ฉีหลัวยิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “บ่าวทราบแล้ว ท่านอ๋องช่างใส่พระทัยจริง ๆ เพคะ”นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านอ๋องจะมีมุมละเอียดอ่อนดูแลเอาใจใส่อย่างนี้?อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้ว ไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้วชอบทำอะไรลวกไม่ใส่ใจสุดๆแบบนี้ ถ้าเขาไม่พูดย้ำให้มากหน่อย นางต้องไม่รู้สึกตัวเป็นแน่หลังจากที่ได้สัมผัสความเจ็บปวดที่เกือบจะสูญเสียนางไป อวี่เหวินห่าวก็ได้เข้าใจถึงความหมายของคำว่ารักและทะนุถนอมสองคำนี้ในท้องพระโรง ขุนนางฝ่ายทหารและขุนนางฝ่ายพลเรือน เข้าแถวแยกฝั่งกันจักรพรรดิหมิงหยวนขึ้นบังลังก์มังกรและนั่งลงอย่างช้า ๆ ด้านล่างกล่าวคำถวายพพระพรทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี สามครั้ง เขากวาดตามองอย่างน่าเกรงขาม “ทั้งหมดลุกขึ้น มีเรื่องต้องหารือ!”ฉู่โซ่วฝูก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมืองหลวงช่วงนี้ได้เกิดคดีฆาตกรรมอุกอาจสองคดี ผู้คนในเมืองล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้ ถ้าจับตัวฆาตกรมาตัดสินประหารชีวิตสักวัน เกรงว่าราษฎรจะไม่สบายใจ ยิ่งนานวันยิ่งสร้างความหวาดวิตกในใจแก่ราษฎรนะพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของโซ่วฝู ขุนนางขั้นต่ำกว่าก็ต้องกล่าวสนับสนุนเป็นธรรมดาอวี่เ
เขาเหลือบมองอ๋องจี้ ท่าทางเขาดูพอใจน่าดูทีเดียวส่วนปฏิกริยาของฉู่โซ่วฝูในวันนี้ เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดฉู่โซ่วฝูให้ความสำคัญแก่เรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง คดีนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ราษฏร ฉู่โซ่วฝูจึงเสนอให้รีบไขคดีนี้โดยไว นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาแต่เบาะแสที่พบในตอนนี้ มีแค่คนบ้าหนึ่งคนกับหมาอีกหนึ่งตัว คนบ้ากับหมา จะสามารถหาเบาะแสไขคดีนี้ได้ไหม?เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้หลังจากออกจากท้องพระโรงแล้ว อวี่เหวินห่าวกลับไปที่จวนก่อนรอบนึง แล้วพบว่าหยวนชิงหลิงสั่งให้คนพานางไปที่จวนอ๋องฮว่าย เขาส่ายหน้า นางไม่สามารถนอนนิ่ง ๆ ได้จริง ๆ กลับถึงสำนักผู้ตรวจการ อวี่เหวินห่าวได้มาบอกพระบัชญาของฝ่าบาท ในเวลาเจ็ดวันนี้ต้องไขคดีให้ได้มีเสียงร้องครวญครางย่ำแย่ไปทั่วสำนักผู้ตรวจการอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะ แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ยังไม่รีบไปหาเบาะแสอีก? ไปสอบถามผู้คนโดยรอบหรือไปสำรวจพื้นที่โดยรอบหาอาจพบสิ่งที่จะเป็นอาวุธสังหาร?”อวี่เหวินห่าวโกรธ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกสำนักผู้ตรวจการก็ยุ่งวุ่นวายในทันทีไม่กี่วันถัดมา อวี่เหวินห่าวล้วนออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืดตอนที่หยวนช
