ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินหม้อไฟกันอย่างมีความสุขด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลมเกลียวหลังจากกินเสร็จเย่ซิวก็พาชูตงกลับบ้าน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อชูตงเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงมากแม้จะคบกับเย่ซิวแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมใช้เงินของเขา ทุกสิ่งที่เธอต้องการล้วนได้มาด้วยความพยายามของตัวเองเย่ซิวไม่ได้บังคับอะไรจึงอาสาขับรถไปส่งเธอถึงบ้านแทนทันทีที่เข้าบ้าน ชูตงก็โอบคอเย่ซิวไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นอย่างเย้ายวน “ฉันอยากบำเพ็ญกับคุณนะ”ครั้งที่อยู่ในภูเขานั้นได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเธอและเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจนเย่ซิวอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำไม่นานก็มีเสียงเฉพาะของการบำเพ็ญดังออกมาจากข้างในชูตงรู้สึกยินดีอย่างมากเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆไม่นานเธอก็เริ่มรู้สึกถึงพลังภายในที่เย่ซิวเคยพูดถึง ตอนนี้มันกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณของเธอในตอนแรกมันอ่อนแอมาก แต่ไม่ถึงชั่วโมงมันก็กลายเป็นเหมือนแม่น้ำที่หลั่งไหล“แกร๊ก!”ในเวลานั้นเอง เสี่ยวเหม่ยก็กลับมาถึงบ้า
ไม่แน่ว่าในตอนนั้นอาจมีปีศาจหรือสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ตามไปด้วยการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายแม้ว่าชูตงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่ต้องแยกจากเย่ซิว แต่เธอก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายอวิ๋นเหยานั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างเงียบสงบในสวนสมุนไพรในมือเธอถือหนังสือเล่มหนึ่งและค่อย ๆ พลิกหน้าหนังสือไปอย่างช้า ๆบนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าตั้งอยู่ แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ความรู้สึกสงบสุขอย่างแท้จริงหูของเธอกระดิกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “มาหาฉันเช้าขนาดนี้มีอะไรเหรอ”เย่ซิวตอบตามตรง “สำนักเธอน่าจะใกล้เปิดแล้วใช่ไหม ตอนนี้เราก็ไปกันได้เลย”อวิ๋นเหยาบอกว่าสำนักของเธอจะเปิดทุกหนึ่งเดือนและวันนี้ก็เป็นวันที่ยี่สิบเก้าแล้วปกติแล้วหากสำนักเปิดทุกเดือนจริง ๆ ก็มักจะเปิดช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือน และโอกาสที่จะเปิดปลายเดือนนั้นมีน้อยมากอวิ๋นเหยาปิดหนังสือลง ก่อนจะหันไปมองเย่ซิว “จริง ๆ แล้วมันเปิดวันที่หนึ่ง ถ้าจะไปตอนนี้ก็ได้นะ”เย่ซิวเรียกกระบี่หงส์โบยบินออกมาทันทีหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับจินตานแล้ว สีสันของกระบี่เล่มนี้ก็ยิ่งสดใสยิ่งขึ้นทุกครั้งที่เรีย
“บำเพ็ญตนไปเรื่อย ๆ ก็ทะลวงระดับได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างขอไปที เขาย่อมไม่มีทางบอกความจริงกับเธออวิ๋นเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา ไม่ได้ถามอีก ทว่าในใจกลับกระตือรือร้นมากขึ้นเธอเดาว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วนเย่ซิวน่าจะได้รับถ้ำของยอดฝีมือโบราณมาจริง ๆ จากนั้นได้โอสถวิเศษบางอย่างมาจากในถ้ำนั้นไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถมาถึงระดับนี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรในใจก็คิดว่าถ้าเอาให้ฉัน