กรี๊ดดดดดดด...
เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งที่ดังออกมาจากด้านในห้อง ทำให้เด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าสองนางที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะมองสบตากันอย่างตื่นตระหนก เนื้อตัวของทั้งสองสั่นเทาขึ้นอย่างยากที่จะระงับ ได้แต่โอดครวญโดยไร้เสียง
คุณหนูคลุ้มคลั่งอีกแล้ว
เหตุที่พวกนางทั้งสองมีท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ นั่นก็เพราะเมื่อวานนี้คุณหนูของพวกนางอาละวาดขว้างปาข้าวของภายในเรือนจนเละเทะ ทั้งยังร้องไห้อย่างหนัก ก่อนจะลื่นเม็ดไข่มุกที่ตกอยู่เกลื่อนพื้นเพราะฝีมือของตัวเองจนล้มลงหัวกระแทกแล้วสลบไป จนพวกนางพากันตกอกตกใจโชคดีที่ท่านหมอบอกว่าผู้เป็นนายไม่ได้เป็นอันใดมาก แต่ไม่คิดว่าเมื่อฟื้นคืนสติคุณหนูยังคงไม่คลายความขุ่นเคืองใจ พวกนางไม่รู้ว่าจะต้องตั้งรับกับสถานการณ์เช่นนี้ไปอีกกี่วัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกนางก็ไม่ชินเสียที
"ลี่ลี่ เจ้าเข้าไปดูคุณหนูหน่อยเถิด"
ลี่ลี่ เจ้าของนามนั้นเป็นแฝดผู้น้องตวัดตามองแฝดผู้พี่ของตน ก่อนจะเบนสายตามองไปยังห้องนอนของผู้เป็นนายอย่างช่างใจ แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วการที่นางเข้าไปในตอนนี้คงไม่แคล้วได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปเองเล่าลู่ลู่"
ลู่ลู่ผู้เป็นแฝดพี่ตอนนี้ใบหน้าอวบอิ่มจิ้มลิ้มที่เหมือนกันกับนางทุกส่วนยกเว้นไฝเม็ดเล็กเหนือริมฝีปากของอีกฝ่ายที่บ่งบอกความแตกต่างของสองพี่น้องแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่นั่นไม่อาจทำให้ผู้เป็นน้องสาวที่คลอดหลังนางแค่เพียงครึ่งเค่อรู้สึกสงสาร
"เจ้าเป็นน้องนะลี่ลี่ เหตุใดจึงไม่เชื่อฟังข้าผู้เป็นพี่สาว"
"ก็เจ้าเป็นพี่ของข้าอย่างไรเล่า เช่นนั้นเจ้าจึงต้องเป็นผู้นำให้ข้า มิถูกต้องหรอกหรือ"
สองพี่น้องต่างก็ไม่มีใครยินยอมที่จะเข้าไปด้านใน เพราะรู้ดีว่าเมื่อคุณหนูเป็นเช่นนี้ พวกนางมักจะเจ็บตัวเสียทุกครั้ง ที่คุณหนูอาละวาดไปเมื่อวานพวกนางก็ได้แผลมาคนละแผลสองแผลอีกทั้งยังไม่หายระบมเสียด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นจะเมินเฉยเสียทีเดียวก็มิได้ หากผู้เป็นนายอาละวาดจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นเช่นดังเมื่อวานอีกเล่า แม้จะหวาดกลัวว่าจะเจ็บตัว แต่ความเป็นห่วงผู้เป็นนายของทั้งสองก็มีมิด้อยไปกว่ากัน
"เช่นนั้นเราก็เข้าไปพร้อมกันทั้งสองคน"
สองพี่น้องหันกลับมามองจ้องหน้ากัน ต่างก็หยั่งเชิงว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกไปก่อนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครยอมขยับ
"เจ้าก็เดินเข้าไปก่อนสิลี่ลี่"
"เจ้านั่นแหละลู่ลู่เข้าไปก่อน เจ้าเป็นพี่สาวของข้านะ"
ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวว่ากำลังคลุ้มคลั่งนั้น ตอนนี้ก็กำลังคลุ้มคลั่งจริงๆ นั่นแหละ เพราะอยู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งยังมีความทรงจำของใครก็ไม่รู้อยู่ในหัว ปะปนไปกับความทรงจำของตัวเองจนแทบจะแยกไม่ออก นั่นจึงทำให้เธอ สติแตก
