เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น อำนาจของคาถาต่าง ๆ ที่เขาร่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกันแต่ขณะนี้แม้ว่าจะใช้วิชามองทะลุ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขามองทะลุไม่ได้จริง ๆนั่นเป็นผู้หญิงสวมที่ชุดกระโปรงยาวสีขาว บนชุดนั้นมีรูปดอกไม้หลากชนิดทั้งดอกโบตั๋น กุหลาบ ดอกบ๊วย ดอกเบญจมาศ และอื่น ๆเมื่อสายตาของเย่ซิวตกลงไปที่มัน ดอกไม้ก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาก่อตัวเป็นม่านกั้นอันทรงพลังที่ขัดขวางการสำรวจของเย่ซิวดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงชุดของผู้หญิงคนนี้ดูคุ้น ๆ เหมือนกับว่าตัวเองเคยเห็นมันจากที่ไหนสักแห่งหลังจากค้นหาในความทรงจำสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ในที่สุดชุดนี้เรียกว่าอาภรณ์ร้อยบุปผาครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสมบัติของสำนักร้อยบุปผาและมีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถสวมใส่มันได้กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชุดนี้ควรเป็นของประเทศหลงเถิง แต่ตอนนี้มันกลับถูกคนนอกคนหนึ่งแย่งชิงไปเฟยอวี่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาของเย่ซิวจ้องมองสายตาของเขาจะมีพลังมากเกินไปแล้ว คลับคล้ายกับจะมองเห็นความลับทั้งหมดของตัวเองได้“คุณชายเย่ คุณคงเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ถ้ายังไงไปพักที่บ้านของฉันสั
ในดวงตาของเฟยอวี่แสดงถึงความดีใจ "ถ้าคุณชายเย่ชอบงั้นก็ดีแล้ว"พวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่รู้ตัว เฟยอวี่ลงจากรถก่อน แล้วจึงหันมาโค้งตัวลง ทำท่าผายมือเชิญเขาเย่ซิวลงจากรถแล้วเงยหน้าขึ้นมอง มันเป็นวิลล่าที่หรูหราหลังหนึ่งลานด้านนอกตกแต่งด้วยคอนกรีตและไม้ผสมผสานกัน รูปแบบสถาปัตยกรรมโดยรวมเลียนแบบสถาปัตยกรรมโบราณของประเทศหลงเถิงแต่พวกเขาก็เลียนแบบได้เพียงผิวเผินเท่านั้น เช่นเดียวกับลิงที่สวมเสื้อผ้าของมนุษย์ ดูอย่างไรก็พิลึก ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง อันที่จริงไม่ใช่แค่ในด้านของสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านอื่น ๆ ด้วย ล้วนเป็นเช่นนี้ตัวอย่างอีกครั้ง อาทิเช่นมารยาทด้านการคุกเข่าซึ่งเลียนแบบจากเมื่อหลายพันปีก่อนของประเทศหลงเถิงพวกเขาคุกเข่าลงเมื่อรับประทานอาหารและทุกอย่าง และยังคิดเอาเองว่าตนมีเกียรติและมีอารยธรรมมากแต่ในความเป็นจริง สิ่งนี้ถูกประเทศหลงเถิงละทิ้งไปตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้วพวกเขาเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังคงรักษาความเคยชินนี้ไว้หลังจากเดินเข้าไปข้างใน ก็มีผู้หญิงยืนอยู่ที่ประตูสองแถว โค้งตัวลงด้วยความเคารพพวกเธอทั้งหมดสวมชุดที่คล้ายกับเครื
เฟยอวี่มาที่ห้องพิณ ข้างในนี้มีพิณโบราณราคาแพงอยู่มากกว่าหนึ่งโหลในฐานะนักฆ่า หลายครั้งที่ต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าใกล้บุคคลเป้าหมายยิ่งในฐานะนักฆ่าอันดับต้น ๆ อย่างเธอซึ่งมีหน้าที่ดูแลองค์กรนักฆ่าขนาดใหญ่ เธอก็ยิ่งต้องเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งดนตรี หมากรุก การเขียน และการวาดภาพยืนอยู่หน้าพิณที่ดูเก่าแก่ตัวหนึ่งเธอก็ยื่นมือไปลูบสายพิณเบา ๆ ริมฝีปากของเฟยอวี่ก็โค้งขึ้นเล็กน้อย "พิณมารสวรรค์ พิณตัวนี้แต่เดิมเป็นของประเทศหลงเถิงมันถูกลักลอบนำออกมาโดยพ่อค้าของโบราณเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ฉันบังเอิญไปเจอมัน ฆ่าเขาทิ้ง แล้วชิงเอาพิณมาการใช้พิณของประเทศหลงเถิงนี้เล่นงานคุณ ก็ถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งเหมือนกัน”เธอหยิบพิณขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก นั่งลงไม่ห่างจากเย่ซิวนักนิ้วทั้งสิบเริ่มขยับเบา ๆ เสียงอันใสกระจ่างก็ดังก้องมาเย่ซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่พิณตัวนั้นด้วยวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของเขา เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าพิณนี้คือสมบัติเวทมนตร์!เนื่องจากเฟยอวี่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตนในช่วงสร้างพื้นฐาน จึงไม่อาจค้นพบความลึกล้ำของมันได้อีกทั้งเมื่อมองดูอักษรโบราณบนตัวพิณ ดูก็
ในห้องน้ำไม่มีกล้อง แต่มีเครื่องดักฟังติดเอาไว้หลายตัว“ซ่าซ่าซ่า!”เมื่อฝักบัวถูกเปิด ฉับพลันเส้นผมของทั้งสองคนก็เปียกโชกไปด้วยน้ำอย่างไรก็ตาม มีอาภรณ์ร้อยบุปผาอยู่ ย่อมไม่มีหยดน้ำใดหยดลงบนร่างของเฟยอวี่ได้เย่ซิวแสดงสีหน้าที่ร้อนรน "เร็ว ๆ ๆ ถอดเสื้อผ้าเธอออก"เฟยอวี่ก้มหน้าลง สีหน้าดูเขินอายมากแล้วขยับมือช้า ๆ ปลดเปลื้องชุดบนร่างของเธอทีละน้อยใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีในการถอดอาภรณ์ร้อยบุปผาออกเมื่อเธอคิดว่าเย่ซิวกำลังจะทำขั้นต่อไป การเคลื่อนไหวถัดมาของเย่ซิวก็ทำให้เธอตกใจอย่างถึงที่สุดเพื่อลงมือกับเย่ซิว เธอได้ซ่อนพิษไว้บนเรือนร่างหลายตำแหน่งมากอย่างไรก็ตาม มันล้วนไร้ประโยชน์เพราะในขณะนี้เย่ซิวได้ยื่นมือมาคว้าคอเธอไว้แล้ว“คุณชาย โปรดทะนุถนอมฉันด้วย”“วางใจเถอะ ผมจะทำแน่นอน”“...”บทสนทนาข้างต้นทั้งหมดล้วนถูกพูดโดยเย่ซิวเพียงคนเดียว สำหรับเขามันง่ายมากที่จะเลียนแบบเสียงของเฟยอวี่วินาทีนี้เฟยอวี่ที่สงบลงหลังจากการตกใจในครั้งแรก ก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่ทั้งน่าสงสารและไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้บำเพ็ญตนวิชาเสน่ห์ เธอกำลังพยายามใช้เสน่ห์เพื่อทำให้เย่ซิวหลงใหลเย่ซิวเห
เฟยอวี่ความสามารถรอบด้าน แถมยังชำนาญมากกว่าเย่ซิวเสียอีกหลังจากสัมผัสด้วยตัวเองหนึ่งรอบ เขาก็พึงพอใจอย่างมากเฟยอวี่ก็ได้สัมผัสประสบการณ์สุดเหวี่ยงจากเจ้านายคนใหม่เหมือนกันในห้องน้ำ เฟยอวี่ใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบกายเอาไว้อาภรณ์ร้อยบุปผาถูกเย่ซิวเก็บกลับไปเหมือนเดิม สิ่งนี้เขาจะส่งมันคืนให้เจ้าของเดิมทีหลังประตูเปิดออก เย่ซิวก็เดินออกมาก่อน ตามมาด้วยเฟยอวี่ทั้งสองคนเดินตามกันขึ้นไปที่ชั้นสองทั้งหมดนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเขาหัวเราะเสียงดังลั่น "ไม่เลว ดูเหมือนว่าเฟยอวี่จะประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว"พวกเขาทั้งสองมาที่ห้องนอน เฟยอวี่ก็ปรนนิบัติเย่ซิวให้นอนลงบนเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณชายคะ คุณเชิญพักก่อน ฉันจะไปแปรงฟัน"“ไปเถอะ” พูดจบ เย่ซิวก็หลับตาลงเฟยอวี่ออกจากห้อง เดินไปที่ประตูถัดไปแล้วปิดประตู จากนั้นเดินมาหยุดที่หน้าคอมพิวเตอร์เธอเปิดคอมพิวเตอร์แล้วป้อนรหัสผ่านที่ยาวกว่าร้อยหลัก จากนั้นหน้าจอก็กะพริบ ใบหน้าแก่ชราและน่าเกลียดของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินก็ปรากฏขึ้น“เป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่วิดีโอถูกเชื่อมต่อ กษัตริย์ของประเทศอ
