กู้เย่เฉินและกู้ซิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังกู้หว่านฉิง มองหน้ากันไปมาพวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆหม่ามี๊พวกเขาถึงรักษาลุงหน้าตาดีคนนี้แม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้ารบกวนเลยแค่มองดูอย่างเชื่อฟัง"เหมียว~"เสียงแมวร้องเบาๆ ลูกแมวสองตัวถูกขังอยู่นอกประตูพวกเขามองตากัน ลูกแมวของพวกเขาเรียกหาพวกเขาแล้ว!เด็กสองตัวเล็กย่องเบาๆ วิ่งไปเปิดประตู อุ้มกันมาคนละตัว แล้วกลับมาดูหม่ามี๊กู้หว่านฉิงหยิบจับอย่างชำนาญ เธอฆ่าเชื้อเข็มเรียบร้อยแล้ว"เริ่มกันเลย"เธอพูดบอกก่อน มือไม้คล่องแคล่ว หนึ่งเข็มฝังลงบนแผ่นหลังของลี่โม่เจวี๋ยความเร็วมาก เขายังไม่ทันรู้สึกเจ็บ ก็เสร็จแล้ว แผ่นหลังเขามีอาการปวดเมื่อยเล็กน้อย .กู้เย่เฉินและกู้ซิงเฉินที่รู้สึกเบื่อหน่ายสบตากับลี่โม่เจวี๋ยสายตาคมกริบ แต่ไม่รู้ทำไม ทำให้รู้สึกเป็นมิตร"คุณลุงหน้าตาดี ที่แท้ลุงก็ไม่ได้มาเอาเงินจากบ้านหนูจริงๆ ด้วย"กู้ซิงเฉินรวบรวมความกล้าเริ่มบทสนทนาด้วยเสียงนุ่มนวลเธอรู้สึกว่าลุงคนนี้ดูเหมือนก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นลี่โม่เจวี๋ยมองเธอ ตอนนี้สิถึงได้มีเวลาสังเกตเด็กสาวคนนี้อย่างละเอียดเธอเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและ
เซียงหนานที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอก็ประหลาดใจเล็กน้อยถ้าเป็นคนอื่น พอรู้ว่าคุณชายของเขามีสถานะสูงส่งขนาดนี้ คงรีบมาประจบประแจงตั้งนานแล้วแต่คุณหนูกู้ดูเหมือนจะประหลาดใจ แต่ไม่มาก แถมดึงสติได้อย่างรวดเร็วเขารู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้เหรอว่าสถานะนี้หมายถึงอะไร?จะว่างงก็งงอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากโอ้อวดอะไรกับคนอื่นเขาอยู่วงการธุรกิจมานาน เขารู้ดีว่าเป็นคนนั้นต้องรู้จักถ่อมตัวตอนนี้กู้หว่านฉิงฝังเข็มเรียบร้อยแล้วเธอมองดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเข็มทุกเล่มมีแรงเหมาะสมถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน"ฝังเสร็จแล้ว อย่าไปยุ่งกับเข็มที่หลังเขานะ ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ฉันจะมาถอดเข็มออกค่ะ"กู้หว่านฉิงยิ้มอย่างสง่างามและมีมารยาท ก่อนจะพูดกับเซียงหนานจากนั้นเธอก็สั่งเด็กสองคนว่า " ซิงเฉินตามหม่ามี๊ไปปรุงยา เย่เฉินอยู่ที่นี่คอยดูเวลาแล้วเรียกหม่ามี๊นะ"เด็กสองคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเธอจับมือเล็กๆ ของกู้ซิงเฉินและออกจากห้องนอน กู้เย่เฉินมองตามพวกเธอจากไป จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องโถงตอนที่เขาเข้ามา มีนาฬิกาจับเวลาอยู่ในมือและของเล่นอีกชิ้นหนึ่งกู้เย่เฉ
