นี่เป็นทักษะลึกลับของสำนักหุ่นเชิดสามารถใช้สมบัติเวทมนตร์สร้างหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่เหมือนกับร่างหลักทุกประการได้ส่วนระดับความแข็งแกร่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ร่ายอาคมและระดับของวัสดุที่ใช้หุ่นเชิดตรงหน้านี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ช่วงสร้างพื้นฐานขั้นต้นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เนื่องจากเย่ซิวใช้เลือดเป็นสื่อกลาง จึงสามารถแบ่งปันทัศนวิสัยกับหุ่นเชิดตัวนี้ได้ และสามารถควบคุมมันได้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรกับแค่ท้าสู้จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินเหล่านั้น เย่ซิวย่อมไม่ขึ้นสู้ด้วยตัวเอง นี่เป็นการลดตัวเกินไป พวกเขาไม่คู่ควรการส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปแทน ก็นับว่าไว้หน้าพวกเขาพอแล้วส่วนร่างหลักหรือก็คือเย่ซิวนั้น ยังต้องไปช่วยจวงเสี่ยวหยิงออกมาหลังจากลงคำสั่งกับหุ่นเชิดเสร็จ เย่ซิวก็จากไปหุ่นเชิดขยับร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้าของมันล้วนเหมือนกับร่างหลักทุกประการเว้นเสียแต่จะมียอดฝีมือที่ทรงพลังมากมาสัมผัสกับหุ่นนี้โดยตรง ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีวันถูกค้นพบ…… “ที่นี่คือที่ไหน พวกคุณจะทำอะไรกันแน่...”ในห้องมืด จวงเสี่ยวหยิงตะโกนจนเสียงของเธอแหบแห้ง แต่ไม่มีใ
ตู้ม!พร้อม ๆ กับที่เสียงกึกก้องดังขึ้น โล่ที่ห่อหุ้มร่างของจวงเสี่ยวหยิงอยู่ก็แตกออกต้องใช้ปรมาจารย์ถึงหกคนโจมตีพร้อม ๆ กัน และโจมตีต่อเนื่องนานมาก โล่ป้องกันนี้ของเธอถึงได้พังทลายลงจี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอแตกออกเป็นเสี่ยง ๆผู้หญิงที่สวมเสื้อกันลมสีดำรีบหยิบเศษจี้หยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกปวดใจเหลือจะกล่าว และจ้องไปที่จวงเสี่ยวหยิงด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก "คนที่กำลังจะตายคนหนึ่ง ดันต้องสิ้นเปลืองจี้หยกที่ล้ำค่าขนาดนี้ สมควรตายจริง ๆ!"กษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเองก็มาถึงแล้วเขารู้สึกปวดใจมากเช่นกัน “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ฆ่าเธอทิ้งแล้วรดเลือดของเธอลงบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อผลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเติบโต เราก็จะมีเทพยุทธ์เจ็ดคนในมือ ถึงตอนนั้นบนโลกนี้ยังจะมีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเราได้!”ผู้หญิงในเสื้อกันลมสีดำพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือไปคว้าคอของจวงเสี่ยวหยิงเนื่องจากช่องว่างของพลังของทั้งคู่ใหญ่เกินไป จวงเสี่ยวหยิงจึงไม่อาจต้านทานได้เลยเธอถูกหิ้วไปที่หน้าต้นไม้นั้นทั้งเช่นนี้มีดอันคมกริบแทงลงไปที่หัวใจของจวงเสี่ยวหยิงอย่างแรงแววตาของ
“อยู่ที่…”หลังจากผู้หญิงคนนี้บอกที่อยู่ของเธอแล้ว เย่ซิวก็หักคอเธอและเดินไปหยุดตรงหน้ากษัตริย์เมื่อรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารซึ่งแผ่มาจากร่างของเย่ซิวอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก "คุณไม่สามารถฆ่าฉันได้ ถ้าคุณฆ่าฉัน มันจะทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะมีสงครามปะทุขึ้น"เย่ซิวหัวเราะ "ที่นี่ไม่มีกล้อง และทุกคนรอบตัวคุณก็ถูกผมฆ่าไปหมดแล้ว เมื่อผมจัดการคุณเสร็จ ยังจะมีใครรู้อีกล่ะว่าเป็นผมที่ลงมือ"กษัตริย์ตกใจมาก แต่ภายนอกยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ "ระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นอย่างชัดเจนต่อกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันดีรึเปล่า"“นั่นก็จริง” เย่ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ประหลาดที่อยู่ไม่ไกลนัก “บอกผมมาก่อนว่าต้นไม้ต้นนั้นมีความพิเศษยังไง”ในดวงตาของกษัตริย์ฉายแววลังเลใจแต่ทว่า หลังจากที่รับรู้ถึงเจตนาสังหารจากร่างของเย่ซิวแล้ว เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ ฉันจะพูด ฉันจะพูด"“ต้นไม้นี้ถูกพบบนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เกาะหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการศึกษาเพื่อค้นหาประโยชน์ของต้นไม้นี้ ผลไม้ที่อยู่ข้างบนน