นี่เป็นทักษะลึกลับของสำนักหุ่นเชิดสามารถใช้สมบัติเวทมนตร์สร้างหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่เหมือนกับร่างหลักทุกประการได้ส่วนระดับความแข็งแกร่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ร่ายอาคมและระดับของวัสดุที่ใช้หุ่นเชิดตรงหน้านี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ช่วงสร้างพื้นฐานขั้นต้นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เนื่องจากเย่ซิวใช้เลือดเป็นสื่อกลาง จึงสามารถแบ่งปันทัศนวิสัยกับหุ่นเชิดตัวนี้ได้ และสามารถควบคุมมันได้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรกับแค่ท้าสู้จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินเหล่านั้น เย่ซิวย่อมไม่ขึ้นสู้ด้วยตัวเอง นี่เป็นการลดตัวเกินไป พวกเขาไม่คู่ควรการส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปแทน ก็นับว่าไว้หน้าพวกเขาพอแล้วส่วนร่างหลักหรือก็คือเย่ซิวนั้น ยังต้องไปช่วยจวงเสี่ยวหยิงออกมาหลังจากลงคำสั่งกับหุ่นเชิดเสร็จ เย่ซิวก็จากไปหุ่นเชิดขยับร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้าของมันล้วนเหมือนกับร่างหลักทุกประการเว้นเสียแต่จะมียอดฝีมือที่ทรงพลังมากมาสัมผัสกับหุ่นนี้โดยตรง ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีวันถูกค้นพบ…… “ที่นี่คือที่ไหน พวกคุณจะทำอะไรกันแน่...”ในห้องมืด จวงเสี่ยวหยิงตะโกนจนเสียงของเธอแหบแห้ง แต่ไม่มีใ
ตู้ม!พร้อม ๆ กับที่เสียงกึกก้องดังขึ้น โล่ที่ห่อหุ้มร่างของจวงเสี่ยวหยิงอยู่ก็แตกออกต้องใช้ปรมาจารย์ถึงหกคนโจมตีพร้อม ๆ กัน และโจมตีต่อเนื่องนานมาก โล่ป้องกันนี้ของเธอถึงได้พังทลายลงจี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอแตกออกเป็นเสี่ยง ๆผู้หญิงที่สวมเสื้อกันลมสีดำรีบหยิบเศษจี้หยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกปวดใจเหลือจะกล่าว และจ้องไปที่จวงเสี่ยวหยิงด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก "คนที่กำลังจะตายคนหนึ่ง ดันต้องสิ้นเปลืองจี้หยกที่ล้ำค่าขนาดนี้ สมควรตายจริง ๆ!"กษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเองก็มาถึงแล้วเขารู้สึกปวดใจมากเช่นกัน “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ฆ่าเธอทิ้งแล้วรดเลือดของเธอลงบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อผลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเติบโต เราก็จะมีเทพยุทธ์เจ็ดคนในมือ ถึงตอนนั้นบนโลกนี้ยังจะมีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเราได้!”ผู้หญิงในเสื้อกันลมสีดำพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือไปคว้าคอของจวงเสี่ยวหยิงเนื่องจากช่องว่างของพลังของทั้งคู่ใหญ่เกินไป จวงเสี่ยวหยิงจึงไม่อาจต้านทานได้เลยเธอถูกหิ้วไปที่หน้าต้นไม้นั้นทั้งเช่นนี้มีดอันคมกริบแทงลงไปที่หัวใจของจวงเสี่ยวหยิงอย่างแรงแววตาของ
