หลังจากได้อาบน้ำ แช่กายในน้ำที่อุ่นกำลังดี ทั้งยังมีกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ร่างกายที่ตึงเครียดก็เหมือนจะผ่อนคลายลง สมองก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้น
นั่นจึงทำให้เจียงม่านตระหนักได้ว่าตนยังไม่ได้สำรวจร่างกายใหม่นี้อย่างถี่ถ้วน
หลังฉากกั้นที่ใช้สำหรับแต่งกายตอนนี้จึงปรากฏสตรีรูปร่างบอบบางยืนเปลือยกายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งตัว กำลังใช้สายตากวาดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องของตัวเอง
นิ้วเรียวยาวราวกับต้นหอมกรีดกรายไปตามผิวเนื้อนุ่มนิ่มราวกับเต้าหู้เนื้อดี ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนเป็นที่น่าพอใจ เส้นผมสีดำสนิทนุ่มลื่นเงางามดุจแพรไหมทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำจายออกมา บ่งบอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของดูแลเอาใจใส่มันดีเพียงใด คิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูเหมาะเจาะงดงาม เรียกได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง
หน้าตาผิวพรรณของร่างนี้นับว่าถูกใจนางไม่น้อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือรูปร่างที่ผอมแห้งราวกับจะปลิวลม จับตรงที่ใดก็ไม่เต็มไม้เต็มมือดูกระโดกกระเดกไปเสียหมด หน้าอกคู่นี้แม้จะดูงดงามแต่ขนาดของมันช่างไม่เร้าอารมณ์เอาเสียเลย เอวบางเล็กคอดแต่สะโพกกลับไม่หนั่นแน่นดึ๋งดั๋ง ในยุคนี้เขานิยมเรือนร่างที่มีแต่กระดูกเช่นนี้หรือ
นางคิดว่าหากร่างนี้มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้คงจะกลายเป็นสตรีงดงามที่หาตัวจับได้ยากเป็นแน่ เช่นนั้นนางคงต้องบำรุงร่างกายให้อวบอิ่มขึ้น ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่านี้
คิดได้ดังนั้นท้องไส้ของนางก็เริ่มที่จะปั่นป่วน รู้สึกหิวขึ้นมาในทันที
เจียงม่านคว้าชุดตัวในมาสวมจนเรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยเรียกบ่าวทั้งสองที่ตั้งโต๊ะอาหารอยู่ด้านนอกมาช่วยนางแต่งตัว อาภรณ์งดงามเหล่านี้สวมใส่ยุ่งยากเกินไปสำหรับนาง
แต่แล้วเมื่อสาวน้อยทั้งสองนางเดินส่งยิ้มกว้างเข้ามา เรียวคิ้วของโฉมงามก็ขมวดมุ่น
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
สายตาคมกริบกวาดมองสองแฝดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เหตุใดสองคนนี้จึงได้ดูอวบอ้วนเกินพอดีไปมาก ส่วนนางผู้เป็นนายกลับคล้ายดังคนอดอยาก สองคนนี้แย่งกินอาหารของผู้เป็นนายหมดหรืออย่างไรกัน
แต่หลังจากได้เห็นบรรดาอาหารที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ นางก็พลันเข้าใจ ไม่มีหูฉลาม เป็ดปักกิ่ง หมูหัน พระกระโดดกำแพง หรือแม้แต่เสี่ยวหลงเป่าของโปรดของนาง เช่นในภัตตาคารอาหารจีน
ตรงหน้าของนางนั้นมีเพียงข้าวสวยสีขาวฟูนุ่มที่มีอยู่เพียงก้นถ้วย นางเอาเข้าปากเพียงคำเดียวก็หมดเกลี้ยง ทั้งยังเนื้อสัตว์ที่ไร้ซึ่งไขมันแทรกซึม จานผักก็ไร้ความเงาวาวของน้ำมัน ดูด้วยตาก็รู้ได้ว่ารสชาติคงจะจืดชืด ความอยากอาหารที่มีก่อนหน้านี้ของนางหดหายไปจนหมด
ตระกูลเจียงอดอยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
