จวนอ๋องหวยต้องตรวจสอบคนสอดแนม อวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้มีคนในจวนอ๋องพลุกพล่านเต็มไปหมด แต่ก็ไม่แน่ว่าเป็นคนที่มาจากจวนอ๋อง อาจจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงและองค์ชายองค์อื่น ๆ พวกเขาก็บอกไม่ได้ อีกอย่างอวี่เหวินห่าวไม่วางใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยวนชิงหลิง มีเพียงการกลับจวนให้นางนอนพักเท่านั้นจึงจะวางใจได้ ตอนพลบค่ํา จวนไหวอ๋องสั่งให้คนมารายงาน บอกว่าสายลับถูกพบแล้ว ที่แท้ก็เป็นแม่นมที่ออกมาจากวังพร้อมกับอ๋องหวย เมื่ออวี่เหวินห่าวได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าข้าจำไม่ผิด นางข้าหลวงนั่นก็คือแม่นมของเขา”แม่นมก็เหมือนแม่แท้ ๆ คนหนึ่งแล้ว กลัวว่าอ๋องหวยจะเสียใจมาก “วางยาก็เป็นนางที่ทำ แต่นางยังยั้งมือไว้ เดิมทียาพิษนั่นสามารถฆ่าอ๋องหวยได้” ถังหยางเล่าต่อถึงสิ่งที่จวนอ๋องหวยมารายงาน “ล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้หรือยัง?” อวี่เหวินห่าวถาม ถังหยางส่ายหัว “มิได้ จะตายหรือเป็นก็ล่อออกมาไม่ได้ บอกว่าชีวิตเล็ก ๆ ของทั้งครอบครัวอยู่ในมือของนาง สุดท้ายอาศัยจังหวะที่ไม่ระวัง ก็ชนกำแพงตายเลย” หยวนชิงหลิงรู้สึกรับไม่ได้เมื่
นางข้าหลวงสี่ก็มัวแต่ตกใจกลัว ทว่าตอนนี้จิตใจสงบลงแล้ว นางก็ไม่ได้พูดอะไร หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก อาการบาดเจ็บของนางทำให้พละกำลังของนางหมด และก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูด หลับตาลงและหลับไปชั่วขณะหนึ่งอ๋องซุนนอนคว่ำอยู่บนเตียง พระชายาซุนดูแลเขาด้วยตัวเองท่านั่งของพระชายาแปลกมาก นั่งตัวตรง ยืดคอ ราวกับยีราฟจ้องที่อ๋องซุน ความห่วงใยมีแน่นอน แต่มีความโกรธมากกว่าพระชายาซุนโกรธมากสถานการณ์เมื่อคืนนี้ หากใครที่รู้วรยุทธ์บ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้หลายปีมานี้ เขาฝึกวรยุทธ์อย่างขยันขันแข็ง เขาไม่ฟัง ทุกวันรู้แต่เรื่องกินดื่ม เลี้ยงจนอ้วนทั้งตัว ยิ่งเงอะงะเข้าไปใหญเมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวเข้ามา พระชายาซุนก็ยืนขึ้นและพูดว่า “เจ้ามาพอดีเลย มาว่าเขาหน่อย”อวี่เหวินห่าวเห็นหัวของพี่ชายรองซุกอยู่ในหมอน ถูกด่าย่อยยับ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่สะใภ้รอง พี่รองยังคงเจ็บอยู่ ท่านอย่าเพิ่งไปว่าเขาเลย”พระชายาซุนพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “เมื่อคืนทำให้ข้าเสียหน้าต่อราชวงศ์ไปหมดแล้ว ในฐานะองค์ชาย ทำได้แค่เอาตัวอ้วน ๆ ไปบังลูกธนูเท่านั้น ไม่ขายหน้าหรอกหรือ?” อ๋องซุนเอียงศีรษะและโต้กลับอย่างไม่เต็มใจ “ก็ยั
หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างตลกขบขัน เสียงใสกระจ่างดั่งน้ำ ใบหน้าขาวซีดนั้นดูสดใสขึ้นมาก “พูดถึงเรื่องตอนเด็กที่ท่านโดนสุนัขกัดด้วย”อวี่เหวินห่าวอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยมีเรื่องวัยเด็กที่ไม่อยากจะพูดบ้าง?เขานั่งลงแล้วให้นางกำนัลออกไปและพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “นอนได้แล้ว!”นอนอีกแล้วหยวนชิงหลิงนอนจนกระดูกสันหลังของนางใกล้จะหักแล้วนางเอนตัวนอนลงแล้วพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “ข้าไม่อยากนอนแล้ว นอนมาแล้วสองวัน ข้าอยากออกไปเดินเล่น”“ไม่ได้ บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานตัวดีเลย วันนี้ไม่ให้ไปไหน นอนพักฟื้นอาการบาดเจ็บให้ดี” สองวันก่อนยังไปจวนอ๋องฮว่าย วันนี้ไม่ต้องฉีดยาให้เขาไป แค่วางยาทิ้งไว้ให้ที่นั้นสักสามวัน อันที่จริงนอกจากวันนี้ที่นางไม่ออกไปข้างนอกแล้ว วัน ๆ นางก็วิ่งเต้นอยู่ข้างนอกตลอด“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเชื่อฟังท่าน ท่านรีบกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการเถอะ” หยวนชิงหลิงเร่งเขา“ยังไงวันนี้ข้าก็ต้องกลับสำนักผู้ตรวจการอยู่แล้ว เจ้าต้องเชื่อฟัง ไม่หนีออกมานะ” อวี่เหวินห่าวยกผ้าห่มคลุมทับบนตัวนาง ทำไมก็ไม่รู้สึกอยากกลับไปทำงานกันนะวันนึงได้อยู่นางจรดค่ำคืน ก็พอใจสุด ๆ แล้ว“