ฉันทำได้เหมือนกัน“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว รีบไปกันเถอะ” เย่ซิวเร่งเร้าอวิ๋นเหยาเก็บความคิดกลับมา มือทั้งสองข้างทำท่ามุทรากระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวข้างหน้า เธอกระโดดเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวอวิ๋นเหยาดำลงไปจนสุด กัดนิ้วของเธอแล้วใช้เลือดเป็นสื่อกลาง ควบแน่นกระจกขึ้นมาหนึ่งบาน ส่องแสงสีเลือดลงไปที่ก้นแม่น้ำจากนั้นก็เห็นว่าระลอกคลื่นกระจายออกไปทีละวง ๆ ปรากฏม่านกึ่งโปร่งแสงขึ้นมุทราของอวิ๋นเหยาเปลี่ยนไป ฝาครอบก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดิน เธอเดินนำเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวภาพตรงหน้าเบลอเลือน เท้าของเย่ซิวก็สัมผัสกับพื้นดินรอบด้านวิหกร้องขับขาน กลิ่นหอม
“บอกผมมาว่าจะหลอมรวมมันยังไง”อวิ๋นเหยาบอกเย่ซิวถึงวิธีการหลอมรวมอย่างละเอียดพลังจิตของเย่ซิวแผ่ไปที่ตัวเธออยู่ตลอด หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็ลงมือ พันธนาการเธอให้อยู่กับที่ทันทีน้ำเสียงของอวิ๋นเหยาเย็นเยียบ มุมปากของเธอเหยียดขึ้นอย่างประชดประชัน "ทำไม คุณจะฆ่าฉันเหรอ?"เย่ซิวไม่ตอบ แต่ออกจากที่นี่และไปยังสถานที่ที่สำนักหุ่นเชิดรวบรวมคัมภีร์โบราณต่าง ๆ เอาไว้เมื่อสักครู่นี้เขาได้ใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งที่นี่อย่างละเอียดแล้วแม้ว่าพลังจิตจะสัมผัสได้ว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก แต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวจึงยังต้องพลิกผ่านคัมภีร์โบราณของพวกเขาก่อน ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เขาถึงจะรู้สึกสบายใจเมื่อผลักประตูอันหนักหน่วงบานนั้นออก เย่ซิวก็เห็นว่ามีคัมภีร์โบราณจำนวนมากอยู่ที่นี่ เกรงว่ามีนับแสนเล่มได้แบ่งพลังจิตออกเป็นหลายร้อยส่วน แล้วแผ่ไปที่คัมภีร์แต่ละเล่ม ทำการค้นหาอย่างรวดเร็วตอนนี้พลังจิตของเขาเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก เทียบได้กับเครื่องสแกนเนอร์เมื่อสแกนมัน ภาพก็จะติดอยู่ในหัวและจะไม่มีวันลืมตลอดกาลในไม่ช้าเขาก็พบวิธีที่จะหลอมรวมกับสัตว์วิญญาณ เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว อว
วิธีการหลอมสัตว์วิญญาณ คือจำเป็นต้องปล่อยให้สัตว์วิญญาณวิ่งผ่านเส้นลมปราณก่อนหนึ่งรอบถ้าลองเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนกับการศึกษาเส้นทางก่อนล่วงหน้า ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อนยกตัวอย่างอีกครั้งเช่นคนคนหนึ่งมายังสถานที่หนึ่ง บางคนอาจจะชื่นชอบสถานที่นี้ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อวิ๋นเหยาจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ ขณะที่นับเวลาอย่างเงียบ ๆ และตั้งตารอช่วงเวลาที่เขาจะล้มลงส่วนเย่ซิวในตอนนี้ รู้สึกว่ามีบอลเพลิงกำลังพุ่งผ่านเส้นลมปราณในร่างกายของเขาไปอย่างต่อเนื่องแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันก็ชัดเจนมากเหมือนกันเส้นลมปราณขยายใหญ่ขึ้น แถมยังถูกเพลิงกิเลนแผดเผาจนแข็งแกร่งขึ้นด้วยนี่ก็เหมือนกับเหล็กชิ้นหนึ่ง เมื่อมันถูกตีด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด ความหนาแน่นของพลังงานก็ยิ่งสูงขึ้นยิ่งเส้นลมปราณกว้างและแข็งแกร่งมากเท่าใด ภาระที่เกิดจากพลังวิญญาณเมื่อมันขับเคลื่อนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในความช้าเร็วของการร่ายคาถาหลังจากที่สัตว์วิญญาณกิเลนวิ่งผ่านเส้นลมปราณทั้งหมดในร่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ห้องทั้งห้อง พื้น และผนัง เกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วทุกแห่งหนร่างกายของเย่ซิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเปลวไฟอันไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่าง ควบแน่นเป็นชุดเกราะเปลวไฟลุกโชติช่วงชุดหนึ่งบนไหล่ทั้งสองข้างเป็นรูปทรงของแขนกิเลน บนหน้าอกคือหัวกิเลน ดูสง่างามและเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้เมื่อเย่ซิวมองไปที่อวิ๋นเหยา ร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง บนใบหน้าเธอไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิงม่านตาคู่นั้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยพลังและการครอบงำที่ดุจดั่งว่าเหนือฟ้าใต้ปฐพีนี้เขาคือที่สุดมองผ่านดวงตาคู่นี้ อวิ๋นเหยาก็เห็นว่าในดวงตาของเย่ซิว เหมือนจะมีจักรพรรดิผู้ซึ่งจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ กำลังสบตากับตัวเองผ่านห้วงมิติเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงแวบเดียวก็ทำให้พลังใจของเธอทั้งหมดพังทลายลง เธอกระอักเลือดออกมาทันทีในเวลาเดียวกัน มันก็คลายการพันธนาการที่เย่ซิวทำไว้บนตัวของเธอแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับถูกเงาของเย่ซิวลงตราประทับแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับมีเงาของเย่ซิวประทับลงมา
รถสีชมพูขับออกจากโรงรถแล้วขับไปที่ท่าเรือคนขับรถเป็นชายวัยกลางคนพูดจาฉะฉานด้านหลังรถจวงเสี่ยวหยิงหมดสติไป และมีผู้หญิงร่างเล็กสองคนนั่งประกบอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาผู้ชายที่ขับรถมองจวงเสี่ยวหยิงผ่านกระจกมองหลังและอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก "ในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ หลังจากพยายามอย่างหนัก ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ทำเอาเลือดในกายพลุ่งพล่านไปหมด"ผู้หญิงที่นั่งทางฝั่งซ้ายของจวงเสี่ยวหยิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ฉันขอแนะนำให้คุณอย่าคิดอะไรไม่เข้าท่าจะดีกว่า ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวพันกับความรุ่งโรจน์ของทั้งประเทศเรา เธอจำเป็นต้องบริสุทธิ์และสะอาดอย่างแท้จริงถ้าคุณกล้าคิดอะไรชั่ว ๆ ฉันจะฆ่าคุณทันที”ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเธอก็มาเล่นกับฉันแทนเถอะ"“กับคุณน่ะเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดูถูก “ครั้งหนึ่งฉันเคยเปิดศึกกับผู้ชายสิบสองคนพร้อม ๆ กัน คิดว่าตัวเองไหวเหรอ?”“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ผู้หญิงที่นั่งฝั่งขวาของจวงเสี่ยวหยิงลดเสียงลงต่ำ “ขับเร็วขึ้นอีกหน่อย เราต้องกลับไปให้ไว และจะให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ไม่ได้เป็นอันขาด”จากนั้นชายคนนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิด ว
ครั้งนี้แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็น่าจะเป็นฝีมือคนกลุ่มเดิมนั้นพอดีเลย งั้นก็ใช้โอกาสนี้เก็บกวาดคนพวกนั้นให้ราบคาบเขารีบกลับมาโดยใช้เวลาที่เร็วที่สุด ร่างก็ร่อนลงที่ชั้นดาดฟ้าของบริษัทเวินหว่านเอ๋อร์ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว เมื่อเห็นเย่ซิว เธอก็ก้มศีรษะลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง "เป็นความประมาทเลินเล่อของฉันเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"“ไม่โทษคุณหรอก” เย่ซิวตบไหล่เธอ “ต่อไปแค่ระมัดระวังให้มากขึ้นก็พอ ผมไปก่อนนะ”พูดจบเขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และออกเดินทางไปอย่างรวดเร็วในไม่ช้าข่าวการเดินทางไปยังประเทศอ่ายเหรินก่อนกำหนดของเย่ซิวก็แพร่กระจายไปยังประเทศสำคัญ ๆ ทั่วโลก…… ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหริน เฟยอวี่อ่านข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเย่ซิวที่เธอมีเกี่ยวกับข้อมูลของเย่ซิวเธอได้ทำการรวบรวมมาพอสมควรแล้ว กับคนคนนี้เธอสามารถพูดได้ว่ามีความเข้าใจในตัวเขาระดับหนึ่ง“แข็งแกร่งมาก ไม่มีครอบครัว ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวแต่ละคนก็ทรงพลังเช่นกัน บางทีเขาอาจจะได้รับการสืบทอดพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างมา จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาคือเรื่องความเจ้าชู้”เฟยอวี่ทำการ
ชายคนหนึ่งในกลุ่มมองสลับไปมาระหว่างเย่ซิวกับอลิสด้วยความสงสัย “คุณผู้หญิง แฟนของคุณไม่ใช่เอ็ดเหรอ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เขานี่”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเริ่มเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นในทันทีอลิสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูไม่ออกเหรอ ฉันนอกใจไงล่ะ”ผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนถึงกับอึ้งไปในทันทีนี่พูดเรื่องนอกใจได้เต็มปากขนาดนี้เลยเหรอ?อลิสยืดอกด้วยท่าทางทรงอำนาจ “ฉันขอเตือนไว้ก่อน จะค้นก็เชิญค้นไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่อีกอย่าง ฉันจะบอกให้นะว่าพ่อของฉันเป็นประธานแห่งซีเรียสกรุ๊ป”ซีเรียสกรุ๊ปเป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของประเทศจ้านอิงตี้ มีอำนาจมหาศาลและยังมียอดฝีมือ ผู้มีพลังวิเศษ และทหารดัดแปลงอยู่ในมืออีกมากมายผู้มีพลังวิเศษทั้งสี่คนเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นจริงจังและเคารพอลิสมากขึ้นซีเรียสกรุ๊ปเป็นองค์กรที่พวกเขาไม่มีวันกล้าหาเรื่องแน่ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาให้เย่ซิวอีกและเริ่มตรวจค้นบ้านต่อไปห้องนอนของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้มีพลังพิเศษหญิงคนหนึ่ง โดยพวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อลิสโกรธไม่
อลิสเข้าใจความหมายในสายตาของเย่ซิวทันที จึงเปลี่ยนคำพูดของตัวเองไปว่า “โอเค เดี๋ยวฉันไป แล้วฉันพาคนไปด้วยได้ไหม?”เมื่อได้รับคำตอบจากปลายสาย อลิสก็ตัดสายโทรศัพท์ทันทีเธอโยนโทรศัพท์ลงแล้วใช้สองมือโอบคอเย่ซิว “นายสนใจสมาคมผู้มีพลังวิเศษงั้นเหรอ?”แฟนเก่าเธอเองก็เป็นผู้มีพลังวิเศษ แต่อยู่ในระดับต่ำสุดคือระดับหนึ่ง เขาเข้าร่วมองค์กรผู้มีพลังวิเศษกึ่งทางการกึ่งเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อครู่นี้เขาโทรมาหาเธอบอกว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงและชวนเธอไปร่วมงานด้วยไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง หรือบุคลิกของอลิสล้วนไม่แพ้บรรดาดาราหญิงที่กำลังโด่งดัง แถมครอบครัวเธอยังร่ำรวยอีกด้วยเย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อยองค์กรแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อยถ้าเขาสามารถจับปลาตัวใหญ่มาสักสองสามตัวได้ก็คงจะดียิ่งขึ้น“ฉันช่วยนายหาที่นั่งในงานได้ นายจะขอบคุณฉันยังไงดี?” อลิสเอ่ยด้วยสายตาเร่าร้อนพลางจ้องมองเย่ซิว “มาเป็นแฟนของฉันดีไหม? ฉันจะยกทุกอย่างให้นายเลย ทั้งตัวฉันและทรัพย์สินของฉัน”บางคนก็เป็นแบบนี้ แค่ได้พบกันเพียงไม่นานก็ทำให้รู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรจะฝากชีวิตไว้ด้วยเย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไ
หัวใจของอลิสเต้นเร็วขึ้น พร้อมกับความรู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้นในเมื่อนายสามารถทรยศฉันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะทรยศนายบ้างไม่ได้ล่ะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของอลิสก็เผยความบ้าคลั่งออกมาเล็กน้อยเธอก็อยากจะปลดปล่อยตัวเองให้เต็มที่สักครั้งเหมือนกัน“อย่าไปเลยนะ คืนนี้อยู่กับฉันก่อน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”เย่ซิวตั้งใจจะผลักเธอออก แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกในทันทีเดิมทีเขาตั้งใจจะออกไปแล้ว แต่จู่ ๆ พลังจิตของเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ใช้พลังพิเศษจำนวนมากอยู่ข้างนอก และพวกนั้นก็กำลังตรวจค้นรอบบ้านในบริเวณกว้างนอกจากนี้ บนท้องฟ้ายังมีโดรนจำนวนมากบินวนไม่หยุดและพวกนี้ไม่ใช่โดรนธรรมดาสำหรับถ่ายภาพวิวที่ขายตามท้องตลาด แต่เป็นโดรนทางการทหารที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนับคร่าว ๆ ก็มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลำบินวนอยู่เหนือเมืองทั้งเมืองในสถานการณ์เช่นนี้ หากเย่ซิวถูกพบตัว แม้ว่าเขาจะหนีรอดได้ หรือถ้าหากเขาเอาจริงก็สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คงมหาศาลตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะปะทะกับพวกนั้นโดยตรงทางที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่
อันที่จริงเย่ซิวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาดำดินมากนักตอนที่ฝ่าวงล้อมเขาก็ไม่ได้ปล่อยพลังจิตออกมามากเกินไปเหตุผลข้อแรกคือ เมื่ออยู่ใต้ดิน การปล่อยพลังจิตออกไปข้างนอกจะสูญเสียพลังมากกว่าตอนอยู่บนพื้นดินหลายเท่าข้อที่สองคือเขากังวลว่าหากประเทศจ้านอิงตี้ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับพลังจิตได้ ตัวเขาเองก็จะถูกเปิดโปงได้ง่ายด้วยเหตุนี้เขาจึงมุ่งหน้าไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาหลายนาทีโดยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายใด ๆ ในบริเวณนั้น จากนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือพอเขาโผล่ขึ้นมาก็เจอเข้ากับสถานที่ที่เต็มไปด้วยไอหมอกเขาดันบังเอิญเข้าไปในห้องน้ำของบ้านใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจท่ามกลางไอน้ำที่พร่ามัว เขาเห็นเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอยู่เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงโปร่ง สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรรูปร่างงดงามราวกับปีศาจ แต่มาพร้อมใบหน้าสวยงามประดุจเทพธิดาอารมณ์ของอลิสในตอนนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเธอมีแฟนที่คบกันมาหลายปี และทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันแต่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจับได้ว่าแฟนของเธอนอกใจคนที่แฟนของเธอนอกใจด้วยกลับเป็น