สีหน้าย่ำแย่ของผู้เป็นนายทำให้ลู่ลู่ลี่ลี่หันมามองสบตากัน ไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น หรืออาหารจะมีปัญหา ท่านป้าจางผู้เป็นแม่ครัวทำสิ่งใดผิดพลาดกัน
"คุณหนูมีอันใดหรือไม่เจ้าคะ"
ลู่ลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายที่ไม่ยอมนั่งลง เอาแต่จ้องมองอาหารตรงหน้า ซึ่งนางมั่นใจว่าทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดพลาดอย่างแน่นอน นางตรวจสอบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังลองชิมดูแล้วทุกจาน
"สิ่งนี้คืออะไรกัน"
นิ้วเรียวที่สั่นเทาจนเห็นได้ชัด ชี้ไปยังจานหมูตุ๋นในน้ำแกงสีน้ำตาลใสที่มีกลิ่นสมุนไพรฉุนกึกตีขึ้นจมูก
"เนื้อหมูตุ๋นสมุนไพรอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
ลู่ลู่เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของผู้เป็นนาย สายตามองอาหารตรงหน้าราวกับเห็นเป็นสิ่งประหลาดจึงรีบอธิบาย
"คุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ป้าจางทำทุกขั้นตอนเหมือนเดิมทุกอย่าง เนื้อหมูนี้เลาะเอาไขมันออกไม่หลงเหลืออย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ส่วนจานผัดผักก็ไม่ใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว ทั้งอาหารทุกอย่างก็ไม่ปรุงรส ทุกจานป้าจางล้วนทำตามที่คุณหนูสั่งอย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ"
"หา อะไรนะ"
ทำตามที่นางสั่งเช่นนั้นหรือ
เจียงม่านเผลออ้าปากหวอโดยไม่อาจที่จะรักษากิริยาได้อีกต่อไป บ้าไปแล้ว ผัดผักไม่ใส่น้ำมันจะเรียกว่าผัดผักได้อย่างไร แล้วอันใดคือต้องเลาะไขมันของหมูออกไม่ให้เหลือ
โอ้แม่เจ้า นี่ข้ามาอยู่ในร่างของคนคลั่งผอมอย่างนั้นหรือ
"พวกเจ้าก็กินเช่นนี้หรือ"
เจียงม่านหันไปถามเด็กสาวทั้งสอง ราวกับจะให้แน่ใจว่าไม่ได้มีแค่นางที่มีการกินประหลาดเช่นนี้
"ไม่เจ้าค่ะ พวกบ่าวกินอาหารที่ทำไว้สำหรับบ่าวรับใช้ ลิ้นของพวกบ่าวเข้าไม่ถึงรสชาติของอาหารพวกนี้หรอกเจ้าค่ะ"
ลี่ลี่เอ่ยตอบพร้อมส่งรอยยิ้มจืดเจื่อนให้ผู้เป็นนาย เสียงหัวเราะแห้งแล้งของนางบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีเพียงแค่คุณหนูของจวนนี้เท่านั้นที่กินอาหารรสชาติจืดชืดพวกนี้
"ลู่ลู่ ลี่ลี่ ต่อไปไม่ต้องทำอาหารเช่นนี้มาให้ข้าอีกแล้วนะ"
เจียงม่านเหลือบมองสีหน้าที่แสดงถึงความประหลาดใจของทั้งสอง แล้วจึงเอ่ยสำทับอีกประโยค
"ต่อไปท่านพ่อกินสิ่งใดข้าก็จะกินสิ่งนั้น กินอาหารตามที่ป้าจางอยากจะทำ กินอาหารเช่นดังที่คนปกติทั่วไปเขากินกัน ข้าเบื่อจะกินรสชาติเช่นนี้แล้ว เข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ"
สองแฝดตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ทั้งยังฉีกยิ้มกว้าง ในดวงตาฉายประกายยินดี พวกนางอยากให้คุณหนูเลิกกินอาหารเช่นนี้ตั้งนานแล้ว มันไม่อร่อยเลยสักนิด อีกทั้งตอนนี้คุณหนูของพวกนางผอมบางจนแทบจะเหลือเพียงกระดูกแล้วเสียด้วยซ้ำ
"ไปกันเถอะ"
"ไปไหนเจ้าคะ"
บ่าวทั้งสองรีบสับเท้าตามหลังผู้เป็นนายที่หุนหันเดินออกจากเรือนอย่างรวดเร็วโดยไม่รอพวกนาง
"ข้าจะเข้าครัว หิว"
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้ยินเช่นนั้นสองขาก็พันกันจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ
คุณหนูของพวกนางเคยย่างเท้าเข้าครัวเสียเมื่อใดกัน อ้อ เห็นจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณหนูเข้าไปในครัว แต่ก็ไปเพื่ออาละวาดใส่ท่านป้าจางที่เผลอใส่เครื่องปรุงลงไป กระทำนอกเหนือคำสั่งเพราะเห็นว่าอาหารนั้นจืดชืดเกินไป ครั้งนั้นในโรงครัวแทบจะไฟลุกเพราะโทสะของผู้เป็นนาย
ทันทีที่คุณหนูของจวนมาปรากฏตัวในโรงครัว บ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในโรงครัวต่างก็ตัวเกร็งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะท่านป้าจางแม่ครัวร่างท้วม นางถึงกับตัวสั่นเทาหลั่งเหงื่อเย็นออกมาเต็มแผ่นหลัง ไอความร้อนจากเตาไฟเบื้องหลังไหนเลยจะสู้เทพแห่งความร้อนแรงเดือดพล่านเบื้องหน้า แต่นางเผลอทำสิ่งใดผิดไปนะ อีกฝ่ายถึงได้มาเยือนเช่นนี้
ส่วนผู้ที่ทำให้ผู้อื่นหวาดผวากลับยังมิรู้ตัว ยังคงกวาดตามองและเดินสำรวจไปทั่วครัวขนาดใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ หลงลืมไปว่าตนนั้นกำลังหิว เพราะไม่เคยเห็นครัวโบราณแบบดั้งเดิมเช่นนี้มาก่อน
นางเป็นอีกผู้หนึ่งที่หลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรมของจีนยุคโบราณ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกครึ่งจีน แต่ก็ไม่เคยไปเยือนเมืองจีนเลยสักครั้ง ชีวิตที่แล้วของนาง เกิดและเติบโตที่เมืองไทย แต่นางเคยใฝ่ฝันว่า หากเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่งจะไปเยือนเมืองจีนสักครั้ง คิดขำๆ ว่าเผื่อจะได้พบเจอญาติทางฝั่งมารดาแต่ก็ดันมาตายเสียก่อน และตอนนี้ก็ถือได้ว่าความใฝ่ฝันของนางเป็นจริงแล้ว นางได้มาเยือนเมืองจีนสมใจปรารถนา ถึงแม้จะเป็นเมืองจีนในยุคสมัยไหนก็ไม่รู้ และบางทีนางอาจจะพบบรรพบุรุษของมารดาที่นี่ก็เป็นได้
ห้องครัวในยุคนี้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน มีพื้นที่สำหรับจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารแยกออกจากส่วนที่มีไว้สำหรับการปรุงอาหารโดยเฉพาะ มีเตาไฟขนาดใหญ่ที่ทำด้วยอิฐและดินเหนียวสองเตา และยังมีเตาขนาดเล็กอีกเตาหนึ่ง ซึ่งเตาขนาดใหญ่นั้นยังคงร้อนระอุ หม้อน้ำแกงกระดูกหมูที่เคี่ยวอยู่บนเตาส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล เหนือเตาไฟจะมีตะขอแขวนและชั้นวางหลายชุดสำหรับเก็บอุปกรณ์การทำอาหารและหม้อต่างๆ อุปกรณ์เหล่านี้จะทำจากทองแดง ทองเหลือง และเหล็กหล่อ
ทั้งยังมีห้องที่ใช้จัดเก็บธัญพืช สมุนไพรและเครื่องเทศ ห้องจัดเก็บอุปกรณ์การทำอาหารที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ แบบดั้งเดิมมากมาย กระทะจีน หม้อนึ่ง มีดสับ และทัพพี ภาชนะที่ทำด้วยดินเผา เครื่องลายคราม หรือแม้กระทั่งไม้ไผ่ โถและไหขนาดต่างๆ ภาชนะเหล่านี้จะมีป้ายกำกับเขียนเอาไว้แทบจะทุกใบ
ด้านหลังโรงครัวเป็นสวนขนาดกลางซึ่งมีสมุนไพร ผัก และผลิตผลอื่นที่ปลูกเอาไว้ ดูเป็นระเบียบและสวยงาม ซึ่งนางชื่นชอบมากๆ หากถ่ายลงคอนเทนต์คงมีคนเข้ามากดติดตามมากมายและยอดกดไลค์พุ่งกระฉูดอย่างแน่นอน
พืชผักที่กำลังเติบโตหลากสีสัน เถามะเขือเทศที่มีผลอวบอิ่มและชุ่มฉ่ำในเฉดสีแดง ส้ม และเหลืองที่แตกต่างกัน ผิวมันแวววาวภายใต้แสงแดดอันอ่อนโยน มีกลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์ลอยอยู่ในอากาศ