เขาหมอบลงไปกับพื้นแล้วทำความเคารพแบบเต็มรูปแบบ “ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำคารวะท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินก็รู้ได้ในทันทีว่าหัวหน้าสายตรวจเป็นคนสอนเขาทำความเคารพ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตามองมองหัวหน้าสายตรวจ หัวหน้าสายตรวจก้มหัวไม่กล้าพูดอะไรอวี่เหวินห่าวมองคนบ้าคนนั้น พยายามแสดงออกด้วยท่าทางจริงใจ “เจ้าชื่ออะไร?”“ซาเอ๋อร์” คนบ้าคนนั้นฉีกยิ้มกว้างมองตรงไปที่อวี่เหวินห่าวอวี่เหวินห่าวพยักหน้า พลิกเปิดเอกสารอ่านอย่างคร่าว ๆ และถามว่า “เจ้ารู้จักครอบครัวของหนิวจื่อหยางหรือไม่?”คนบ้าพยักหน้า สองมือวาดวงกลมใหญ่ ๆ และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “รู้จัก ตาย ตายหมดแล้ว เลือดเต็มเลย”“งั้นวันที่พวกเขาตายวันนั้น เจ้าเห็นอะไร?” อวี่เหวินห่าวถามต่อซาเอ๋อร์นึกๆในหัวอยู่สักครู่ “มีเห็น มีคนพกดาบวิเศษยาวๆยาวมากๆและเข้าไปที่บ้านของพวกเขาแล้ว คนนั้นฆ่าคนเสร็จแล้ว ข้ามองเขา เขาก็จ้องมองข้าด้วย”“เจ้ามีตามเขาไปไหม?” อวี่เหวินห่าวถามซาเอ๋อร์ส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าตามไปหรอก ดาบของคนๆนั้นยาว มันยาวมากๆเลย”“ยาวขนาดไหน?”ซาเอ๋อร์เปรียบเทียบให้ดู สองมือกางออกยาวประมาณหนึ่งจั้ง “ยาวขนาดนี้”หัวหน้าสายตรวจพ
สองคดีนี้ผู้ตายล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดดัง ไม่มีความแค้นอะไรกับใคร ธรรมดาจนไม่อาจสงบสุขได้อีกต่อไปถ้ามีคนจะฆ่าคนในบ้านแถวแบบนั้นโดยไม่รบกวนให้เพื่อนบ้านตื่นตกใจ ต้องลงมือในชั่วพริบตาเดียว ให้พวกเขาใกล้หมดลม ไม่ก็ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้แม้ว่าผลการชันสูตรพลิกศพนั้น กลับถูกดาบทื่อฟันจนบาดเจ็บ บนร่างกายศพไม่ได้มีแค่แผลเดียว ไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากอาวุธซึ่งมันหมายความว่าตั้งแต่ถูกฟันลงไปเพื่อปลิดชีพ พวกเขายังมีเวลาพอที่จะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาได้แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าพูดเพื่อนบ้านอยู่ไกลกันก็ตัดทิ้งไปได้เลย ในหมู่บ้านบ้านช่องล้วนติดกันหมด เพราะกลัวว่าจะเสียเปรียบเสียที่ดินไปสักนิ้วหนึ่งให้คนอื่นนอกจากนี้ตัวบ้านเรือนเองก็ไม่ได้ใหญ่ เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นโดยมีแค่กำแพงขวางกั้น ไม่มีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดออกมาแม้แต่คำเดียว นี่มันแปลกเกินไปแล้วจริง ๆซาเอ๋อร์บอกฝ่ายตรงข้ามใช้ดาบ แต่สองบ้านที่เสียชีวิตไปล้วนไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกดาบฟัน มองดูแล้วคำพูดของซาเอ๋อร์เชื่อถือไม่ได้เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวหยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปวางไว้บนลำคอของเข าและยื่นมือ
ฉีหลัวยิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “บ่าวทราบแล้ว ท่านอ๋องช่างใส่พระทัยจริง ๆ เพคะ”นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านอ๋องจะมีมุมละเอียดอ่อนดูแลเอาใจใส่อย่างนี้?อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้ว ไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้วชอบทำอะไรลวกไม่ใส่ใจสุดๆแบบนี้ ถ้าเขาไม่พูดย้ำให้มากหน่อย นางต้องไม่รู้สึกตัวเป็นแน่หลังจากที่ได้สัมผัสความเจ็บปวดที่เกือบจะสูญเสียนางไป อวี่เหวินห่าวก็ได้เข้าใจถึงความหมายของคำว่ารักและทะนุถนอมสองคำนี้ในท้องพระโรง ขุนนางฝ่ายทหารและขุนนางฝ่ายพลเรือน เข้าแถวแยกฝั่งกันจักรพรรดิหมิงหยวนขึ้นบังลังก์มังกรและนั่งลงอย่างช้า ๆ ด้านล่างกล่าวคำถวายพพระพรทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี สามครั้ง เขากวาดตามองอย่างน่าเกรงขาม “ทั้งหมดลุกขึ้น มีเรื่องต้องหารือ!”ฉู่โซ่วฝูก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมืองหลวงช่วงนี้ได้เกิดคดีฆาตกรรมอุกอาจสองคดี ผู้คนในเมืองล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้ ถ้าจับตัวฆาตกรมาตัดสินประหารชีวิตสักวัน เกรงว่าราษฎรจะไม่สบายใจ ยิ่งนานวันยิ่งสร้างความหวาดวิตกในใจแก่ราษฎรนะพ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของโซ่วฝู ขุนนางขั้นต่ำกว่าก็ต้องกล่าวสนับสนุนเป็นธรรมดาอวี่เ
เขาเหลือบมองอ๋องจี้ ท่าทางเขาดูพอใจน่าดูทีเดียวส่วนปฏิกริยาของฉู่โซ่วฝูในวันนี้ เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดฉู่โซ่วฝูให้ความสำคัญแก่เรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง คดีนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ราษฏร ฉู่โซ่วฝูจึงเสนอให้รีบไขคดีนี้โดยไว นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาแต่เบาะแสที่พบในตอนนี้ มีแค่คนบ้าหนึ่งคนกับหมาอีกหนึ่งตัว คนบ้ากับหมา จะสามารถหาเบาะแสไขคดีนี้ได้ไหม?เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้หลังจากออกจากท้องพระโรงแล้ว อวี่เหวินห่าวกลับไปที่จวนก่อนรอบนึง แล้วพบว่าหยวนชิงหลิงสั่งให้คนพานางไปที่จวนอ๋องฮว่าย เขาส่ายหน้า นางไม่สามารถนอนนิ่ง ๆ ได้จริง ๆ กลับถึงสำนักผู้ตรวจการ อวี่เหวินห่าวได้มาบอกพระบัชญาของฝ่าบาท ในเวลาเจ็ดวันนี้ต้องไขคดีให้ได้มีเสียงร้องครวญครางย่ำแย่ไปทั่วสำนักผู้ตรวจการอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะ แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ยังไม่รีบไปหาเบาะแสอีก? ไปสอบถามผู้คนโดยรอบหรือไปสำรวจพื้นที่โดยรอบหาอาจพบสิ่งที่จะเป็นอาวุธสังหาร?”อวี่เหวินห่าวโกรธ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกสำนักผู้ตรวจการก็ยุ่งวุ่นวายในทันทีไม่กี่วันถัดมา อวี่เหวินห่าวล้วนออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืดตอนที่หยวนช
สนมหลู่เฟยมองไปที่นาง “ถ้านางขอร้องให้เจ้าไปช่วยรักษา เจ้าจะไปช่วยรักษาหรือไม่?”หยวนชิงหลิงยิ้ม “นางไม่มีทางขอร้องข้า”“ยากที่จะพูดนะ คน ๆ นี้ไม่มีขีดจำกัด”องค์หญิงหลัวผิงเองก็มองนางด้วยความสงสัย “ถ้านางมาขอร้องเจ้าจริงหรือ?”หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่ “ในใจข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมอย่างแน่นอน”อ๋องจี้เคยลงมือกับอวี่เหวินห่าวมาแล้ว การลอบสังหารครั้งนั้น เขาเกือบจะเสียชีวิตไปแล้วพระชายาจี้เองก็ไม่ใช่คนดี นางโหดเหี้ยมอำมหิตกว่าอ๋องจี้เสียอีก ไม่ฉะนั้นคงไม่เจตนาทำให้อ๋องฮว่ายเข้าใจผิด ให้เขายอมแพ้ที่จะรักษาถ้าไม่มีสองสามีภรรยาคู่นี้กระโดดโล้ดเต้นไปมา ชีวิตคงดีกว่านี้แน่ๆประมาณปลายยามจิ้วหยวนชิงหลิงก็กลับไปที่จวนอ๋อง รออวี่เหวินห่าวกลับมาไม่กี่คืนก่อนหน้านี้ นางเหนื่อยล้ามาก รอแล้วรออีกจนผล็อยหลับไป คืนนี้ไม่ว่ายังไง นางก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมาคืนนี้อวี่เหวินห่าวไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมไม่มีความคืบหน้าใด สอบสวนมานาน ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฆาตกรมีกี่คนส่วนอาวุธสังหาร ก็ยังหายสาบสูญไม่พบร่องรอยเขาเขียนประกาศไปติดที่ป้ายประกาศ ถ้ามีใครพบอาวุธสังหารที่มีลักษณะคล้ายคลึงกั