แชร์

บทที่ 502

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ตอนนี้หยวนชิงหลิงไม่มีกะจิตกะใจจะซุบซิบนินทาเรื่องในจวนอ๋องฉี

ก่อนหน้านี้พระชายาฉีเคยก่อเรื่องขึ้น อาซื่อกลับมาบอกนางจากนั้นพอได้ฟังนางก็รู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่เริ่มแรกเธอประเมินฉู่หมิงชุ่ยคนนี้ไว้สูง เดิมทีคิดว่านางมีความทะเยอทะยานและศักยภาพที่เหมาะสม แต่คิดไม่ถึงว่าสมองของนางจะไม่ไปพร้อมกับความทะเยอทะยานของนาง สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในวังวนการต่อสู้กับพระชายารอง

"เพียงแต่ได้ยินมาว่าเจ้าเจ็ดและพระชายารองหยวนยังไม่ได้ร่วมห้องหอกัน" พระชายาซุนกล่าว

หยวนชิงหลิงเปลี่ยนประเด็นและพูดคุยเรื่องราวในวังหลวงแทน หลังจากนั้นพระชายาซุนก็กล่าวลาแล้ว

เรื่องที่พูดคุยกับพระชายาซุนในวันนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยนั้นก็คือเรื่องที่ฉู่หมิงหยางชอบอวี่เหวินห่าว

ดังนั้นในตอนเย็นเมื่ออวี่เหวินห่าวกลับมาร่วมทานมื้อค่ำ เธอจึงเอ่ยถาม "ฉู่หมิงหยางชอบเจ้าหรือไม่?"

อวี่เหวินห่าวค่อย ๆ วางชามข้าวลง แล้วเงยหน้ามองนาง "เจ้าไปฟังเรื่องเหลวไหลเช่นนี้มาจากไหนกัน?"

หยวนชิงหลิงมองเขา "แสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน ก็ไม่อาจจะปิดบังความยุ่งเหยิงภายในใจท่านได้หรอก ท่านก็รู้"

"ไม่รู้ และเรื่องนี้ก็เป
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 503

    ผู้หญิงมากมายคำนึงถึงผู้ชายของตัวเอง นี่เป็นรสชาติของชีวิตที่ไม่ค่อยน่าสบายใจนักอวี่เหวินห่าวกระพริบนัยน์ตาดอกท้ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างคนไม่มีความผิด "ความจริงเจ้ามีอะไรมาโมโหข้า? ถึงอย่างไรข้าก็ล้วนไม่ได้เหลียวแลพวกนาง และเจ้าควรจะดีใจที่มีคนมากมายมาชอบข้า เพราะมันได้พิสูจน์ว่าข้านั้นมีค่าสูงส่ง แต่ถึงจะไม่ดีใจก็ไม่สามารถโกรธข้าได้อย่างเต็มที่ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับข้า อีกทั้งข้าก็ไม่ได้ไปบอกให้พวกนางมาชอบข้าด้วย""ข้าโกรธที่ท่านไม่บอกข้า" หยวนชิงหลิงกด ๆ มือ "ช่างเถอะ ช่างเถอะ ท่านไม่ต้องมาทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ อย่างไรเสียนางก็ต้องแต่งเป็นพระชายารองให้อ๋องจี้แล้วเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่เขา "มิน่าเล่าเจ้าถึงได้ต้องการให้พระชายาจี้เป็นฉากกําบังให้ข้า เพราะเจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฉู่หมิงหยางคิดอย่างไรกับเจ้า..." เมื่อหยวนชิงหลิงเอ่ยมาถึงตรงนี้พลันก็ปรากฏความเย็นเยียบแวบหนึ่งขึ้นทันที "ช่วงนี้พวกเจ้าเคยพบหน้ากันบ้างหรือไม่? ได้พูดคุยกันหรือไม่? เคยส่งจดหมายน้อยให้กันและกันบ้างหรือไม่?"อวี่เหวินห่าวยิ้ม "เจ้าคิดไปถึงไหนกัน? นางจะส่งจดหมายน้อยให้กันได้อย่าง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 504

