์รักษ์รีบพุ่งเข้ามาช่วย อวี่เหวินห่าวตะคอกอย่างแค้นเคืองว่า “ใครกล้าก้าวออกมา ข้าจะซัดมัน”ใบหน้าของฉู่หมิงหยางแดงกล่ำ สองตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ขาทั้งคู่ดิ้นอยู่กลางอากาศ ยิ่งนางดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นลำคอของนางส่งเสียงค่อกแค่กออกมามองขอความช่วยเหลือจากคนข้างล่าง สาวใช้ของนางหมานเอ๋อร์รีบลุกขึ้นและพูดว่า “ท่านอ๋องรังแกผู้หญิงอ่อนแอ ชั่วช้ายิ่งนัก!”อวี่เหวินห่าวมองส่วนสูงของสาวใช้คนนี้ น่าจะเป็นนางที่ปลอมเป็นมหาเสนาบดีฉู่ และใช้เล่ห์กลอะไรไม่รู้ใส่เขา ในตอนนั้นเองความโกรธที่สะสมมาตลอดก็ปะทุออก เขายกขาเตะกลางท้องนางออกไปจนตัวคนลอยออกไปแต่หลังจากที่นางถูกแตะลอยออกไป สองขานางก็ถีบกำแพง พุ่งตัวออกไปราวกับลูกศรที
หมานเอ่อร์ตกใจ ฉู่หมิงหยางเองก็ตกใจเช่นกันอวี่เหวินห่าวมองลงไปดูฉู่หมิงหยางและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดว่าสะกดจิตข้า จนคิดว่าข้าจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้เลยสินะ? สาวใช้ของเจ้าเชี่ยวชาญเรื่องสะกดจิตปลอมตัว วันนั้นก็นางนี่เองที่ปลอมตัวเป็นมหาเสนาบดีฉู่พาเจ้ามาข้าที่สำนักผู้ตรวจการ ตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าเข้าประตูมาก็เริ่มสะกดจิตข้า คำพูดของเจ้าทุกคำข้าล้วนจำมันได้ทั้งหมด”มหาเสนาบดีฉู่ถึงกับหน้าซีด เขาเตะหมานเอ๋อร์และพูดอย่างแค้นเคืองว่า “เจ้ากล้าดียังไงปลอมตัวเป็นข้า? เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!”หมานเอ๋อร์กระอักเลือดออกมาและพูดอย่างยากลำบากว่า “นายท่าน เขาโกหก สิ่งยืนยันนั้น คุณหนูรองสิ่งยืนยันนั่นล่ะ? รีบนำสิ่งยืนยันไปให้นายท่านดูเร็วเข้า”ฉู่หมิงหยางพูดอย่างร้อนรนว่า “ป้ายหยกนั้นแตกแล้วอยู่ที่สวนด้านนอก ท่านปู่ท่านสั่งให้คนดู เอามาประกอบกันเป็นชิ้น ไม่สนว่าจะเป็นยังไง วันนั้นเขากอดข้าจริง ๆ ข้าได้ทำลายชื่อเสียงของข้าไปแล้ว ไม่ใช่เขาข้าไม่แต่ง ขอท่านปู่ตัดสินด้วย”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าตัวเองคืออะไร? ไม่ใช่ข้าเจ้าไม่แต่ง ข้าอยากแต่งกับเจ้ารึ? ไม่มีกระจกห
สิ้นคำพูดเหล่านั้น มหาเสนาบดีฉู่ก็ได้ฟาดไม้ลงไป ได้ยินแค่เสียงไม้ที่กระทบลงกับเนื้อ ฉู่หมิงหยางกรีดร้องออกมา กุมหัวหมอบคลานอยู่กับพื้นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงและไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีกฉู่หมิงชุ่ยที่รีบเข้ามา เห็นฉากนั้นนางก็รีบเข้าไป แต่ก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง มองไม้ที่ฟาดลงไปบนหลังบนขาของฉู่หมิงหยาง ก้นบึ้งของหัวใจมีความรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกในที่สุดฉู่หมิงหยางก็ร้องออกมา แต่ล่ะไม้ที่ฟาดลงไป มหาเสนาบดีฉู่ออกแรงฟาดลงไปอย่างแรง ตีจนเนื้อเปิดตัวแตก หมานเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปอยากจะแย่งไม้พลองของมหาเสนาบดีฉู่ อวี่เหวินห่าวปาแก้วออกไปกระแทกหน้าผากของหมานเอ๋อร์ ทันใดนั้นเลือดสด ๆ ไหลรินออกมา หมานเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น มองอวี่เหวินห่าวอย่างซ่อนความความขุ่นเคือง เลือดไหลหยดลงกับพื้น ให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “อ๋องฉู่ ท่านคิดบัญชีกับผู้หญิง ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชายจริง ๆ””บ่าวตระกูลฉู่ บังอาจเกินไปแล้ว เจ้าหาว่าข้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือ” อ๋องรุ่ยชินกล่าวอย่างเย็นชาไม้พลองก็ฟาดลงบนตัวของหมานเอ๋อร์ด้วย หมานเอ๋อร์กัดฟันและกล่าวว่า “นายท่านตี ตีบ่าวให้ตายเถอะเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่
“ข้าอยากถามท่านสักคำ ถ้าท่านตอบรับข้าตั้งแต่แรก คงไม่เป็นอย่างตอนนี้ใช่ไหม?” ขอบตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงระเรื่อ นางเอ่ยถามออกมาโดยไม่สนในซูยี่ที่ยืนอยู่ซูยี่ตาเบิกกว้างหูผึ่งอวี่เหวินห่าวถลึงตามองซูยี่ ซูยี่ยังอยู่ที่นี่ เขาเองไม่สะดวกจะพูดจริง ๆ “พระชายาฉี” อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าเชื่อว่า เรื่องราวผ่านไปแล้วก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว มันคงจะดีกว่าที่จะเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้”ในแววตาของฉู่หมิงชุ่ยปรากฏความสิ้นหวังออกมา “อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพราะหยวนชิงหลิง ท่านไม่เคยปฏิบัติดีกับข้าเท่านางมาก่อน”อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ข้าขอบคุณนางที่นางไม่ยอมแพ้และยอมมีบุตรธิดาให้แก่ข้า ถ้าข้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี ข้าคงตายไม่ดี เจ้าเจ็ดเขาดีกับเจ้าเหลือเกิน หวังว่าพระชายาฉีจะรักและถนอมวาสนานี้”“เขาแต่งชายารอง!” ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างเย็นชาอวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเฉยชา “เรื่องพระชายารองเจ้าเป็นคนจัดการไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าเจ้าให้เขาแต่งพระชายารอง ถึงกับไปหาพระนางฮองเฮาเพื่อขอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ในเมื่อเจ้าเป็นคนร้องขอ นั่นต้องยินดีและเต็มใจ ก็ควรต้องรู้สึกดีสิ”นางก้าวไปข้างหน้า มองเขาอ
มหาเสนาบดีฉู่รู้สึกว่าตัวเองดวงซวยซะจริง จึงสั่งให้คนยกเหล้ามา เขานั่งกับเซียวเหยากงนั่งขัดสมาธิบนเตียงหลอฮั่นดื่มเหล้าด้วยกัน“เจ้าเด็กน้อยห้าคนนี้ ใจแคบนิดหน่อย” เซียวเหยากงขำแล้วขำอีก “เจ้าอย่าใส่ใจเลยนะ”มหาเสนาบดีฉู่พูดอย่างเฉยชา “ใจแคบ? คงไม่ใช่อย่างที่เห็น เกรงว่ากลัวเมียซะมากกว่า”เซียวเหยากงหัวเราะขึ้นมา และยกแก้วเหล้าชนแก้วกับเขา “ที่เจ้าพูด ข้าไม่ปฏิเสธหรอกนะ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพื่อผู้หญิง ก็ต้องหนักแน่นมากพอ ถึงไม่กลัวที่จะขุ่นข้องหมองใจกับเจ้า”มหาเสนาบดีฉู่จ้องมองเขา “เขาเป็นราชนิกูล ขุ่นข้องหมองใจกับแล้วเป็นอย่างไร? ขุ่นข้องหมองใจกับข้ามิได้หรือ? คนอื่นพูดยังไงก็ช่าง แต่เจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ยังไงกัน? เจ้ายังพูดแบบนี้อีกไม่น่ายกเหล้าดี ๆ มาดื่มกับเจ้าเลยจริงเชียว”พูดจบเขาก็ยื่นมือไปคว้ามันมาเซียวเหยากงตีมือเขา ปากบ่นหมุบหมิบ “พอเถอะ ๆ ใจแคบไปไหม? พูดกับเจ้าสองคำก็ไม่ฟังซะแล้ว หลายปีมานี้ยังวุ่นวายมิพออีกหรือ? เจ้าควรต้องใส่ใจคนใต้บังคับบัญชาเจ้าหน่อย เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? ฉลูผยองทะยานฟ้า วงศ์ตระกูลรุ่งเรืองเสียจนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกล้าตะโกนใส่ชินอ๋องว่าไม
หัวข้อต่อจากนี้ มิอาจพูดได้อีกแล้วหลังจากเซียวเหยากงจากไป มหาเสนาบดีฉู่ได้สั่งให้คนมัดหมานเอ๋อร์ไว้ที่โรงเก็บฟืนด้านในและให้คนสอบปากคำอย่างเข้มงวด จึงได้ทราบว่าหมานเอ๋อร์เป็นคนหนานเจียง เป็นนักแสดงตกอับในเมืองหลวง แต่ถูกขับไล่ออกมาเพราะพื้นเพเป็นคนหนานเจียง ฉู่หมิงหยางเองไม่หวังได้ทำความดีอะไร แต่เห็นว่านางมีความสามารถอะไรบางอย่างจึงเก็บนางไว้ข้างกายคนหนานเจียงมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยดีอย่างมาก เนื่องจากคุณหนูรองตระกูลฉู่เอานางมาดูแลจึงรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์มหาเสนาบดีฉู่รู้ว่าคนที่วางแผนไปที่สำนักผู้ตรวจการไม่ใช่นาง จึงโบยไปแล้วหนึ่งยกก็ไล่ออกจากตระกูลฉู่ตอนที่หมานเอ๋อร์เก็บข้าวของเสร็จก็ไปหาฉู่หมิงหยางเพื่อกล่าวอำลาฉู่หมิงหยางถูกตีจนนอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นมาได้ เมื่อได้ยินว่านางถูกขับไล่ออกไป จึงรีบผงกหัวขึ้น “อย่างไรเสียเจ้าต้องออกไป งั้นช่วยข้าอีกสักเรื่อง”“คุณหนูรองโปรดว่ามาเจ้าค่ะ” หมานเอ๋อร์กล่าว”เจ้าเป็นคนหนานเจียง เจ้าทำมนต์เสน่ห์คุณไสยอู่กูได้ เจ้าจงไปฆ่าหยวนชิงหลิงซะ” ฉู่หมิงหยางกัดฟันพูดหมานเอ๋อร์ตกใจ “ฆะ...ฆ่าคน บ่าวทำไม่ได้””เจ้าทำไม่ได้รึ?” ฉู่หมิ