กู้ซือกล่าว “แม้สามารถขัดขวางไว้ได้ แต่ว่าฝ่าบาทก็ไม่อาจมีเรื่องขุ่นเคืองกับมหาเสนาบดีฉู่ได้เช่นกัน สำหรับฝ่าบาท เรื่องการแต่งพระชายารองก็เป็นเรื่องปกติ ถึงตอนนี้ไม่แต่ง แต่ในอนาคตเองก็ต้องหลบหนีจากเรื่องพวกนี้อีก เพียงแต่ตอนนี้เราต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อน”อวี่เหวินห่าวกล่าว “เมื่อก่อนเองก็เคยยกประเด็นเรื่องให้ข้าแต่งกับฉู่หมิงหยาง แต่ที่จริงในพระทัยเสด็จพ่อเองก็ไม่สนับสนุนมากนัก อย่างน้อยครั้งนี้… ถ้าข้ามีเหตุผลที่ดี เสด็จพ่ออาจไม่บังคับข้า แต่ว่าเจ้าเองก็พูดถูก สำหรับเสด็จพ่อแล้ว การที่ข้าแต่งพระชายารองก็เป็นเรื่องที่ปกติ ภายหลังเสด็จพ่อจะขู่บังคับอย่างไร ข้าไม่สน ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน”หยวนชิงหลิที่ได้ยิน ในใจรู้สึกหนาวเหน็บไปหมด โชคดีที่อวี่เหวินห่าวอยู่ข้างนางต่อสู้ไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแต่ว่าถ้าพูดกลับกัน ถ้าอวี่เหวินห่าวเองเห็นด้วยกับการแต่งพระชายา นางเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ มันไม่คุ้มเลยสักนิดนางมองใบหน้าของอวี่เหวินห่าวที่ค่อย ๆ สงบลง เขากำลังครุ่นคิดอยู่ ดูชาญฉลาดเป็นอย่างมากหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองบ้าผู้ชายอยู่เล็กน้อย นางมักชอบม
นางข้าหลวงสี่ก้าวไปข้างหน้า และถอนหายใจเสียงเบา “ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครปากเสียไปพูดต่อหน้าพระชายา บอกว่าท่านอ๋องอยากแต่งกับคุณหนูรองฉู่เป็นพระชายารอง นางโกรธอยู่พักหนึ่ง และทะเลาะกับท่านอ๋องขึ้นมา บอกว่าท่านอ๋องฉวยโอกาสตอนนางตั้งครรภ์ไปรับอนุ เดิมทีก็เป็นเรื่องไร้สาระ นางก็ยังจะจริงจัง ทำยังไงก็ไม่ยอมหยุด ตอนนั้นท่านอ๋องก็โกรธขึ้นมา และบอกว่าจะแต่งกับคุณหนูรองฉู่เป็นพระชายารองจริง ๆ” ขันทีมู่หรูตกใจมาก “ใครพูดจาแบบนั้นกัน?”“ยังไม่ได้ตรวจสอบหรือ? รีบปลอบพระชายาก่อน ไว้ข้าจะตรวจสอบเอง” นางข้าหลวงสี่กล่าวอวี่เหวินห่าวที่ยังโกรธอยู่ “ตรวจอะไร? ไม่ต้อง ข้าเองก็ยินดีแต่งฉู่หมิงหยางเป็นพระชายารอง จะดูว่านางจะทำกับข้ายังไง?”นางข้าหลวงสี่พูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านอ๋องตอนนี้พูดยั่วโมโหนางไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านดูสิท่านพึ่งให้นางดื่มยาอะไม่รู้ ถ้านางยกขึ้นดื่มเข้าไปจริง ๆ จะทำยังไงล่ะเพคะ?”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นความโกรธก็ลดลงเล็กน้อย และจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง “หากนางกล้าก็ดื่มยานั้นลงไป ข้าก็กล้าหย่ากับนาง” นางข้าหลวงสี่พูดเบา ๆ “ท่านอ๋องอย่าได้ทะเลาะกับพระชายาเลย หมอหลวงก็บอก
หลังจากขันทีมู่หรูไปแล้ว สองสามีภรรยาที่ได้มองตากันและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ว่าหลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็ร้องไห้ออกมานางก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา น้ำตาที่หยดร่วงเป็นสาย ทำยังไงก็หยุดไม่ได้ ตอนแรกอวี่เหวินห่าวยังคิดว่านางยังแกล้งทำอยู่ แต่เมื่อเห็นน้ำตาหยดโตที่ร่วงเผาะลงมา นางร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจมากเขารีบลุกขึ้นมายื่นมือไปลูบหน้าปาดน้ำตาพวกนั้นออก “ทำไมกัน? ทำไมจู่ ๆ ถึงร้องแบบนี้? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”หยวนชิงหลิงแค่อยากร้องไห้ แต่ยิ่งร้องก็ยิ่งเศร้าใจจนพูดอะไรไม่ออกสิ่งนี้ทำให้ทุกคนกังวลและรีบเข้ามา นางข้าหลวงสี่รีบไปเชิญหมอหลวงมาทันทีหยวนชิงหลิงหยุดร้องไห้และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร”ตาทั้งสองข้างบวมไปเหมือนเหมือนลูกวอลนัทก็ไม่ปาน“เกิดอะไรขึ้น? บอกข้าสิ!” อวี่เหวินห่าวที่เห็นถามด้วยความรู้สึกปวดใจหยวนชิงหลิงมองเขา และอดปวดใจไม่ได้ “ข้าแค่นึกถึงคำพูดที่พวกเราทะเลาะกัน ในใจข้ามันเจ็บ ข้าบอกว่าจะไป ท่านบอกว่าจะหย่าจะทำแท้งลูก ข้ารู้ว่านั้นมันเป็นเรื่องโกหก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ข้าเจ็บปวด คำพู
ถือว่าครั้งนี้หนีรอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ไปได้แต่ว่าหยวนชิงหลิงกับอวี่เหวินห่าวต่างก็รู้ดีว่าปัญหานี้ ย่อมกลับมาได้เสมอ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าจะหลีกหนีพ้นไปได้อย่างไรในมุมกลับกัน ที่จริงหยวนชิงหลิงกลับรู้สึกมีความสุขมากเพราะไม่ใช่นางคนเดียวที่พยายามรักษามันอย่างยากลำบาก ยังมีเขาอีกช่วยนางอีกด้วยหลังจากที่ได้เจอเรื่องแบบนี้ ความรู้สึกของทั้งคู่ก็ยิ่งผูกพันลึกซึ้ง ผ่านหนึ่งเดือนไปอย่างยากลำบากเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วอากาศหนาวเย็นมาก หยวนชิงหลิงเองก็ไม่ชอบเคลื่อนไหวตอนนี้กลับมากินดื่มเป็นปกติบ้างแล้ว แม้ว่ายังมีอาเจียนคลื่นไส้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ว่าเมื่อเทียบกับอาการก่อนหน้านั้นแล้วถถือว่าดีกว่ามากลูกในครรภ์เองก็เริ่มแข็งแรงมั่นคงขึ้นแล้ว หมอหลวงที่มาตรวจดูอาการทุกครั้งล้วนพยักหน้าด้วยความพอใจ “คืบหน้าได้ดี คืบหน้าได้ดีพ่ะย่ะค่ะ”มาถึงวันที่แต่งพระชายารองฉี พึ่งมีหิมะตกไปรอบหนึ่งชิงอ๋องแต่งพระชายารองนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ที่จวนอ๋องฉีจึงจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะพี่เขยอย่างอวี่เหวินห่าว และหยวนชิงหลิงเองก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีเป็นเรื่องบังเอิญที่ว่า อ๋องจี้เองก