สนมหลู่เฟยมองไปที่นาง “ถ้านางขอร้องให้เจ้าไปช่วยรักษา เจ้าจะไปช่วยรักษาหรือไม่?”หยวนชิงหลิงยิ้ม “นางไม่มีทางขอร้องข้า”“ยากที่จะพูดนะ คน ๆ นี้ไม่มีขีดจำกัด”องค์หญิงหลัวผิงเองก็มองนางด้วยความสงสัย “ถ้านางมาขอร้องเจ้าจริงหรือ?”หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่ “ในใจข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมอย่างแน่นอน”อ๋องจี้เคยลงมือกับอวี่เหวินห่าวมาแล้ว การลอบสังหารครั้งนั้น เขาเกือบจะเสียชีวิตไปแล้วพระชายาจี้เองก็ไม่ใช่คนดี นางโหดเหี้ยมอำมหิตกว่าอ๋องจี้เสียอีก ไม่ฉะนั้นคงไม่เจตนาทำให้อ๋องฮว่ายเข้าใจผิด ให้เขายอมแพ้ที่จะรักษาถ้าไม่มีสองสามีภรรยาคู่นี้กระโดดโล้ดเต้นไปมา ชีวิตคงดีกว่านี้แน่ๆประมาณปลายยามจิ้วหยวนชิงหลิงก็กลับไปที่จวนอ๋อง รออวี่เหวินห่าวกลับมาไม่กี่คืนก่อนหน้านี้ นางเหนื่อยล้ามาก รอแล้วรออีกจนผล็อยหลับไป คืนนี้ไม่ว่ายังไง นางก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมาคืนนี้อวี่เหวินห่าวไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมไม่มีความคืบหน้าใด สอบสวนมานาน ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฆาตกรมีกี่คนส่วนอาวุธสังหาร ก็ยังหายสาบสูญไม่พบร่องรอยเขาเขียนประกาศไปติดที่ป้ายประกาศ ถ้ามีใครพบอาวุธสังหารที่มีลักษณะคล้ายคลึงกั
มีเจ้าหน้าที่รีบเข้าไปประสานมือ “ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้น “พระชายามา?”นางมาทำอะไร? ตอนนี้ก็ก็ดึกแล้ว ทำไมไม่นอน?เขาลุกขึ้นเดินออกไป เห็นลวี่หยาพยุงหยวนชิงหลิงเข้ามาเขารีบเดินเข้าไปกุมมือนางและถามเสียงเบา “ทำไมดึกดื่นขนาดนี้ยังมาอีก?”หยวนชิงหลิงมองใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียของเขา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ “วันนี้องค์หญิงบอกข้าว่าฝ่าบาทรงมีพระบัญชาให้เวลาท่านเจ็ดวันไขคดี เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมท่านไม่บอกข้า?”เขาพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วง ยังไม่ครบกำหนดเจ็ดวัน และข้าเชื่อมั่นว่าจะไขคดีนี้ได้ก่อนกำหนด”หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาโกหก ถ้าไขคดีด่อนกำหนดได้จริง ทำไมเขาไม่กลับบ้านกลับช่องนางปล่อยให้เขาพยุงเข้าไปข้างนั้นและพูดว่า “เรื่องไขคดีข้าไม่เข้าใจ แต่ว่าข้ารู้เรื่องยาอยู่บ้าง ขอให้ข้าดูศพหน่อย บางทีข้าอาจจะค้นพบเบาะแสอย่างอื่นได้”“ดูศพไม่ได้?” อวี่เหวินห่าวรีบปฏิเสธทันที “คนตายมีอะไรน่าดู?”คนตายมาแล้วตั้งหลายวัน แม้ว่าห้องเก็บศพจะสร้างจากน้ำแข็ง แต่ศพเริ่มบวมอืดส่งกลิ่นเหม็นแล้ว นางจะทนกลิ่นแบบนั้นได้ยังไง?“แต่ตอนนี้พว
