มุมปากของกู้จิ้งหรงยกยิ้มขึ้น แผนที่วางไว้สำเร็จเขาเริ่มพูดอย่างไม่ร้อนรนอะไร: "แม่แกเสียไปแล้ว สร้อยคอเส้นหนึ่งของเธอยังอยู่ที่ฉันนี่ เป็นสินเดิมแม่แกตอนนั้น"กู้หว่านฉิงรู้สึกสงสัยในใจเขาจู่ๆ มาให้เธอกลับไป แน่นอนว่ามีบางอย่างผิดปกติสร้อยเส้นนี้เขาเอาขึ้นมาหลอกเธอหรือเปล่า?"ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย?"เธอขมวดคิ้วถาม และกำโทรศัพท์มือถือแน่น"ถ้าไม่เชื่อ แกไปถามยายแกก็ได้ ยายแกจะให้คำตอบกับแกเอง ฉันส่งบัตรเชิญไปให้แกทางไปรษณีย์แล้ว"กู้จิ้งหรงสีหน้าเหี้ยมโหด ดวงตาเปล่งประกายแห่งชัยชนะกู้หว่านฉิงวางสายโทรศัพท์แล้ววิ่งไปที่ห้องนอนของคุณยายเจียงคุณยายเจียงกำลังฮัมเพลงอยู่ ส่วนมือก็กำลังเย็บเสื้อผ้าที่ขาด"คุณยาย หนูอยากถามอะไรหน่อยค่ะ"กู้หว่านฉิงผลักประตูเข้าไปแล้วเข้าเรื่องทันทีคุณยายเจียงหยุดทุกอย่างในมือมามองเธอ: "หว่านฉิง ถามมาเลย"หว่านฉิงท่าทางจริงจังดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญมาก"กู้จิ้งหรงบอกว่า สินเดิมของแม่หนูเป็นสร้อยคอเส้นหนึ่งอยู่ที่เขา ให้หนูไปเอา มีสร้อยคอเส้นนี้จริงไหมคะ?"คุณยายเจียงพยักหน้า:"มีสร้อยคอเส้นนั้นจริง คุณตาหนูให้ยายไว้ สมัยยายสาวๆ ต่อมาเม
"เตรียมเก็บกระเป๋าได้ รอให้ฉันตรวจเอกสารเสร็จแล้วจะไปสนามบิน"ได้ยินคำสั่ง เซียงหนานก็พยักหน้า มองนาฬิกา เวลายังเช้าอยู่เขาเตือนว่า:"คุณชายลี่ หลังจากกลับประเทศแล้ว เราไปหาคุณหนูกู้เพื่อฝังเข็มเถอะครับ"ลี่โม่เจวี๋ยพยักหน้า ถึงที่เวลาที่ต้องรีบไปรักษาแล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็รีบไปสนามบินและขึ้นเครื่องบินกลับประเทศพอลงจากเครื่องบิน เขาก็รู้สึกปวดขมับ ลี่โม่เจวี๋ยยกมือขึ้นนวดนั่งเครื่องบินสิบชั่วโมงกว่า เขารู้สึกเหนื่อยมากออกจากสนามบินก็เห็นคนขับรถของตระกูลลี่มารออยู่ที่นั่นแล้วคนขับเห็นลี่โม่เจวี๋ยก็ก้มศีรษะอย่างเคารพและกล่าวว่า: "คุณชายลี่ ท่านประธานใหญ่บอกว่า คืนนี้สองทุ่ม ท่านต้องไปงานแต่งงานของคุณชายกลุ่มบริษัทฉิน ฉินจือโม่ "เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียงหนานขมวดคิ้วและมองนาฬิกาข้อมือ "สองทุ่ม? ตอนนี้หกโมงแล้วนะ งั้นก็แปลว่าเราต้องไปกันเลยสิใช่ไหม? คุณชายลี่ทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ ต้องการพักผ่อน "เขากังวลว่าร่างกายของคุณชายลี่จะทนไม่ได้เอาน่ะสิ ในความคิดของเขา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการติดต่อคุณหนูกู้ให้รักษาคุณชาย คนขับรถลำบากใจ จ้องมองไปที่ลี่โม่เจวี๋ย รอให้เขาแ
กู้หว่านฉิงรู้สึกราวกับเหมือนมีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่ตรงหน้า บดบังสายตาของเธอยื่นมือออก มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า แต่รู้สึกได้ชัดเจน!ราวกับมีเปลวไฟห่อหุ้มกายไว้ทั้งร่าง ไอคลื่นความร้อนพัดสาดเข้ามาเป็นระลอกข้างหูมีเสียงหอบหายใจหนักๆ เป็นเสียงครางต่ำของชายที่ไม่อาจสะกดกั้นได้ และแฝงไปด้วยความต้องการครอบครองอย่างรุนแรงเธอพยายามลืมตาเพื่อมองให้ชัดเจน แต่เปลือกตาของเธอกลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีน้ำหนักเป็นพันๆกิโลไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน พายุลมฝนก็หยุดลง ในที่สุดเธอก็เหลือบเห็นหน้าอกแน่นและเซ็กซี่ ตรงตำแหน่งใกล้กับหัวใจด้านซ้ายมีนกอินทรีดำที่กำลังกางปีกโบยบิน ดวงตาของนกอินทรีคมกริบราวกับสัตว์ร้าย ที่แฝงไปด้วยความดุร้าย......มันเหมือนกับสายตาของยมทูต ที่ทำให้ต้องรู้สึกสั่นกลัว!“กรี๊ด...”กู้หว่านฉิงร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับตื่นจากฝันเธอนั่งตัวตรงบนเตียงด้วยเหงื่อที่เย็นๆท่วมหัว ท้องที่ตั้งครรภ์เก้าเดือนทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูเงอะงะและยากลำบากนอนอยู่ข้างๆ คุณยายเจียงที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของหลานสาว ก็รีบลุกขึ้นถาม”เป็นอะไรไปล่ะ ยัยหนู? ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”กู้หว่านฉิงพยัก
ห้าปีต่อมาณ ร้านขายยาแผนโบราณในเมืองหยุนเฉิงที่ตกแต่งร้านแบบย้อนยุคกู้หว่านฉิงเพิ่งขายสมุนไพรชุดหนึ่งได้รายได้มาไม่เลวเลยทีเดียวเธอเดินไปทางที่จอดรถอย่างอารมณ์ดี ตั้งใจว่าจะพาเด็กน้อยสองคนในรถไปกินอาหารดีๆห้าปีก่อน เธอให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงก็เลยพาคุณยายกับลูกสองคนไปอาศัยอยู่แถบชานเมือง และที่นั่นเธอได้รู้จักกับหมออาวุโสคนหนึ่งที่สอนเธอเกี่ยวกับการแพทย์ การแยกแยะสมุนไพรต่างๆ รวมถึงการปลูกสมุนไพรด้วยตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอใช้มันเลี้ยงดูครอบครัวปัจจุบันเด็กทั้งสองเติบโตอย่างแข็งแรงและชีวิตก็ราบรื่นและมีความสุขระหว่างที่คิดอยู่นั้นกู้หว่านฉิงก็เดินผ่านจัตุรัสกลาง ในตอนนี้หน้าจอคริสตัล LCD ขนาดใหญ่เหนือจัตุรัสกำลังประกาศข่าวอยู่ "ดาราน้องใหม่ในวงการบันเทิง คุณหนูตระกูลกู้ผู้ร่ำรวย —— กู้หยู่ซิน เตรียมเข้าพิธีแต่งงานกับคุณชายตระกูลฉิน ฉินจือโม่ หลังจากคบหากันมานานถึงห้าปี ในที่สุดก็ได้สมหวัง"กู้หว่านฉิงหยุดก้าวทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าจอเห็นภาพชายหญิงในภาพที่กำลังถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอยู่พอดีทั้งสองกอดกันอย่างลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความรัก!กู้หว่านฉิงรู้สึกเจ็บปวดในดวง
"หม่ามี๊ ผมกับน้องไม่เป็นไรฮะ"กู้เย่เฉินพูดอย่างใจเย็นกู้หว่านฉิงรู้สึกดีใจ โชคดีที่เด็กๆไม่เป็นอะไรมาก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเบรกทันเวลา เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก"ลูกรัก หม่ามี๊จะลงจากรถไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นนะ? พวกหนูอยู่ในรถกันให้เรียบร้อยนะ "เธอกำชับไว้ก่อนหนึ่งประโยค จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงจากรถในตอนนั้นเองคนขับรถก็ลงจากรถ ตรวจดูสภาพรถ สีหน้ามีความโกรธเล็กน้อย เมื่อเห็นกู้หว่านฉิง เขาก็ถามขึ้น"คุณขับรถอะไรของคุณ? อยู่ดีๆ ก็หยุดกลางถนน!""ขอโทษจริงๆ รถของฉันดูเหมือนจะเสียค่ะ"กู้หว่านฉิงรู้ว่าเป็นปัญหาที่เธอเองจึงขอโทษอย่างจริงใจ แล้วหันไปดูรถของเธอ ด้านหลังยุบลงไปเป็นหลุมใหญ่ ก่อนจะดูรถของอีกฝ่ายใบหน้าของเธอซีดเผือดในทันที เมื่อเธอจำได้ว่ารถที่อยู่ตรงหน้าเป็นรถเมอร์เซเดสมายบัค และยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำนวนจำกัดทั่วโลก มูลค่าพื้นฐานนั้นประมาณสองร้อยล้านบาทกู้หว่านฉิงรู้ดีว่าครั้งนี้เธอต้องรับผิดชอบ เรื่องเงินชดเชยอุบัติเหตุควรเป็นหน้าที่เธอพอคิดว่าจะต้องชดใช้เงินมากขนาดนั้น หัวใจของเธอก็ตกวูบในช่วงสองปีที่ผ่านมา ครอบครัวค่อนข้างลำบากเพราะคุณยายป่วย
ดูจากท่าทางเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถตัดสินใจได้เจ้าของรถควรนั่งอยู่ข้างหลังกู้หว่านฉิงแอบมองไปโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ สวมสูทสีดำเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาอย่างที่สุด มีออร่าที่เต็มไปด้วยความสูงส่งจนไม่สามารถมองข้ามได้เพียงแต่ว่าริมฝีปากของเขาขาวมาก ดูอ่อนแอเล็กน้อยและกำลังหลับตาพักผ่อนข้างๆชายคนนั้นยังมีชายหนุ่มสวมแว่นตาขอบทองนั่งอยู่ ดูเป็นผู้ใหญ่มั่นคง ในดวงตาแฝงด้วยความเฉลียวฉลาดและการคิดวางแผน ทว่าคิ้วแฝงด้วยความกังวลเขาเอ่ยปากพูดว่า:"ลุงหลี ให้นามบัตรกับคุณผู้หญิงคนนี้ ไปก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องการชดเชยทีหลัง ตอนนี้พาคุณชายไปหาผู้อาวุโสฮั่วก่อน อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่"ขณะที่พูดอยู่นี่ เมื่อเข้าใกล้รถกู้หว่านฉิงก็ใช้ความประสาทรับกลิ่นที่เฉียบแหลมของเธอ ได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยออกมาจากในรถเธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในใจคาดเดาว่าผู้ชายบนรถน่าจะได้รับบาดเจ็บ เธออดไม่ได้ที่จะมองเขาอยู่หลายครั้ง ผู้ชายคนนี้ดูไม่ใช่คนดีอะไร ลี่โม่เจวี๋ยที่อยู่บนรถ ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาจากข้างๆเขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาของเขาลึกรา
กู้หว่านฉิงถอนหายใจในใจด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอโทรบอกที่อยู่กับบริษัทลากรถก่อน จากนั้นจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่นานนัก หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมาถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจจราจรก็ได้สอบถามสถานการณ์คร่าวๆ และเมื่อทราบว่าได้ตกลงกันเองแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเธอมองดูบริษัทลากรถลากรถไปด้วยความรู้สึกเสียดาย"คุณกู้ กรุณาไปสถานีตำรวจกับผมเพื่อบันทึกคำให้การด้วยครับ"เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเดินเข้ามาพูดประโยคหนึ่งกู้หว่านฉิงพยักหน้ารับคำ จูงเจ้าตัวน้อยขึ้นรถตำรวจ รอจนจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พอกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำแล้วอีกด้านหนึ่งนั้นรถของลี่โม่เจวี๋ยก็มาถึงร้านขายยาตระกูลฮั่วแล้วผู้ช่วยเซียงหนานเดินนำลงจากรถมา ก่อนจะเปิดประตูรถและช่วยคนขับพยุงลี่โม่เจวี๋ยเข้าไปทันทีที่เขาเข้าประตู เขาก็มองไปที่พนักงานต้อนรับสาวและถามอย่างเร่งรีบว่า "ผู้อาวุโสฮั่วอยู่ไหน?"พนักงานต้อนรับรีบเดินเข้ามาและพาเขาเข้าไปข้างใน "ผู้อาวุโสฮั่วรออยู่นานแล้วค่ะ เชิญเลยค่ะ"ไม่นานนักลี่โม่เจวี๋ยก็ถูกเชิญเข้าห้องภายในห้องตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกและมีเสน่ห์ กลิ่นหอมอ่อนของไม้จันทน์ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ บรรยากาศเง
เซียงหนานที่อยู่ข้างๆก็ตกใจขึ้นมาและรีบถามว่า: "ผู้อาวุโสฮั่ว มีเยอะไหมครับ? ถ้ามีผมหวังว่าผู้อาวุโสฮั่วจะยอมขาย มีเท่าไหร่เราซื้อหมดครับ!"ถ้าแบบนี้คุณชายอาจจะไม่ต้องมาเจ็บปวดมากขนาดนั้นก็ได้ผู้อาวุโสฮั่วหัวเราะแล้วพูดว่า, "คิดว่ามันเป็นผักกาดขาวหรือยังไง คิดจะซื้อเป็นกำๆงั้นเหรอ? ก็บอกแล้วว่ามันหายาก""งั้น……"ยากมากที่จะได้เห็นความหวังอันน้อยนิด เซียงหนานยังคงไม่ยอมแพ้ผู้อาวุโสฮั่วเอ่ย:"มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่ะ หญิงสาวที่มักหาสมุนไพรมาให้บอกว่าเธอบังเอิญได้มันมาไม่กี่ต้น ปู่ก็ถามเธอแล้วว่ามีเหลืออีกไหม เธอบอกว่าไม่มีแล้ว"เซียงหนานมีสีหน้าผิดหวังขึ้นมาอย่างชัดเจน ลี่โม่เจวี๋ยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงแต่แววตาของเขากลับหม่นหมองลงเล็กน้อยโรคเก่าของเขาเป็นมาหลายปีแล้วหลายปีที่ผ่านมาได้เสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงทั่วโลก แต่ก็ไม่มีความหวังที่จะรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงแค่การยืดชีวิตออกไปเท่านั้น แต่กลับมีผู้อาวุโสฮั่วนี่ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้บ้างตอนนี้ ในที่สุดก็รู้ว่ามียาที่ได้ผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว ลี่โม่เจวี๋ยย่อมหวังว่าเขาจะสามารถหาซื้อมันเพิ่มได้อีกเพื่อมาใช้ในการวิจัยยา ไม่แ