“มันคือเซียงหลิ่วจริง ๆ!”เย่ซิวเอ่ยถึงที่มาของมันเซียงหลิ่ว คือปิศาจงูเก้าเศียร กินคนนับไม่ถ้วนและไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันก็จะทำลายทั้งประเทศนั้นจนราบคาบนี่คือสัตว์ร้ายในตำนานโบราณที่ดุร้ายอย่างยิ่ง มีครั้งหนึ่งที่มันเคยได้ทำการสังหารอย่างไร้ขอบเขตตามตำนานเล่าว่า มีเซียนหลายคนที่ถูกกลืนหายไปในคำเดียว ต่อมาก็มีชายผู้ที่ทรงพลังมากคนหนึ่งได้ตัดหัวทั้งเก้าหัวของมันออก และปิดผนึกร่างของมันเอาไว้เย่ซิวใช้มือขวาผลักไปเบา ๆ ก็ดันร่างจวงเสี่ยวหยิงไปข้างหลัง จากนั้นระเบิดพลังตู้ม! ก็สวมชุดเกราะแล้วอ้าปากพ่นจินตานห้าสีออกมาเมื่อเห็นจินตานนี้ เซียงหลิ่วก็ตกใจมาก“ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เหตุใดยังมีคนควบแน่นจินตานห้าสีได้อีก? เจ้าเป็นเซียนโบราณท่านไหนกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นรึ?”เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน จึงแยกสมาธิออกเป็นสองส่วนในเวลาเดียวกันเขาควบคุมกระบี่หงส์โบยบินด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างควบคุมจินตานห้าสี ให้มันโจมตีออกไปอย่างแรงตอนนี้เจ้านี่ยังไม่แข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อยู่ที่นี่นานหลายร้อยปี มองดูแล้วแปลกมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงเป็นการแสดงมากกว่าสองนา
สำนักแรกที่โดนท้าทายถูกจัดการอย่างง่ายดายจนสิบอันดับยอดฝีมือของสำนักแพ้หมดจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสำนักต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียวสื่อทางการของประเทศอ่ายเหรินหลายเจ้าตัดสินใจหยุดถ่ายทอดสดในประเทศตัวเองอย่างทนดูต่อไม่ไหวถ้าประชาชนไม่รู้ งั้นก็ถือว่าพวกเขายังไม่แพ้หุ่นเชิดท้าประลองกับสิบห้าสำนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และดวลกับยอดฝีมือกว่าร้อยคนโดยที่ไม่แพ้เลยสักครั้งยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ประชาชนในประเทศอ่ายเหรินต่างรู้จักดีส่วนฝั่งประเทศหลงเถิงตอนนี้แทบจะพูดได้ว่าคนทั้งประเทศต่างเฮลั่นด้วยความยินดี ความอัดอั้นใจที่เคยมีถูกเอาคืนจนหมดสิ้นส่วนสำนักที่ยังไม่ได้โดนท้าทายในประเทศอ่ายเหรินต่างก็รู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดกำลังจะมุ่งหน้ามายังสำนักของตน พวกเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาขวาง“ตอนนี้มันสองทุ่มแล้ว เราเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”พอเอ่ยจบ พวกเขาก็ไม่รอฟังว่าหุ่นเชิดจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและรีบปิดประตูสำนักทันที แม้แต่ลูกศิษย์และเจ้าสำนักต่างก็พากันหนีหายไปหมดคำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมผลจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เย่ซิวเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
หลังจากเย่ซิวตรวจสอบค่ายกลนี้อย่างละเอียดก็พบว่ามันมีกลไกทำลายตัวเองติดตั้งอยู่ด้วยจริง ๆถ้าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากภายนอก มันจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ภายในให้สิ้นซากแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงไม่ใช่เรื่องนี้ที่เขาตกใจเพราะแหล่งพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนค่ายกลนี้ไม่ใช่หินวิญญาณ หรือสิ่งที่มีพลังงานอันทรงพลังหากแต่เป็นเครื่องยนต์เครื่องยนต์ขนาดมหึมาที่ฝังอยู่ใต้ดินสูงกว่าร้อยเมตรและกว้างถึงห้าสิบเมตรเย่ซิวขยี้ตาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดตาอย่างมากเนื่องจากต้องมองทะลวงผ่านพื้นดินและค่ายกลทำให้เขาต้องใช้พลังสายตามากจนแทบเกินรับไหว“คนพวกนี้ตัวเล็กแต่สมองใหญ่จริง ๆ ทำได้ยังไงกันนะ?”ค่ายกลควรจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากหินวิญญาณหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานดวงจันทร์แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือมันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเย่ซิวยอมรับเลยว่าเขาประเมินคนในประเทศนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเขาสามารถคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเองได้ก็นับว่าเหนือจินตนาการอยู่เย่ซิวสำรวจดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบช่องทางใด ๆ ที่จะเจาะเข้าไปได้เลยเขาจึงตัดสินใจรออยู่ที่เดิมเพื่อดูว่าจะมีใครโผล