ใช่ สติแตก
ม่านไหม ได้รู้ซึ้งถึงคำคำนี้อย่างถ่องแท้ก็ในวันนี้นี่แหละ
หลังจากที่ได้กรีดร้องระบายความอัดอั้นและให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็กวาดมองไปทั่วห้องกว้างที่ดูอย่างไรก็เป็นห้องในยุคจีนโบราณ ภายในห้องนี้ถูกประดับตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา เครื่องเรือนทุกอย่างดูด้วยตาก็รู้ว่าเป็นของดีมีราคา จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับกระจกทองเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเพราะบนนั้นมีเครื่องประทินโฉมของสตรีวางอยู่มากมาย
ร่างบอบบางลนลานคลานลงจากเตียงที่ตนตื่นขึ้นมาในคราแรก พุ่งตรงเข้าไปคว้ากระจกบานนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา และเพราะความลนลานบวกกับร่างกายที่สั่นไปหมด จึงทำให้ขวดกระเบื้องบนนั้นตกลงมาบนพื้นแตกกระจัดกระจาย แต่ม่านไหมหาได้ใส่ใจ ตอนนี้ที่ตนสนใจคือใบหน้าของสตรีที่ปรากฏอยู่ในกระจกมากกว่า
แม้ภาพในกระจกนั้นจะไม่ชัดแจ๋วเช่นดังกระจกในยุคปัจจุบัน แต่ก็สามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้อย่างแจ่มชัด ไม่ต้องฉลาดมากมายก็บอกได้ว่าหญิงสาวที่กำลังมีสีหน้าตื่นตะลึงในกระจกตอนนี้ก็คือตัวเธอเองไม่ผิดแน่ แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ใช่ แต่จิตวิญญาณคือเธอล้านเปอร์เซ็นต์
เธอไม่ได้ฝันไปจริงๆ หรือนี่ มีเรื่องประหลาดน่าอัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
แต่เหตุใดเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนี้จึงมาตกใส่หัวของเธอ ผู้อื่นมีเป็นสิบเป็นร้อยล้านคน เหตุใดจึงไม่เลือก
สวรรค์วิปริตแปรปรวน หรือใต้พิภพเกิดมหันตภัย
แม่ง แต่ที่แน่ๆ อีม่านไหม ซวยฉิบหาย
สตรีนางนี้ที่ม่านไหมมาสิงสู่มีนามว่าเจียงม่าน
เหตุที่กล่าวว่าเธอมาสิงสู่อีกฝ่ายก็เพราะว่าเธอนั้นได้ตายไปแล้วอย่างไรเล่า
ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือเธอ ดื่มแล้วขับ เป็นเหตุให้ขับรถตกสะพานที่ด้านล่างนั้นคือสายน้ำเชี่ยวกรากที่ลึกสุดหยั่ง
หากย้อนกลับไปได้เธอจะไม่มักง่าย ปฏิบัติตามกฎจราจร ดื่มไม่ขับ ถึงตอนนั้นจะแค่กรึ่มๆ หรือว่าเมาก็สุดจะรู้ แต่ก็ตระหนักได้ว่า แค่กรึ่มๆ ก็ถึงตาย ไม่ใช่ว่าเธอคออ่อน แต่เล่นซัดวอดก้าดีกรีสูงถึงเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์แบบเพียวๆ เล่นซะเหมือนโดนชกเข้าที่ท้องอย่างจังเลยทีเดียว
การตายของเธอเข้าตำราที่ว่า หมองูตายเพราะงูฉันใด คอสุราก็ตับแข็งตายฉันนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตับแข็งตายก็เถอะ แต่ก็ตายเพราะสุราเป็นเหตุเหมือนกัน
ไม่ได้อยากจะโม้หรอกนะ เธอนี่คอสุราตัวยงเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นสุราของประเทศไหน จะไฮคลาสหรือโลคลาสล้วนผ่านคอเธอมาแล้วทั้งนั้น และการที่เธอดื่มวอดก้าเข้าไปแบบเพียวๆ นั่นก็เพราะ...ชีวิตมันเหี้ยอย่างไรล่ะ
เธอชื่อว่า ม่านไหม อินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและการกิน(ดื่ม) สาวโสดสุดแซ่บ ลูกครึ่งไทยจีน อายุ 25 ปี ขาว สวย หมวย เผ็ด ซี้ด เจ้าของเพจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่อีกไม่นานก็คงจะดัง มีผู้ติดตามแตะหลักหมื่นได้ไม่กี่วันก่อนจะตาย