    อาซื่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม "ซูยี่ ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงหรือ?”"จริงแท้แน่นอน" ซูยี่แทบจะสาบานแล้ว"คำพูดเหล่านี้เจ้าไม่สามารถที่จะเอ่ยได้ตามใจได้ เมื่อวานเจ้าเห็นท่านอ๋องโกรธมากหรือไม่?" อาซื่อเอ่ยถาม"ไม่มี ท่านอ๋องไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย สรุปแล้วมองดูไม่เหมือนโกรธ ดังนั้นข้าน้อยจึงรู้สึกแปลกใจ เมื่อวานกลับมาก็คิดที่จะทูลพระชายาแล้ว แต่ว่าเมื่อพบใต้เท้าถังแล้วพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง ใต้เท้าถังบอกว่าไม่สามารถที่จะทูลพระชายาได้ ข้าจึงไม่กล้าที่จะที่จะทูลพ่ะย่ะค่ะ ไม่สิ วันนี้พระชายาซุนมาแล้วกล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าจึงคิดว่าควรที่จะทูลพระชายา แต่เมื่อเห็นพระชายาร้องไห้แล้ว"ซูยี่คิดว่าขอโทษใครก็ล้วนไม่สามารถขอโทษต่อพระชายาได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นพระชายาใกล้จะร้องไห้ หัวใจของเขาก็รู้สึกเป็นทุกข์ราวกับสุนัขกัดอาซื่อมองซูยี่แล้วถอนหายใจเอ่ยขึ้น "ท่านอ๋องจะต้องฆ่าเจ้า" ซูยี่ชะงักไปครู่หนึ่ง "ทำไมล่ะ? มิใช่ว่าข้าเรียกคุณหนูรองตระกูลฉู่ผู้นั้นเข้าไป"หยวนชิงหลิงมองซูยี่แล้วกล่าวว่า "เจ้ารีบไปหาคนที่จวนว่าการ เมื่อวานฉู่หมิงหยางไปพบเขาที่จวนจิงจ้าวจะต้องมีคนรู้แน่ เจ้าไปสอบถามว่ามีใครพบเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 505

    หยวนชิงหลิงรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจในทันทีตอนแรกเธอแค่โกรธที่เขาปิดบัง แต่ไม่เคยคิดว่าระหว่างเขากับฉู่หมิงหยางจะมีอะไร แต่ตอนนี้ท่าทีของเขาเห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อวานในห้องจวนที่ว่าการมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหยวนชิงหลิงหลับตาลงแล้วเอ่ยกับตัวเป่า "กลับเถอะ!"เธอพาตัวเป่าเดินไปแล้วอวี่เหวินห่าวถลึงตาใส่ซูยี่ด้วยสายตาดุร้ายแต่ไม่ได้ไล่ตามไปเขาเพียงแค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรเพราะแม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อวานตอนเขาพักกลางวันแล้วงีบหลับชั่วครู่อยู่ในห้องเหมือนทุกที ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูบอกว่ามหาเสนาบดีฉู่มาพบเขา เขาจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้มหาเสนาบดีฉู่ และฉู่หมิงหยางก็เข้ามาแล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งตอนนี้เขาก็คิดไม่ออก ต่อมาเมื่อตอนออกไปฝู่เฉิงก็บอกว่าบนหน้าของเขามีรอยริมฝีปากเขาจึงรีบร้อนเช็ดออกไปเพราะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงเรียกคนเฝ้าประตูเข้ามาในตอนพักกลางวันที่สำนักว่าการมีเพียงคนเฝ้าประตูอยู่ด้านนอก เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ลาดตระเวน ดังนั้นคนเฝ้าประตูจึงเป็นเพียงคนเดียวที่เห็นมหาเสนาบดีฉู่กับฉู่หมิงหยางมา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 506

    หยวนชิงหลิงหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร อวี่เหวินห่าวรีบไล่ตามมาจับมือนางไว้ “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ”“แล้วเป็นอย่างไรกัน? ท่านพูดสิ ท่านพูดมาก็ข้าจะเชื่อ” หยวนชิงหลิงยอมให้ตัวเอง ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางทำเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นออกมา นางโกรธก็ส่วนโกรธ แต่ก็อยากฟังว่าทำไมเขาถึงปกปิดมันอวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างขุ่นเคือง “นางมา แต่หลังจากนั้นพูดอะไรกับข้า ทำอะไร ข้านึกไม่ออกแม้แต่น้อย นางมากับมหาเสนาบดีฉู่”“ซูยี่ไม่พบมหาเสนาบดีฉู่ เห็นเพียงยายแก่ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเรียบเฉยอวี่เหวินห่าวหันกลับไปมองซูยี่ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่พบมหาเสนาบดีฉู่ เห็นเพียงยายแก่ตัวเล็กคนหนึ่ง?”ซูยี่ตบต้นขาและเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที “กระหม่อมนึกออกแล้ว คือมหาเสนาบดีฉู่...ไม่สิ คือเสื้อผ้าของมหาเสนาบดีฉู่ ลายปักนกกระเรียนนั้นเป็นเสื้อผ้าของเขา แต่ทว่าไม่ใช่มหาเสนาบดีฉู่จริง ๆ เป็นเหมือนแต่งตัวเป็นผู้ชาย เป็นยายแก่ตัวเล็กคนหนึ่ง บนใบหน้ามีริ้วรอย” อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ข้าไปถามเจ้าหน้าที่ต้อนรับ เจ้าหน้าที่ต้อนรับ ต้อนรับมหาเสนาบดีฉู่และฉู่หมิงหยางด้วยตัวเอง เขาบอกข้า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 507

    คืนนี้อวี่เหวินห่าวไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนได้และก็ไม่กล้าอยู่ห่าง ๆ ดังนั้นจึงหอบผ้าห่มไปนอนอยู่ข้างระเบียงทางเดินนอนตรงนั้นในใจยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลังจากเรื่องนี้สืบสวนกระจ่างชัดแล้ว เขาต้องฆ่าคนแน่นอนบนพื้นจนเจ็บหลังปวดเอวไปหมด ในตอนเที่ยงคืน อวี่เหวินห่าวเดินย่องเข้าไปในห้อง หยวนชิงหลิงยังไม่หลับ ในความมืดเห็นร่างเงาตะคุ้มๆเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง นางเองก็ไม่ส่งเสียงอะไร รอให้เขามาถึงเตียงปีนขึ้นแล้วยกขาถีบออกไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถีบไปโดนตรงไหน เห็นแค่อวี่เหวินห่าวกอดตัวเองกระโดดออกไปที่ไหนสักที เจ็บแต่ก็ไม่ส่งเสียงออกมาเขาทำได้เพียงยอมรับความยากลำบากนี้ แล้วออกไปข้างนอกนอนบนพื้นต่อหยวนชิงหลิงมองเขาออกไป ในใจนางยังคงเต็มไปด้วยความโกรธนางเชื่อว่าเจ้าห้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้า คิดว่าตอนที่เขายังมีสติสัมปชันยะครบถ้วน คงไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างฉู่หมิงหยาง เจ้าห้ารังเกียจฉู่หมิงหยางยังกับอะไรดีแต่ฉู่หมิงหยางทำไมถึงได้ทำแบบนี้? เข้าไปลักหยกขโมยบุปผา แอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ? คนที่ทำเรื่องนี้ต้องมีเป้าหมาย?วันรุ่งขึ้นย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 508

    อวี่เหวินห่าวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ กุมหัวคิดสักพัก ก็เงบหน้าที่ยังคงงุนงง หลังจากนั้นก็ยื่นมาไปจับมือหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงสะบัดออก เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าโวยวายสิ จับมือของเจ้า ข้าถึงจะสงบใจได้ ถึงสามารถค่อย ๆ นึกขึ้นมาได้”หยวนชิงหลิงจึงให้เขาจับมือตามใจชอบผ่านไปได้สักพัก นางเอ่ยถามว่า “นึกออกหรือยัง?”อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเศร้า ๆ ว่า “กอดด้วยจะยิ่งดีขึ้นนิดนึง”“ท่าน...” หยวนชิงหลิงโกรธขึ้นมา “ท่านจริงจังกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม?”อวี่เหวินห่าวสายตาดูสับสน “ข้าจริงจังที่สุดแล้ว แต่สมองมันเหมือนมีก้อนสำลี ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี”“ท่านลองนึกดู ในมือของมหาเสนาดีฉู่ เสื้อผ้า รัดเกล้า หรืออย่างอื่น...” หยวนชิงหลิงเตือนสติ“เสื้อผ้า...เสื้อผ้า” อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้น “ลายนกกระเรียน ใช่แล้ว เสื้อผ้านั้น ลายนกกระเรียนนั้นขยับได้ ในปากส่งเสียงกึก ๆ ๆ"หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว และพูดกับซูยี่ว่า “ไปนำเหล้ามาขวดและอุ้มไก่เข้ามาด้วย”ซูยี่หันออกไป สักพักก็เอาเหล้ามาให้หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงบอกอวี่เหวินห่าวว่า “สักหนึ่งลมหายใจ ดื่มสักครึ่งขวด เอาให้พอเมา ๆ สักครึ่งก็ได้แล้ว”อว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 509

    มือของฉู่หมิงหยางค่อย ๆ เลื่อนลงไปจากหน้าท้องของเขาอย่างช้า ๆ และปลดเข็มขัดเขาออกแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “เคารพตัวเอง? ถ้าเคารพตัวเอง แล้วข้าต้องเป็นพระชายารองให้อ๋องจี้ ท่านยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือ?”นางกดลงมาประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเขา และค่อย ๆ เลื่อนมาที่ข้างใบหู “พี่ห่าว ข้าเป็นของท่าน ท่านรู้ไหม?”ลมหายใจของเขาค่อย ๆ เร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็กระชากผมของฉู่หมิงหยางและลืมตาขึ้นทันที เขาตะคอกเสียงดังว่า “ไสหัวไป!”ในแววตาฉู่หมิงหยางแอบซ่อนความดื้อรั้น นางเปลี่ยนสีหน้า “ท่านชอบข้า ยังจะต่อต้านทำไม?”เสียงดังน่ารำคาญหนวกหูดังไม่หยุด เปลือกตาเขาก็ลืมไม่ขึ้น แต่ว่าความรู้สึกถึงอันตรายในหัวนั้นทำให้เกิดแสงสว่างวาบมา ตัวเองที่รู้สึกได้ถึงความอันตรายนั้นถึงรู้สึกตัวขึ้นมา บังคับให้ตัวเขาเองพยายามลืมตาขึ้นมาจ้องฉู่หมิงหยางเอาเป็นเอาตาย ไม่อนุญาตให้นางแตะต้องได้อีกมหาเสนาบดีฉู่ที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามาดึงตัวฉู่หมิงหยางและส่ายหน้า “ไม่ได้การ เขาต่อต้านเป็นอย่างมาก ไปกันเถอะ”ฉู่หมิงหยางมองเขาและไม่ยอม แต่คนข้าง ๆ ดึงตัวนางตลอด นางพูดด้วยความคับแค้นใจ “ข้าไม่ปล่อยมือ”มห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 510

    เจ้าห้าไม่ได้ตรงไปที่จวนฉู่ แต่ไปที่สำนักงานผู้ตรวจการ หาเจ้าหน้าที่ที่ประตู และเจ้าหน้าที่ตอนรับอีกสองสามคนให้มาเป็นพยาน และไปหาอ๋องรุ่ยชินและเซียวเหยากงด้วย ให้พวกเขามาเป็นพยาน ใครกันแน่ที่ทำเกินไปมหาเสนาบดีฉู่วันนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมท้องพระโรงยามเช้า แต่วันนี้ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีมากด้วยเมื่อคืนวานฉู่หมิงหยางคุกเข่าอยู่ข้างนอกทั้งคืน บอกว่าจะยกเลิกการแต่งงานกับอ๋องจี้ เพราะว่านางกับอวี่เหวินห่าวได้มีสัมพันธ์ร่วมกัน และได้หยิบหลักฐานยืนยันออกมาเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ความคิดของหลานสาวมีรึที่เขาจะมองไม่ออก จึงไม่สนใจนาง สั่งให้นางคุกเข่าอยู่ข้างนอก คุกเข่าให้ตายไปซะวันนี้ตอนเช้า ฮูหยินฉู่ที่เป็นห่วงกังวลเหลือเกิน จึงสั่งให้คนไปเชิญให้ฉู่หมิงชุ่ยกลับมาเกลี้ยกล่อมฉู่หมิงหยาง ดังนั้นเมื่อฉู่หมิงชุ่ยกลับมาถึงบ้านตัวเอง ได้ยินว่าให้ตายยังไงฉู่หมิงหมายก็จะแต่งกับอวี่เหวินห่าวให้ได้ นางก็ตกใจมากนางมาถึงสวนของท่านปู่ด้านนอก ฉู่หมิงหยางคุกเข่าโอนเอนเกือบจะล้มไม่ล้ม หมดแล้วซึ้งความสดใสอบอุ่นแต่เดิม ราวกับดอกลิลี่ยามเช้าที่ถูกทำให้บอบช้ำด้วยความเย็น ไม่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวาเหลือเลย

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status