“อยู่ที่…”หลังจากผู้หญิงคนนี้บอกที่อยู่ของเธอแล้ว เย่ซิวก็หักคอเธอและเดินไปหยุดตรงหน้ากษัตริย์เมื่อรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารซึ่งแผ่มาจากร่างของเย่ซิวอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก "คุณไม่สามารถฆ่าฉันได้ ถ้าคุณฆ่าฉัน มันจะทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะมีสงครามปะทุขึ้น"เย่ซิวหัวเราะ "ที่นี่ไม่มีกล้อง และทุกคนรอบตัวคุณก็ถูกผมฆ่าไปหมดแล้ว เมื่อผมจัดการคุณเสร็จ ยังจะมีใครรู้อีกล่ะว่าเป็นผมที่ลงมือ"กษัตริย์ตกใจมาก แต่ภายนอกยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ "ระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นอย่างชัดเจนต่อกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันดีรึเปล่า"“นั่นก็จริง” เย่ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ประหลาดที่อยู่ไม่ไกลนัก “บอกผมมาก่อนว่าต้นไม้ต้นนั้นมีความพิเศษยังไง”ในดวงตาของกษัตริย์ฉายแววลังเลใจแต่ทว่า หลังจากที่รับรู้ถึงเจตนาสังหารจากร่างของเย่ซิวแล้ว เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ ฉันจะพูด ฉันจะพูด"“ต้นไม้นี้ถูกพบบนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เกาะหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการศึกษาเพื่อค้นหาประโยชน์ของต้นไม้นี้ ผลไม้ที่อยู่ข้างบนน
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ
“คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามา...ช่วยด้วย...กรี๊ด!!”เสียงกรีดร้องของน่าอีถูกเสียงกึกก้องของกระแสโลหิตที่พลุ่งพล่านภายในร่างของเย่ซิวกลบจนสิ้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมอบร่างกายในสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้เธอเหมือนใบไม้ไหวระริกกลางมหาสมุทรเดือดพล่าน ไร้หลักยึดเหนี่ยว พร้อมจะจมหายไปได้ทุกเมื่อเย่ซิวในขณะนี้กำลังต้องควบคุมสองวิชายุทธไปพร้อมกัน หนึ่งคือเก้าวัจนะลึกลับ อีกหนึ่งคือวิชาโลกีย์หลอมเซียนก็เพียงเพื่อให้ตนสามารถบำเพ็ญเพียรต่อไปได้โชคดีที่เส้นทางเดินลมปราณของทั้งสองวิชายุทธนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มิเช่นนั้น ครั้งนี้คงถึงจุดจบแล้วจริง ๆตู้ม!ไม่รู้ว่านานเท่าไร จู่ ๆ พลังของเย่ซิวก็พุ่งทะยานสู่ฟ้าโลหิตของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจากกระหม่อมมีเสาเลือดพุ่งพรวดออกไป ทะลุผ่านเวิ้งฟ้า พุ่งสู่ชั้นบรรยากาศเหนือโลกบังเอิญทำลายดาวเทียมลาดตระเวนที่เพิ่งถูกปล่อยจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอย่างจัง“นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของเก้าวัจนะลึกลับขั้นแรกอย่างนั้นหรือ?”เย่ซิวก้มมองร่างกายของตนเอง เขายังอดตกตะลึงกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้ผิวกายกลายเป็นสีทองอ่อนหากมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีพลังลี้ลับบ
ศาสตร์การบ่มเพาะกายของเผ่าวู อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งใต้หล้าเย่ซิวสงบลงอย่างรวดเร็วสิ่งที่จารึกไว้บนนี้ยังไม่สมบูรณ์ มีเพียงสองระดับแรกเท่านั้นหลังจากจดจำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว เย่ซิวก็หันไปมองน่าอี “แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?”