ลี่โม่เจวี๋ยยืนกราน: "หม่ามี๊หนูรักษาลุง มีบุญคุณกับลุง ลุงเลยให้ของเล่นหนูก็เป็นสิ่งที่ควรทำนี่!"กู้เย่เฉินยังคงส่ายหัว ยืนกรานที่จะไม่รับของของเขาลี่โม่เจวี๋ยรู้สึกชื่นชมในใจ เด็กคนนี้ไม่เห็นแก่ตัวเลย สุภาพและรู้จักกาลเทศะคุณหนูกู้คนนี้สอนลูกออกมาได้แบบนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จมากทีเดียวเซียงหนานอดไม่ไหวเอ่ยปากชม:"หม่ามี๊และพ่อหนู สอนลูกเก่งจริงๆ"เขาเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเด็กน้อยที่น่ารักขนาดนี้กู้เย่เฉินขมวดคิ้วไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด"พวกเราไม่มีพ่อ มีแต่หม่ามี๊กับคุณยายทวด"น้ำเสียงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่ารู้สึกถูกล่วงเกินลี่โม่เจวี๋ยและเซียงหนานชะงัก พวกเขาดูเหมือนจะพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรพูดซะแล้วพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่พวกเขาเข้ามา ก็ไม่เห็นพ่อของเด็กเลยสองครั้งก่อนหน้านี้ที่พบกับคุณหนูกู้ เธอก็อยู่คนเดียวตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอคงจะหย่าร้างแล้ว"เด็กน้อย ขอโทษนะ ลุงไม่ได้ตั้งใจ"เซียงหนานขอโทษอย่างจริงใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะแตะบาดแผลของเด็กคนนี้แม้จะเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว แต่เด็กทั้งสองคนนี้ก็เติบโตมาอย่างยอดเยี่ยมกู้เย่เฉินกลับไม่ได้ใส่ใจ:"ไม่เป็นไร ผมเ
เซียงหนานแทบสำลักเป็นเลือดออกมา เธอนี่ขูดเลือดขูดเนื้อชัดๆแค่ยาสองห่อเอง สองแสนห้าเลยเหรอ? แพงเกินไปแล้ว!"มีสมุนไพรจีนราคาสองแสนห้าที่ไหน อีกอย่างไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วว่าจะใช้เป็นค่าชดเชยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำไมยังให้เราโอนเงินอีกล่ะ?"เซียงหนานขมวดคิ้วมองเธอ มันเกินไปแล้วนะเขาสงสัยว่าเธอเห็นคุณชายลี่รวยหรือเปล่าเลยเริ่มคิดที่จะเอาเงินจากพวกเขากู้หว่านฉิงอธิบายเหตุผลอย่างไม่พอใจนัก:"สมุนไพรธรรมดาน่ะราคาไม่แพง แต่ที่นี่มีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าสูง ในมือฉันมีแค่สามต้น มันไม่มีขายตามท้องตลาดนะ! สมุนไพรนี้เป็นส่วนประกอบหลักในการรักษาอาการป่วยของคุณชายบ้านคุณ "ยาที่เธอปลูกอยู่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกๆแม้แต่ค้าขายกับผู้อาวุโสฮั่วก็ยังเป็นราคานี้เลยเธอซื่อสัตย์สุจริตแต่กลับถูกสงสัยนึกถึงผลการเจรจาครั้งก่อน เธอเสริมว่า: "เงินจากอุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นเป็นค่ารักษาพยาบาลแต่ค่ายาแยกต่างหาก เราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้ว "เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เรื่องค่ารักษาพยาบาลตอนนั้นพวกเขาเองก็ไม่ได้คัดค้านเซียงหนานโกรธจัดทันที เขาเกือบหลุดปากว่า "คุณนี่กำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้
เซียงหนานพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขาอาการป่วยของคุณชายนั้นเป็นติดต่อกันมานานตอนนั้นพวกเขาพยายามอย่าง เพียงเพื่อหาคนที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้น่าเสียดายที่มันไม่เคยได้ผล ทุกครั้งที่จะมาด้วยความตื่นเต้น แต่กลับจบด้วยความผิดหวังตอนนี้คนนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว แต่กลับเป็นหญิงสาวอายุน้อย ทำให้คนรู้สึกยากจะเชื่ออุบัติเหตุนั้นก็เป็นโชคชะตาของพวกเขาเช่นกันในตอนนั้นเอง จู่ๆลี่โม่เจวี๋ยสั่งทันทีว่า: "ไปต่างประเทศครั้งนี้ ซื้อเลโก้หลายๆชุดให้กับฝาแฝดคู่นั้นเถอะ "เซียงหนานพยักหน้าและมองเขาอย่างประหลาดใจคุณชายทำไมจู่ๆ ถึงสนใจลูกของคนอื่นขนาดนี้ล่ะ?เขาลองเชิงถาม:"คุณชายดูเหมือนจะชอบฝาแฝดคู่นั้นมากเลยนะครับ?"ลี่โม่เจวี๋ยมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วถอนหายใจในดวงตาที่สงบนิ่งของเขา มองไม่ออกว่าคิดอะไร"ไม่รู้ทำไม ฉันถึงรู้สึกผูกพันกับพวกเขาอย่างบอกไม่ถูก"เขาเองก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงเก็บคำพูดของเด็กๆไว้ในใจความผิดหวังในแววตาเพราะไม่มีเลโก้ของเจ้าหนูนั่น มันฝังอยู่ในใจของเขา ไม่จางหายไปตัวเขาและพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกันแน่เซียงหนานไม่ได้คิดอะไรเยอะ ยิ้มและพูดว่า
มุมปากของกู้จิ้งหรงยกยิ้มขึ้น แผนที่วางไว้สำเร็จเขาเริ่มพูดอย่างไม่ร้อนรนอะไร: "แม่แกเสียไปแล้ว สร้อยคอเส้นหนึ่งของเธอยังอยู่ที่ฉันนี่ เป็นสินเดิมแม่แกตอนนั้น"กู้หว่านฉิงรู้สึกสงสัยในใจเขาจู่ๆ มาให้เธอกลับไป แน่นอนว่ามีบางอย่างผิดปกติสร้อยเส้นนี้เขาเอาขึ้นมาหลอกเธอหรือเปล่า?"ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย?"เธอขมวดคิ้วถาม และกำโทรศัพท์มือถือแน่น"ถ้าไม่เชื่อ แกไปถามยายแกก็ได้ ยายแกจะให้คำตอบกับแกเอง ฉันส่งบัตรเชิญไปให้แกทางไปรษณีย์แล้ว"กู้จิ้งหรงสีหน้าเหี้ยมโหด ดวงตาเปล่งประกายแห่งชัยชนะกู้หว่านฉิงวางสายโทรศัพท์แล้ววิ่งไปที่ห้องนอนของคุณยายเจียงคุณยายเจียงกำลังฮัมเพลงอยู่ ส่วนมือก็กำลังเย็บเสื้อผ้าที่ขาด"คุณยาย หนูอยากถามอะไรหน่อยค่ะ"กู้หว่านฉิงผลักประตูเข้าไปแล้วเข้าเรื่องทันทีคุณยายเจียงหยุดทุกอย่างในมือมามองเธอ: "หว่านฉิง ถามมาเลย"หว่านฉิงท่าทางจริงจังดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญมาก"กู้จิ้งหรงบอกว่า สินเดิมของแม่หนูเป็นสร้อยคอเส้นหนึ่งอยู่ที่เขา ให้หนูไปเอา มีสร้อยคอเส้นนี้จริงไหมคะ?"คุณยายเจียงพยักหน้า:"มีสร้อยคอเส้นนั้นจริง คุณตาหนูให้ยายไว้ สมัยยายสาวๆ ต่อมาเม
"เตรียมเก็บกระเป๋าได้ รอให้ฉันตรวจเอกสารเสร็จแล้วจะไปสนามบิน"ได้ยินคำสั่ง เซียงหนานก็พยักหน้า มองนาฬิกา เวลายังเช้าอยู่เขาเตือนว่า:"คุณชายลี่ หลังจากกลับประเทศแล้ว เราไปหาคุณหนูกู้เพื่อฝังเข็มเถอะครับ"ลี่โม่เจวี๋ยพยักหน้า ถึงที่เวลาที่ต้องรีบไปรักษาแล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็รีบไปสนามบินและขึ้นเครื่องบินกลับประเทศพอลงจากเครื่องบิน เขาก็รู้สึกปวดขมับ ลี่โม่เจวี๋ยยกมือขึ้นนวดนั่งเครื่องบินสิบชั่วโมงกว่า เขารู้สึกเหนื่อยมากออกจากสนามบินก็เห็นคนขับรถของตระกูลลี่มารออยู่ที่นั่นแล้วคนขับเห็นลี่โม่เจวี๋ยก็ก้มศีรษะอย่างเคารพและกล่าวว่า: "คุณชายลี่ ท่านประธานใหญ่บอกว่า คืนนี้สองทุ่ม ท่านต้องไปงานแต่งงานของคุณชายกลุ่มบริษัทฉิน ฉินจือโม่ "เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียงหนานขมวดคิ้วและมองนาฬิกาข้อมือ "สองทุ่ม? ตอนนี้หกโมงแล้วนะ งั้นก็แปลว่าเราต้องไปกันเลยสิใช่ไหม? คุณชายลี่ทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ ต้องการพักผ่อน "เขากังวลว่าร่างกายของคุณชายลี่จะทนไม่ได้เอาน่ะสิ ในความคิดของเขา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการติดต่อคุณหนูกู้ให้รักษาคุณชาย คนขับรถลำบากใจ จ้องมองไปที่ลี่โม่เจวี๋ย รอให้เขาแ
กู้หว่านฉิงรู้สึกราวกับเหมือนมีหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่ตรงหน้า บดบังสายตาของเธอยื่นมือออก มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า แต่รู้สึกได้ชัดเจน!ราวกับมีเปลวไฟห่อหุ้มกายไว้ทั้งร่าง ไอคลื่นความร้อนพัดสาดเข้ามาเป็นระลอกข้างหูมีเสียงหอบหายใจหนักๆ เป็นเสียงครางต่ำของชายที่ไม่อาจสะกดกั้นได้ และแฝงไปด้วยความต้องการครอบครองอย่างรุนแรงเธอพยายามลืมตาเพื่อมองให้ชัดเจน แต่เปลือกตาของเธอกลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีน้ำหนักเป็นพันๆกิโลไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน พายุลมฝนก็หยุดลง ในที่สุดเธอก็เหลือบเห็นหน้าอกแน่นและเซ็กซี่ ตรงตำแหน่งใกล้กับหัวใจด้านซ้ายมีนกอินทรีดำที่กำลังกางปีกโบยบิน ดวงตาของนกอินทรีคมกริบราวกับสัตว์ร้าย ที่แฝงไปด้วยความดุร้าย......มันเหมือนกับสายตาของยมทูต ที่ทำให้ต้องรู้สึกสั่นกลัว!“กรี๊ด...”กู้หว่านฉิงร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับตื่นจากฝันเธอนั่งตัวตรงบนเตียงด้วยเหงื่อที่เย็นๆท่วมหัว ท้องที่ตั้งครรภ์เก้าเดือนทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูเงอะงะและยากลำบากนอนอยู่ข้างๆ คุณยายเจียงที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของหลานสาว ก็รีบลุกขึ้นถาม”เป็นอะไรไปล่ะ ยัยหนู? ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”กู้หว่านฉิงพยัก