แชร์

บทที่ 262

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อขอร้องจนได้ยาแล้วก็กลับไป อวี่เหวินห่าวก็รีบบดละเอียดและป้อนให้หยวนชิงหลิงกินเข้าไป

ยาจื่อจินนี้ได้ผลจริง ๆ กินเข้าไปยังไม่ถึงสิบห้านาที หยวนชิงหลิงก็หยุดสั่น และความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ จางหายไป

แต่จากความเจ็บปวด ยังคงทำให้นางอ่อนเพลียมาก เปลือกตาของนางไม่สามารถยกขึ้นมาได้ สะลึมสะลือหลับไปชั่วขณะ นางมักจะเห็นลูกธนูอันคมกริบบินตรงมาหานางในความฝัน จึงทำให้นางสะดุ้งตื่น

อวี่เหวินห่าวคอยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ นางไม่ไปไหน คิ้วไม่เคยคลายออกได้ เขาได้เห็นบาดแผลด้วยตาของเขาเอง พอดึงลูกธนูออก เลือดก็พุ่งออกมา และชิ้นส่วนของเนื้อติดออกมา ลึกเข้าไปจนเห็นกระดูก

เมื่อนึกถึงฉากนี้ หัวใจของเขายังคงเต้นระรัวและตื่นตระหนก

“ทำไมเจ้ายังไม่หลับอีกล่ะ? ยังปวดอยู่หรือ?” เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น เขารีบโน้มตัวลงและถามด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน

หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา ยื่นมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกมาลูบหน้าผากเขาเบา ๆ “ข้าสบายดี ไม่ปวดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”

เมื่ออวี่เหวินห่าวได้ยินนางพูดว่าไม่ปวดแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ยุ่งอะไร อยากจะคอยดูแลเจ้า”

หย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Phasita Phrommee
ลุ้นๆๆๆสนุกมากเลยคะอัพเยอะๆๆๆได้ใหมค่ะ
goodnovel comment avatar
พรรณนิภา ครูนนทกฤษ
สนุกมากค่ะ อัพเยอะไปนะคะ รอออออออๆๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 263

    “หมอหลวงจัดการแล้ว” อวี่เหวินห่าวกล่าว หยวนชิงหลิงยื่นยาฆ่าเชื้อให้เขา “ข้ารู้ แต่ข้าต้องล้างแผลอีกครั้ง นี่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโดยตรง การฆ่าเชื้ออย่างทั่วถึงสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หลังจากฆ่าเชื้อแล้วกดปิดด้วยสำลีและพันด้วยผ้าพันแผล”อวี่เหวินห่าวหยิบมาและเหลือบมองดูนาง “บางครั้งข้าก็สงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าไม่ใช่หยวนชิงหลิง” หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เรียกข้าว่าพระชายาฉู่ก็ได้” คำพูดนี้ใช้ได้ผล เขาจุมพิตที่ปลายจมูกของนาง แล้วออกไปปิดประตู และเริ่มปลดเสื้อผ้าออกเพื่อรักษาบาดแผลให้นาง ใช้เบตาดีนชะล้างออกไป แม้ว่าจะกินยาจื่อจินแล้ว นางก็ยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ขมวดคิ้วอดทน หลังจากที่เขากดจนแห้งแล้ว เขาก็พันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง และการกระทำนั้นก็กระฉับกระเฉงมากจริง ๆมองไปที่น่องขา แผลที่น่องขายังดี ไม่บาดเจ็บถึงกระดูก แต่แค่เฉียดผ่านน่องขาไปตราบใดที่ไม่มีการติดเชื้อก็แทบจะไม่มีปัญหาใด ๆเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของอ๋องซุน หยวนชิงหลิงถือว่าไม่รุนแรง โชคดีที่อ๋องซุนเป็นคนเนื้อหนา ดังนั้นจึงไม่ทําให้ปอดเสียหาย หยวนชิงหลิงไม่อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อได้ยินอวี่เหวินห่าวพูด “คนอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 264