ถัดจากมะเขือเทศ มีต้นถั่วฝักยาวที่เลื้อยไปตามคานไม้ ประดับด้วยฝักเรียวยาวมากมาย สีเขียวสดใสดูน่ากิน ต้นผักกาดหอมที่อยู่ด้านหลังกำลังอวบอ้วนใบเขียวชอุ่ม ตัดกับสีของพริกหยวกที่มีหลากหลายเฉดสี ทั้งสีแดง เหลือง และเขียว
ตรงข้างกำแพงมีต้นแตงกวาที่ออกผลสีเขียวสดใสห้อยย้อยลงมา จนนางต้องเอื้อมมือเด็ดลงมาและลิ้มรสความเย็นสดชื่น ความแน่นและกรุบกรอบของมันทำให้นางถึงกับตาโต แตงกวาที่นี่ดีจริงๆ
รอบกายของนางตอนนี้คือพืชผักที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวและนำไปประกอบอาหาร กลิ่นพืชสมุนไพรส่งกลิ่นหอมให้ความรู้สึกสดชื่น
หลังจากสำรวจสวนผักแห่งนี้จนพอใจ เพลิดเพลินทั้งทางสายตาและทางปาก ลิ้มรสชาติความสดใหม่ของพืชผักที่เด็ดสดๆ จากต้น นางยอมรับว่ามันดีมากจริงๆ
เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องครัวที่ใช้สำหรับประกอบอาหาร ทันทีที่เดินเข้ามากลิ่นหอมของอาหารก็ตีเข้าจมูกจนท้องของนางส่งเสียงร้อง
"คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านป้าจางทำอาหารเสร็จพอดีเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวยกตามออกไปนะเจ้าคะ ลี่ลี่เจ้ามาประคองคุณหนูกลับเรือนสิ"
ลู่ลู่รีบเอ่ยบอกผู้เป็นนาย ทั้งยังหันไปกล่าวกับผู้เป็นน้องสาว เหตุเพราะสงสารท่านป้าจางที่ทำอาหารไปมือไม้ก็สั่นไปน้ำตาแทบจะหลั่งออกมาแทนเกลือ และบ่าวคนอื่นที่ดูเหมือนจะร่ำไห้เพราะความกดดัน
"ไม่ต้องไม่ต้อง ข้าจะกินที่นี่ ตักข้าวเลย"
ว่าแล้วเจียงม่านก็เดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่ตรงหน้านั้นเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และยาวจรดผนัง คาดว่าคงเป็นโต๊ะที่ใช้รับประทานอาหารของบ่าวในโรงครัว
แต่ประโยคนั้นของนางกลับทำให้ทุกอย่างรอบตัวหยุดชะงักลง จนนางที่รอกินอาหารอยู่ต้องเงยหน้าขึ้น กวาดตามองทุกคนที่เงียบเสียงลงและหยุดเคลื่อนไหวอย่างนึกสงสัย
"มีอะไรอย่างนั้นหรือ"
เห็นทุกคนพากันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงจึงละความสนใจหันมาทางสองแฝดที่ยืนอ้าปากค้าง
"เอ๊า ลู่ลู่ลี่ลี่ตักข้าวสิ ข้าหิวแล้ว"
"เจ้าค่ะเจ้าค่ะ"
สิ้นคำสั่งนั้นทุกคนต่างกระวีกระวาดยกอาหารหน้าตาน่ากินขึ้นโต๊ะ ก่อนจะถอยออกมายืนอย่างสงบ ทุกสายตาล้วนจับจ้องคุณหนูของจวนราวกับไม่เคยเห็น รู้สึกมึนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ก่อนใบหน้าของทุกคนจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อผู้เป็นนายกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผู้ที่เห็นจะยิ้มกว้างหน้าบานกว่าใครๆ ก็คงจะเป็นท่านป้าจาง เพราะคุณหนูเอ่ยชมไม่ขาดปากว่าอาหารอร่อยรสดีและนางก็ชอบมากๆ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
ขณะที่เจียงม่านก้าวไปข้างหน้าเดินสวนกับผู้คนมากมาย แต่ราวกับว่ารอบตัวของนางนั้นเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของผู้คน นางจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวของคนผู้นั้น คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า บุรุษผู้ที่หลอกให้เจ้าของร่างตกหลุมรักเพื่อสูตรลับการหมักสุราของตระกูลเจียง และเรื่องราวในชีวิตก่อนของตนเมื่อครั้งเป็นม่านไหมชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของนางที่คบหากันถึงสี่ปีในรั้วมหาลัย และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อเรียนจบ แต่หลังจากจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราก็ดูเหมือนจะจบลงด้วย เราทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเติบโต โดยการที่เขาเลือกใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ใช่แล้ว นางเองก็ถูกบุรุษหักหลังเช่นเดียวกันหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยวางหัวใจของตัวเองไว้บนฝ่ามือของบุรุษใดอีกเลย ความผิดหวังในครั้งนั้นยิ่งทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวด นางเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเงิน และทำในสิ่งที่ตัวเองรักโอ๊ย!!แต่แล้วความคิดทั้งหมดของนางก็หยุดชะงักลงเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็ม
หอสุราตระกูลเจียงที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่ลูกค้าดูจะบางตาเรียกได้ว่าเงียบเหงามีเพียงเหล่าลูกค้าขาจรและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย หาใช่การแขวนป้ายประกาศขายล้างหนี้สินเช่นดังที่มีข่าวลือออกมา ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นและผู้ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นายท่านตระกูลเจียงช่างเป็นบุรุษที่ดื้อดึง แทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะขายกิจการ ยังคงดึงดันจนน่าขัน หากเป็นพวกตนคงจะยอมแพ้และตัดสินใจขายเสีย อย่างน้อยก็ยังมีเงินให้เหลือเลี้ยงชีพ ดึงดันเช่นนี้ต่อไปคาดว่าคงได้สิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่รอดูต่อไปเพียงเท่านั้นเพล้ง!"ทำไมมันถึงยังไม่ยอมขาย"จอกน้ำชาถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ตามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุดของผู้นำตระกูลหม่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นเช่นดังที่คิดหม่าชิงหลุนที่เชื่อว่าตระกูลเจียงคงไม่อาจจะพลิกฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว เวลานี้เจียงถงผู้นั้นแทบไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ อีก ทั้งยังกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้ท่วมหัว เช่นนั้นหนทางเดียวที่ตระกูลเจียงจะอยู่รอดก็เหลือเพียงการขายหอสุราตระกูลเจียง
"ตรงไปหอสุราเลยนะ ไม่ต้องหยุดที่ใด"ทันทีที่นางก้าวเข้ามานั่งบนรถม้า ก็ได้ยินเสียงลี่ลี่เอ่ยกำชับคนบังคับรถม้าในทันที อีกทั้งนางยังนั่งประกบด้านข้างคนบังคับรถม้าราวกับว่าหากอีกฝ่ายหยุดรถม้านางจะเป็นผู้บังคับม้าเองในทันที ส่วนแฝดผู้พี่นั้นก็กำลังนั่งประกบอยู่ด้านข้าง จ้องมองนางตาใส ราวกับจะบอกนางกลายๆ ว่า หากนางขยับตัวจะลงจากรถม้าเมื่อใด แขนป้อมๆ คู่นั้นจะเข้ามากอดขาของนางเอาไว้เจียงม่านจึงทำได้เพียงเปิดม่านชื่นชมความครึกครื้นผ่านหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่มากนักหอสุราตระกูลเจียงตั้งตระหง่านมองเห็นโดดเด่นแม้จะมองจากที่ไกลๆ นับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ในที่สุดนางก็มาถึงหอสุราตระกูลเจียงโดยที่ไม่ได้แวะที่ใด พร้อมกับใบหน้าโล่งใจของบ่าวทั้งสอง"คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ลงหรอกหรือเจ้าคะ"ลู่ลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยใบหน้าฉงน เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ยอมก้าวลงจากรถม้า แต่กลับขยับไปยังฝั่งรถม้าอีกด้านหนึ่ง ทั้งยังแง้มเปิดม่านหน้าต่างหรี่ตาลงด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์"คุณหนูทำอันใดเจ้าคะ"ลี่ลี่ที่เห็นว่ารถม้าจอดอยู่นานแต่ผู้เป็นนายยังไม่ออกมาเสียทีจึงชะโงกหน้าผ่านม่านประตูรถม้าเข้
