อวี่เหวินห่าวเฝ้าอยู่ข้างเตียงมองหยวนชิงหลิงที่อาการย่ำแย่ หัวใจของเขามันเจ็บปวดแทบจะไม่ไหวจักรพรรดิหมิงหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายใจ ลูกสะใภ้คนนี้เป็นคนที่เขาโปรดปรานมากที่สุด และก็มีความสามารถที่สุดเช่นกัน“กู้ซีอยู่ล่ะ? ข้าไม่ได้บอกให้เขาไปรับส่งนางทั้งเช้าและเย็นหรือ?” หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนสงสาร เขาก็เริ่มถามความผิดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมอวี่เหวินห่าวยังไงก็ไม่ยอมดึงกู้ซีเข้ามาเกี่ยวข้อง และกล่าวว่า “เสด็จพ่อ เป็นลูกเองที่บอกให้ เขาไม่ต้องไปรับ และลูกมีหน้าที่รับผิดชอบในการมารับนาง” จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวอย่างโกรธเคือง “นั่นเป็นความไม่รับผิดชอบของเขา เด็กคนนี้นับวันจะเชื่อถือไม่ได้แล้ว”อวี่เหวินห่าวเหลือบมองหยวนชิงหลิงอย่างกังวล เสด็จพ่อก็ูดเสียงดังโหวกเหวกที่นี่ ไม่รู้ว่ารบกวนนางหรือไม่เสด็จพ่อพระองค์รีบร้อนไป พระองค์ไม่ได้ช่วยอะไรมากถูกรบกวนจริง ๆ หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าอยู่ในกระแสน้ำวน ฟ้าร้องมาเป็นระลอก จนแก้วหูสะเทือนเจ็บไปหมดแล้วตอนนี้นางไวต่อความเจ็บปวดมากอย่างไรก็ตาม เสียงนี้ทำให้นางค่อย ๆ ก้าวออกจากวังวนสีดำขนาดใหญ่ได้ ความคิดที่แต่เดิมลอยอยู่เหนือกร
อวี่เหวินห่าวคุกเข่าอยู่หน้าเตียง ยื่นมือออกไปโอบศีรษะของนาง และลูบใบหน้าของนาง คำพูดปลอบโยนสักคำก็พูดไม่ออก เพียงแค่บางครั้งก็ใช้ริมฝีปากของความกังวลจูบไปที่หน้าของนาง ใช้ที่หน้าผากชิดเข้าหากัน หยวนชิงหลิงรู้สึกความวิตกกังวลและปวดใจของเขา นางพยายามอย่างมากที่จะกลั้นมันไว้ เจ็บปวดมากจนนางทนไม่ไหวจึงต้องร้องออกมา นางก็อ้าปากและสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างนี้ก็จะทนได้หนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ หยวนชิงหลิงก็ไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดได้ ร่างกายของนางก็เริ่มกระตุกเนื่องจากความเจ็บปวด เหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด เหงื่อที่หน้าผากเม็ดใหญ่ ๆ ไหลรวมกับน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นได้ “เจ็บ...” นางเจ็บจนเข้ากระดูก ตรงไหล่เจ็บที่สุด ลูกธนูปักเข้าไปถึงกระดูก ราวกับว่ากระดูกน่าจะแตกหรือร้าวไปแล้ว ความเจ็บปวดนั้นมาเป็นระลอก ๆอวี่เหวินห่าวเช็ดน้ำตาของนาง ได้ยินนางบอกว่าเจ็บ หัวใจของเขาก็เริ่มเจ็บปวดตามไปด้วย เขาหันกลับไปที่หมอหลวงและพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ “เจ้ารีบคิดหนทางสิ!“ยาจื่อจิน” หมอหลวงยังไงก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ คุกเข่าลงและพูดว่า “ท่านอ๋องยังมียาจื่อจินอยู่หรือไม่? ยาจื่อจินสามารถช่วยระงับได้ชั่วขณะหนึ่ง”“ข้ามียา
ถังหยางได้ยินการปฏิเสธของสนมหลู่เฟย รู้สึกใจหายขึ้นมาวูบหนึ่ง เขาทำได้แค่ขอกับอ๋องหวย “หามิได้ ไม่ใช่ท่านอ๋อง แต่เป็นพระชายา เมื่อคืนนี้ พระชายาถูกลอบฆ่าระหว่างทางกลับจากจวนอ๋องหวย พระชายากับอ๋องซุนพวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส อ๋องซุนมียาจื่อจิน แต่พระชายาไม่มี พระชายากำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าขอร้องอ๋องหวย ท่านได้โปรดมอบยาจื่อจินให้ข้าด้วยเถิด ท่านอ๋องของข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไม่มีทางลืม”สนมหลู่เฟยและอ๋องหวยตกตะลึงกันทั้งคู่ สนมหลู่เฟยยืนขึ้นและกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “พระชายาฉู่ถูกลอบสังหารอย่างนั้นหรือ? ใครเป็นคนทำ?”ถังหยางส่ายหัว “ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการจะฆ่าพระชายาเพื่อไม่ให้อ๋องหวยมีอาการดีขึ้น เมื่อพระชายาสิ้นพระชนม์ อ๋องหวยก็จะไม่มีชีวิตอยู่รอด”ถังหยางไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แต่ตอนนี้เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ทำได้แค่พูดแบบนั้นสนมหลู่เฟยตกใจ หน้าซีดทันที“เสด็จแม่ รีบไปนำยาจื่อจินมา ข้าเก็บอยู่ในกล่องในลิ้นชัก” อ๋องหวยกล่าวอย่างร้อนลงสนมหลู่เฟยลุกขึ้นยืนด้วยความสับสน เดินไปที่ลิ้นชักของตู้ เปิดออกอย่างมึนงง แล้วหยิบกล่องสีทองกล
เมื่อขอร้องจนได้ยาแล้วก็กลับไป อวี่เหวินห่าวก็รีบบดละเอียดและป้อนให้หยวนชิงหลิงกินเข้าไปยาจื่อจินนี้ได้ผลจริง ๆ กินเข้าไปยังไม่ถึงสิบห้านาที หยวนชิงหลิงก็หยุดสั่น และความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ จางหายไปแต่จากความเจ็บปวด ยังคงทำให้นางอ่อนเพลียมาก เปลือกตาของนางไม่สามารถยกขึ้นมาได้ สะลึมสะลือหลับไปชั่วขณะ นางมักจะเห็นลูกธนูอันคมกริบบินตรงมาหานางในความฝัน จึงทำให้นางสะดุ้งตื่นอวี่เหวินห่าวคอยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ นางไม่ไปไหน คิ้วไม่เคยคลายออกได้ เขาได้เห็นบาดแผลด้วยตาของเขาเอง พอดึงลูกธนูออก เลือดก็พุ่งออกมา และชิ้นส่วนของเนื้อติดออกมา ลึกเข้าไปจนเห็นกระดูกเมื่อนึกถึงฉากนี้ หัวใจของเขายังคงเต้นระรัวและตื่นตระหนก“ทำไมเจ้ายังไม่หลับอีกล่ะ? ยังปวดอยู่หรือ?” เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น เขารีบโน้มตัวลงและถามด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนหยวนชิงหลิงมองมาที่เขา ยื่นมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกมาลูบหน้าผากเขาเบา ๆ “ข้าสบายดี ไม่ปวดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”เมื่ออวี่เหวินห่าวได้ยินนางพูดว่าไม่ปวดแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ยุ่งอะไร อยากจะคอยดูแลเจ้า”หย
“หมอหลวงจัดการแล้ว” อวี่เหวินห่าวกล่าว หยวนชิงหลิงยื่นยาฆ่าเชื้อให้เขา “ข้ารู้ แต่ข้าต้องล้างแผลอีกครั้ง นี่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโดยตรง การฆ่าเชื้ออย่างทั่วถึงสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หลังจากฆ่าเชื้อแล้วกดปิดด้วยสำลีและพันด้วยผ้าพันแผล”อวี่เหวินห่าวหยิบมาและเหลือบมองดูนาง “บางครั้งข้าก็สงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าไม่ใช่หยวนชิงหลิง” หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เรียกข้าว่าพระชายาฉู่ก็ได้” คำพูดนี้ใช้ได้ผล เขาจุมพิตที่ปลายจมูกของนาง แล้วออกไปปิดประตู และเริ่มปลดเสื้อผ้าออกเพื่อรักษาบาดแผลให้นาง ใช้เบตาดีนชะล้างออกไป แม้ว่าจะกินยาจื่อจินแล้ว นางก็ยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ขมวดคิ้วอดทน หลังจากที่เขากดจนแห้งแล้ว เขาก็พันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง และการกระทำนั้นก็กระฉับกระเฉงมากจริง ๆมองไปที่น่องขา แผลที่น่องขายังดี ไม่บาดเจ็บถึงกระดูก แต่แค่เฉียดผ่านน่องขาไปตราบใดที่ไม่มีการติดเชื้อก็แทบจะไม่มีปัญหาใด ๆเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของอ๋องซุน หยวนชิงหลิงถือว่าไม่รุนแรง โชคดีที่อ๋องซุนเป็นคนเนื้อหนา ดังนั้นจึงไม่ทําให้ปอดเสียหาย หยวนชิงหลิงไม่อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อได้ยินอวี่เหวินห่าวพูด “คนอ