ซูยี่ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาอย่างบอกไม่ถูก “กระหม่อมมิได้เป็นคนเช่นนั้น”“ข้าเคยช่วยเจ้า ตอนข้าขอให้เจ้าช่วย เจ้ากลับไม่ช่วยข้า แบบนี้ก็คือเนรคุณคน”ซูยี่ลำบากใจมาก มองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวไร้เยื่อใยของพระชายาอยู่สักครู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีลวี่หยาก้าวไปข้างหน้าพูดวิงวอนขอร้อง “ซูยี่ เจ้าก็เห็นช่วงนี้ล้วนยุ่งอยู่กับคดีนี้ พระชายาอาจช่วยเรื่องนี้ได้ เจ้าเองก็ช่วยพระชายาสักครั้งเถอะ ถ้าหากถูกท่านอ๋องรู้เข้า เจ้าก็แค่บอกว่าเป็นคำสั่งของพระชายา เจ้าไม่กล้าฝ่าฝืน”ซูยี่คิดว่าท่านอ๋องอาจไล่เขาไปแต่ว่าการไขคดีในตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ช่วงนี้พระชายามักทำเรื่องน่าอัศจรรย์ใจมาโดยตลอด บางทีให้พระชายาไปดู อาจพบอะไรขึ้นมาก็ได้เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ซูยี่เงยหน้าขึ้นพูด “งั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาไม่ควรอยู่ที่นั่นนาน ๆ แม้ว่าห้องเก็บศพจะไม่มียามเฝ้า แต่ก็จะมีการลาดตระเวนเป็นครั้งคราว ถ้าถูกพบเข้า ต้องไปรายงานให้ท่านอ๋องทราบเป็นแน่”“ข้าเชื่อฟังเจ้า!” หยวนชิงหลิงตอบตกลงแล้วหันไปคุยลวี่หยา “เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าท่านอ๋องมา เจ้าก็บอกว่าข้าไปห้องน้ำ”“เพคะ ทราบแล้ว” ลวี่หยาพูดซูยี่ถือตะเ
บางทีคงต้องผ่าศพออกดูแล้วแต่ว่าศพที่บวมอืดจนใหญ่แล้วแบบนี้ นางผ่าคนเดียวมันยากเกินไปคิดดูแล้ว นางหยิบแม่เหล็กออกมา แล้วยกกวาดไปทั่วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของศพเมื่อกวาดไปที่บริเวณหัวใจ แม่เหล็กมีปฏิกิริยา บริเวณหัวใจก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยหยวนชิงหลิงวางแม่เหล็กลง มองสังเกตบริเวณหัวใจอย่างละเอียด พบว่าที่บริเวณหัวใจมีเหมือนรอยเข็มทิ่มขนาดเล็กมาก เหมือนขนอ่อนบนร่างกาย แม้ว่าศพจะบวมอืดจนมีขนาดใหญ่ รอยเข็มนั้นกลับไม่เด่นชัดมากนักมองดูแล้ว ต้องตัดผ่าหัวใจแล้วการชันสูตรศพ ไม่เป็นเรื่องง่ายดายนางเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มากนัก แค่เคยเรียนคาบชันสูตรศพตอนสมัยเรียนแพทย์นางได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ ไม่มีแรง มองแล้วคงต้องให้ซูยี่มาช่วยซูยี่รออยู่ข้างนอกอย่างร้อนรน จู่ ๆ เห็นประตูเปิดออก เขาก็ตกใจจนกระโดดขึ้นมา “พระ...พระชายา!”“เข้ามา เจ้ามาช่วยข้าหน่อย” หยวนชิงหลิงเรียกซูยี่มองเห็นที่หัวนางคาดไฟฉาย “ท่าน นี่มันคืออะไร?”“อย่าพูดจาเหลวไหล รีบเข้ามาช่วยข้าเร็ว ข้าพบแล้ว” หยวนชิงหลิงพูดซูยี่ที่ได้ยินว่าค้นพบแล้ว ก็รีบตามนางเข้าไปทันทีกลิ่นเหม็นเน่าโชยมา ซูยี่เกือบจะอาเจี