หอสุราตระกูลเจียงที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่ลูกค้าดูจะบางตาเรียกได้ว่าเงียบเหงามีเพียงเหล่าลูกค้าขาจรและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย หาใช่การแขวนป้ายประกาศขายล้างหนี้สินเช่นดังที่มีข่าวลือออกมา ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นและผู้ที่พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นายท่านตระกูลเจียงช่างเป็นบุรุษที่ดื้อดึง แทบจะหมดเนื้อหมดตัวอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะขายกิจการ ยังคงดึงดันจนน่าขัน หากเป็นพวกตนคงจะยอมแพ้และตัดสินใจขายเสีย อย่างน้อยก็ยังมีเงินให้เหลือเลี้ยงชีพ ดึงดันเช่นนี้ต่อไปคาดว่าคงได้สิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่รอดูต่อไปเพียงเท่านั้นเพล้ง!"ทำไมมันถึงยังไม่ยอมขาย"จอกน้ำชาถูกปาลงพื้นจนแตกกระจาย ตามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุดของผู้นำตระกูลหม่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นเช่นดังที่คิดหม่าชิงหลุนที่เชื่อว่าตระกูลเจียงคงไม่อาจจะพลิกฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ได้อีกแล้ว เวลานี้เจียงถงผู้นั้นแทบไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ อีก ทั้งยังกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้ท่วมหัว เช่นนั้นหนทางเดียวที่ตระกูลเจียงจะอยู่รอดก็เหลือเพียงการขายหอสุราตระกูลเจียง
ขณะที่เจียงม่านก้าวไปข้างหน้าเดินสวนกับผู้คนมากมาย แต่ราวกับว่ารอบตัวของนางนั้นเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของผู้คน นางจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ในหัวครุ่นคิดถึงแต่เรื่องราวของคนผู้นั้น คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า บุรุษผู้ที่หลอกให้เจ้าของร่างตกหลุมรักเพื่อสูตรลับการหมักสุราของตระกูลเจียง และเรื่องราวในชีวิตก่อนของตนเมื่อครั้งเป็นม่านไหมชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของนางที่คบหากันถึงสี่ปีในรั้วมหาลัย และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อเรียนจบ แต่หลังจากจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราก็ดูเหมือนจะจบลงด้วย เราทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเติบโต โดยการที่เขาเลือกใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงอีกคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ใช่แล้ว นางเองก็ถูกบุรุษหักหลังเช่นเดียวกันหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยวางหัวใจของตัวเองไว้บนฝ่ามือของบุรุษใดอีกเลย ความผิดหวังในครั้งนั้นยิ่งทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความเจ็บปวด นางเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเงิน และทำในสิ่งที่ตัวเองรักโอ๊ย!!แต่แล้วความคิดทั้งหมดของนางก็หยุดชะงักลงเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็ม
เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมามีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ
"ไป ไปตามนายของพวกเจ้าออกมาประเดี๋ยวนี้"เสียงตวาดเหวที่ดังลั่นอยู่ด้านหน้าเรือน ทำให้บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนกายกำยำสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน ถึงแม้ขณะนี้ดวงตะวันจะขึ้นอยู่ตรงศีรษะแต่เจ้าตัวยังคงซุกกายอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่เสียงนั้นเรียกให้เขาตื่นเต็มตา ทะลึ่งกายคว้าเอาอาภรณ์ที่ถอดพาดไว้เมื่อตอนย่ำรุ่งขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเจ้าของเสียงแหลมแสบแก้วหูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเว่ย ใหญ่กว่าท่านเจ้าเมืองก็เว่ยฮูหยินผู้นี้นี่แหละสตรีผู้ที่ใบหน้ามักจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความมีเมตตาอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้กลับไม่อาจรักษาใบหน้าเช่นนั้นเอาไว้ได้ ตอนนี้มันแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เสียงร้องแสบแก้วหูนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กำลังสั่นระริกชี้ไปยังทิศทางที่เป็นเรือนนอนของเจ้าของเรือนเมื่อเห็นว่าผู้ที่นางต้องการพบเดินสะโหลสะเหลออกมาด้วยสภาพที่ดูแทบไม่ได้ เลือดในกายของนางก็ราวกับกำลังเดือดพล่าน"ยอมโผล่หัวออกมาแล้วหรือพ่อตัวดี"ร่างบอบบางปรี่ตรงเข้าไปฟาดแผ่นหลังของบุตรชายไปทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบานัก นางอยากจะบิดหูเจ้าบุตรชายผู้นี้ให้ขาดเหลือเกิน"โอ๊ย โอ๊ย ท่านแม่ตีลูกทำไมกันขอร
"คุณหนูเจ้าคะ"เจียงม่านที่กำลังศึกษาประวัติและกรรมวิธีลับการผลิตสุราของตระกูลเจียงอย่างจริงจังมาตลอดหลายวัน ทั้งนางยังเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับการหมักสุราในโลกปัจจุบันไว้มากมายเพื่อมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคนี้ เงยหน้าจากตำราตรงหน้า"มีอันใดหรือลี่ลี่"ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับและหัวคิ้วของตน รู้สึกอ่อนล้าไปหมดขณะที่เอ่ยถามอีกฝ่ายลู่ลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบรินชาน้ำผึ้งชุ่มคอส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะบีบนวดไหล่เล็กให้อย่างเอาใจ จนได้รับรอยยิ้มหวานส่งมาให้"เว่ยฮูหยินมาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่เรือนรับรอง"ลี่ลี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายพร้อมกับเดินเข้ามาจัดอาภรณ์ที่ยับย่นของนายสาวให้เข้าที่เจียงม่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฮูหยิน มารดาของเว่ยซีหยวนน่ะหรือแล้วดวงตาคู่งามก็ปรากฏประกายระยิบระยับ ดูเหมือนนางจะจมอยู่กับความเคร่งเครียดมาหลายวันแล้วสินะ คงจะได้เวลาผ่อนคลายแล้ว"ท่านป้ามาอย่างนั้นหรือ ดีจริง"ที่นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะ เว่ยฮูหยิน ภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองคือสหายสนิทของมารดานางนั่นเอง ในอดีตทั้งสองเป็นสหายที่รักกันมาก ตั้งแต่ที่เว่ยฮูหยินยังเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ตระ
แค่ก แค่ก แค่กเสียงไอถี่ของนายท่านเจ้าของจวนดังออกมาให้ได้ยินทันทีที่หญิงสาวย่างเท้าก้าวเข้ามาภายในบริเวณห้องหนังสือที่เจ้าของจวนมักจะหมกตัวอยู่ในนั้น เรียกว่าอีกฝ่ายแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่ นั่นทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก ภายในอกรู้สึกวูบไหวจนสะท้าน"ท่านพ่อ"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ทำให้บุรุษทั้งสองที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดหันกลับมามองนางในทันที ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่"ยัยหนูม่านม่านมาหาพ่อเช่นนี้ เจ้าหายขุ่นเคืองพ่อแล้วหรือ"บุรุษวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับนางในทันที ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มยินดีแต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาให้นาง ก็ทำให้เจียงม่านถึงกับชะงักนิ่งงัน รับรู้ได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรงขึ้น ความสัมพันธ์และความคุ้นเคยสายหนึ่งโอบรัดนางไว้กับคนตรงหน้า รอยยิ้มของคนผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับมารดาของนางที่อยู่ในความทรงจำเหลือเกิน และภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ทางด้านหลังของเขา ยิ่งทำให้นางยิ่งรู้สึกมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลทางฝั่งมารดาของนางไม่ผิดแน่ เพราะสตรีในรูปนั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมารดาของนางถึงแปดส่วน เจียงม่านรวบรวม
ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนางตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไปเถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวนแต่แล้วสวรรค์ก็มีเ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง หลังสะสางปัญหาปากท้องเรียบร้อยแล้ว พอท้องอิ่มสมองก็โลดแล่น ต่อไปก็ต้องจัดการกับปัญหาชีวิตนางคิดตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวในชีวิตของร่างนี้อยู่หลายวัน เมื่อคิดสิ่งใดไม่ออกก็จะเรียกหาของกิน ชีวิตในแต่ละวันของนางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จากสตรีรูปร่างผอมบางบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมองเห็นชัดเจน การเพิ่มน้ำหนักเป็นอะไรที่ง่ายมากราวกับพลิกฝ่ามือวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังกินอาหารจนอิ่มท้องเจียงม่านก็ออกมาเดินย่อยอาหาร และถือโอกาสนี้เดินสำรวจจวนตระกูลเจียง ทั้งยังคิดทบทวนความทรงจำอันบางเบาของเจ้าของร่างที่ดูสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกและจับใจความสำคัญใดๆ ไม่ได้ จนนางนึกกังวล นางต้องการจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิตต่อไป นางตระหนักได้ว่าจะมัวแต่หมกตัวอยู่เพียงในเรือนและโรงครัวไม่ได้ จะอย่างไรนางก็ต้องออกมาเผชิญกับความจริงจวนตระกูลเจียงถือว่ากว้างขวางและงดงามตระการตาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลเจียงได้เป็นอย่างดี ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยงานแกะสลั