แชร์

บทที่ 353

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“มีความสุข? งั้นดีเลย ภายหลังทุกวัน เจ้ากับตัวเป่าก็เล่นด้วยกัน ออกกำลังกายฝึกฝนรอเจ้าคลอดลูกแล้ว ข้าจะเล่นกับลูกเอง”

พูดเรื่องคลอดลูกอีกแล้ว!

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าไปที่ไหนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้ได้เลย

ในยุคสมัยโบราณนี้ไม่มีอะไรดีเลย ตอนปัจจุบันนี้เองก็ไม่ต่าง แต่งงานมาแล้วปีหนึ่งถ้ายังไม่มีลูกก็ถือว่าเป็นความผิดที่เลวร้ายมาก

คนอื่นพูดก็ช่าง แต่เขาก็ยังพูดบ่นไม่หยุดแบบนี้

หยวนชิงหลิงรู้สึกหดหู่เหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นไม่มีเรื่องอะไร หยวนชิงหลิงก็กลับไปบ้านตัวเองกลับไปเยี่ยมหาท่านย่า

วันก่อนนั้นตอนนางกลับไปเยี่ยมบ้าน ตอนนั้นจิ้งโฮ่วไม่อยู่บ้าน แต่กลับไปครั้งนี้ หลวนซรื่อกับฮูหยินเฒ่ารองล้วนไม่ได้ปฏิบัติกับนางอย่างใจร้ายจนเกิดไป ทั้งยังสั่งให้คนเตรียมมื้อเที่ยงให้นางด้วย

อาการของฮูหยินเฒ่าก่อนหน้านั้นยังจะดีหรือไม่ หยวนชิงหลิงรู้ว่านางไม่ได้ใส่ใจร่างกายของตัวเอง ต้องไม่สนใจกินยาเป็นแน่

นางถามหญิงรับใช้ซุนแล้ว หญิงรับใช้ซุนบอกว่าหลวนซรื่อไม่ได้มาถามเรื่องยาอีก แต่หยวนชิงหลิงมองเห็นยาของนางยังเหลืออยู่มาก พบว่าท่านย่าคงไม่ค่อยกินยา

“ท่านย่าเจ้าคะ ทำไมท่านไม่กินยา? สุ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 354

    หลังออกจากประตูจวนกันมาแล้ว หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นรึ? นางบอกว่าเจ้าเถียงท่านพ่อ เพราะเรื่องแต่งงาน?” หยวนชิงผิงทำหน้าเหมือนดูโชคร้าย “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย หาคนอะไรไม่รู้มาให้ข้า แต่ละคนเป็นพ่อข้าได้ด้วยซ้ำ เป็นพ่อหม้ายทั้งนั้น”หยวนชิงหลิงรู้ว่าคนอย่างเสนาบดีจิ้งหยวนปาหลงเป็นนักเก็งกำไร ในสายตาของเขาทุกอย่างก็ล้วนแลกเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ได้โดยเฉพาะการแต่งงานของลูกสาว สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ได้ยอดเยี่ยมที่สุดคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ที่ได้รับการตามอกตามใจจากครอบครัว ยังดูถูกเขาที่ตกต่ำเป็นแค่เสนาบดี ติดอยู่ในตำแหน่งเดิมมาหลายปี ก็ยังเป็นได้แค่ตำแหน่งผู้ช่วย ไต่เต้าขึ้นไปไม่ได้ยังอาจจะตกต่ำลงมาได้อีกคุณชายจากตระกูลต่ำต้อย เขาก็รู้สึกดูแคลน ยังไงก็ดีเขายังเป็นเสนาบดีหาคนที่อายุมากกว่าสักหน่อย มีตำแหน่งที่มั่นคง ย่อมต้องมีอำนาจ ภรรยาตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรหยวนชิงหลิงหล่าว “เรื่องแต่งงานของเจ้า ข้าช่วยเจ้าดูแลเรื่องนี้”“อือ” หยวนชิงผิงตอบแบบขอไปทีไม่ได้จริงจังหลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับจวนแล้ว นางก็ถามนางข้าหลวงสี่อย่างจริงจังนางข้าหลวงสี่ปากคอเราะร้าย “ท่านล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 355