ประโยคนี้ หยุดการตำหนิของอวี่เหวินห่าวไปในทันทีเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพและเจ้าพนักงานก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงพูดเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก้าวไปข้างหน้าทันทีและกล่าวว่า “”พระชายา พวกเขาไม่มีทางถูกพิษถึงตายได้แน่นอน กระหม่อมล้วนตรวจสอบพวกเขาหลายครั้งแล้ว ไม่มีอาการของการถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาดูที่หัวใจของผู้ตายทุกคนล้วนมีเข็มพิษ เข็มสองเล่มนี้ปักทะลุเข้าหัวใจของผู้ตาย ข้าพึ่งนำออกมา พิษยังคงถูกเก็บไว้อยู่ในหัวใจ บนเข็มต้องหลงเหลือพิษอยู่แน่ เจ้าลองตรวจสอบดู” เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก้าวเข้ามาวิเคราะห์ตรวจสอบอย่างละเอียด อวี่เหวินห่าวจูงหยวนชิงหลิงแล้วพูดกับนาง “เจ้ากลับไปนอนที่สำนักผู้ตรวจการด้านหลัง หลังจากนั้นข้าจะรีบกลับไป”หยวนชิงหลิงที่เชื่อฟังไม่ได้โต้เถียง “ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่อยากช่วยท่าน อย่าโกรธกันเลยนะ”“ไปเถอะ” อวี่เหวินห่าวจูงนางออกไป “เจ้าได้ช่วยข้าแล้ว แต่การค้นพบนี้ดีมาก ส่วนที่เหลือให้พวกเขาจัดการเถอะ เจ้ากลับไปส่วนด้านหลังก่อน ข้าจะเรียกคนไปต้มน้ำร้อนให้เจ้าอาบ”“ได้ยินว่ามีพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์อยู่ที่นี้ด้วยคนหนึ่ง ข้า
ในจวนมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่แห่งหนึ่งเพียงแต่เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่แปลกไปเสียหน่อย ยามฤดูร้อนไม่มีน้ำไหลออกมา แต่จะมีน้ำไหลตอนช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ก่อนหน้านี้บ่อน้ำพุร้อนยังไม่มีน้ำ แต่เมื่อสองวันก่อนถังหยางมารายงานว่า ตาน้ำเริ่มมีน้ำไหลออกมา บ่อน้ำพุร้อนเองก็คงเริ่มมีน้ำเต็มแล้วเนื่องจากก่อนหน้านั้นนางยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ อวี่เหวินห่าวจึงไม่พานางมา อีกทั้งยังยุ่งวุ่นวายเรื่องการไขคดีนี้อีกด้วยวันนี้ความกดดันที่เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดทับเอาไว้ได้หลุดออกไปแล้ว และทั้งคู่ก็ตัวเหม็นไปหมด ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่บ่อน้ำพุร้อนดีที่สุด บ่อน้ำพุร้อนอยู่ที่ด้านหลังของตำหนักเสี้ยวเยว่ ตาน้ำร้อนมีสองแห่งและอยู่ใกล้กันมาก ศาลาที่สร้างคลุมทับบ่อน้ำพุร้อนเองก็ไม่เล็กเลย มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของห้องๆหนึ่งเลยก็ว่าได้หยวนชิงหลิงมองบ่อน้ำพุร้อนนี้ บ่อน้ำพุร้อนนี้ยังมีชื่อเรียกอีกด้วย ชื่อว่า “บ่อน้ำพุผี”นางถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “ทำไมถึงเรียกว่าบ่อน้ำพุผีล่ะ? ชื่อนี้ฟังดูแล้วน่ากลัวจัง” นางไม่มีความทรงจำอะไรเลยกับบ่อน้ำพุร้อนนี้เลยสักนิด เคยได้มาเห็นที่นี้ไหมก็ไม่รู้ใช่แล้ว เจ้