กรี๊ดดดดดดด...
เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งที่ดังออกมาจากด้านในห้อง ทำให้เด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าสองนางที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะมองสบตากันอย่างตื่นตระหนก เนื้อตัวของทั้งสองสั่นเทาขึ้นอย่างยากที่จะระงับ ได้แต่โอดครวญโดยไร้เสียง
คุณหนูคลุ้มคลั่งอีกแล้ว
เหตุที่พวกนางทั้งสองมีท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ นั่นก็เพราะเมื่อวานนี้คุณหนูของพวกนางอาละวาดขว้างปาข้าวของภายในเรือนจนเละเทะ ทั้งยังร้องไห้อย่างหนัก ก่อนจะลื่นเม็ดไข่มุกที่ตกอยู่เกลื่อนพื้นเพราะฝีมือของตัวเองจนล้มลงหัวกระแทกแล้วสลบไป จนพวกนางพากันตกอกตกใจโชคดีที่ท่านหมอบอกว่าผู้เป็นนายไม่ได้เป็นอันใดมาก แต่ไม่คิดว่าเมื่อฟื้นคืนสติคุณหนูยังคงไม่คลายความขุ่นเคืองใจ พวกนางไม่รู้ว่าจะต้องตั้งรับกับสถานการณ์เช่นนี้ไปอีกกี่วัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกนางก็ไม่ชินเสียที
"ลี่ลี่ เจ้าเข้าไปดูคุณหนูหน่อยเถิด"
ลี่ลี่ เจ้าของนามนั้นเป็นแฝดผู้น้องตวัดตามองแฝดผู้พี่ของตน ก่อนจะเบนสายตามองไปยังห้องนอนของผู้เป็นนายอย่างช่างใจ แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วการที่นางเข้าไปในตอนนี้คงไม่แคล้วได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปเองเล่าลู่ลู่"
ลู่ลู่ผู้เป็นแฝดพี่ตอนนี้ใบหน้าอวบอิ่มจิ้มลิ้มที่เหมือนกันกับนางทุกส่วนยกเว้นไฝเม็ดเล็กเหนือริมฝีปากของอีกฝ่ายที่บ่งบอกความแตกต่างของสองพี่น้องแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่นั่นไม่อาจทำให้ผู้เป็นน้องสาวที่คลอดหลังนางแค่เพียงครึ่งเค่อรู้สึกสงสาร
"เจ้าเป็นน้องนะลี่ลี่ เหตุใดจึงไม่เชื่อฟังข้าผู้เป็นพี่สาว"
"ก็เจ้าเป็นพี่ของข้าอย่างไรเล่า เช่นนั้นเจ้าจึงต้องเป็นผู้นำให้ข้า มิถูกต้องหรอกหรือ"
สองพี่น้องต่างก็ไม่มีใครยินยอมที่จะเข้าไปด้านใน เพราะรู้ดีว่าเมื่อคุณหนูเป็นเช่นนี้ พวกนางมักจะเจ็บตัวเสียทุกครั้ง ที่คุณหนูอาละวาดไปเมื่อวานพวกนางก็ได้แผลมาคนละแผลสองแผลอีกทั้งยังไม่หายระบมเสียด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นจะเมินเฉยเสียทีเดียวก็มิได้ หากผู้เป็นนายอาละวาดจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นเช่นดังเมื่อวานอีกเล่า แม้จะหวาดกลัวว่าจะเจ็บตัว แต่ความเป็นห่วงผู้เป็นนายของทั้งสองก็มีมิด้อยไปกว่ากัน
"เช่นนั้นเราก็เข้าไปพร้อมกันทั้งสองคน"
สองพี่น้องหันกลับมามองจ้องหน้ากัน ต่างก็หยั่งเชิงว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกไปก่อนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครยอมขยับ
"เจ้าก็เดินเข้าไปก่อนสิลี่ลี่"
"เจ้านั่นแหละลู่ลู่เข้าไปก่อน เจ้าเป็นพี่สาวของข้านะ"
ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวว่ากำลังคลุ้มคลั่งนั้น ตอนนี้ก็กำลังคลุ้มคลั่งจริงๆ นั่นแหละ เพราะอยู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งยังมีความทรงจำของใครก็ไม่รู้อยู่ในหัว ปะปนไปกับความทรงจำของตัวเองจนแทบจะแยกไม่ออก นั่นจึงทำให้เธอ สติแตก
ใช่ สติแตก
ม่านไหม ได้รู้ซึ้งถึงคำคำนี้อย่างถ่องแท้ก็ในวันนี้นี่แหละ