อาวุธในมือของพวกนั้นล้วนเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นอาวุธเลเซอร์ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดและมีระยะการโจมตีไกลถึงห้ากิโลเมตรเย่ซิวหลบหลีกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอดชื่นชมไม่ได้ว่ากำลังรบของประเทศจ้านอิงตี้นั้นไม่ธรรมดาหากเขาถูกโจมตีโดยอาวุธเลเซอร์เหล่านี้มากเกินไปก็อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยหน่วยรบเขี้ยวพิษกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ พุ่งตรงมาไล่ล่าเย่ซิวพวกเขาต่างมองออกว่าเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าพรีเอลล์มากเย่ซิวคิดในใจก่อนจะปล่อยจอมมารโลหิตออกมา ทันทีที่ปรากฏตัว จอมมารโลหิตก็ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทันทีเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหมวกที่หน่วยรบเขี้ยวพิษสวมใส่ปล่อยคลื่นสมองพิเศษที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจอมมารโลหิตเขารีบกลับมาหาเย่ซิวด้วยสีหน้าหวาดกลัว “นั่นมันอะไรน่ะ วิญญาณที่ข้ากลืนไปเมื่อกี้นี้เสียเปล่าหมดเลย”เย่ซิวมีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยกลุ่มศัตรูพวกนี้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นมีวิธีรับมือกับพลังวิญญาณโดยเฉพาะด้วยแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเย่ซิวสะบัดมือเหวี่ยงหอกยาวในมือออกไปอย่างแรงหอกนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมด้วยพลังจิตที่เขาแฝงไ
“บ้าเอ๊ย! ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?!”ผู้รับผิดชอบฐานลับถอยออกมาจากวงต่อสู้ยืนมองเย่ซิวกับพรีเอลล์ที่กำลังถล่มศัตรูอย่างดุเดือด ทำให้ใจเขารู้สึกสั่นสะท้านแต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมทันที “ยังไงซะ พวกแกก็อย่าหวังว่าจะหนีออกไปได้เลย”สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปุ่มอีกอันหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ปุ่มนี้คือสวิตช์สำหรับทำลายล้างตัวเองของฐานลับนี้!ใต้ดินมีการฝังระเบิดจำนวนมากไว้ เมื่อกดปุ่มจะเกิดการระเบิดที่รุนแรงจนสามารถเขย่าฟ้าสะเทือนดินได้เขาประเมินสถานการณ์ในใจด้วยพลังการต่อสู้ที่สองคนนี้แสดงออกมา แม้ระเบิดทั้งหมดจะถูกจุดชนวนก็อาจจะยังไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้แต่ถึงตายก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวเลยอย่างน้อยแค่เก็บตัวอย่างเลือดหรือชิ้นส่วนเนื้อเยื่อมาเพื่อการวิจัยก็เพียงพอแล้วเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็หันหลังวิ่งออกไปทันทีก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่เขาเร่งเครื่องจนสุด ขี่ออกไปด้วยความเร็วสูงจนเสียงเครื่องยนต์คำรามก้อง เมื่ออยู่ห่างออกมาราวยี่สิบกิโลเมตรแล้ว เขาก็หยิบสวิตช์ระเบิดขึ้นมากดอย่างแรงตูม! ตูม! ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นจนแก้วหูแทบ
พรีเอลล์เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้คิดจะแย่งสร้อยไปจากเธอจึงแอบถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากใต้หน้ากากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตูม!ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งเรือก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอาคมป้องกันด้านนอกถูกทำลายลงแล้วและก็เป็นจังหวะที่พวกเขาหาของมีค่าทั้งหมดในห้องเสร็จพอดีเย่ซิวโยนหอกยาวเล่มหนึ่งให้พรีเอลล์ ส่วนตัวเองก็คว้าหอกอีกเล่มเอาไว้ก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมกันพวกเขาเจอกับกลุ่มทหารชุดแรกที่เพิ่งบุกเข้ามาทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ทันทีโดยไม่มีคำพูดใด ๆ “พวกแกเป็น…”“อ๊าก!!”