    จวนอ๋องหวยต้องตรวจสอบคนสอดแนม อวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้มีคนในจวนอ๋องพลุกพล่านเต็มไปหมด แต่ก็ไม่แน่ว่าเป็นคนที่มาจากจวนอ๋อง อาจจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงและองค์ชายองค์อื่น ๆ พวกเขาก็บอกไม่ได้ อีกอย่างอวี่เหวินห่าวไม่วางใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง มีเพียงการกลับจวนให้นางนอนพักเท่านั้นจึงจะวางใจได้ ตอนพลบค่ํา จวนไหวอ๋องสั่งให้คนมารายงาน บอกว่าสายลับถูกพบแล้ว ที่แท้ก็เป็นแม่นมที่ออกมาจากวังพร้อมกับอ๋องหวย เมื่ออวี่เหวินห่าวได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าข้าจำไม่ผิด นางข้าหลวงนั่นก็คือแม่นมของเขา”แม่นมก็เหมือนแม่แท้ ๆ คนหนึ่งแล้ว กลัวว่าอ๋องหวยจะเสียใจมาก “วางยาก็เป็นนางที่ทำ แต่นางยังยั้งมือไว้ เดิมทียาพิษนั่นสามารถฆ่าอ๋องหวยได้” ถังหยางเล่าต่อถึงสิ่งที่จวนอ๋องหวยมารายงาน “ล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้หรือยัง?” อวี่เหวินห่าวถาม ถังหยางส่ายหัว “มิได้ จะตายหรือเป็นก็ล่อออกมาไม่ได้ บอกว่าชีวิตเล็ก ๆ ของทั้งครอบครัวอยู่ในมือของนาง สุดท้ายอาศัยจังหวะที่ไม่ระวัง ก็ชนกำแพงตายเลย” หยวนชิงหลิงรู้สึกรับไม่ได้เมื่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 265

    นางข้าหลวงสี่ก็มัวแต่ตกใจกลัว ทว่าตอนนี้จิตใจสงบลงแล้ว นางก็ไม่ได้พูดอะไร หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก อาการบาดเจ็บของนางทำให้พละกำลังของนางหมด และก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูด หลับตาลงและหลับไปชั่วขณะหนึ่งอ๋องซุนนอนคว่ำอยู่บนเตียง พระชายาซุนดูแลเขาด้วยตัวเองท่านั่งของพระชายาแปลกมาก นั่งตัวตรง ยืดคอ ราวกับยีราฟจ้องที่อ๋องซุน ความห่วงใยมีแน่นอน แต่มีความโกรธมากกว่าพระชายาซุนโกรธมากสถานการณ์เมื่อคืนนี้ หากใครที่รู้วรยุทธ์บ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้หลายปีมานี้ เขาฝึกวรยุทธ์อย่างขยันขันแข็ง เขาไม่ฟัง ทุกวันรู้แต่เรื่องกินดื่ม เลี้ยงจนอ้วนทั้งตัว ยิ่งเงอะงะเข้าไปใหญเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวเข้ามา พระชายาซุนก็ยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้ามาพอดีเลย มาว่าเขาหน่อย”อวี่เหวินห่าวเห็นหัวของพี่ชายรองซุกอยู่ในหมอน ถูกด่าย่อยยับ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สะใภ้รอง พี่รองยังคงเจ็บอยู่ ท่านอย่าเพิ่งไปว่าเขาเลย”พระชายาซุนพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “เมื่อคืนทำให้ข้าเสียหน้าต่อราชวงศ์ไปหมดแล้ว ในฐานะองค์ชาย ทำได้แค่เอาตัวอ้วน ๆ ไปบังลูกธนูเท่านั้น ไม่ขายหน้าหรอกหรือ?” อ๋องซุนเอียงศีรษะและโต้กลับอย่างไม่เต็มใจ “ก็ยั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 266

    หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างตลกขบขัน เสียงใสกระจ่างดั่งน้ำ ใบหน้าขาวซีดนั้นดูสดใสขึ้นมาก “พูดถึงเรื่องตอนเด็กที่ท่านโดนสุนัขกัดด้วย”อวี่เหวินห่าวอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยมีเรื่องวัยเด็กที่ไม่อยากจะพูดบ้าง?เขานั่งลงแล้วให้นางกำนัลออกไปและพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “นอนได้แล้ว!”นอนอีกแล้วหยวนชิงหลิงนอนจนกระดูกสันหลังของนางใกล้จะหักแล้วนางเอนตัวนอนลงแล้วพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “ข้าไม่อยากนอนแล้ว นอนมาแล้วสองวัน ข้าอยากออกไปเดินเล่น”“ไม่ได้ บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานตัวดีเลย วันนี้ไม่ให้ไปไหน นอนพักฟื้นอาการบาดเจ็บให้ดี” สองวันก่อนยังไปจวนอ๋องฮว่าย วันนี้ไม่ต้องฉีดยาให้เขาไป แค่วางยาทิ้งไว้ให้ที่นั้นสักสามวัน อันที่จริงนอกจากวันนี้ที่นางไม่ออกไปข้างนอกแล้ว วัน ๆ นางก็วิ่งเต้นอยู่ข้างนอกตลอด“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเชื่อฟังท่าน ท่านรีบกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการเถอะ” หยวนชิงหลิงเร่งเขา“ยังไงวันนี้ข้าก็ต้องกลับสำนักผู้ตรวจการอยู่แล้ว เจ้าต้องเชื่อฟัง ไม่หนีออกมานะ” อวี่เหวินห่าวยกผ้าห่มคลุมทับบนตัวนาง ทำไมก็ไม่รู้สึกอยากกลับไปทำงานกันนะวันนึงได้อยู่นางจรดค่ำคืน ก็พอใจสุด ๆ แล้ว“

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 267

    เขาหมอบลงไปกับพื้นแล้วทำความเคารพแบบเต็มรูปแบบ “ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำคารวะท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินก็รู้ได้ในทันทีว่าหัวหน้าสายตรวจเป็นคนสอนเขาทำความเคารพ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตามองมองหัวหน้าสายตรวจ หัวหน้าสายตรวจก้มหัวไม่กล้าพูดอะไรอวี่เหวินห่าวมองคนบ้าคนนั้น พยายามแสดงออกด้วยท่าทางจริงใจ “เจ้าชื่ออะไร?”“ซาเอ๋อร์” คนบ้าคนนั้นฉีกยิ้มกว้างมองตรงไปที่อวี่เหวินห่าวอวี่เหวินห่าวพยักหน้า พลิกเปิดเอกสารอ่านอย่างคร่าว ๆ และถามว่า “เจ้ารู้จักครอบครัวของหนิวจื่อหยางหรือไม่?”คนบ้าพยักหน้า สองมือวาดวงกลมใหญ่ ๆ และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “รู้จัก ตาย ตายหมดแล้ว เลือดเต็มเลย”“งั้นวันที่พวกเขาตายวันนั้น เจ้าเห็นอะไร?” อวี่เหวินห่าวถามต่อซาเอ๋อร์นึกๆในหัวอยู่สักครู่ “มีเห็น มีคนพกดาบวิเศษยาวๆยาวมากๆและเข้าไปที่บ้านของพวกเขาแล้ว คนนั้นฆ่าคนเสร็จแล้ว ข้ามองเขา เขาก็จ้องมองข้าด้วย”“เจ้ามีตามเขาไปไหม?” อวี่เหวินห่าวถามซาเอ๋อร์ส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าตามไปหรอก ดาบของคนๆนั้นยาว มันยาวมากๆเลย”“ยาวขนาดไหน?”ซาเอ๋อร์เปรียบเทียบให้ดู สองมือกางออกยาวประมาณหนึ่งจั้ง “ยาวขนาดนี้”หัวหน้าสายตรวจพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 268

    สองคดีนี้ผู้ตายล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดดัง ไม่มีความแค้นอะไรกับใคร ธรรมดาจนไม่อาจสงบสุขได้อีกต่อไปถ้ามีคนจะฆ่าคนในบ้านแถวแบบนั้นโดยไม่รบกวนให้เพื่อนบ้านตื่นตกใจ ต้องลงมือในชั่วพริบตาเดียว ให้พวกเขาใกล้หมดลม ไม่ก็ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้แม้ว่าผลการชันสูตรพลิกศพนั้น กลับถูกดาบทื่อฟันจนบาดเจ็บ บนร่างกายศพไม่ได้มีแค่แผลเดียว ไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากอาวุธซึ่งมันหมายความว่าตั้งแต่ถูกฟันลงไปเพื่อปลิดชีพ พวกเขายังมีเวลาพอที่จะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาได้แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าพูดเพื่อนบ้านอยู่ไกลกันก็ตัดทิ้งไปได้เลย ในหมู่บ้านบ้านช่องล้วนติดกันหมด เพราะกลัวว่าจะเสียเปรียบเสียที่ดินไปสักนิ้วหนึ่งให้คนอื่นนอกจากนี้ตัวบ้านเรือนเองก็ไม่ได้ใหญ่ เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นโดยมีแค่กำแพงขวางกั้น ไม่มีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดออกมาแม้แต่คำเดียว นี่มันแปลกเกินไปแล้วจริง ๆซาเอ๋อร์บอกฝ่ายตรงข้ามใช้ดาบ แต่สองบ้านที่เสียชีวิตไปล้วนไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกดาบฟัน มองดูแล้วคำพูดของซาเอ๋อร์เชื่อถือไม่ได้เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวหยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปวางไว้บนลำคอของเข าและยื่นมือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 269

    ฉีหลัวยิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “บ่าวทราบแล้ว ท่านอ๋องช่างใส่พระทัยจริง ๆ เพคะ”นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านอ๋องจะมีมุมละเอียดอ่อนดูแลเอาใจใส่อย่างนี้?อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้ว ไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้วชอบทำอะไรลวกไม่ใส่ใจสุดๆแบบนี้ ถ้าเขาไม่พูดย้ำให้มากหน่อย นางต้องไม่รู้สึกตัวเป็นแน่หลังจากที่ได้สัมผัสความเจ็บปวดที่เกือบจะสูญเสียนางไป อวี่เหวินห่าวก็ได้เข้าใจถึงความหมายของคำว่ารักและทะนุถนอมสองคำนี้ในท้องพระโรง ขุนนางฝ่ายทหารและขุนนางฝ่ายพลเรือน เข้าแถวแยกฝั่งกันจักรพรรดิหมิงหยวนขึ้นบังลังก์มังกรและนั่งลงอย่างช้า ๆ ด้านล่างกล่าวคำถวายพพระพรทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี สามครั้ง เขากวาดตามองอย่างน่าเกรงขาม “ทั้งหมดลุกขึ้น มีเรื่องต้องหารือ!”ฉู่โซ่วฝูก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมืองหลวงช่วงนี้ได้เกิดคดีฆาตกรรมอุกอาจสองคดี ผู้คนในเมืองล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้ ถ้าจับตัวฆาตกรมาตัดสินประหารชีวิตสักวัน เกรงว่าราษฎรจะไม่สบายใจ ยิ่งนานวันยิ่งสร้างความหวาดวิตกในใจแก่ราษฎรนะพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของโซ่วฝู ขุนนางขั้นต่ำกว่าก็ต้องกล่าวสนับสนุนเป็นธรรมดาอวี่เ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 270

    เขาเหลือบมองอ๋องจี้ ท่าทางเขาดูพอใจน่าดูทีเดียวส่วนปฏิกริยาของฉู่โซ่วฝูในวันนี้ เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดฉู่โซ่วฝูให้ความสำคัญแก่เรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง คดีนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ราษฏร ฉู่โซ่วฝูจึงเสนอให้รีบไขคดีนี้โดยไว นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาแต่เบาะแสที่พบในตอนนี้ มีแค่คนบ้าหนึ่งคนกับหมาอีกหนึ่งตัว คนบ้ากับหมา จะสามารถหาเบาะแสไขคดีนี้ได้ไหม?เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้หลังจากออกจากท้องพระโรงแล้ว อวี่เหวินห่าวกลับไปที่จวนก่อนรอบนึง แล้วพบว่าหยวนชิงหลิงสั่งให้คนพานางไปที่จวนอ๋องฮว่าย เขาส่ายหน้า นางไม่สามารถนอนนิ่ง ๆ ได้จริง ๆ กลับถึงสำนักผู้ตรวจการ อวี่เหวินห่าวได้มาบอกพระบัชญาของฝ่าบาท ในเวลาเจ็ดวันนี้ต้องไขคดีให้ได้มีเสียงร้องครวญครางย่ำแย่ไปทั่วสำนักผู้ตรวจการอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะ แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ยังไม่รีบไปหาเบาะแสอีก? ไปสอบถามผู้คนโดยรอบหรือไปสำรวจพื้นที่โดยรอบหาอาจพบสิ่งที่จะเป็นอาวุธสังหาร?”อวี่เหวินห่าวโกรธ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกสำนักผู้ตรวจการก็ยุ่งวุ่นวายในทันทีไม่กี่วันถัดมา อวี่เหวินห่าวล้วนออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืดตอนที่หยวนช

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status