ในห้องโถงมีองค์หญิงหลายพระองค์ ทั้งองค์หญิงเหวินจิ้ง องค์หญิงไท่ผิง และองค์หญิงอันผิงสำหรับพระชายาชินอ๋อง นอกจากพระชายาจี้แล้ว ล้วนอยู่กันพร้อมหน้าพระชายาซุน พระชายาเว่ยและพระชายาอัน ทุกคนล้วนแต่งการปราณีตงดงามอลังการสมฐานะของพวกนางพระชายาฉี ฉู่หมิงชุ่ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งด้านหน้า นางสวมชุดคลุมปักลายดอกโบตั๋นสีแดง ปักปิ่นหยกม่วงแต่งหน้าอย่างพิถีพิถันดูสง่างามสมฐานะ หยวนชิงหลิงไม่เห็นว่านางไม่มีความรู้สึกที่ไม่มีความสุขอะไรออกมาเลย ทุกการกระทำของนางล้วนละเอียดละอออย่างถูกต้องและเหมาะสมใช่แล้ว เรื่องแต่งพระชายารองฉี นางเองที่เป็นธุระจัดการเรื่องนี้หยวนชิงหลิงเคยได้ยินเรื่องซุบซิบจากพระชายาซุนมาก่อน เห็นว่าอ๋องฉีไม่ยินยอมแต่งพระชายารอง นางก็เข้าไปขอให้ฮองเฮาทรงตัดสินพระทัยด้วยตัวเองฉู่หมิงชุ่ยเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ก็ยิ้มแย้มขึ้นมาเล็กน้อย “พระชายาฉู่ก็มาด้วยงั้นหรือ? เขิญนั่งก่อน”“ขอบคุณพระชายาฉี!” หยวนชิงหลิงกล่าวเพราะนี่เป็นการที่หญิงตั้งครรภ์ออกจากบ้านครั้งแรก หยวนชิงหลิงได้รับการปฏิบัติเหมือนแพนด้าที่เป็นสมบัติของชาติ องค์หญิงและพระชายาชินอ๋องทั้งหลายต่างดูแลเ
อ๋องฉีรักฉู่หมิงชุ่ยมาก แต่ทำไมเขาถึงไม่ขัดขวางการรับพระชายารอง?นางคิดเคยคิดว่าความรักของอ๋องฉีที่มีต่อฉู่หมิงชุ่ยนั้น ทั้งในเมืองหลวงนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาเทียบได้ แต่ความรักเช่นนี้ในสุดท้ายแล้วก็ยังมีบุคคลที่สามเข้ามาหยวนชิงหลิงรู้สึกว่าไม่สามารถทนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้อีก นางจึงเอ่ยกับพระชายาซุน "ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีต้องขอตัวกลับก่อน""ทำไมรีบกลับขนาดนี้?" พระชายาซุนตกใจแล้วมองดูนาง และสงสัยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ "เจ้ารู้สึกไม่สบายใจแทนพระชายาฉีงั้นรึ? เจ้าไม่ต้องกังวล นางทำเหมือนโดนบังคับ แต่ว่าใจจริงนางก็ดีใจ เจ้าเชื่อหรือไม่?"หยวนชิงหลิงมองนาง "เพราะอะไรถึงต้องดีใจ?"พระชายาซุนเยาะเย้ย "แม่ทัพหยวนเป็นคนเที่ยงธรรมเสมอ และเขาไม่ได้สนับสนุนชินอ๋องคนใด แต่ตอนนี้อ๋องฉีแต่งงานกับหลานสาวของแม่ทัพหยวนแล้ว แม่ทัพหยวนไม่เลือกก็ไม่ได้ ก็ต้องเลือกยืนอยู่ข้างอ๋องฉี แล้วอย่างนี้พระชายาฉีจะไม่ดีใจได้อย่างไร? นางรู้อยู่แล้วว่าอ๋องฉีไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากนาง ถึงจะแต่งพระชายารองเข้ามามันก็เป็นแค่การแสดง แต่นางกลับได้รับการช่วยเหลือที่จะทำให้นางได้เป็นพระชายาของรัชทายาทโดยตรง เจ้าไม่จำเป็นต้อ