อาชีพที่ค่าตอบแทนดี ซึ่งก็คือดีจริงๆ แต่ก็ต้องอาศัยหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถผลิตคอนเทนต์ได้มากน้อยแค่ไหน ยอดผู้ติดตามเท่าไหร่ ซึ่งก็จะมีผลต่อเรทราคาในการรับงานนั่นเอง ซึ่งกว่าที่เธอจะมีผู้ติดตามหลักหมื่นต้องใช้ทั้งความสามารถและความน่าสนใจดึงดูดให้ผู้คนมาติดตาม
ผู้ติดตามหลักหมื่นของเธอเก้าพันคนนั้นคือบรรดาชายหนุ่มทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นแก่ เพราะชุดแต่ละชุดของเธอนั้นล้วนวาบหวิว รัดรูป ควักเต้าออกมาครึ่งเต้าแทบจะทุกชุด ส่วนอีกหนึ่งพันคนนั้นก็บรรดาเมียๆ ของไอ้ผู้ชายเก้าพันคนเหล่านั้นอย่างไรเล่า ที่ตามมาคอมเมนต์ด่า จนเธอต้องปิดคอมเมนต์หนี
ก็คนมันสวยช่วยไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ต้องทำมาหากิน ไม่ได้มีชีวิตที่สวยหรู นั่งกินนอนกิน เรียกได้ว่าเด็กกำพร้าแบบเธอต้องตะเกียกตะกายให้มีชีวิตรอดมาตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสองขวบ
และอยู่ๆ ก็มีคนติดต่อมาจริงๆ โดยให้เธอทำคอนเทนต์ผับของเขาและเหล้าวอดก้าของต่างประเทศที่เขานำเข้ามา เหล้าวอดก้าที่ทำจากเอทิลแอลกอฮอล์พรีเมี่ยมที่มีต้นกำเนิดมาจากพืชทางการเกษตร ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ปลูกและแปรรูปเฉพาะในประเทศนั้นเท่านั้น สายดื่มอย่างเธอไหนเลยจะพลาด เพียงได้ลิ้มรสชาติของมันก็รู้สึกถึงกลิ่นและรสชาติที่อ่อนโยนมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวอดก้าที่มีแอลกอฮอล์ถึงเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
แต่พอจบงานไอ้เจ้าของผับชีกอนั่นดันไม่ยอมจบ คิดจะเคี้ยวเธอแทนกับแกล้มเสียอย่างนั้น อีกทั้งยังยึกยักไม่ยอมจ่ายเงินและคิดจะลากเธอไปสวบท่าเดียว
เห็นอีม่านไหมแซ่บๆ ยั่วๆ บดๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ขายตัว เธอจึงเลือกที่จะเตะผ่าหมากลูกชายของมันเสียเลย พอไอ้สารเลวนั่นลงไปนอนชักดิ้นชักงอหน้าเขียวหน้าดำ เธอก็เดินหนีออกมาแบบสับๆ และไม่ลืมที่จะคว้าวอดก้ารสชาติดีเยี่ยมที่เหลืออยู่เกือบเต็มขวดออกมาด้วย
เพราะชีวิตมันเหี้ยแบบนี้ไง รับงานงานแรกเงินก็ไม่ได้ทั้งยังเปลืองตัวโดนไอ้บ้านั่นลูบๆ คลำๆ อีก วอดก้าขวดนั้นจึงถูกเธอยกซดเพียวๆ ในขณะขับรถ รู้ตัวอีกทีราวสะพานก็อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
เฮ่อ จะว่าไปป่านนี้คงมีแต่คนสมน้ำหน้าเธอ ดีนะที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือลากใครมาตายด้วย ไม่งั้นคงรู้สึกผิดบาปมากแน่ๆ