จวนอ๋องหวยต้องตรวจสอบคนสอดแนม อวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้มีคนในจวนอ๋องพลุกพล่านเต็มไปหมด แต่ก็ไม่แน่ว่าเป็นคนที่มาจากจวนอ๋อง อาจจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงและองค์ชายองค์อื่น ๆ พวกเขาก็บอกไม่ได้ อีกอย่างอวี่เหวินห่าวไม่วางใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง มีเพียงการกลับจวนให้นางนอนพักเท่านั้นจึงจะวางใจได้ ตอนพลบค่ํา จวนไหวอ๋องสั่งให้คนมารายงาน บอกว่าสายลับถูกพบแล้ว ที่แท้ก็เป็นแม่นมที่ออกมาจากวังพร้อมกับอ๋องหวย เมื่ออวี่เหวินห่าวได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าข้าจำไม่ผิด นางข้าหลวงนั่นก็คือแม่นมของเขา”แม่นมก็เหมือนแม่แท้ ๆ คนหนึ่งแล้ว กลัวว่าอ๋องหวยจะเสียใจมาก “วางยาก็เป็นนางที่ทำ แต่นางยังยั้งมือไว้ เดิมทียาพิษนั่นสามารถฆ่าอ๋องหวยได้” ถังหยางเล่าต่อถึงสิ่งที่จวนอ๋องหวยมารายงาน “ล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้หรือยัง?” อวี่เหวินห่าวถาม ถังหยางส่ายหัว “มิได้ จะตายหรือเป็นก็ล่อออกมาไม่ได้ บอกว่าชีวิตเล็ก ๆ ของทั้งครอบครัวอยู่ในมือของนาง สุดท้ายอาศัยจังหวะที่ไม่ระวัง ก็ชนกำแพงตายเลย” หยวนชิงหลิงรู้สึกรับไม่ได้เมื่
นางข้าหลวงสี่ก็มัวแต่ตกใจกลัว ทว่าตอนนี้จิตใจสงบลงแล้ว นางก็ไม่ได้พูดอะไร หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก อาการบาดเจ็บของนางทำให้พละกำลังของนางหมด และก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูด หลับตาลงและหลับไปชั่วขณะหนึ่งอ๋องซุนนอนคว่ำอยู่บนเตียง พระชายาซุนดูแลเขาด้วยตัวเองท่านั่งของพระชายาแปลกมาก นั่งตัวตรง ยืดคอ ราวกับยีราฟจ้องที่อ๋องซุน ความห่วงใยมีแน่นอน แต่มีความโกรธมากกว่าพระชายาซุนโกรธมากสถานการณ์เมื่อคืนนี้ หากใครที่รู้วรยุทธ์บ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้หลายปีมานี้ เขาฝึกวรยุทธ์อย่างขยันขันแข็ง เขาไม่ฟัง ทุกวันรู้แต่เรื่องกินดื่ม เลี้ยงจนอ้วนทั้งตัว ยิ่งเงอะงะเข้าไปใหญเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวเข้ามา พระชายาซุนก็ยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้ามาพอดีเลย มาว่าเขาหน่อย”อวี่เหวินห่าวเห็นหัวของพี่ชายรองซุกอยู่ในหมอน ถูกด่าย่อยยับ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สะใภ้รอง พี่รองยังคงเจ็บอยู่ ท่านอย่าเพิ่งไปว่าเขาเลย”พระชายาซุนพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “เมื่อคืนทำให้ข้าเสียหน้าต่อราชวงศ์ไปหมดแล้ว ในฐานะองค์ชาย ทำได้แค่เอาตัวอ้วน ๆ ไปบังลูกธนูเท่านั้น ไม่ขายหน้าหรอกหรือ?” อ๋องซุนเอียงศีรษะและโต้กลับอย่างไม่เต็มใจ “ก็ยั
หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างตลกขบขัน เสียงใสกระจ่างดั่งน้ำ ใบหน้าขาวซีดนั้นดูสดใสขึ้นมาก “พูดถึงเรื่องตอนเด็กที่ท่านโดนสุนัขกัดด้วย”อวี่เหวินห่าวอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยมีเรื่องวัยเด็กที่ไม่อยากจะพูดบ้าง?เขานั่งลงแล้วให้นางกำนัลออกไปและพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “นอนได้แล้ว!”นอนอีกแล้วหยวนชิงหลิงนอนจนกระดูกสันหลังของนางใกล้จะหักแล้วนางเอนตัวนอนลงแล้วพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “ข้าไม่อยากนอนแล้ว นอนมาแล้วสองวัน ข้าอยากออกไปเดินเล่น”“ไม่ได้ บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานตัวดีเลย วันนี้ไม่ให้ไปไหน นอนพักฟื้นอาการบาดเจ็บให้ดี” สองวันก่อนยังไปจวนอ๋องฮว่าย วันนี้ไม่ต้องฉีดยาให้เขาไป แค่วางยาทิ้งไว้ให้ที่นั้นสักสามวัน อันที่จริงนอกจากวันนี้ที่นางไม่ออกไปข้างนอกแล้ว วัน ๆ นางก็วิ่งเต้นอยู่ข้างนอกตลอด“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเชื่อฟังท่าน ท่านรีบกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการเถอะ” หยวนชิงหลิงเร่งเขา“ยังไงวันนี้ข้าก็ต้องกลับสำนักผู้ตรวจการอยู่แล้ว เจ้าต้องเชื่อฟัง ไม่หนีออกมานะ” อวี่เหวินห่าวยกผ้าห่มคลุมทับบนตัวนาง ทำไมก็ไม่รู้สึกอยากกลับไปทำงานกันนะวันนึงได้อยู่นางจรดค่ำคืน ก็พอใจสุด ๆ แล้ว“