คืนนี้อวี่เหวินห่าวไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนได้และก็ไม่กล้าอยู่ห่าง ๆ ดังนั้นจึงหอบผ้าห่มไปนอนอยู่ข้างระเบียงทางเดินนอนตรงนั้นในใจยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลังจากเรื่องนี้สืบสวนกระจ่างชัดแล้ว เขาต้องฆ่าคนแน่นอนบนพื้นจนเจ็บหลังปวดเอวไปหมด ในตอนเที่ยงคืน อวี่เหวินห่าวเดินย่องเข้าไปในห้อง หยวนชิงหลิงยังไม่หลับ ในความมืดเห็นร่างเงาตะคุ้มๆเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง นางเองก็ไม่ส่งเสียงอะไร รอให้เขามาถึงเตียงปีนขึ้นแล้วยกขาถีบออกไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถีบไปโดนตรงไหน เห็นแค่อวี่เหวินห่าวกอดตัวเองกระโดดออกไปที่ไหนสักที เจ็บแต่ก็ไม่ส่งเสียงออกมาเขาทำได้เพียงยอมรับความยากลำบากนี้ แล้วออกไปข้างนอกนอนบนพื้นต่อหยวนชิงหลิงมองเขาออกไป ในใจนางยังคงเต็มไปด้วยความโกรธนางเชื่อว่าเจ้าห้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้า คิดว่าตอนที่เขายังมีสติสัมปชันยะครบถ้วน คงไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างฉู่หมิงหยาง เจ้าห้ารังเกียจฉู่หมิงหยางยังกับอะไรดีแต่ฉู่หมิงหยางทำไมถึงได้ทำแบบนี้? เข้าไปลักหยกขโมยบุปผา แอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ? คนที่ทำเรื่องนี้ต้องมีเป้าหมาย?วันรุ่งขึ้นย
อวี่เหวินห่าวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ กุมหัวคิดสักพัก ก็เงบหน้าที่ยังคงงุนงง หลังจากนั้นก็ยื่นมาไปจับมือหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงสะบัดออก เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าโวยวายสิ จับมือของเจ้า ข้าถึงจะสงบใจได้ ถึงสามารถค่อย ๆ นึกขึ้นมาได้”หยวนชิงหลิงจึงให้เขาจับมือตามใจชอบผ่านไปได้สักพัก นางเอ่ยถามว่า “นึกออกหรือยัง?”อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างเศร้า ๆ ว่า “กอดด้วยจะยิ่งดีขึ้นนิดนึง”“ท่าน...” หยวนชิงหลิงโกรธขึ้นมา “ท่านจริงจังกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม?”อวี่เหวินห่าวสายตาดูสับสน “ข้าจริงจังที่สุดแล้ว แต่สมองมันเหมือนมีก้อนสำลี ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี”“ท่านลองนึกดู ในมือของมหาเสนาดีฉู่ เสื้อผ้า รัดเกล้า หรืออย่างอื่น...” หยวนชิงหลิงเตือนสติ“เสื้อผ้า...เสื้อผ้า” อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้น “ลายนกกระเรียน ใช่แล้ว เสื้อผ้านั้น ลายนกกระเรียนนั้นขยับได้ ในปากส่งเสียงกึก ๆ ๆ"หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว และพูดกับซูยี่ว่า “ไปนำเหล้ามาขวดและอุ้มไก่เข้ามาด้วย”ซูยี่หันออกไป สักพักก็เอาเหล้ามาให้หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงบอกอวี่เหวินห่าวว่า “สักหนึ่งลมหายใจ ดื่มสักครึ่งขวด เอาให้พอเมา ๆ สักครึ่งก็ได้แล้ว”อว
มือของฉู่หมิงหยางค่อย ๆ เลื่อนลงไปจากหน้าท้องของเขาอย่างช้า ๆ และปลดเข็มขัดเขาออกแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “เคารพตัวเอง? ถ้าเคารพตัวเอง แล้วข้าต้องเป็นพระชายารองให้อ๋องจี้ ท่านยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือ?”นางกดลงมาประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเขา และค่อย ๆ เลื่อนมาที่ข้างใบหู “พี่ห่าว ข้าเป็นของท่าน ท่านรู้ไหม?”ลมหายใจของเขาค่อย ๆ เร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็กระชากผมของฉู่หมิงหยางและลืมตาขึ้นทันที เขาตะคอกเสียงดังว่า “ไสหัวไป!”ในแววตาฉู่หมิงหยางแอบซ่อนความดื้อรั้น นางเปลี่ยนสีหน้า “ท่านชอบข้า ยังจะต่อต้านทำไม?”เสียงดังน่ารำคาญหนวกหูดังไม่หยุด เปลือกตาเขาก็ลืมไม่ขึ้น แต่ว่าความรู้สึกถึงอันตรายในหัวนั้นทำให้เกิดแสงสว่างวาบมา ตัวเองที่รู้สึกได้ถึงความอันตรายนั้นถึงรู้สึกตัวขึ้นมา บังคับให้ตัวเขาเองพยายามลืมตาขึ้นมาจ้องฉู่หมิงหยางเอาเป็นเอาตาย ไม่อนุญาตให้นางแตะต้องได้อีกมหาเสนาบดีฉู่ที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามาดึงตัวฉู่หมิงหยางและส่ายหน้า “ไม่ได้การ เขาต่อต้านเป็นอย่างมาก ไปกันเถอะ”ฉู่หมิงหยางมองเขาและไม่ยอม แต่คนข้าง ๆ ดึงตัวนางตลอด นางพูดด้วยความคับแค้นใจ “ข้าไม่ปล่อยมือ”มห
เจ้าห้าไม่ได้ตรงไปที่จวนฉู่ แต่ไปที่สำนักงานผู้ตรวจการ หาเจ้าหน้าที่ที่ประตู และเจ้าหน้าที่ตอนรับอีกสองสามคนให้มาเป็นพยาน และไปหาอ๋องรุ่ยชินและเซียวเหยากงด้วย ให้พวกเขามาเป็นพยาน ใครกันแน่ที่ทำเกินไปมหาเสนาบดีฉู่วันนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมท้องพระโรงยามเช้า แต่วันนี้ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีมากด้วยเมื่อคืนวานฉู่หมิงหยางคุกเข่าอยู่ข้างนอกทั้งคืน บอกว่าจะยกเลิกการแต่งงานกับอ๋องจี้ เพราะว่านางกับอวี่เหวินห่าวได้มีสัมพันธ์ร่วมกัน และได้หยิบหลักฐานยืนยันออกมาเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ความคิดของหลานสาวมีรึที่เขาจะมองไม่ออก จึงไม่สนใจนาง สั่งให้นางคุกเข่าอยู่ข้างนอก คุกเข่าให้ตายไปซะวันนี้ตอนเช้า ฮูหยินฉู่ที่เป็นห่วงกังวลเหลือเกิน จึงสั่งให้คนไปเชิญให้ฉู่หมิงชุ่ยกลับมาเกลี้ยกล่อมฉู่หมิงหยาง ดังนั้นเมื่อฉู่หมิงชุ่ยกลับมาถึงบ้านตัวเอง ได้ยินว่าให้ตายยังไงฉู่หมิงหมายก็จะแต่งกับอวี่เหวินห่าวให้ได้ นางก็ตกใจมากนางมาถึงสวนของท่านปู่ด้านนอก ฉู่หมิงหยางคุกเข่าโอนเอนเกือบจะล้มไม่ล้ม หมดแล้วซึ้งความสดใสอบอุ่นแต่เดิม ราวกับดอกลิลี่ยามเช้าที่ถูกทำให้บอบช้ำด้วยความเย็น ไม่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวาเหลือเลย
ตอนนี้กลับมอบให้ฉู่หมิงหยาง เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่แรก เขาโกหกไม่ได้จริงใจกับนางความเกลียดชังผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของนาง นางกระชากป้ายหยกออกมาจากมือฉู่หมิงหยางและปามันลงกับพื้น ป้ายหยกแตกออกเป็นสามเสี่ยง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าไปมีความสัมพันธ์กัน”ฉู่หมิงหยางโกรธมากเสียจนกระโดดขึ้นมาคว้าแส้ฟาดลงไปบนหน้าของฉู่หมิงชุ่ยเข้าเต็ม ๆรอยแส้พาดผ่านอยู่บนใบหน้าฝั่งซ้ายของฉู่หมิงชุ่ย เป็นรอยราวกับมีตะขาบปีนอยู่ เจ็บเสียจนฉู่หมิงชุ่ยเกือบเป็นลมหมดสติไปมีคนก้าวมาข้างหน้าเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ต่อจากนั้น ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลคลอเบ้า นางคุกเข่าลงกับพื้นและพูดเสียงดังว่า “ท่านปู่ หลานขอให้ท่านให้ความยุติธรรมด้วย”เจ้าหน้าที่ต้อนรับรีบวิ่งเข้ามาเคาะประตู “นายท่าน อ๋องฉู่ อ๋องรุ่ยชิน และเซียวเหยากง อยู่ด้านนอกบอกว่าอยากพบท่านขอรับ”มหาเสนาบดีฉู่เอามือไพล่หลังเดินออกไป สีหน้าดำมืด กวาดตามองฉู่หมิงชุ่ยและฉู่หมิงหยางและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “พาพวกนางสองคนลงไป มีเรื่องอะไรอีก?”ฉู่หมิงหยางคุกเข่าลงและพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ท่านปู่ ไม่ใช่อ๋องฉู่ หลานไม่แต่ง”ฉู่หมิงชุ่ยฟ้อง
อวี่เหวินห่าวคว้าแส้ด้วยมือข้างหนึ่งและเหวี่ยงพันรอบคอนาง และมือที่ว่างอยู่อีกข้างปลดเข็มขัดของซูยี่ออกผูกกับแส้แล้วโยนขึ้นไป เขาดึงเข็มขัดนั้นขึ้น และแขวนคอของฉู่หมิงหยางบนขื่อคานข้างบน ทุกอย่างเสร็จสิ้นชั่วพริบตา “ไม่ต้องไปผูกคอตายหน้าประตูจวนอ๋องฉู่หรอก เจ้าก็จงตายที่นี่ซะ”ซูยี่รีบกอดเอวตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าที่หลวมหลุดออกมาเหตุการณ์นี้ทำให้คนใช้ในตระกูลฉู่ และทหารองค์รักษ์รีบพุ่งเข้ามาช่วย อวี่เหวินห่าวตะคอกอย่างแค้นเคืองว่า “ใครกล้าก้าวออกมา ข้าจะซัดมัน”ใบหน้าของฉู่หมิงหยางแดงกล่ำ สองตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ขาทั้งคู่ดิ้นอยู่กลางอากาศ ยิ่งนางดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นลำคอของนางส่งเสียงค่อกแค่กออกมามองขอความช่วยเหลือจากคนข้างล่าง สาวใช้ของนางหมานเอ๋อร์รีบลุกขึ้นและพูดว่า “ท่านอ๋องรังแกผู้หญิงอ่อนแอ ชั่วช้ายิ่งนัก!”อวี่เหวินห่าวมองส่วนสูงของสาวใช้คนนี้ น่าจะเป็นนางที่ปลอมเป็นมหาเสนาบดีฉู่ และใช้เล่ห์กลอะไรไม่รู้ใส่เขา ในตอนนั้นเองความโกรธที่สะสมมาตลอดก็ปะทุออก เขายกขาเตะกลางท้องนางออกไปจนตัวคนลอยออกไปแต่หลังจากที่นางถูกแตะลอยออกไป สองขานางก็ถีบกำแพง พุ่งตัวออกไปราวกับลูกศรที
หมานเอ่อร์ตกใจ ฉู่หมิงหยางเองก็ตกใจเช่นกันอวี่เหวินห่าวมองลงไปดูฉู่หมิงหยางและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดว่าสะกดจิตข้า จนคิดว่าข้าจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้เลยสินะ? สาวใช้ของเจ้าเชี่ยวชาญเรื่องสะกดจิตปลอมตัว วันนั้นก็นางนี่เองที่ปลอมตัวเป็นมหาเสนาบดีฉู่พาเจ้ามาข้าที่สำนักผู้ตรวจการ ตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าเข้าประตูมาก็เริ่มสะกดจิตข้า คำพูดของเจ้าทุกคำข้าล้วนจำมันได้ทั้งหมด”มหาเสนาบดีฉู่ถึงกับหน้าซีด เขาเตะหมานเอ๋อร์และพูดอย่างแค้นเคืองว่า “เจ้ากล้าดียังไงปลอมตัวเป็นข้า? เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!”หมานเอ๋อร์กระอักเลือดออกมาและพูดอย่างยากลำบากว่า “นายท่าน เขาโกหก สิ่งยืนยันนั้น คุณหนูรองสิ่งยืนยันนั่นล่ะ? รีบนำสิ่งยืนยันไปให้นายท่านดูเร็วเข้า”ฉู่หมิงหยางพูดอย่างร้อนรนว่า “ป้ายหยกนั้นแตกแล้วอยู่ที่สวนด้านนอก ท่านปู่ท่านสั่งให้คนดู เอามาประกอบกันเป็นชิ้น ไม่สนว่าจะเป็นยังไง วันนั้นเขากอดข้าจริง ๆ ข้าได้ทำลายชื่อเสียงของข้าไปแล้ว ไม่ใช่เขาข้าไม่แต่ง ขอท่านปู่ตัดสินด้วย”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าตัวเองคืออะไร? ไม่ใช่ข้าเจ้าไม่แต่ง ข้าอยากแต่งกับเจ้ารึ? ไม่มีกระจกห
สิ้นคำพูดเหล่านั้น มหาเสนาบดีฉู่ก็ได้ฟาดไม้ลงไป ได้ยินแค่เสียงไม้ที่กระทบลงกับเนื้อ ฉู่หมิงหยางกรีดร้องออกมา กุมหัวหมอบคลานอยู่กับพื้นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงและไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีกฉู่หมิงชุ่ยที่รีบเข้ามา เห็นฉากนั้นนางก็รีบเข้าไป แต่ก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง มองไม้ที่ฟาดลงไปบนหลังบนขาของฉู่หมิงหยาง ก้นบึ้งของหัวใจมีความรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกในที่สุดฉู่หมิงหยางก็ร้องออกมา แต่ล่ะไม้ที่ฟาดลงไป มหาเสนาบดีฉู่ออกแรงฟาดลงไปอย่างแรง ตีจนเนื้อเปิดตัวแตก หมานเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปอยากจะแย่งไม้พลองของมหาเสนาบดีฉู่ อวี่เหวินห่าวปาแก้วออกไปกระแทกหน้าผากของหมานเอ๋อร์ ทันใดนั้นเลือดสด ๆ ไหลรินออกมา หมานเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น มองอวี่เหวินห่าวอย่างซ่อนความความขุ่นเคือง เลือดไหลหยดลงกับพื้น ให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “อ๋องฉู่ ท่านคิดบัญชีกับผู้หญิง ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชายจริง ๆ””บ่าวตระกูลฉู่ บังอาจเกินไปแล้ว เจ้าหาว่าข้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือ” อ๋องรุ่ยชินกล่าวอย่างเย็นชาไม้พลองก็ฟาดลงบนตัวของหมานเอ๋อร์ด้วย หมานเอ๋อร์กัดฟันและกล่าวว่า “นายท่านตี ตีบ่าวให้ตายเถอะเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่