ทั้งสองพุ่งเข้าใส่โดยไม่รอให้ใครพูดจบเสียงไซเรนดังสนั่นไปทั่วด้านนอกทหารฝีมือดีจำนวนมากรีบวิ่งเข้ามาพร้อมใช้อาวุธในมือยิงโจมตีไม่ยั้งชายชราในกลุ่มผู้บังคับบัญชาผู้มีผมสีขาวแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์มองพวกเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง “เป็นไปได้ยังไง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมในเรือถึงยังมีคนรอดชีวิตได้?”ผู้รับผิดชอบฐานลับร้องตะโกนพลางถอยหลัง พร้อมกับหยิบอุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนภัยออกมากดอย่างแรง“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ แม้ต้องสละชีวิตก็ต้องหยุดพวกมันไว้ พวกมันอาจมีความลับเกี่ยวกับการมีชีวิตอมตะก็เป็นได้”พวกเ
เย่ซิวใช้เวลาสองสามนาทีในการถอดรหัสอักขระบนประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องเป็นคนแรกทันทีที่เข้าไป เขาก็เห็นผู้หญิงสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่กลางห้องผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในท้องของอีกคน ส่วนอีกคนก็เสียบมือทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอพรีเอลล์รีบวิ่งไปดูใกล้ ๆ แล้วสำรวจดูอย่างละเอียดผู้หญิงทั้งสองคนดูสวยมาก และจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นเจ้าหญิงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่พวกเธอก็ยังคงแผ่รัศมีความสง่างามตามธรรมชาติออกมา“นี่มันอะไรกัน?”พรีเอลล์หยิบของที่คล้ายเข็มทิศออกมาจากมือของผู้หญิงคนหนึ่ง มันเต็มไปด้วยอักขระที่ซับซ้อนเย่ซิวเหลือบมองแค่ครั้งเดียวก็เอ่ยขึ้น “นี่น่าจะเป็นศูนย์ควบคุมของทั้งเรือลำนี้คาดว่าตอนที่เจ้าของเรือลำนี้ถูกเล่นงาน และตอนที่กำลังจะตาย เขาน่าจะเปิดใช้งานอาคมของเรือ ทำให้เรือล่มทั้งลำไปพร้อมกัน”พรีเอลล์มองเขาด้วยสายตาชื่นชม ดวงตาเป็นประกาย “ว้าว นายนี่เก่งจริง ๆ สุดยอด ฉันชอบนายมากเลย”เย่ซิวยังคงสีหน้าราบเรียบ “ประจบไปก็เปล่าประโยชน์ ยังไงของที่ได้มาก็ต้องแบ่งตามที่ตกลงกันไว้”เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ถึงแ
ทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างมาก“โชคดีมากที่เจอวัสดุแบบนี้”หลังจากเปิดห้องติดต่อกันสิบกว่าห้องโดยไม่มีอะไรเลย ในที่สุดเย่ซิวก็พบของในห้องหนึ่งที่ดูหรูหรากว่าห้องอื่น ๆเจ้าของห้องนี้น่าจะมีสถานะค่อนข้างสูงดูได้จากขนาดห้องและการตกแต่งภายในเจ้าของห้องเป็นชายวัยกลางคน บนนิ้วมีแหวนผนึกของสวมอยู่แต่แหวนนี้มีขนาดเล็กกว่าแหวนของเย่ซิว มีพื้นที่เพียงหนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้นในแหวนผนึกของมีอุปกรณ์เวทมนตร์อยู่หลายชิ้นและยังมีวัสดุอีกจำนวนไม่น้อย โดยของที่มีมูลค่าสูงที่สุดคือแร่สีเหลืองดินขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งแร่ชนิดนี้เป็นวัสดุสำคัญมากชนิดหนึ่งในการหลอมสร้างร่างแยกธาตุดินพรีเอลล์มองแหวนผนึกของด้วยสายตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยด้วยสายตาปิ๊ง ๆ “ให้ฉันได้ไหม”“ไว้ค่อยคุยกันตอนออกไปข้างนอก” เย่ซิวตอบแบบขอไปที ของล้ำค่าแบบนี้จะให้เธอได้ยังไงล่ะ?หากมีแหวนผนึกของแบบนี้มากขึ้น ในอนาคตเวลามีการต่อสู้ เขาจะสามารถแอบส่งอุปกรณ์พวกนี้ไปที่สนามรบได้โดยไม่มีใครรู้และปล่อยออกมาในครั้งเดียวโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัว รับรองได้เลยว่าจะทำให้ศัตรูประหลาดใจอย่างแน่นอน“ไม่เอาน่า เอามาให้ฉันเถอะนะ” พรีเอลล์เอ่