แต่เธอต้องมาใช้ชีวิตเป็นคุณหนูเจียงม่านผู้นี้จริงๆ น่ะหรือสตรีนาม เจียงม่าน ผู้นี้คือบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านเจียง เจียงถง เถ้าแก่หอสุราตระกูลเจียงแห่งเมืองฉางที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตอยู่ในขณะนี้สวรรค์ เหตุใดส่งมาทั้งที กลับส่งให้มาอยู่ในร่างของคนที่ตอนนี้กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัวด้วยเล่า"อึก ฮื้อ...กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะ"ม่านไหมร้องตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น ก่อนจะทรุดกายลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปลงตกกับชีวิตที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเสียทีแต่ก็เอาเถอะ คงต้องลองดูกันสักตั้ง อย่างน้อยๆ ก็ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่ แต่ต่อไปอย่าได้มาเรียกเธอว่าม่านไหมเชียว ไม่หันหรอกนะบอกเอาไว้ก่อน ให้เธอใช้ชีวิตเป็นเจียงม่านแล้วก็ให้เลย ไอ้ที่อยู่ๆ จะมาทวงร่างคืนก็อย่าได้ฝัน สิงแล้วสิงเลยไม่ออกหรอกนะ หึเสียงข้าวของตกแตกที่ดังมาจากข้างใน ตามด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้สองแฝดที่ยังคงถกเถียงกันอยู่นั้นดวงตาเหลือกลาน รีบพุ่งตัวเข้าไปในเรือนนอนของผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ความห่วงใยว่าผู้เป็นนายนั้นจะได้รับอันตรายก็มีมาก ความกลัวว่าตัวเองจะเจ็บตัวก็มีอยู่ไม่น
หลังจากได้อาบน้ำ แช่กายในน้ำที่อุ่นกำลังดี ทั้งยังมีกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ร่างกายที่ตึงเครียดก็เหมือนจะผ่อนคลายลง สมองก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นนั่นจึงทำให้เจียงม่านตระหนักได้ว่าตนยังไม่ได้สำรวจร่างกายใหม่นี้อย่างถี่ถ้วนหลังฉากกั้นที่ใช้สำหรับแต่งกายตอนนี้จึงปรากฏสตรีรูปร่างบอบบางยืนเปลือยกายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งตัว กำลังใช้สายตากวาดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องของตัวเองนิ้วเรียวยาวราวกับต้นหอมกรีดกรายไปตามผิวเนื้อนุ่มนิ่มราวกับเต้าหู้เนื้อดี ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนเป็นที่น่าพอใจ เส้นผมสีดำสนิทนุ่มลื่นเงางามดุจแพรไหมทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำจายออกมา บ่งบอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของดูแลเอาใจใส่มันดีเพียงใด คิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูเหมาะเจาะงดงาม เรียกได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่งหน้าตาผิวพรรณของร่างนี้นับว่าถูกใจนางไม่น้อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือรูปร่างที่ผอมแห้งราวกับจะปลิวลม จับตรงที่ใดก็ไม่เต็มไม้เต็มมือดูกระโดกกระเดกไปเสียหมด หน้าอกคู่นี้แม้จะดูงดงามแต่ขนาดของมันช่างไม่เร้าอารมณ์เอาเ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
ตระกูลเจียงในตอนนี้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องสุรา สุราของตระกูลเจียงกลายเป็นสุราสร้างชื่อของเมืองฉาง ทั้งยังโด่งดังไปทั่วทั้งแคว้นและแคว้นข้างเคียง เพียงเวลาไม่นานกิจการของหอสุราตระกูลเจียงก็ขยับขยายใหญ่โต และกำลังดำเนินการที่จะขยายกิจการไปยังเมืองต่างๆ รวมไปถึงเมืองหลวงของแคว้น และคาดว่าต่อไปในอนาคตก็จะไปเปิดกิจการยังต่างแคว้นอีกด้วย เรียกได้ว่าตระกูลเจียงเข้าสู่ยุคที่รุ่งโรจน์จนฉุดไม่อยู่ส่วนหอสุราตระกูลหม่านั้น ในตอนนี้ได้ปิดตัวลง