แชร์

บทที่ 514

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
สิ้นคำพูดเหล่านั้น มหาเสนาบดีฉู่ก็ได้ฟาดไม้ลงไป ได้ยินแค่เสียงไม้ที่กระทบลงกับเนื้อ ฉู่หมิงหยางกรีดร้องออกมา กุมหัวหมอบคลานอยู่กับพื้นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงและไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีก

ฉู่หมิงชุ่ยที่รีบเข้ามา เห็นฉากนั้นนางก็รีบเข้าไป แต่ก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง มองไม้ที่ฟาดลงไปบนหลังบนขาของฉู่หมิงหยาง ก้นบึ้งของหัวใจมีความรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

ในที่สุดฉู่หมิงหยางก็ร้องออกมา แต่ล่ะไม้ที่ฟาดลงไป มหาเสนาบดีฉู่ออกแรงฟาดลงไปอย่างแรง ตีจนเนื้อเปิดตัวแตก

หมานเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปอยากจะแย่งไม้พลองของมหาเสนาบดีฉู่ อวี่เหวินห่าวปาแก้วออกไปกระแทกหน้าผากของหมานเอ๋อร์ ทันใดนั้นเลือดสด ๆ ไหลรินออกมา หมานเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น มองอวี่เหวินห่าวอย่างซ่อนความความขุ่นเคือง เลือดไหลหยดลงกับพื้น ให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “อ๋องฉู่ ท่านคิดบัญชีกับผู้หญิง ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชายจริง ๆ”

”บ่าวตระกูลฉู่ บังอาจเกินไปแล้ว เจ้าหาว่าข้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือ” อ๋องรุ่ยชินกล่าวอย่างเย็นชา

ไม้พลองก็ฟาดลงบนตัวของหมานเอ๋อร์ด้วย หมานเอ๋อร์กัดฟันและกล่าวว่า “นายท่านตี ตีบ่าวให้ตายเถอะเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 515

    “ข้าอยากถามท่านสักคำ ถ้าท่านตอบรับข้าตั้งแต่แรก คงไม่เป็นอย่างตอนนี้ใช่ไหม?” ขอบตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงระเรื่อ นางเอ่ยถามออกมาโดยไม่สนในซูยี่ที่ยืนอยู่ซูยี่ตาเบิกกว้างหูผึ่งอวี่เหวินห่าวถลึงตามองซูยี่ ซูยี่ยังอยู่ที่นี่ เขาเองไม่สะดวกจะพูดจริง ๆ “พระชายาฉี” อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าเชื่อว่า เรื่องราวผ่านไปแล้วก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว มันคงจะดีกว่าที่จะเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้”ในแววตาของฉู่หมิงชุ่ยปรากฏความสิ้นหวังออกมา “อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพราะหยวนชิงหลิง ท่านไม่เคยปฏิบัติดีกับข้าเท่านางมาก่อน”อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ข้าขอบคุณนางที่นางไม่ยอมแพ้และยอมมีบุตรธิดาให้แก่ข้า ถ้าข้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี ข้าคงตายไม่ดี เจ้าเจ็ดเขาดีกับเจ้าเหลือเกิน หวังว่าพระชายาฉีจะรักและถนอมวาสนานี้”“เขาแต่งชายารอง!” ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างเย็นชาอวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเฉยชา “เรื่องพระชายารองเจ้าเป็นคนจัดการไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าเจ้าให้เขาแต่งพระชายารอง ถึงกับไปหาพระนางฮองเฮาเพื่อขอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ในเมื่อเจ้าเป็นคนร้องขอ นั่นต้องยินดีและเต็มใจ ก็ควรต้องรู้สึกดีสิ”นางก้าวไปข้างหน้า มองเขาอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 516

    มหาเสนาบดีฉู่รู้สึกว่าตัวเองดวงซวยซะจริง จึงสั่งให้คนยกเหล้ามา เขานั่งกับเซียวเหยากงนั่งขัดสมาธิบนเตียงหลอฮั่นดื่มเหล้าด้วยกัน“เจ้าเด็กน้อยห้าคนนี้ ใจแคบนิดหน่อย” เซียวเหยากงขำแล้วขำอีก “เจ้าอย่าใส่ใจเลยนะ”มหาเสนาบดีฉู่พูดอย่างเฉยชา “ใจแคบ? คงไม่ใช่อย่างที่เห็น เกรงว่ากลัวเมียซะมากกว่า”เซียวเหยากงหัวเราะขึ้นมา และยกแก้วเหล้าชนแก้วกับเขา “ที่เจ้าพูด ข้าไม่ปฏิเสธหรอกนะ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพื่อผู้หญิง ก็ต้องหนักแน่นมากพอ ถึงไม่กลัวที่จะขุ่นข้องหมองใจกับเจ้า”มหาเสนาบดีฉู่จ้องมองเขา “เขาเป็นราชนิกูล ขุ่นข้องหมองใจกับแล้วเป็นอย่างไร? ขุ่นข้องหมองใจกับข้ามิได้หรือ? คนอื่นพูดยังไงก็ช่าง แต่เจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ยังไงกัน? เจ้ายังพูดแบบนี้อีกไม่น่ายกเหล้าดี ๆ มาดื่มกับเจ้าเลยจริงเชียว”พูดจบเขาก็ยื่นมือไปคว้ามันมาเซียวเหยากงตีมือเขา ปากบ่นหมุบหมิบ “พอเถอะ ๆ ใจแคบไปไหม? พูดกับเจ้าสองคำก็ไม่ฟังซะแล้ว หลายปีมานี้ยังวุ่นวายมิพออีกหรือ? เจ้าควรต้องใส่ใจคนใต้บังคับบัญชาเจ้าหน่อย เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? ฉลูผยองทะยานฟ้า วงศ์ตระกูลรุ่งเรืองเสียจนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกล้าตะโกนใส่ชินอ๋องว่าไม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 517

    หัวข้อต่อจากนี้ มิอาจพูดได้อีกแล้วหลังจากเซียวเหยากงจากไป มหาเสนาบดีฉู่ได้สั่งให้คนมัดหมานเอ๋อร์ไว้ที่โรงเก็บฟืนด้านในและให้คนสอบปากคำอย่างเข้มงวด จึงได้ทราบว่าหมานเอ๋อร์เป็นคนหนานเจียง เป็นนักแสดงตกอับในเมืองหลวง แต่ถูกขับไล่ออกมาเพราะพื้นเพเป็นคนหนานเจียง ฉู่หมิงหยางเองไม่หวังได้ทำความดีอะไร แต่เห็นว่านางมีความสามารถอะไรบางอย่างจึงเก็บนางไว้ข้างกายคนหนานเจียงมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยดีอย่างมาก เนื่องจากคุณหนูรองตระกูลฉู่เอานางมาดูแลจึงรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์มหาเสนาบดีฉู่รู้ว่าคนที่วางแผนไปที่สำนักผู้ตรวจการไม่ใช่นาง จึงโบยไปแล้วหนึ่งยกก็ไล่ออกจากตระกูลฉู่ตอนที่หมานเอ๋อร์เก็บข้าวของเสร็จก็ไปหาฉู่หมิงหยางเพื่อกล่าวอำลาฉู่หมิงหยางถูกตีจนนอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นมาได้ เมื่อได้ยินว่านางถูกขับไล่ออกไป จึงรีบผงกหัวขึ้น “อย่างไรเสียเจ้าต้องออกไป งั้นช่วยข้าอีกสักเรื่อง”“คุณหนูรองโปรดว่ามาเจ้าค่ะ” หมานเอ๋อร์กล่าว”เจ้าเป็นคนหนานเจียง เจ้าทำมนต์เสน่ห์คุณไสยอู่กูได้ เจ้าจงไปฆ่าหยวนชิงหลิงซะ” ฉู่หมิงหยางกัดฟันพูดหมานเอ๋อร์ตกใจ “ฆะ...ฆ่าคน บ่าวทำไม่ได้””เจ้าทำไม่ได้รึ?” ฉู่หมิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 518

    หมานเอ๋อร์เงยหน้ามองเขา เห็นร่างการเด็กหนุ่มสกปรกมอมแมมมีแววตาเย็นชาเห็นว่านางเป็นศัตรู นางปาดน้ำตาออก “ข้านั่งในบ้านของเจ้าแล้ว? ขอโทษนะ ข้าจะย้ายออกไป”“เจ้ามีมือมีเท้า ออกไปหางานทำสิ” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา “มาขอทานทำไม?”หมานเอ๋อร์ร้องไห้ออกมา “ข้าเป็นคนหนานเจียง ใคร ๆ ต่างไม่ต้องการเด็กสาวจากหนานเจียง””ไปท่าเรือขนสัมภาระสิ เจ้ามีมือมีเท้าครบ มีแรงด้วย” เด็กหนุ่มนั่งลงลูบท้อง วันนี้ก็ขอทานมาไม่สำเร็จ เขาไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว ทำได้แค่ดื่มน้ำลูบท้องหมานเอ๋อร์ลุกออกไปไม่นานนัก นางก็กลับมา ในมือถือหมั่นโถวสองลูก ยื่นให้เด็กหนุ่ม “เลี้ยงเจ้ากิน”เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่ เงยหน้ามองนาง “เจ้า...”“ข้าซื้อ ไม่ได้ขโมยมา” นางลูบติ่งหูนาง “เจ้านายของข้าเคยมอบต่างหูเงินให้ข้าคู่หนึ่ง ข้าเลยขายแลกเงินเล็กน้อย””เจ้าไม่ใช่ขอทาน?” เด็กหนุ่มรับมันมา กินคำเล็กๆค่อยเคี้ยวอยู่นานถึงกลืน“ข้าไม่ใช่ แต่เกรงว่าจะได้เป็นขอทานแล้ว” หมานเอ๋อร์พูดออกมาอย่างโศกเศร้า นางนั่งลงมองเด็กหนุ่ม “เจ้าบอกว่าไปที่ท่าเรือขนสัมภาระ เขารับผู้หญิงไหม?”เด็กหนุ่มส่ายหน้า “คงไม่น่ารับ”หมานเอ๋อร์อุทานด้วยค