หลังจากที่ได้กรีดร้องระบายความอัดอั้นและให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็กวาดมองไปทั่วห้องกว้างที่ดูอย่างไรก็เป็นห้องในยุคจีนโบราณ ภายในห้องนี้ถูกประดับตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา เครื่องเรือนทุกอย่างดูด้วยตาก็รู้ว่าเป็นของดีมีราคา จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับกระจกทองเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเพราะบนนั้นมีเครื่องประทินโฉมของสตรีวางอยู่มากมาย
ร่างบอบบางลนลานคลานลงจากเตียงที่ตนตื่นขึ้นมาในคราแรก พุ่งตรงเข้าไปคว้ากระจกบานนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา และเพราะความลนลานบวกกับร่างกายที่สั่นไปหมด จึงทำให้ขวดกระเบื้องบนนั้นตกลงมาบนพื้นแตกกระจัดกระจาย แต่ม่านไหมหาได้ใส่ใจ ตอนนี้ที่ตนสนใจคือใบหน้าของสตรีที่ปรากฏอยู่ในกระจกมากกว่า
แม้ภาพในกระจกนั้นจะไม่ชัดแจ๋วเช่นดังกระจกในยุคปัจจุบัน แต่ก็สามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้อย่างแจ่มชัด ไม่ต้องฉลาดมากมายก็บอกได้ว่าหญิงสาวที่กำลังมีสีหน้าตื่นตะลึงในกระจกตอนนี้ก็คือตัวเธอเองไม่ผิดแน่ แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ใช่ แต่จิตวิญญาณคือเธอล้านเปอร์เซ็นต์
เธอไม่ได้ฝันไปจริงๆ หรือนี่ มีเรื่องประหลาดน่าอัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
แต่เหตุใดเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนี้จึงมาตกใส่หัวของเธอ ผู้อื่นมีเป็นสิบเป็นร้อยล้านคน เหตุใดจึงไม่เลือก
สวรรค์วิปริตแปรปรวน หรือใต้พิภพเกิดมหันตภัย
แม่ง แต่ที่แน่ๆ อีม่านไหม ซวยฉิบหาย
สตรีนางนี้ที่ม่านไหมมาสิงสู่มีนามว่าเจียงม่าน
เหตุที่กล่าวว่าเธอมาสิงสู่อีกฝ่ายก็เพราะว่าเธอนั้นได้ตายไปแล้วอย่างไรเล่า
ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือเธอ ดื่มแล้วขับ เป็นเหตุให้ขับรถตกสะพานที่ด้านล่างนั้นคือสายน้ำเชี่ยวกรากที่ลึกสุดหยั่ง
หากย้อนกลับไปได้เธอจะไม่มักง่าย ปฏิบัติตามกฎจราจร ดื่มไม่ขับ ถึงตอนนั้นจะแค่กรึ่มๆ หรือว่าเมาก็สุดจะรู้ แต่ก็ตระหนักได้ว่า แค่กรึ่มๆ ก็ถึงตาย ไม่ใช่ว่าเธอคออ่อน แต่เล่นซัดวอดก้าดีกรีสูงถึงเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์แบบเพียวๆ เล่นซะเหมือนโดนชกเข้าที่ท้องอย่างจังเลยทีเดียว
การตายของเธอเข้าตำราที่ว่า หมองูตายเพราะงูฉันใด คอสุราก็ตับแข็งตายฉันนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตับแข็งตายก็เถอะ แต่ก็ตายเพราะสุราเป็นเหตุเหมือนกัน
ไม่ได้อยากจะโม้หรอกนะ เธอนี่คอสุราตัวยงเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นสุราของประเทศไหน จะไฮคลาสหรือโลคลาสล้วนผ่านคอเธอมาแล้วทั้งนั้น และการที่เธอดื่มวอดก้าเข้าไปแบบเพียวๆ นั่นก็เพราะ...ชีวิตมันเหี้ยอย่างไรล่ะ
เธอชื่อว่า ม่านไหม อินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและการกิน(ดื่ม) สาวโสดสุดแซ่บ ลูกครึ่งไทยจีน อายุ 25 ปี ขาว สวย หมวย เผ็ด ซี้ด เจ้าของเพจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่อีกไม่นานก็คงจะดัง มีผู้ติดตามแตะหลักหมื่นได้ไม่กี่วันก่อนจะตาย