    “น้องสาวเจ้าพูดอะไรกับเขา? หรือว่าไปพูดแทงใจดำอะไรเขามา?” อวี่เหวินห่าวเอ่ยถาม“มีที่ไหนกัน? แค่ถามไปคำเดียว กู้ซีก็รีบหันเดินไปเลย” หยวนชิงหลิงยังพอจำเรื่องนี้ได้อยู่บ้างอวี่เหวินห่าวกล่าว “เจ้าหมอนั้นไม่รู้ว่าไปทำบ้าอะไรอยู่ ช่างมันเถอะ ถึงตอนนั้นข้าจะลองหา ๆ ดู”“พื้นเพภูมิหลังวงศ์ตระกูลแบบธรรมดาก็ได้ แต่ตัวคนต้องเป็นคนดี ไม่เอาแบบท่านที่ชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว” หยวนชิงหลิงเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอวี่เหวินห่าวงอนจนหน้ายาว “ใครใช้ความรุนแรงในครอบครัว? เจ้าใครใช้ความรุนแรงในครอบครัว? ข้าใช้ความรุนแรงในครอบครัวตอนไหนกัน?”ใช้ความรุนแรงในครอบครัวมันคืออะไร? ได้ยินแล้วไม่น่าจะใช่สิ่งที่ดีหยวนชิงหลิงยิ้มและกล่าวว่า “แต่ตอนนี้ท่านได้เปลี่ยนตัวเองใหม่แล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ท่านกลับเนื้อกลับตัวไปอย่างสิ้นเชิงเลย”อวี่เหวินห่าวยิ้มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ก็ไม่รู้ว่าใครกลับเนื้อกลับตัว เจ้าสิแตกต่างยังกับเป็นคนละคน หากไม่รู้ว่า ยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเปลี่ยนตัวเป็นอีกคนนึงจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าอาการบาดเจ็บจากการถูกโบยยังอยู่ข้า ข้าคงยังสงสัยอยู่แน่”หยวนชิงหลิงหัวเราะคิกคัก “จริงหรือ?

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 356

    หยวนชิงหลิงที่รอจนถึงตอนห้าทุ่มแล้วยังไม่เห็นอวี่เหวินห่าวกลับมานางนอนรออยู่บบนเตียงนานแล้ว พลิกไปพลิกมาก็นอนไม่หลับ เรียกลวี่หยาไปดูตั้งสองรอบ ก็ยังไม่เห็นเขากลับมาหรือว่ามีคดีใหญ่?ปกติแล้วมีแค่คดีใหญ่เท่านั้นที่เขาจะทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น เมื่อก่อนจะมีแค่เรียกให้ซูยี่กลับมารายงานสักคำ วันนี้ทำไมไม่มี?ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างรีบร้อนดัง “ตึง ตึงตึง” ทําให้หัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระรัวนางรีบกระโดดลงจากเตียง มีเรื่องแล้ว ต้องมีเรื่องแล้วลวี่หยารีบวิ่งพรวดราดเข้ามา และพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “พระชายา ซูยี่กลับมารายงานเพคะ”หยวนชิงหลิงที่มองเห็นซูยี่วิ่งพุ่งเข้ามา เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด นางรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันทีอีกนิดก็เกือบจะเป็นลมลงไปแล้วลวี่หยาประคองนางและถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “พระชายา ท่านเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“ท่านอ๋องล่ะ?” หยวนชิงหลิงคุมสติตัวเองและถามอย่างยากลำบาก ซูยี่ยกมือปาดเหงื่อบนใบหน้าและรีบกล่าวว่า “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ท่านอ๋องแพ้เสียเงินมากมาย จึงโกรธอารมณ์เสียขึ้นมา ทะเลาะกับคนอื่น หลังจากนั้นกู้ซีก็มาถึง ไม่รู้ว่าทำไมกู้ซีถึงชกท่านอ๋