ใบหน้าของน่าอีเต็มไปด้วยความสิ้นหวังนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แต่กลับถูกเย่ซิวพบเข้า ความรู้สึกอยากตายผุดขึ้นมาแน่นอนว่าความคิดนี้เพียงแวบผ่านไปเท่านั้นมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว“ฉันเจอมันในดินแดนบรรพชน ข้างในอันตรายมาก ฉันไม่กล้าเข้าไปลึกกว่านี้”เย่ซิวรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขาใช้นิ้วแตะจุดพลังบนร่างของน่าอีหลายครั้ง ผนึกระดับพลังของเธอไว้ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนมาฝึกฝนวิชาเก้าวัจนะลึกลับวิชานี้ทรงพลังยิ่งกว่าวิชาวัชระคงกระพันที่เขาเคยฝึกมานับไม่ถ้วนเท่าเหมือนกับความแตกต่างระหว่างมังกรแท้กับไส้เดือนเมื่อทบทวนเนื้อหาของวิชาเก้าวัจนะลึกลับในหัวเสร็จ เย่ซิวก็ใช้นิ้วแตะลงบนจุดชีพจรสิบแปดแห่งบนร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า“ตึก! ตึก! ตึก!”หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เลือดล
“ฉันบอกชื่อของมันไม่ได้…” น่าอีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเย่ซิวที่เข้มข้นขึ้นจึงรีบอธิบายทันที“สัตว์เทพนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด ถ้ามีใครเอ่ยนามของมันออกมา มันจะรับรู้ได้ทันทีถ้าฉันพูดออกไป มันจะรู้ว่าฉันทรยศประเทศวูทันที ฉันต้องตายแน่”เย่ซิวรู้สึกแปลกใจบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ด้วยเหรอ?ท่าทางของน่าอีดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เย่ซิวจึงเปลี่ยนคำถาม “ในประเทศวูมีคนที่อยู่ระดับสร้างรากฐานปราณขึ้นไปกี่คน แล้วมีระดับจินตานไหม?”ส่วนระดับวิญญาณก่อกำเนิดน่ะไม่ต้องถามหรอกถ้ามีคนระดับนั้นจริง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลาวางแผนอะไรให้ยุ่งยากและใช้พลังเข้าจัดการเย่ซิวโดยตรงไปแล้ว“เท่าที่ฉันรู้ ระดับสร้างรากฐานปราณมีมากกว่าสี่สิบคน ส่วนระดับจินตานมีหกคน”สีหน้านายเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่?เย่ซิวจึงถามต่อ “พวกเขาทะลวงระดับกันตอนไหน?”“ส่วนใหญ่ก็ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี่แหละ”เย่ซิวเข้าใจได้ทันทีคงเป็นเพราะช่วงครึ่งปีมานี้มีรอยแยกของผนึกมากขึ้นเรื่อย ๆเลยทำให้คนสามารถทะลวงระดับได้มากขึ้นไปด้วยคนภายนอกจะมีใครรู้เรื่องนี้
คำพูดของเธอฟังดูมีเหตุมีผล ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยถ้าเย่ซิวไม่ได้รับข่าวล่วงหน้ามาก่อน ก็คงอาจจะหลงเชื่อไปแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเล่นเกมจิตวิทยากับผู้หญิงคนนี้ จึงถามออกไปตรง ๆ “ประเทศวูของพวกเธอทำไมถึงต้องการเล่นงานฉัน ถึงขั้นให้นายพลในประเทศอวี้เจียวส่งขีปนาวุธมาโจมตี”ทันทีที่พูดจบ แววตาของน่าอีก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่จิตใจของเธอแข็งแกร่งพอสมควรใช้เวลาแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น เธอก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดจนสงบ จากนั้นก็ทำสีหน้าสับสนเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย “นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้หรอก นายพลคนนั้นเป็นพวกเดียวกับพวกเธอฉันจะบอกเธอให้รู้เอาไว้ ฉันก็มีสายลับของตัวเองในประเทศวูเหมือนกันฉันมาดักรอเธอที่นี่โดยเฉพาะ ถ้าเธอยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ซะตั้งแต่ตอนนี้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตรอดได้”คราวนี้น่าอีช็อกหนักกว่าเดิมเธอไม่เข้าใจเลยว่าเย่ซิวรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?จนเธอเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “อย่าบอกนะว่านายใช้ศาสตร์พยากรณ์ได้?”“ศาสตร์พยากรณ์อะไร?”สีหน้าของน่าอีเปลี่ยนไปทันที เมื่อรู้ตัวว่าพลาดแล้วเธ