หันมาเอาดีทางด้านการค้าข้าวสารและธัญพืช โดยมีหม่าลู่เฟิงที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเป็นผู้ดูแลกิจการด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่ากิจการนั้นจะไปได้ดีอยู่ไม่น้อยถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าใหญ่อยู่หลายร้านก็ตาม ส่วนหม่าลี่เซียนข่าวว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเถ้าแก่เผย แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่เผยได้ประกาศวางมือจากกิจการทั้งหมดและยกทุกอย่างให้บุตรชายของเขา ส่วนตนนั้นใช้เวลาอยู่กับภรรยาและเหล่าอนุทั้งหลาย จากบุรุษผู้รักมั่นในตัวภรรยาผู้ล่วงลับ แต่ยามเมื่อได้สัมผัสอารมณ์ความใคร่อีกครั้งกลับกลายเป็นบุรุษผู้หมกมุ่นในกามา บัดนี้จึงมีอนุภรรยาอยู่เต็มจวนเมืองฉางในตอ
"คนเก่งของข้า ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนเถิด"เว่ยซีหยวนเอ่ยเรียกสตรีที่นอนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงอยู่บนเตียงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยรอยยิ้ม ประคองถาดใบเล็กที่มีข้าวต้มหอมกรุ่นและถ้วยยาที่ต้มเสร็จใหม่ๆ มาวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียง ก่อนจะโน้มกายลงจุมพิตแก้มนวลของสตรีที่ยังหลับตาพริ้มอย่างรักใคร่เมื่อคืนนี้นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก เขามีความสุขจนแทบจะล้นออกมานอกอก นางนั้นแสนซนและอยากรู้อยากลองไปเสียทุกอย่างแม้เขาคิดจะยั้งมือเมื่อรู้ว่าเป็นครั้งแรกของนาง แต่ถูกยั่วยวนเช่นนั้นก็หมดสิ้นความยับยั้งช่างใจ นางออดอ้อนน่าเอ็นดูถึงเพียงนั้น ใครจะไปอดใจได้ไหว จึงได้จัดหนักจัดเต็มจนเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วยาม และนางเองก็ยังสู้ไม่ถอย สภาพจึงได้ออกมาเช่นตอนนี้หักโหมถึงเพียงนั้นเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลังจากนั้นนางจะต้องป่วยเป็นแน่ จึงได้ลุกขึ้นไปเคี่ยวยาเตรียมไว้ให้นางตั้งแต่รุ่งสางและนางก็ป่วยจริงๆใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวในคราแรก ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงก่ำมาจนถึงลำคอ แพขนตางอนขยับยุกยิก นั่นทำให้ชายหนุ่มที่คลอเคลียนางอยู่ไม่ห่างยกยิ้มขึ้น ดวงตาคมเผยประกายเจ้าเล่ห์สอดฝ่ามืออุ่นร้
เจียงม่านหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกชายหนุ่มยกตัวจนลอยขึ้นจากพื้น ทั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สองแขนของนางกอดกระชับลำคอแข็งแกร่งเอาไว้ ยามเมื่ออีกฝ่ายก้าวเดินสองขาเรียวก็ยกขึ้นเกี่ยวรัดสะโพกสอบทรงพลังไว้แน่นจนเมื่อเขาวางนางลงบนเตียง ชายหนุ่มถึงได้ยอมปล่อยให้นางได้พักหายใจ แต่กระนั้นทั้งจมูกและริมฝีปากร้อนผ่าวก็หาได้ผละออกห่างจากใบหน้าของนางแม้แต่น้อย เขายังคงคลอเคลียพรมจูบไปทั่วใบหน้าของนางอย่างรักใคร่หลงใหล"ม่านม่าน เราแต่งงานกันเถอะนะ"เขาไม่อยากห่างจากนางอีกแล้ว ไม่อยากให้นางมองบุรุษอื่นอีก อยากให้ทั้งหัวใจและสายตาของนางมีเพียงแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเสียงกระซิบแหบพร่าร้องบอกหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส ดวงตาคู่งามฉ่ำหวาน เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ หญิงสาวไม่ได้ยินที่เขาเอ่ยถามแม้แต่น้อย ในแววตาของนางมีเพียงความสับสนมึนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลงเจียงม่านไม่รู้เลยว่าการนิ่งเงียบไม่ตอบคำของนาง จะทำให้ชายหนุ่มที่เฝ้ารอคำตอบรู้สึกเช่นไร ความผิดหวังน้อยใจไหววูบในดวงตาของเขา หัวใจปวดหนึบวูบโหวง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็แทนที่ด้วยคว
ผ่านมาสองวันเจียงม่านก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเว่ยซีหยวน อีกฝ่ายจงใจที่จะหลบหน้านางแน่แล้ว เพราะเขาหายหน้าหายตาไป ไม่มาหานางที่จวนเช่นดังปกติที่มักจะมาขลุกอยู่กับนางหรือมารับนางออกไปยังหอสุราด้วยกัน จนเรียกได้ว่าทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลาเขามักจะทำตัวติดกับนางเสมอ หรือหากแม้ว่ามีธุระก็จะส่งคนมาแจ้งพร้อมด้วยของฝาก แต่ครั้งนี้กลับหายหน้าหายตาไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น และเมื่อนางเลือกที่จะเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อน คนของอีกฝ่ายกลับแจ้งกับนางว่าเขาไม่ได้อยู่ในจวน เมื่อนางถามว่าอีกฝ่ายไปไหน กลับตอบกลับมาว่าไม่ทราบ ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายไปไหนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งยังไม่ยอมที่จะสบตานาง ท่าทางมีพิรุธเช่นนั้น พวกเขาคิดว่านางโง่หรืออย่างไร รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมโผล่หัวมา จนย่างเข้าวันที่สาม ยอมรับว่าตอนนี้นางมีโทสะอยู่เต็มท้องคนบ้าผู้นั้นหลบหน้านางทำไมกัน นางไปทำอันใดให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่ยอมบอกกล่าว เล่นหายไปแบบนี้ใครมันจะไปรู้หรือจะเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น แต่มันก็ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดมิใช่หรอกหรือ ตอนนี้ยังมีข่าวว่าเถ้าแก่เผยส่งแม่สื่อไปจวนตระกูลหม่าแล้ว อีกไม
"เจ้าจะยังรั้งรออันใด หรืออยากจะเป็นคนที่ขึ้นไปนอนบนเตียงนั่นเอง"เว่ยซีหยวนเมื่อตั้งสติได้ก็หันมาถลึงตาใส่กวนป๋อเหวินที่กำลังใช้สายตาต่อว่าเขากวนป๋อเหวินส่งค้อนวงโตให้ผู้เป็นสหายป่าเถื่อนของตน ก่อนจะลากร่างที่หนักอึ้งของเถ้าแก่เผยไปโยนลงบนเตียงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ทั้งยังจับอีกฝ่ายเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าหม่าลี่เซียนที่เห็นการกระทำของคนทั้งสองก็เบิกตาโพลง รับรู้ได้ว่าพวกเขาคิดจะทำสิ่งใด แต่ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์กำยานปลุกกำหนัดทั้งยังความเจ็บปวดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้นางไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ดั่งใจ ตอนนี้ความร้อนรุ่มกำลังเล่นงานนางอย่างหนัก อยากจะปลดปล่อยความต้องการภายในร่างกาย แต่การจะต้องร่วมเตียงกับชายแก่อ้วนฉุเช่นเถ้าแก่เผยนั้นทำให้นางไม่อาจที่จะยอมรับได้ จึงกัดกระพุ้งแก้มของตนอย่างแรงเพื่อรั้งสติเอาไว้ จนรสเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำจ้องมองบุรุษที่นางหลงใหลด้วยสายตาเจ็บปวดและเจ็บแค้น ก่อนที่เสียงหัวเราะขื่นขมจะเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีซีดฮ่าฮ่าฮ่าหม่าลี่เซียนหัวเราะออกมาเสียงขื่น ในขณะที่น้ำตาของนางไหลพราก ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนั
งานเลี้ยงในวันนี้เริ่มขึ้นได้สักพักแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง เพราะผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ล้วนเป็นเหล่าคหบดี พ่อค้าแม่ค้า และคนที่รู้จักมักคุ้นกันดีในเมืองฉางแห่งนี้เจียงม่านอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเป็นตัวนางเองที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางแผนการร้ายของผู้อื่น ยามเมื่อคอยลุ้นในซีรี่ย์ที่เคยดูนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว ยามนี้กลับยิ่งตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าแม้ว่าจะรู้ตัวล่วงหน้า แต่พวกนางยังไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายคิดจะวางยาเว่ยซีหยวนเช่นไร หันไปมองเจ้าตัวก็เห็นว่าเขาไม่ยอมแตะต้องเครื่องดื่มหรืออาหารบนโต๊ะแม้แต่น้อย นั่นทำให้นางรู้สึกเป็นกังวล หากเป็นเช่นนี้เรื่องราวจะเป็นไปตามแผนการของอีกฝ่ายได้อย่างไรกันใช่ว่านางจะไม่หวงแหนหรือเป็นห่วงเขาแต่นางลงทุนลงแรงไปถึงเพียงนี้จะให้สูญเปล่าได้อย่างไรกัน อย่างไรเสียวันนี้หม่าลี่เซียนก็จะต้องมีสามีที่ไม่ใช่บุรุษของนางนางยอมทุ่มเงินมากมายเพื่อว่าจ้างคนมีฝีมือที่เป็นวรยุทธ์คอยดูแลอยู่ห่างๆ อย่างไรก็มั่นใจว่าเขาจะต้องปลอดภัย ก่อนที่จะถูกหญิงนางนั้นกลืนลงท้อง อีกทั้งยังมีคนของคุณชายกวนที่กระจายตัวอยู่อีกอย่างใช่ว่าพ่ออันธพาลของนางจะร
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงม่านมาเยือนจวนตระกูลหม่าในฐานะของแขกคนหนึ่ง ข้างกายของนางคือบุรุษรูปงามที่ตามประกบนางไม่ยอมห่างกาย ยามก้าวเข้ามาจึงตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าสตรีน้อยใหญ่ที่ต่างมองมาด้วยความอิจฉา จนสาวเจ้าแย้มยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ เดินเชิดหน้าเข้าไปยื่นเทียบเชิญเข้าประตูจวนที่ถูกประดับตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามยามเมื่อเข้ามาถึงยังบริเวณด้านหน้าเรือน เจียงม่านกวาดตามองความวิจิตรงดงามของจวนตระกูลหม่าด้วยดวงตาชื่นชม นับว่าตระกูลหม่ามั่งคั่งร่ำรวยไม่น้อย จวนตระกูลหม่าถึงได้ใหญ่โตและงดงามเช่นนี้ นางชื่นชอบมากๆ กับการได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมในยุคนี้เหอะ จวนเจ้าเมืองของข้างดงามกว่าเป็นไหนๆเว่ยซีหยวนหรี่ตามองสตรีที่ฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาคู่งามเปล่งประกาย ชื่นชมการจัดแต่งจวนของผู้อื่นให้เขาฟังเสียงเจื้อยแจ้ว นางคงลืมไปแล้วกระมังว่าตอนนี้กำลังอยู่ในรังของศัตรูเห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วเขาไม่อยากห่างจากกายคนรักแม้แต่น้อย เพราะอดที่จะกังวลไม่ได้ กลัวว่าการมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหม่าในครั้งนี้จะเกิดความผิดพลาดขึ้น จนทำให้สตรีข้างกายมีอันตรายไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด หากต้องห่างจากนางแ