อาชีพที่ค่าตอบแทนดี ซึ่งก็คือดีจริงๆ แต่ก็ต้องอาศัยหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถผลิตคอนเทนต์ได้มากน้อยแค่ไหน ยอดผู้ติดตามเท่าไหร่ ซึ่งก็จะมีผลต่อเรทราคาในการรับงานนั่นเอง ซึ่งกว่าที่เธอจะมีผู้ติดตามหลักหมื่นต้องใช้ทั้งความสามารถและความน่าสนใจดึงดูดให้ผู้คนมาติดตาม
ผู้ติดตามหลักหมื่นของเธอเก้าพันคนนั้นคือบรรดาชายหนุ่มทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นแก่ เพราะชุดแต่ละชุดของเธอนั้นล้วนวาบหวิว รัดรูป ควักเต้าออกมาครึ่งเต้าแทบจะทุกชุด ส่วนอีกหนึ่งพันคนนั้นก็บรรดาเมียๆ ของไอ้ผู้ชายเก้าพันคนเหล่านั้นอย่างไรเล่า ที่ตามมาคอมเมนต์ด่า จนเธอต้องปิดคอมเมนต์หนี
ก็คนมันสวยช่วยไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ต้องทำมาหากิน ไม่ได้มีชีวิตที่สวยหรู นั่งกินนอนกิน เรียกได้ว่าเด็กกำพร้าแบบเธอต้องตะเกียกตะกายให้มีชีวิตรอดมาตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสองขวบ
และอยู่ๆ ก็มีคนติดต่อมาจริงๆ โดยให้เธอทำคอนเทนต์ผับของเขาและเหล้าวอดก้าของต่างประเทศที่เขานำเข้ามา เหล้าวอดก้าที่ทำจากเอทิลแอลกอฮอล์พรีเมี่ยมที่มีต้นกำเนิดมาจากพืชทางการเกษตร ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ปลูกและแปรรูปเฉพาะในประเทศนั้นเท่านั้น สายดื่มอย่างเธอไหนเลยจะพลาด เพียงได้ลิ้มรสชาติของมันก็รู้สึกถึงกลิ่นและรสชาติที่อ่อนโยนมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวอดก้าที่มีแอลกอฮอล์ถึงเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
แต่พอจบงานไอ้เจ้าของผับชีกอนั่นดันไม่ยอมจบ คิดจะเคี้ยวเธอแทนกับแกล้มเสียอย่างนั้น อีกทั้งยังยึกยักไม่ยอมจ่ายเงินและคิดจะลากเธอไปสวบท่าเดียว
เห็นอีม่านไหมแซ่บๆ ยั่วๆ บดๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ขายตัว เธอจึงเลือกที่จะเตะผ่าหมากลูกชายของมันเสียเลย พอไอ้สารเลวนั่นลงไปนอนชักดิ้นชักงอหน้าเขียวหน้าดำ เธอก็เดินหนีออกมาแบบสับๆ และไม่ลืมที่จะคว้าวอดก้ารสชาติดีเยี่ยมที่เหลืออยู่เกือบเต็มขวดออกมาด้วย
เพราะชีวิตมันเหี้ยแบบนี้ไง รับงานงานแรกเงินก็ไม่ได้ทั้งยังเปลืองตัวโดนไอ้บ้านั่นลูบๆ คลำๆ อีก วอดก้าขวดนั้นจึงถูกเธอยกซดเพียวๆ ในขณะขับรถ รู้ตัวอีกทีราวสะพานก็อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
เฮ่อ จะว่าไปป่านนี้คงมีแต่คนสมน้ำหน้าเธอ ดีนะที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือลากใครมาตายด้วย ไม่งั้นคงรู้สึกผิดบาปมากแน่ๆ
แต่เธอต้องมาใช้ชีวิตเป็นคุณหนูเจียงม่านผู้นี้จริงๆ น่ะหรือสตรีนาม เจียงม่าน ผู้นี้คือบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านเจียง เจียงถง เถ้าแก่หอสุราตระกูลเจียงแห่งเมืองฉางที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตอยู่ในขณะนี้สวรรค์ เหตุใดส่งมาทั้งที กลับส่งให้มาอยู่ในร่างของคนที่ตอนนี้กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยเล่า"อึก ฮื้อ...กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะ"ม่านไหมร้องตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น ก่อนจะทรุดกายลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปลงตกกับชีวิตที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเสียทีแต่ก็เอาเถอะ คงต้องลองดูกันสักตั้ง อย่างน้อยๆ ก็ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่ แต่ต่อไปอย่าได้มาเรียกเธอว่าม่านไหมเชียว ไม่หันหรอกนะบอกเอาไว้ก่อน ให้เธอใช้ชีวิตเป็นเจียงม่านแล้วก็ให้เลย ไอ้ที่อยู่ๆ จะมาทวงร่างคืนก็อย่าได้ฝัน สิงแล้วสิงเลยไม่ออกหรอกนะ หึเสียงข้าวของตกแตกที่ดังมาจากข้างใน ตามด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้สองแฝดที่ยังคงถกเถียงกันอยู่นั้นดวงตาเหลือกลาน รีบพุ่งตัวเข้าไปในเรือนนอนของผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ความห่วงใยว่าผู้เป็นนายนั้นจะได้รับอันตรายก็มีมาก ความกลัวว่าตัวเองจะเจ็บตัวก็มีอยู่ไม่น
หลังจากได้อาบน้ำ แช่กายในน้ำที่อุ่นกำลังดี ทั้งยังมีกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ร่างกายที่ตึงเครียดก็เหมือนจะผ่อนคลายลง สมองก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นนั่นจึงทำให้เจียงม่านตระหนักได้ว่าตนยังไม่ได้สำรวจร่างกายใหม่นี้อย่างถี่ถ้วนหลังฉากกั้นที่ใช้สำหรับแต่งกายตอนนี้จึงปรากฏสตรีรูปร่างบอบบางยืนเปลือยกายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งตัว กำลังใช้สายตากวาดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องของตัวเองนิ้วเรียวยาวราวกับต้นหอมกรีดกรายไปตามผิวเนื้อนุ่มนิ่มราวกับเต้าหู้เนื้อดี ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนเป็นที่น่าพอใจ เส้นผมสีดำสนิทนุ่มลื่นเงางามดุจแพรไหมทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำจายออกมา บ่งบอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของดูแลเอาใจใส่มันดีเพียงใด คิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูเหมาะเจาะงดงาม เรียกได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่งหน้าตาผิวพรรณของร่างนี้นับว่าถูกใจนางไม่น้อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือรูปร่างที่ผอมแห้งราวกับจะปลิวลม จับตรงที่ใดก็ไม่เต็มไม้เต็มมือดูกระโดกกระเดกไปเสียหมด หน้าอกคู่นี้แม้จะดูงดงามแต่ขนาดของมันช่างไม่เร้าอารมณ์เอาเ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
"ตรงไปหอสุราเลยนะ ไม่ต้องหยุดที่ใด"ทันทีที่นางก้าวเข้ามานั่งบนรถม้า ก็ได้ยินเสียงลี่ลี่เอ่ยกำชับคนบังคับรถม้าในทันที อีกทั้งนางยังนั่งประกบด้านข้างคนบังคับรถม้าราวกับว่าหากอีกฝ่ายหยุดรถม้านางจะเป็นผู้บังคับม้าเองในทันที ส่วนแฝดผู้พี่นั้นก็กำลังนั่งประกบอยู่ด้านข้าง จ้องมองนางตาใส ราวกับจะบอกนางกลายๆ ว่า หากนางขยับตัวจะลงจากรถม้าเมื่อใด แขนป้อมๆ คู่นั้นจะเข้ามากอดขาของนางเอาไว้เจียงม่านจึงทำได้เพียงเปิดม่านชื่นชมความครึกครื้นผ่านหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่มากนักหอสุราตระกูลเจียงตั้งตระหง่านมองเห็นโดดเด่นแม้จะมองจากที่ไกลๆ นับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ในที่สุดนางก็มาถึงหอสุราตระกูลเจียงโดยที่ไม่ได้แวะที่ใด พร้อมกับใบหน้าโล่งใจของบ่าวทั้งสอง"คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ลงหรอกหรือเจ้าคะ"ลู่ลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยใบหน้าฉงน เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ยอมก้าวลงจากรถม้า แต่กลับขยับไปยังฝั่งรถม้าอีกด้านหนึ่ง ทั้งยังแง้มเปิดม่านหน้าต่างหรี่ตาลงด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์"คุณหนูทำอันใดเจ้าคะ"ลี่ลี่ที่เห็นว่ารถม้าจอดอยู่นานแต่ผู้เป็นนายยังไม่ออกมาเสียทีจึงชะโงกหน้าผ่านม่านประตูรถม้าเข้
หอสุราตระกูลเจียงที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่ลูกค้าดูจะบางตาเรียกได้ว่าเงียบเหงามีเพียงเหล่าลูกค้าขาจรและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย หาใช่การแขวนป้ายประกาศขายล้างหนี้สินเช่นดังที่มีข่าวลือออกมา ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นและผู้ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นายท่านตระกูลเจียงช่างเป็นบุรุษที่ดื้อดึง แทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะขายกิจการ ยังคงดึงดันจนน่าขัน หากเป็นพวกตนคงจะยอมแพ้และตัดสินใจขายเสีย อย่างน้อยก็ยังมีเงินให้เหลือเลี้ยงชีพ ดึงดันเช่นนี้ต่อไปคาดว่าคงได้สิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่รอดูต่อไปเพียงเท่านั้นเพล้ง!"ทำไมมันถึงยังไม่ยอมขาย"จอกน้ำชาถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ตามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุดของผู้นำตระกูลหม่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นเช่นดังที่คิดหม่าชิงหลุนที่เชื่อว่าตระกูลเจียงคงไม่อาจจะพลิกฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว เวลานี้เจียงถงผู้นั้นแทบไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ อีก ทั้งยังกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้ท่วมหัว เช่นนั้นหนทางเดียวที่ตระกูลเจียงจะอยู่รอดก็เหลือเพียงการขายหอสุราตระกูลเจียง
ขณะที่เจียงม่านก้าวไปข้างหน้าเดินสวนกับผู้คนมากมาย แต่ราวกับว่ารอบตัวของนางนั้นเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของผู้คน นางจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวของคนผู้นั้น คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า บุรุษผู้ที่หลอกให้เจ้าของร่างตกหลุมรักเพื่อสูตรลับการหมักสุราของตระกูลเจียง และเรื่องราวในชีวิตก่อนของตนเมื่อครั้งเป็นม่านไหมชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของนางที่คบหากันถึงสี่ปีในรั้วมหาลัย และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อเรียนจบ แต่หลังจากจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราก็ดูเหมือนจะจบลงด้วย เราทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเติบโต โดยการที่เขาเลือกใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ใช่แล้ว นางเองก็ถูกบุรุษหักหลังเช่นเดียวกันหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยวางหัวใจของตัวเองไว้บนฝ่ามือของบุรุษใดอีกเลย ความผิดหวังในครั้งนั้นยิ่งทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวด นางเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเงิน และทำในสิ่งที่ตัวเองรักโอ๊ย!!แต่แล้วความคิดทั้งหมดของนางก็หยุดชะงักลงเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็ม
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั