ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า
เจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนาง
ตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไป
เถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวน
แต่แล้วสวรรค์ก็มีเมตตาเห็นแก่ความรักที่เขามีต่อภรรยา จึงมอบบุตรีผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้แก่ทั้งสองมาคนหนึ่ง แต่ความสุขนั้นก็อยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่อภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากล้มป่วยและจากไปเมื่อตอนที่บุตรสาวของทั้งสองมีอายุได้เพียงห้าขวบ ดังนั้นบุตรสาวที่เกิดจากสตรีผู้เป็นที่รักจึงเป็นเพียงความสุขเดียวของเขา นายท่านเจียงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้แก่บุตรสาวเพียงคนเดียว ไม่ว่านางจะต้องการสิ่งใดผู้เป็นบิดาล้วนหามาให้ ไม่เคยที่จะขัดใจนางให้นางต้องขุ่นข้องหมองใจ จนนางกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง
จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน ในตอนที่เจียงม่านมีอายุได้สิบสามขวบปี ตระกูลเจียงก็ได้เกิดคลื่นลมครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อเมืองฉางได้มีครอบครัวตระกูลคหบดีจากเมืองหลวงย้ายเข้ามาอยู่ใหม่
ตระกูลหม่าของนายท่าน หม่าชิงหลุน อีกฝ่ายนั้นมาเปิดกิจการอยู่ตรงกันข้ามกับหอสุราตระกูลเจียง ทั้งยังกว้านซื้อที่ดินโดยรอบจนเกือบหมด ซึ่งมันคงจะไม่เกิดปัญหาใดขึ้นหากกิจการนั้นหาใช่การเปิดหอสุราเช่นเดียวกัน และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจตั้งตัวเป็นศัตรูทางการค้ากับตระกูลเจียง โดยการใช้เส้นสายและเงินทอง ขายสุราในราคาต่ำ เพื่อล่อลวงคู่ค้าของตระกูลเจียง อีกทั้งยังใช้วิธีสกปรกสารพัดเพื่อแย่งชิงความเป็นหอสุราอันดับหนึ่ง
นับแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งสองตระกูลก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผย ต่อสู้กันมาตลอดสองปี
นายท่านเจียงถงนั้นเป็นคนที่ซื่อตรงไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม เป็นคนที่ยึดถือในหลักการ และความซื่อสัตย์ นั่นจึงทำให้มีทั้งคนที่รักและนับถือเขา และผู้ที่ชิงชังความซื่อตรงของเขา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์เพราะความซื่อตรงของเขา
ในขณะที่นายท่านหม่าชิงหลุนคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและเขี้ยวเล็บมากมาย ในระยะเวลาเพียงสองปีเขาก็มีเส้นสายที่เป็นทั้งเหล่าพ่อค้าและขุนนางในพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมาย
กิจการของตระกูลเจียงต้องหยุดชะงักลงครั้งแล้วครั้งเล่า และต้องสูญเสียเม็ดเงินมากมายเพื่อชดใช้ให้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งของฝั่งตรงข้าม
นายท่านเจียงในวัยใกล้จะครึ่งร้อยต้องโหมทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดสองปี เริ่มมีสุขภาพที่ย่ำแย่ลง เพราะเขานั้นต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง
ฝั่งของตระกูลหม่า นายท่านหม่านั้นมีบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก บุตรชายที่เขาภาคภูมิใจ คุณชายใหญ่หม่าลู่เฟิง เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ฉลาดและมีไหวพริบ มีบุตรชายที่เกิดจากเหล่าอนุภรรยาอีกสองคน พวกเขาล้วนเป็นคนมีฝีมือ ไหนเลยตระกูลเจียงจะใช่คู่ต่อสู้ ในที่สุดตระกูลเจียงก็ถึงวันที่จะต้องจบสิ้นลง
และนายท่านหม่ายังมีบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาคนโปรด หม่าลี่เซียน บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูล ที่ตอนนี้ถูกยกฐานะให้เป็นบุตรสาวของภรรยาเอก บุตรสาวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองฉางในขณะนี้ สตรีที่งดงามและเพียบพร้อม สตรีที่เหล่าบุรุษในเมืองฉางต่างใฝ่ฝันหา
ในขณะที่บุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านเจียงถูกกล่าวว่าคือสตรีแสนร้ายกาจที่ไม่ได้เรื่อง ไร้ความสามารถทั้งยังเอาแต่ใจ ผู้ที่ไม่เคยสร้างประโยชน์ใดๆ ซ้ำยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ผลาญทรัพย์สมบัติ และหลงใหลบุรุษจนตระกูลล่มจม
ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะเจียงม่านคือผู้ที่มอบสูตรลับในการหมักสุราของตระกูลเจียงให้แก่คุณชายใหญ่หม่าลู่เฟิง หลงใหลในคำหวานและคำหลอกลวงของบุรุษ จนอีกฝ่ายใช้เล่นงานตระกูลตน แต่ผู้เป็นบิดากลับไม่เคยกล่าวโทษนาง
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เจียงม่านเกลียดชังตระกูลหม่า เกลียดชังคุณชายใหญ่ตระกูลหม่าผู้นั้นที่หลอกใช้ความรักของนางและนางเกลียดชังหม่าลี่เซียนที่สวมหน้ากากเข้าหานางจนนางยอมรับอีกฝ่ายเป็นสหายแต่กลับหักหลังนางจนเข้ากระดูก
เรื่องราวเหล่านั้นทำให้น้ำตาของเจียงม่านไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว รสชาติเค็มพร่าที่สัมผัสริมฝีปาก ทำให้นางรีบยกฝ่ามือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงได้อ่อนไหวกับเรื่องเหล่านี้ ภายในอกของนางรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจ ราวกับเรื่องราวเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับตัวนางเอง ทั้งๆ ที่นางเป็นเพียงวิญญาณที่มาสวมร่างผู้อื่นเท่านั้น
นางได้แต่เฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่าสวรรค์ส่งนางมาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้เพราะเหตุใดกัน เพื่อให้นางมองดูตระกูลเจียงจบสิ้นลง ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงเพียงเท่านี้ จบลงอย่างที่มันควรจะเป็น
"คุณหนูนั่นท่านลุงเหวินนี่เจ้าคะ คงจะมาพบนายท่านเรื่องหอสุราเป็นแน่"
เสียงของลี่ลี่ที่เอ่ยขึ้นดึงสติและสายตาของนางให้มองไปยังชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้าไปในเรือนอย่างเร่งรีบ
ท่านลุงเหวิน หลงจู่ผู้ดูแลหอสุราตระกูลเจียง
"นี่นายท่านจะขายหอสุราจริงๆ น่ะหรือ"
ลู่ลู่รำพึงออกมาอย่างโศกเศร้า หอสุราตระกูลเจียงคือท่อน้ำเลี้ยงหลักที่หล่อเลี้ยงอีกหลายชีวิตในจวนตระกูลเจียง เห็นทีทุกคนคงต้องถูกขายออกไปจริงๆ
เจียงม่านกวาดตามองบรรดาบ่าวไพร่กว่าสิบชีวิตที่ต่างชะโงกหน้าจ้องมองไปยังเรือนใหญ่ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น โดยไม่รู้ว่าต่อไปพวกตนจะมีชะตากรรมเช่นไร ทั้งยังคนงานในหอสุราและโรงหมักสุราอีกกว่าครึ่งร้อย
ไม่ได้ นางจะปล่อยให้หอสุราตระกูลเจียงจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ไม่ได้
นางยังไม่ได้ลิ้มรสชาติของสุราเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
"ลู่ลู่ลี่ลี่ ไปกันเถอะ ข้า อยากจะพบท่านพ่อ"
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
ขณะที่เจียงม่านก้าวไปข้างหน้าเดินสวนกับผู้คนมากมาย แต่ราวกับว่ารอบตัวของนางนั้นเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของผู้คน นางจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวของคนผู้นั้น คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า บุรุษผู้ที่หลอกให้เจ้าของร่างตกหลุมรักเพื่อสูตรลับการหมักสุราของตระกูลเจียง และเรื่องราวในชีวิตก่อนของตนเมื่อครั้งเป็นม่านไหมชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของนางที่คบหากันถึงสี่ปีในรั้วมหาลัย และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อเรียนจบ แต่หลังจากจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราก็ดูเหมือนจะจบลงด้วย เราทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเติบโต โดยการที่เขาเลือกใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ใช่แล้ว นางเองก็ถูกบุรุษหักหลังเช่นเดียวกันหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยวางหัวใจของตัวเองไว้บนฝ่ามือของบุรุษใดอีกเลย ความผิดหวังในครั้งนั้นยิ่งทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวด นางเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเงิน และทำในสิ่งที่ตัวเองรักโอ๊ย!!แต่แล้วความคิดทั้งหมดของนางก็หยุดชะงักลงเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็ม
หอสุราตระกูลเจียงที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่ลูกค้าดูจะบางตาเรียกได้ว่าเงียบเหงามีเพียงเหล่าลูกค้าขาจรและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย หาใช่การแขวนป้ายประกาศขายล้างหนี้สินเช่นดังที่มีข่าวลือออกมา ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นและผู้ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นายท่านตระกูลเจียงช่างเป็นบุรุษที่ดื้อดึง แทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะขายกิจการ ยังคงดึงดันจนน่าขัน หากเป็นพวกตนคงจะยอมแพ้และตัดสินใจขายเสีย อย่างน้อยก็ยังมีเงินให้เหลือเลี้ยงชีพ ดึงดันเช่นนี้ต่อไปคาดว่าคงได้สิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่รอดูต่อไปเพียงเท่านั้นเพล้ง!"ทำไมมันถึงยังไม่ยอมขาย"จอกน้ำชาถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ตามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุดของผู้นำตระกูลหม่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นเช่นดังที่คิดหม่าชิงหลุนที่เชื่อว่าตระกูลเจียงคงไม่อาจจะพลิกฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว เวลานี้เจียงถงผู้นั้นแทบไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ อีก ทั้งยังกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้ท่วมหัว เช่นนั้นหนทางเดียวที่ตระกูลเจียงจะอยู่รอดก็เหลือเพียงการขายหอสุราตระกูลเจียง
"ตรงไปหอสุราเลยนะ ไม่ต้องหยุดที่ใด"ทันทีที่นางก้าวเข้ามานั่งบนรถม้า ก็ได้ยินเสียงลี่ลี่เอ่ยกำชับคนบังคับรถม้าในทันที อีกทั้งนางยังนั่งประกบด้านข้างคนบังคับรถม้าราวกับว่าหากอีกฝ่ายหยุดรถม้านางจะเป็นผู้บังคับม้าเองในทันที ส่วนแฝดผู้พี่นั้นก็กำลังนั่งประกบอยู่ด้านข้าง จ้องมองนางตาใส ราวกับจะบอกนางกลายๆ ว่า หากนางขยับตัวจะลงจากรถม้าเมื่อใด แขนป้อมๆ คู่นั้นจะเข้ามากอดขาของนางเอาไว้เจียงม่านจึงทำได้เพียงเปิดม่านชื่นชมความครึกครื้นผ่านหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่มากนักหอสุราตระกูลเจียงตั้งตระหง่านมองเห็นโดดเด่นแม้จะมองจากที่ไกลๆ นับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ในที่สุดนางก็มาถึงหอสุราตระกูลเจียงโดยที่ไม่ได้แวะที่ใด พร้อมกับใบหน้าโล่งใจของบ่าวทั้งสอง"คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ลงหรอกหรือเจ้าคะ"ลู่ลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยใบหน้าฉงน เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ยอมก้าวลงจากรถม้า แต่กลับขยับไปยังฝั่งรถม้าอีกด้านหนึ่ง ทั้งยังแง้มเปิดม่านหน้าต่างหรี่ตาลงด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์"คุณหนูทำอันใดเจ้าคะ"ลี่ลี่ที่เห็นว่ารถม้าจอดอยู่นานแต่ผู้เป็นนายยังไม่ออกมาเสียทีจึงชะโงกหน้าผ่านม่านประตูรถม้าเข้
กรี๊ดดดดดดด...เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งที่ดังออกมาจากด้านในห้อง ทำให้เด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าสองนางที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะมองสบตากันอย่างตื่นตระหนก เนื้อตัวของทั้งสองสั่นเทาขึ้นอย่างยากที่จะระงับ ได้แต่โอดครวญโดยไร้เสียงคุณหนูคลุ้มคลั่งอีกแล้วเหตุที่พวกนางทั้งสองมีท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ นั่นก็เพราะเมื่อวานนี้คุณหนูของพวกนางอาละวาดขว้างปาข้าวของภายในเรือนจนเละเทะ ทั้งยังร้องไห้อย่างหนัก ก่อนจะลื่นเม็ดไข่มุกที่ตกอยู่เกลื่อนพื้นเพราะฝีมือของตัวเองจนล้มลงหัวกระแทกแล้วสลบไป จนพวกนางพากันตกอกตกใจโชคดีที่ท่านหมอบอกว่าผู้เป็นนายไม่ได้เป็นอันใดมาก แต่ไม่คิดว่าเมื่อฟื้นคืนสติคุณหนูยังคงไม่คลายความขุ่นเคืองใจ พวกนางไม่รู้ว่าจะต้องตั้งรับกับสถานการณ์เช่นนี้ไปอีกกี่วัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกนางก็ไม่ชินเสียที"ลี่ลี่ เจ้าเข้าไปดูคุณหนูหน่อยเถิด"ลี่ลี่ เจ้าของนามนั้นเป็นแฝดผู้น้องตวัดตามองแฝดผู้พี่ของตน ก่อนจะเบนสายตามองไปยังห้องนอนของผู้เป็นนายอย่างช่างใจ แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วการที่นางเข้าไปในตอนนี้คงไม่แคล้วได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่ "แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่เข้
"ตรงไปหอสุราเลยนะ ไม่ต้องหยุดที่ใด"ทันทีที่นางก้าวเข้ามานั่งบนรถม้า ก็ได้ยินเสียงลี่ลี่เอ่ยกำชับคนบังคับรถม้าในทันที อีกทั้งนางยังนั่งประกบด้านข้างคนบังคับรถม้าราวกับว่าหากอีกฝ่ายหยุดรถม้านางจะเป็นผู้บังคับม้าเองในทันที ส่วนแฝดผู้พี่นั้นก็กำลังนั่งประกบอยู่ด้านข้าง จ้องมองนางตาใส ราวกับจะบอกนางกลายๆ ว่า หากนางขยับตัวจะลงจากรถม้าเมื่อใด แขนป้อมๆ คู่นั้นจะเข้ามากอดขาของนางเอาไว้เจียงม่านจึงทำได้เพียงเปิดม่านชื่นชมความครึกครื้นผ่านหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่มากนักหอสุราตระกูลเจียงตั้งตระหง่านมองเห็นโดดเด่นแม้จะมองจากที่ไกลๆ นับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ในที่สุดนางก็มาถึงหอสุราตระกูลเจียงโดยที่ไม่ได้แวะที่ใด พร้อมกับใบหน้าโล่งใจของบ่าวทั้งสอง"คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ลงหรอกหรือเจ้าคะ"ลู่ลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยใบหน้าฉงน เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ยอมก้าวลงจากรถม้า แต่กลับขยับไปยังฝั่งรถม้าอีกด้านหนึ่ง ทั้งยังแง้มเปิดม่านหน้าต่างหรี่ตาลงด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์"คุณหนูทำอันใดเจ้าคะ"ลี่ลี่ที่เห็นว่ารถม้าจอดอยู่นานแต่ผู้เป็นนายยังไม่ออกมาเสียทีจึงชะโงกหน้าผ่านม่านประตูรถม้าเข้
หอสุราตระกูลเจียงที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่ลูกค้าดูจะบางตาเรียกได้ว่าเงียบเหงามีเพียงเหล่าลูกค้าขาจรและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย หาใช่การแขวนป้ายประกาศขายล้างหนี้สินเช่นดังที่มีข่าวลือออกมา ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นและผู้ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นายท่านตระกูลเจียงช่างเป็นบุรุษที่ดื้อดึง แทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะขายกิจการ ยังคงดึงดันจนน่าขัน หากเป็นพวกตนคงจะยอมแพ้และตัดสินใจขายเสีย อย่างน้อยก็ยังมีเงินให้เหลือเลี้ยงชีพ ดึงดันเช่นนี้ต่อไปคาดว่าคงได้สิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่รอดูต่อไปเพียงเท่านั้นเพล้ง!"ทำไมมันถึงยังไม่ยอมขาย"จอกน้ำชาถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ตามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุดของผู้นำตระกูลหม่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นเช่นดังที่คิดหม่าชิงหลุนที่เชื่อว่าตระกูลเจียงคงไม่อาจจะพลิกฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว เวลานี้เจียงถงผู้นั้นแทบไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ อีก ทั้งยังกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้ท่วมหัว เช่นนั้นหนทางเดียวที่ตระกูลเจียงจะอยู่รอดก็เหลือเพียงการขายหอสุราตระกูลเจียง
ขณะที่เจียงม่านก้าวไปข้างหน้าเดินสวนกับผู้คนมากมาย แต่ราวกับว่ารอบตัวของนางนั้นเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของผู้คน นางจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวของคนผู้นั้น คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า บุรุษผู้ที่หลอกให้เจ้าของร่างตกหลุมรักเพื่อสูตรลับการหมักสุราของตระกูลเจียง และเรื่องราวในชีวิตก่อนของตนเมื่อครั้งเป็นม่านไหมชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของนางที่คบหากันถึงสี่ปีในรั้วมหาลัย และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อเรียนจบ แต่หลังจากจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราก็ดูเหมือนจะจบลงด้วย เราทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเติบโต โดยการที่เขาเลือกใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ใช่แล้ว นางเองก็ถูกบุรุษหักหลังเช่นเดียวกันหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยวางหัวใจของตัวเองไว้บนฝ่ามือของบุรุษใดอีกเลย ความผิดหวังในครั้งนั้นยิ่งทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวด นางเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเงิน และทำในสิ่งที่ตัวเองรักโอ๊ย!!แต่แล้วความคิดทั้งหมดของนางก็หยุดชะงักลงเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็ม
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั