อย่างไรก็ตาม เธอกลับประหลาดใจ ไท่ซ่างหวงทำไมถึงมีของแปลกประหลาดมากมายขนาดนี้?อย่างหญ้างูนี้ เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเธอพบว่านอกจากหญ้างูที่ลานด้านหลังแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกมีพืชหน้าตาแปลกประหลาดเธอค่อย ๆ มองดูอย่างช้า ๆ เมื่อเดินไปถึงด้านหน้าดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีสีสันสวนสดงดงาม เธอกำลังจะเอื่อมมือไปจับมัน แต่นางข้าหลวงสี่ก็เอ่ยอย่างรีบร้อน "ไม่สามารถจับได้นะเพคะ"หยวนชิงหลิงตกใจจึงหันกลับไปมองนางข้าหลวงสี่ "เพราะอะไร?""นี่เป็นดอกไม้กินคนเพคะ" นางข้าหลวงสี่เอ่ยหน้าขาวซีดถึงแม้หยวนชิงหลิงจะไม่เคยเห็นดอกไม้กินคนจริง ๆ แต่ว่าก็เคยเห็นดอกไม้กินคนจากในหนังสือ และในทีวีมาก่อน มันมีหน้าตาแบบนี้ที่ไหนกัน?ดอกไม้ดอกนี้ดูคล้ายกับดอกกุหลาบ แต่ว่าไม่มีกุหลาบที่ไหนกลีบดอกซับซ้อนขนาดนี้ แบ่งออกได้หกกลีบวนไปอย่างเรียบง่าย ด้านในมีมีเกสรสีเหลืองอยู่ไม่กี่ดอกนางข้าหลวงสี่เห็นว่าเธอไม่เชื่อ จึงนำกิ่งไม้เล็ก ๆ มาหนึ่งก้านแล้วแตะลงไปบนเกสรดอกไม้ ก็เห็นว่ากลีบดอกไม้ทั้งหกกลีบหุบเข้ามาอย่างรวดเร็วเสียงดัง "แกร๊บ" เสียงกิ่งไม้เล็ก ๆ หักออกมา และเมื่อรอให้กลีบดอกไม้บานออกอีกครั้ง กิ่งไม้เล็ก ๆ กิ่งนั้
หยวนชิงหลิงลูบหน้าอกไปมา เธอรู้ว่าฉู่หมิงหยางจงใจยั่วให้เธอโมโห แต่การโกรธมีผลต่อร่างกาย และเธอเรียนจบปริญญาเอกด้านแพทยศาสตร์ ก็ไม่ควรสนใจโต้เถียงกับผู้หญิงที่ปากร้ายและไม่เคยเรียนชั้นประถมเลยแต่ว่าเธอกดน้ำเสียงไม่ไหวเธอจับมือนางข้าหลวงสี่ไว้เพื่อที่ตัวเองจะไม่โกรธจนสลบไป ดวงตากลมโตมองฉู่หมิงหยางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะแต่งเข้ามาในจวนอ๋องฉู่จริง หรือเพียงแค่ต้องการยั่วให้ข้าโกรธ แต่ข้าจะทิ้งคำพูดนี้ไว้ในที่นี้ ผู้หญิงคนใดที่คิดอยากจะเข้ามาในจวนอ๋องฉู่ หรือต้องการที่จะใกล้ชิดอวี่เหวินห่าวล้วนต้องถามข้า และข้าจะไม่ยอมให้ก้าวเข้ามาแม้เพียงครึ่ง"หยวนชิงหลิงเอ่ยจบก็รู้สึกเจ็บท้องน้อย เป็นอย่างที่คิดไว้ตบะเธอยังไม่พอเธอหมุนตัวแต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเหยียดหยามของฉู่หมิงหยาง "ดี ครึ่งก้าวก็อย่ายอมปล่อยไป แต่คนตายไปแล้วก็ต้องยอมไปโดยธรรมชาติ”หยวนชิงหลิงหันกลับมาทันที แล้วคิดอยากจะฟาดฝ่ามือลงไปโดยตรงนางข้าหลวงสี่ขวางอยู่ข้างหน้านาง แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "คุณหนูรองเอ่ยวาจาอย่าได้หยาบช้าเกินไปนัก ระวังความสุขที่มากเกินไปจะนำไปสู่ความทุกข์”ฉู่หมิงหยางกำลังจะเอ่ยปากเยา
ฉู่หมิงหยางก็เอ่ยถามกลับด้วยเสียงแผ่วเบา "ความสัมพันธ์? ถุย ก็แค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้นเอง"ฉู่หมิงชุ่ยไม่ชอบน้ำเสียงของนางจึงไม่เอ่ยอีก สองพี่น้องออกจากวังหลวง แล้วกลับไปที่ตระกูลเดิมเมื่อกลับไปถึงจวนฉู่แล้ว ฉู่หมิงหยางก็ไม่ได้สนใจฉู่หมิงชุ่ยอีกต่อไป นางจึงกลับเรือนตัวเองไป ฉู่หมิงชุ่ยไปเยี่ยมท่านย่า ฮูหยินมหาเสนาบดีตั้งแต่ครั้งที่ประสบอุบัติเหตุสูญเสียเสียงคราวนั้น จนตอนนี้เสียงก็ยังไม่กลับมาฮูหยินมหาเสนาบดีรู้ดีว่าภายในจวนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถวางยานางได้นางเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเพื่อปกป้องตัวเอง สามีภรรยาเป็นมาตลอดชีวิตใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้วตอนนี้นางเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าเขานั้นโหดเหี้ยมเกินไปแล้วเพื่อสิ่งที่เขาต้องการแล้วนั้น ก็ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้นนางฟังสิ่งที่ฉู่หมิงชุ่ยเล่าถึงเรื่องที่พบกับนางข้าหลวงสี่ในวันนี้ ในใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาฉับพลัน แล้วส่ายศีรษะให้ฉู่หมิงชุ่ย เพื่อเป็นการบอกว่าไม่ควรยั่วโมโหผู้หญิงคนนั้นฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยเสียงเบา "หลานรู้ เพียงแต่หมิงหยางกลับไม่เห็นนางดูในสายตา"***ฮูหยินมหาเสนาบดียิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายศีรษะเมื่อมหา
เหล่ากว่านโค้งตัวแล้วถอยออกมา ในห้องเหลือเพียงมหาเสนาบดีฉู่กับนางข้างหลวงสี่เพียงสองคนมหาเสนาบดีฉู่นั่งลงเรียบร้อยแล้วมองนาง "นั่งลงแล้วค่อยพูดเอ่ยเถอะ"นางข้าหลวงสี่ส่ายหน้า ในใจมีความคิดที่ว่างเปล่า แล้วมองเขาแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม"คราวก่อนที่ท่านเคยให้ข้าวางยาไท่ซ่างหวง และข้าปฏิบัติตามแผนการของท่าย แสดงว่าสิ่งที่ข้าติดหนี้ท่านได้ชำระคืนเรียบร้อยแล้ว"มหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้เอ่ยอธิบายว่า นี่เป็นความคิดของฉู่หมิงชุ่ย ไม่ใช่ความคิดของเขา เขาเพิ่งรู้ในภายหลัง เขาเอ่ย "เจ้าไม่ได้ติดหนี้อะไรข้า"นางข้าหลวงสี่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย "ไม่รู้ ติดหนี้ก็ดี หรือไม่ติดหนี้ก็ดี เพราะอย่างไรก็ตาม ก็ได้ชำระกันเรียบร้อยแล้ว"มหาเสนาบดีฉู่มองหน้านาง "เจ้ามาที่นี่เพียงเพื่อเอ่ยประโยคนี้กับข้าหรือ?"นางข้าหลวงสี่ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใดท่านถึงต้องการให้ฉู่หมิงหยางแต่งงานกับอ๋องฉู่?""เรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นความคิดของข้า แต่ที่ข้าทำเช่นนี้เพราะข้ามีเจตนาส่วนตัว" มหาเสนาบดีฉู่กล่าวนางข้าหลวงสี่เอ่ยน้ำเสียงเฉียบขาด "ท่านมีเจตนาจะขัดต่อความต้องของผู้อื่นได้หรือ? อ๋องฉู่ไม่เห็นด้วยที่จะแต่ง
เมื่อฉู่หมิงชุ่ยได้ยินว่าท่านปู่เรียกพบโดยไม่ได้บอกเหตุผลอะไร ก็เอ่ยถามคนรับใช้ "เมื่อครู่นี้พระชายาไปเข้าพบท่านปู่หรือ?"คนรับใช้ส่ายหน้า "เรียนคุณหนูรอง ไม่มีเจ้าค่ะ"ฉู่หมิงหยางรู้วิธีที่จะจัดการการความสัมพันธ์กับผู้อื่น เขาจึงติดสินบนผู้ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายท่านปู่ดังนั้นถ้าพี่หญิงไม่ได้ไปพบท่านปู่อย่างนั้นก็คงไม่มีปัญญาอะไรบางทีอาจจะเป็นเรื่องแต่งงานกับอ๋องฉู่เช่นนั้นนางจึงออกไปด้วยความมั่นใจเพียงแค่นางก้าวเข้ามาในลานบ้านเรือนใหญ่ เหล่ากว่านก็เร่งรีบก้าวเข้ามา "คุณหนูรองนายท่านบอกให้ท่านคุกเข่ารออยู่ด้านนอกก่อนขอรับ"ฉู่หมิงหยางตกใจ "คุกเข่า? เพราะเหตุใด?"เหล่ากว่านกล่าว "เป็นความคิดของนายท่าน คุณหนูรองไม่ต้องถามแล้ว ตอนนี้นายท่านกำลังโกรธเป็นอย่างมาก ท่านรีบคุกเข่าก่อนเถอะ!"ฉู่หมิงหยางเข้าใจท่าทางเคร่งขรึมและน่าเกรงขามของท่านปู่ จึงไม่กล้าที่จะไม่คุกเข่าลง เพียงแต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะคุกเข่าจึงเอ่ยถาม "เหล่ากว่านสามารถบอกให้ข้ารู้ได้หรือไม่ว่า ข้าทำสิ่งใดผิด?"เหล่ากว่านถอนหายใจเบา ๆ "นางข้าหลวงสี่มา เพราะเหตุใดคุณหนูรองถึงต้องไปยั่วยุพระชายาฉู่กันเล่า?"ฉู่หมิงหย
ฉู่หมิงชุ่ยกดไหล่ของนางลง แล้วเอ่ยด้วยเสียงต่ำว่า "ในยามสําคัญเช่นนี้ เจ้าอย่าทําให้ท่านปู่โกรธ ข้าขอบอกเจ้า เรื่องท่านย่าเสียงไปจนพูดไม่ได้นั้น เป็นเพราะพูดผิดเพียงคำเดียว สามีภรรยากันยังเป็นเช่นนี้ เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองพิเศษ หากทําให้ท่านปู่โกรธขึ้นมาจริง ๆ เจ้าจะได้แต่งสามีที่เป็นพวกพ่อค้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็ทำได้เพียงแต่ร้องไห้ขึ้นเกี้ยวแต่งงาน"ฉู่หมิงหยางส่ายหน้า ใบหน้าซีดเผือด มองฉู่หมิงชุ่ยด้วยความหวาดกลัว "ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ…"ฉู่หมิงชุ่ยกดเสียงลงต่ำแล้วเอ่ย "ยังจำได้หรือไม่ตอนที่ข้ากลับมาจวน แล้วบอกกับเจ้าเรื่องที่ท่านปู่ต้องการให้เจ้าแต่งเป็นพระชายารองให้อ๋องฉู่หรือไม่? เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นถึงความรอบคอบของข้าแต่ว่าทำไมข้าถึงคาดเดาความคิดของท่านปู่ไม่ได้? อ๋องฉีเป็นหลานของท่านปู่ ท่านปู่จะต้องสนับสนุนให้เขาได้เป็นรัชทายาทเป็นแน่ แต่ว่าอ๋องฉีไร้ประโยชน์เจ้าก็เห็นอยู่กับตา และท่านปู่ไม่คิดจะสนับสนุนอ๋องฉีอีก เจ้าคิดว่าท่านจะเลือกใคร?""ใคร?" ฉู่หมิงหยางเอ่ยถามอย่างไม่รู้ตัว"อ๋องจี้!" ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มเศร้า "มันน่าขำที่ข้าเดิมพันสิ่งสำคัญผิดไป คิดว่าในฐานะลูกของพระสนม เพียงแค่
เมื่ออวี่เหวินห่าวรู้ว่าวันนี้หยวนชิงหลิงโกรธฉู่หมิงหยางจนเกิดความเดือดดาลขึ้นมา ก็ทําให้โกรธจนสะเทือนฟ้าสะเทือนดินสวรรค์เถอะ ไม่ง่ายเลยที่วันนั้นหมอหลวงจะวินิจฉัยออกมาว่าทารกในครรภ์แข็งแรง มีความพัฒนาได้ดีและรอจนทารกครบสามเดือนตอนนี้ทารกในครรภ์ถูกกระทบกระเทือนอีกครั้ง เกรงว่าสามเดือนนี้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก เขาโกรธจนแทบทนไม่ไหวที่จะไปจัดการคนในจวนนั้นทันที แล้วนำฉู่หมิงหยางมาลงโทษด้วยห้าม้าแยกร่างให้เป็นศพอย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปหาที่ตระกูลฉู่ ก็เห็นถังหยางก้าวเข้ามาอย่างเร่งด่วน "ท่านอ๋อง พระชายา มหาเสนาบดีฉู่พาคุณหนูรองตระกูลฉู่มาขออภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ"อวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อหลายปีนี้ตระกูลฉู่ล่วงเกินผู้คนไม่รู้เท่าไหร่ ไม่เคยเห็นมหาเสนาบดีฉู่จะมาขอโทษ แต่วันนี้กลับพาฉู่หมิงหยางมาขอโทษ? ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแอบแฝงเป็นแน่อวี่เหวินห่าวเอ่ยอย่างเย็นชา "มาก็ดี ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่า มหาเสนาบดีฉู่สามารถบังท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้จริงหรือไม่ อยู่เหนือกว่าราชสำนักหรือไม่"หยวนชิงหลิงกุมมือของเขา นางเอ่ยอย่างกังวล "ท่านอย่าหุนหันพล
ฉู่หมิงหยางสั่นเทาด้วยความโกรธ อ๋องฉู่ทำเยี่ยงนี้ตั้งใจให้นางอับอาย นางอดไม่ได้จึงเอ่ยออกไป "ท่านอ๋อง ข้าน้อยทำผิดครั้งนี้มีเหตุผล ท่านอ๋องได้โปรดพิจารณาด้วยเพคะ"มหามหาเสนาบดีฉู่กวาดสายตาเย็นชาไปมอง ฉู่หมิงหยางรู้ดีว่าทำเยี่ยงนี้ท่านปู่ต้องไม่พอใจแน่ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้แล้ว "ท่านอ๋อง เป็นพระชายาฉู่ที่พูดจาดูหมิ่นพี่สาวข้าก่อน ข้าน้อยทนดูไม่ไหวจึงได้เอ่ยกับนางออกไปเพื่อรักษาความชอบธรรมของพี่สาวแม้ว่ามันไม่ถูกต้องก็ตาม แต่ว่ายังสามารถอภัยให้ได้"นางรู้ว่าเป็นพี่หญิงเปลี่ยนใจก่อน และไม่ต้องการแต่งให้กับอ๋องฉู่ แต่อ๋องฉู่เป็นคนโง่เขลา เขาไม่รู้จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังคงรักปักใจรักกับพี่หญิง ถ้าเกิดเขารู้ว่าหยวนชิงหลิงทำให้พี่หญิงขุ่นเคือง และดูถูกพี่หญิงก่อน เรื่องนี้จะเป็นใครที่ต้องทุกข์ทรมานกันแน่อวี่เหวินห่าวรู้สึกกังวลที่หาวิธีจัดการกับนางไม่ได้ และเมื่อได้ยินนางกล่าวเยี่ยงนี้ ตอนนี้อวี่เหวินห่าวสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา "เข้ามา เชิญนางข้างหลวงสี่มา"มหาเสนาบดีฉู่เดิมที่ตั้งใจจะดุด่าฉู่หมิงหยางแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอวี่เหวินห่าว เขาก็ปิดปากลงแล้วจิ