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 519

    อวี่เหวินห่าวจ้องตาเขม็ง “เจ้าออกไปก่อน ข้าพูดเอง”ซูยี่ออกไปอย่างเศร้า ๆหยวนชิงหลิงเห็นทั้งคู่”ตอบโต้กัน “อืม? ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?”อวี่เหวินห่าวดื่มน้ำอีกสักอึกและกลืนลงไป เขามองไปทางหยวนชิงหลิงอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้จริง ๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย แต่ข้าคิดว่าควรบอกเจ้า”“ว่ามาเถอะ” หยวนชิงหลิงมองสีหน้าเขา เรื่องนี้ดูท่าไม่น่าจะเล็ก“ก็ตอนที่ออกมา ข้ากับซูยี่ออกไป ฉู่หมิงชุ่ยไล่ตามมา...” เขาไอกระแอ่มออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “นั้นคือพระชายาฉี...””ข้ารู้ฉู่หมิงชุ่ยคือใคร ท่านว่ามาสิมีเรื่องอะไร!” หยวนชิงหลิงขึ้นเสียงอวี่เหวินห่าวตอบอืม เริ่มหลบตา “นางไล่ตามมา เอาป้ายหยกแขวนมาคืนข้า ป้ายหยกแขวนที่ถูกเอาไปนั้นเป็นของที่เสด็จปู่ประทานให้ข้า เจ้ารู้ไหมข้ารักและหวงแหนป้านหยกแขวนชิ้นนี้มาก เอามาคืนข้าแบบแตกเป็นสามเสี่ยง ข้าโกรธยิ่งนัก...”หยวนชิงหลิงตบโต๊ะ “ท่านพูดใจความสำคัญสิ!”อวี่เหวินห่าวก้มหัวลงและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “พระชายาฉีถามข้า ถ้านางหย่า ข้าจะหย่ากับเจ้าแล้วแต่งนางเป็นพระชายาไหม”หยวนชิงหลิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “สวรรค์!”อวี่เหวินห่าวรีบอธ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 520

    สองวันมานี้นางข้าหลวงสี่และอาซื่อยุ่งมาก คนในจวนมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรอองค์ชายน้อยเกิดมาแล้ว ต้องวุ่นวายมากแน่ จวนอ๋องต้องการคนที่พึ่ๅงพาน่าเชื่อถือได้ต้องมีวรยุทธ์มีศิลปะป้องกันตัวสักเล็กน้อยดีที่สุด นี่คือสิ่งที่อาซื่อแนะนำ เพราะตอนที่พระชายาเดินทางเข้าออก ทางที่ดีที่คือสาวใช้ข้างกายต้องมีวรยุทธ์ดังนั้น รุ่งขึ้นยามเช้า อาซื่อจึงพานางข้าหลวงสี่ไปตลาดฝั่งตะวันตกด้วยกันพวกนางไม่ได้พูดถึงจวนอ๋องฉู่ พูดแค่ว่าต้องการสาวใช้ฝีมือไม่เลวสักสองสามคนมารับใช้ฮูหยิน จ่ายราคาดี ดังนั้นผ่านมาทุกวันคนก็ยังมาเยอะ แต่ก็ยังไม่เหมาะสมสักคน ความต้องการของอาซื่อสูงและเยอะ สามารถรับสิบกระบวนท่าจากนางได้ คือรับสามกระบวนท่าก็น้อยแล้ววันนี้เพิงร้านได้ถูกตั้งขึ้น สาวน้อยก็เข้ามาถาม อาซื่อโบกมือ “เจ้าช่างเถอะ พวกเราหาเอง”นางไม่เชื่อสาวน้อย นิสัยคำพูดคำจาเหมือนไม่ได้รับการสอน มองไม่ออกว่าจริงไหมสาวน้อยยิ้มแล้วยิ้มอีก “ท่านประกาศที่นี้สองสามวันแล้ว ยังหาไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่มองคนแคระในมือดูล่ะ? คนร่างผอมอ้วนจะเป็นอย่างไรล้วนดีเยี่ยม ใช้ได้ทั้งนั้น สองสิ่งต่างกันล้วนดีเยี่ยมเหมือนกัน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 521

    ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ทั้งสองคนก็ผ่านไปร้อยกระบวนท่าและไม่มีใครเสียเปรียบเพียงแค่หอบหายใจเล็กน้อยเท่านั้นอาซื่อหล่นลงมา ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ไม่ต้องสู้แล้ว ผ่านแล้ว" หมานเอ๋อร์จัดไรผมอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยอย่างแปลกใจ "จริงรึ?"นางข้าหลวงมองอาซื่ออย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง "เหตุใดไม่ถามความเป็นมาสักหน่อยล่ะ? ครอบครัวล่ะ? ชื่อแซ่ล่ะ?" อาซื่อยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ข้าเพียงแค่รับผิดชอบด้านวรยุทธ ส่วนด้านความเป็นมาชื่อแซ่ก็เป็นท่านกูกู"นางข้าหลวงมองหมานเอ๋อร์แล้วเอ่ยถาม "เจ้าชื่ออะไร? อายุเท่าไร? เป็นคนที่ไหน? แล้วมาเมื่อหลวงนานเท่าไรแล้ว?"หมานเอ๋อร์กล่าว "ข้าชื่อกู๋หมานเอ๋อร์เจ้าค่ะ มาที่เมืองหลวงได้สามปีแล้ว ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี ก่อนหน้านี้ข้าเป็นสาวใช้ในตระกูลหนึ่งและเพิ่งออกมา""เป็นคนที่ไหน?" นางข้าหลวงถามต่อหมานเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจับแขนเสื้อแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "คนหนานเจียง" "เดิมทีอยู่กับตระกูลไหน?" นางข้าหลวงเอ่ยถาม"จวนฉู่" หมานเอ๋อร์กล่าวนางข้าหลวงตกตะลึง "ตระกูลมหาเสนาบดีฉู่?""ใช่เจ้าค่ะ" หมานเอ๋อร์กังวลเล็กน้อยนางข้าหลวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ตระกูลฉู่ดูแลจวน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 522

    ซูยี่มองอาซื่อ "ข้าไม่เข้าใจเคยเห็นแล้วทำไมถึงหน้าไม่อายล่ะ?""เห็นได้ชัดว่าเจ้าเห็นนางหน้าตาดีจึงบอกว่าเคยพบ คนไม่ได้ความเช่นเจ้าข้าเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว" อาซื่อหมุนตัวแล้วเดินจากไปซูยี่ตกตะลึง จึงดึงอาซื่อแล้วดันนางเข้าเข้าไปในมุม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นดันกำแพงไว้ทำให้อาซื่อตกอยู่ภายใต้เงาที่ดูทรงพลังและแข็งแกร่งของตนเอง ใบหน้าใหญ่ขยับเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยอย่างเอาจริงเอาจัง "เจ้ากล่าวมาให้ชัด ใครบ้าตัณหา?"อาซื่อตกใจจนกระโดดออก แล้วรีบผลักฝ่ามือใส่หน้าเขา "เจ้าคิดจะทำอะไร?"มือที่ผลักออกไปของนางนิ้วมือก็ได้จิ้มเข้าไปในดวงตาของซูยี่ ซูยี่จึงยื่นมือออกไปปัดในทันที ส่วนอาซื่อก็ยื่นมือออกไปปัดสุดท้ายทั้งสองคนจึงทำให้เกิดเป็นอารมณ์ขึ้นซูยี่โมโหมาก "เจ้ามันงี่เง่าจริง ๆ อย่าคิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าแซ่หยวน ที่เจ้ามักจะบอกว่าข้าโง่ข้าก็ไม่เคยถือสาเจ้า มาตอนนี้บอกว่าข้าบ้าตัณหาแล้วยังมาจิ้มตาข้าอีก"อาซื่อเอ่ยอย่างโมโห "ข้าเพียงเอ่ยหลอกล้อเจ้าเล่น เจ้านี้มันสมองหมูไม่รู้หรือไง?""ข้าไม่ใช่สมองหมู""ถ้าเจ้าไม่ใช่สมองหมูแล้วจะเป็นใครเล่า?" อาซื่อข่มอารมณ์ แล้วกล่าวอย่างโมโหซูยี่เห็นท่าทางน

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status