หลังจากงานเลี้ยงในจวนอ๋องฉี อ๋องฉีก็ไปที่ห้องใหม่หลังจากเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงขึ้น เขาก็พิจารณาคนในห้องใหม่นี้ เขามองใบหน้ากลมของหยวนชิงหลิงแล้วเอ่ยว่า "ข้าต้องการพูดคุยกับเจ้า"หยวนหยงอี้กะพริบตาแล้วลูบต้นคอ "ท่านอ๋องเชิญกล่าว"อ๋องฉีกล่าว "คืนนี้ข้าจะไม่อยู่ที่นี่จนกระทั่งข้ามคืน"หยวนหยงอี้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเอง ถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นอย่างมาก แลบลิ้นออกมาแล้วเอ่ยว่า "เช่นนั้นดีมากเลยเพคะ"อ๋องฉีตกใจ "เจ้า...ไม่เสียใจ?"หยวนหยงอี้ยืนขึ้นถอนมงกุฎบนศีรษะออก แล้วเดินไปที่โต๊ะนั่งลงเพื่อทานอาหารอย่างรวดเร็ว "ข้าหิวจนจะขาดใจแล้ว ตลอดทั้งวันนี้ก็มีเพียงตอนตื่นเช้ามาแต่งตัวที่ได้ทานซุปก๋วยเตี๋ยวเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รู้สึกหิวมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้ ช่างใจร้ายเกินไปแล้ว"อ๋องฉีมองนาง เห็นนางไม่มีอารมณ์ ไม่สบอารมณ์ หรือเศร้าโศกแม้แต่น้อย จึงค่อยวางใจเล็กน้อย "เช่นนั้นเจ้าก็กินเถอะ ข้าออกไปก่อน""รอสักครู่" หยวนหยงอี้วางตะเกียบลงแล้วกล่าวหัวใจของอ๋องฉีหล่นลงเล็กน้อย ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธ หน้าก็พลันบูดบึ้งขึ้นหยวนหยงอี้มองเขา แล้วใบหน้าที่ดูประจบประแจงก็เผยขึ้นม
นางข้าหลวงสี่ ลวี่หยา และซูยี่พานางเข้าวังหลวงวันนี้นอกจากพระชายาของชินอ๋องที่เข้าวังถวายพระพร ยังมีพระราชโองการเรียกสตรีสูงศักดิ์ให้เข้าวังหลวงหยวนชิงหลิงไม่ค่อยสนใจเรื่องในวังหลวงมากนัก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ากำลังมีแผนการใหญ่อะไรเกิดขึ้นในวัง แต่ว่ามองเห็นเหล่าหญิงสาววัยเยาว์ทั้งหมดนางก็รู้สึกตกใจไปครู่หนึ่งขณะที่รออยู่นอกตําหนักของไทเฮา ก็เห็นฉู่หมิงชุ่ยพาหยวนหย่งอี้ และหยวนหมิงหยางเข้ามาฉู่หมิงชุ่ยสวมชุดผ้าดิ้นเงินดิ้นทองสีแดงค่อนข้างโบราณดูและเรียบร้อย อย่างไรก็ตามหยวนชิงหลิงตรวจสอบอย่างละเอียด ก็จะเห็นถึงความแตกต่าง ชุดนี้น่าจะเป็นชุดราชสำนักของพระชายาชินอ๋องฉู่หมิงสวมชุดกระโปรงจีบลายหรูอี้ที่มีความหมายเป็นสิริมงคล และสวมสร้อยคอปะการังสีแดงสดราวกับไฟแวววาวสะดุดตาเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ของนางและใบหน้าที่บอบบางราวลูกพลับส่วนหยวนหย่งอี้นั้นแต่งกายน้อยไปเล็กน้อย ชุดสีเหลืองคู่กับสีเขียว มวยผมเดี่ยวเป็นรูปทรงก้นหอยและปักปิ่นปักผม การแต่งตัวนี้ไม่เหมือนหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว แต่เหมือนหญิงสาวที่ยังไม่มีคู่หมั้นหมายเมื่อนางมองเห็นหยวนชิงหลิง ดวงตาของนางก็เปล่งประกายออกมา นางรีบ