กวนป๋อเหวินทำอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้จริง ๆ ชายหนุ่มนั่งจิบสุราอย่างเบิกบานใจ ไม่สนแววตาดุดันของสหายที่ถลึงตามองมายังเขา ประกาศขับไล่เขาทางสายตา ทั้งยังคงพูดคุยยิ้มแย้มให้กับสตรีเพียงหนึ่งเดียว ที่ตอนนี้ใบหน้างามนั้นแดงก่ำ ดวงตากลมโตที่จ้องมองสหายของเขาหวานหยาดเยิ้ม เพราะฤทธิ์สุราที่ถูกยกเข้ามาเป็นรอบที่สามแล้ว หากไม่มีเขานั่งอยู่ตอนนี้คงมีการเสียเลือดเสียเนื้อกันเกิดขึ้นเป็นแน่ยิ่งเห็นใบหน้ามืดครึ้มของสหายตัวดีที่มองกดดันเขา แต่ใบหูนั้นแดงก่ำเพราะสตรีข้างกาย ยิ่งทำให้คุณชายเช่นเขาสำราญใจอย่างที่สุด"ม่านม่านแล้วงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปของคุณชายหม่าลู่เฟิงเล่า เจ้าจะไปร่วมหรือไม่"กวนป๋อเหวินเมินเฉยใส่สหายของตน หันมาเอ่ยถามสตรีตรงหน้าถึงงานเลี้ยงของตระกูลหม่าที่กำลังจะถึงนี้"ก็ต้องไปสิเจ้าคะ คุณชายหม่าได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล ข้าย่อมต้องไปแสดงความยินดี"การที่หม่าลู่เฟิงขึ้นเป็นผู้นำตระกูลย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง เขามิได้โลภมากและกระหายในอำนาจเช่นดังผู้เป็นบิดา ย่อมไม่มีเรื่องการเบียดเบียนผู้อื่นเช่นดังที่ผ่านมาเว่ยซีหยวยเผยสีหน้า
ในขณะที่ข่าวลือระหว่างเว่ยซีหยวนกับหม่าลี่เซียนแพร่สะพัดราวกับไฟป่า กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างร้อนระอุ ถึงแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านไปร่วมเดือนแล้วก็ตาม เพราะมีผู้ที่พัดกระพือข่าวลือถึงเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง กล่าวว่าครั้งหนึ่งคุณหนูหม่าได้เคยช่วยชีวิตของคุณชายสามเว่ยเอาไว้ มาครั้งนี้อีกฝ่ายก็ได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้เช่นกัน นั่นมิได้หมายความว่าทั้งสองมีวาสนาต่อกันหรอกหรือแต่ระยะหลังมานี้ไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ว่าคุณชายสามเว่ยกำลังสานสัมพันธ์อยู่กับคุณหนูตระกูลเจียงถึงกับมีข่าวว่าทั้งคู่กำลังจะหมั้นหมายกันอีกด้วย จนกระทั่งข่าวลือนั้นบานปลายไปถึงคุณหนูเจียงม่าน ว่าเป็นมือที่สามระหว่างความสัมพันธ์ของคุณหนูหม่าและคุณชายสามเว่ย ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ แพร่สะพัดลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนล้วนอยากรู้อยากเห็นเรื่องโสมมของผู้อื่น ส่วนผู้ที่กลายเป็นมือที่สามอยู่ในหัวข้อของข่าวลือนั้นกลับขลุกอยู่แต่ในจวนตระกูลเจียงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"หยวนเกอ เราสองคนเดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะเจ้าคะ"เจียงม่านเอ่ยสัพยอกบุรุษข้างกายที่มีสีหน้าดำคล้ำกับข่าวลือที่ออกมา ตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่บนรถม้ามุ่งหน้าไป