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 357

    “เงินแพ้พนัน? แพ้ไปเท่าไหร่?” หยวนชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้นางต้องระงับอารมณ์ นางโกรธเสียจนในอกแทบจะระเบิดออกมาแล้ว“สามร้อยตำลึง”“สองร้อยตำลึง”“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง”ทุกคนพูดกันทีละคน“เยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน?” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโกรธเคือง “พวกเขาฉวยโอกาสตอนที่ข้าเมา ใช้ลูกเล่นสกปรกโกงข้า”ซูยี่ที่ยืนอยู่ข้างหยวนชิงหลิงกระซิบเบา ๆ “จริงพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาโกง ท่านอ๋องมองออกจึงโกรธขึ้นมา”หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ซูยี่ จดเอาไว้ให้หมด ให้พวกเขาเข้าวังหลวงไปรับเงิน ตอนนี้จวนอ๋องของเราเงินไม่พอ แต่ยังดีที่ข้ามีเงินรางวัลที่ได้รับอยู่ที่ฝ่าบาทอีกก้อนหนึ่ง เรียกพวกเขาทั้งหมดเข้าวังไปทวงถาม”“เข้าวังไปทวงหรือ?” ทุกคนมองหน้ากันเอง“ใช่แล้ว จำไว้ พรุ่งนี้ตอนเช้าเข้าไปเอา” หยวนชิงหลิงกล่าวหนึ่งในชายหนุ่มรูปงามในชุดครามพูดขึ้นว่า “พระชายา ท่านจะเบี้ยวเงินหรือ”หยวนชิงหลิงยิ้มกว้าง “เบี้ยวเงิน? นี่ไม่ใช่การเบี้ยวเงินสักหน่อย แต่ว่าในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าการวิธีการชำระเงินแบบนี้มีปัญหา งั้นก็เปลี่ยนวิธี ซูยี่ ไปที่จวนจิ้งเป่าเพื่อเรียกคนมา เอาตัวทุกคนที่รวมตัวเล่นพนันกันในคืนนี้ก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 358

    เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋อง หยวนชิงหลิงก็อ้วกออกมาจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วอวี่เหวินห่าวรีบอุ้มนางเข้าไปในจวนราวกับก้อนสำลีเบานุ่ม กู้ซีตามเข้ามาอย่างท้อใจ ใครจะไปคิดว่าเห็นปกติพระชายาฉู่สง่างามน่าเกรงขาม แต่ไม่คิดว่านางจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ ถ้านางอารมณ์ไม่ดีโกรธขึ้นมาจริง ๆ ชาตินี้เขาก็ไม่ต้องคิดแต่งงานกับหยวนชิงผิงแล้วท่านหมอมาแล้วอวี่เหวินห่าวลูบใบหน้านาง และกล่าวอย่างวิกตกกังวลว่า “ไม่เป็นไร ให้หมอตรวจชีพจรสักประเดี๋ยว”หยวนชิงหลิงอาเจียนจนอึดอัดทรมานไปหมด จะโกรธเขาลงได้ที่ไหน? เห็นใบหน้าบวมช้ำของเขาก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน “ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าทำให้กลิ่นเหล้าหายไปที กลิ่นเหล้าของท่านมันทําให้ข้ารู้สึกอึดอัดมาก”อวี่เหวินห่าวรีบถอยออกไปหลายก้าว “ข้าไม่ทำให้เจ้าเหม็น รอท่านหมอตรวจเจ้าแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”“ออกไปข้างนอกเลย!” หยวนชิงหลิงลึงตามองเขาเมื่อยืนอยู่ในตําแหน่งนั้น ลมพัดมาพอดี กลิ่นเหล้าก็โชยมาตามลมนาง นางรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และอยากจะอาเจียนอีกครั้งอวี่เหวินห่าวทำได้แค่ถอยออกไป กู้ซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่มองตากัน อวี่เหวินห่าวสบถออกมา “ถ้านางเป็น

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 359

    ท่านหมอวินิจฉัยซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยักหน้าให้นางข้าหลวงสี่ “เป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วน”ริมฝีปากของนางข้าหลวงสี่สั่นไปหมดแล้ว นางยืดคอขึ้นและกล่าวว่า “ซูยี่ เจ้ารีบนำตราของท่านอ๋องเข้าวังหลวง เชิญหมอหลวงเฉามาที่นี่”“ได้ขอรับ!” ซูยี่ได้รับคําสั่งก็รีบพุ่งออกไปทันทีอวี่เหวินห่าวใบหน้าซีดเผือด อยากจะเข้ามาก็กลัวว่ากลิ่นเหล้าของตัวเองจะทำให้หยวนชิงหลิงเหม็น จึงเรียกทักให้นางข้าหลวงสี่ออกมา “กูกู นางเป็นยังไงบ้าง? ร้ายแรงไหม?”นางข้าหลวงสี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “บางทีอาจจะร้ายแรงมาก รอหมอหลวงมาก่อน ท่านอ๋องรีบไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถิด กลับมาอาจไม่มีคนอยู่ข้างพระชายา”อวี่เหวินห่าวตกใจกลัวจนหัวใจแทบแหลกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เขาแทบคุมสติไม่ได้ หันกลับไปมองหยวนชิงหลิงแล้วรีบวิ่งออกไปอาบน้ำชำระร่างกายถังหยางก็ถูกขุดขึ้นมาด้วย เขาเพียงแค่รู้ว่าพระชายาป่วย ไม่รู้ว่าป่วยอะไร เมื่อเห็นว่าทุกคนราวกับกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยท่านหมอยังไม่กล้าพูด การวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มันไม่ยาก เพียงแต่ไม่สามารถผิดพลาดได้นอกจากนี้เรื่องที่พระชายาชินอ๋องตั้งครรภ์ทางที่ดีควรให้หมอห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 360

    หยวนชิงหลิงกินไปได้ไม่กี่คำ ก็ทนกลิ่นคาวของหอยเชลล์แห้งในโจ๊กไม่ไหว นางท้องไส้ปั่นป่วนรู้สึกคลื่นไส้ นางโบกมือด้วยใบหน้าซีดเซียวและนอนลง “ไม่กินแล้ว กินแล้วก็อาเจียนออกมาอีก”อวี่เหวินห่าวปวดใจเหลือเกินและถามหมออย่างโกรธเคือง “นางป่วยเป็นอะไรกันแน่ท่านก็ไม่วินิจฉัยออกมา ทำไมนางกินอะไรก็อาเจียนออกมาแบบนี้? ยังไม่คิดหาทางอีก?”ท่านหมอที่ตื่นตระหนกไปแล้วได้กล่าวว่า “ไว้ให้หมอหลวงมาถึง แล้วค่อยเขียนใบสั่งยา ข้าน้อยไม่กล้าเขียนใบสั่งยาขึ้นมามั่วซั่วพ่ะย่ะค่ะ”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินดังนั้น ก็วิตกกังวลซะจนตาของเขาดุดันมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ท่านหมอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และหยุดไปนางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ท่านหมอ ท่านกลับไปก่อน ปิดปากให้สนิทอย่าให้เรื่องแพร่งพรายออกไป”ท่านหมอกล่าว “งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”นางข้าหลวงเฉียนพาเขาไปที่ห้องบัญชีเพื่อจ่ายค่ารักษาและส่งเขากลับไปนางข้าหลวงเฉียนกลับเข้ามาถึงประตูเรียกนางข้าหลวงสี่ออกไปทั้งคู่เดินไปที่ระเบียงทางเดิน นางข้าหลวงเฉียนได้กล่าวว่า “ท่านหมอวินิจฉัย อาจจะมีการเข้าใจผิด เรื่องนี้อย่าพึ่งบอกกับท่านอ๋องก่อน รอให้หมอหลวงมาวินิจฉัยแล้วค่อยพูดเถอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 361

    อวี่เหวินห่าวกระสับกระส่ายไปมาอย่างกังวล แต่ทำได้เพียงมองดูเขาผูกด้ายสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ นิ้วของเขากดเบา ๆ ลงกับด้ายสีแดงหลังจากที่นิ้วของหมอหลวงเฉาถูกกดลงไปสักพัก คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน และมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกะทันหัน“มีอะไรงั้นหรือ?” อวี่เหวินห่าวถามหมอหลวงเฉาเสนอ "ขอท่านอ๋องได้โปรดถอดด้ายสีแดงเพื่อตรวจชีพจร!"อวี่เหวินห่าวกลอกตาด้วยความโกรธและตะโกนใส่หูของเขา "เมื่อสักครู่ข้าเป็นคนขอให้ท่านตรวจชีพจรเอง"หมอหลวงเฉากล่าวว่า "นี่คือกฎ"หยวนชิงหลิงยื่นมือของนางออกและมองไปที่ หมองหลวงเฉา "ท่านบอกข้ามาตามตรงว่าเป็นโรคอะไร"นางเพิ่งมองดูกล่องยาขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ สังเกตเห็นว่าในกล่องยาไม่มียาใหม่ ๆ มีแต่ยาฉีด และยาเม็ดแคลเซียมโฟลิกดังนั้นนางคิดว่าปัญหาของนางไม่ใช่เรื่องใหญ่หมองหลวงเฉาหลับตา เปลี่ยนมือซ้ายไปทางขวา และเปลี่ยนมือขวาเพื่อดูมือซ้ายอีกครั้งอวี่เหวินห่าวมีความกังวลมาก ความรู้สึกตอนนี้คือ อยากจะโยนหมอหลวงเฉาออกไป และอยากไปเรียนวิชาแพทย์ เพื่อจะได้ตรวจอาการเสียเองสักครู่หมอหลวงเฉา ก็ลืมตาขึ้นและถามว่า "พระชายา ประจำเดือนไม่มานานแค่ไหน?"หยวนชิงหลิงยิ้มพ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status