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเด็กที่ตายจากการถูกเธอเฆี่ยนตีไปไม่น้อยหญิงหน้าตาน่าเกลียดนั่งกินอาหารพลางมองเด็กสาวไปด้วย “ไอ้เด็กต่ำต้อย ดูจากลักษณะของแกแล้วไม่น่าจะเป็นคนของประเทศอ่ายเหรินใช่ไหมแกน่าจะมาจากประเทศหลงเถิงใช่ไหมล่ะ? บอกฉันมาว่าแกมานี่ได้ยังไง?”เด็กหญิงก้มหน้าลงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน เธอดูไม่อยากพูดอะไรมากนัก แต่ด้วยความกลัวว่าจะถูกลงโทษอีกจึงเอ่ยออกมาเบา ๆ“ฉันถูกเพื่อนของพ่อจับตัวมา แล้วถูกขายมาที่นี่เพื่อเป็นลูกบุญธรรมให้คนอื่น”“อย่างนี้นี่เอง งั้นเรียกแกว่าเด็กต่ำต้อยก็ถูกแล้ว”หญิงหน้าตาน่าเกลียดหยิบขาไก่ขึ้นมาเตรียมจะกินแต่ทันทีที่ขาไก่แตะริมฝีปาก ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปทันทีเธอรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงที่ปกคลุมรอบตัว มันเป็นพลังที่เธอไม่อาจต้านทานได้เธอค่อย ๆ หันกลับไปด้วยความยากลำบาก แล้วก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อยืนอยู่ด้านหลัง สายตาที่เขามองเธอมาเหมือนกำลังมองมดตัวหนึ่งเย่ซิวไม่ได้เสียเวลาพูดอะไรให้มากความ “ฉันถาม เธอตอบ ถ้าพูดอะไรไร้สาระก็รอรับผลที่ตามมาได้เลย”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจอันเย็นยะเยือกทำให
เด็กหญิงมีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เย่ซิวรู้จักถึงเจ็ดส่วน ดูยังไงก็น่าจะเป็นพี่น้องกันเย่ซิวมองเธอ “ในเมื่อเธอจำได้ว่าตัวเองเคยอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงจำชื่อตัวเองไม่ได้?”เด็กหญิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดถึงเรื่องนี้ทีไรมันจะปวดหัวอย่างหนักทุกทีเลยค่ะ”เย่ซิวเข้าใจทันที เธอคงถูกลบความทรงจำบางส่วนด้วยคาถาสะกดจิตขั้นสูงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมองและวิญญาณแบบนี้ เย่ซิวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เขาทำได้เพียงพาเด็กคนนี้กลับไปแล้วให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยดู เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง“ตอนนี้เธอรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปด้วยกัน ตกลงไหม?”เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเย่ซิวลุกขึ้นเดินไปที่แท่นหินกลางห้องบนแท่นนั้นมีของสามสิ่งวางอยู่ ซึ่งก็คือสมบัติล้ำค่าทั้งสามของประเทศอ่ายเหรินตามที่เฟยอวี่บอกแสงสีทองเจิดจ้าฉายผ่านแววตาของเขา ก่อนที่สมบัติสามสิ่งตรงหน้าจะเปลี่ยนไปทันทีสมบัติทั้งสามถูกห่อหุ้มด้วยไอสีทองเข้มข้นมันคือโชคชะตาของชาติโชคชะตาของชาติหมายถึงพลังศรัทธาและความผูกพันที่ประชาชนมีต่อประเทศของตัวเองยิ่งโชคชะตาของชาติแข็งแกร่ง ประเทศนั้นก็จะยิ่งทรงพลัง ต่อให้เผ
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ
“คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามา...ช่วยด้วย...กรี๊ด!!”เสียงกรีดร้องของน่าอีถูกเสียงกึกก้องของกระแสโลหิตที่พลุ่งพล่านภายในร่างของเย่ซิวกลบจนสิ้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมอบร่างกายในสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้เธอเหมือนใบไม้ไหวระริกกลางมหาสมุทรเดือดพล่าน ไร้หลักยึดเหนี่ยว พร้อมจะจมหายไปได้ทุกเมื่อเย่ซิวในขณะนี้กำลังต้องควบคุมสองวิชายุทธไปพร้อมกัน หนึ่งคือเก้าวัจนะลึกลับ อีกหนึ่งคือวิชาโลกีย์หลอมเซียนก็เพียงเพื่อให้ตนสามารถบำเพ็ญเพียรต่อไปได้โชคดีที่เส้นทางเดินลมปราณของทั้งสองวิชายุทธนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มิเช่นนั้น ครั้งนี้คงถึงจุดจบแล้วจริง ๆตู้ม!ไม่รู้ว่านานเท่าไร จู่ ๆ พลังของเย่ซิวก็พุ่งทะยานสู่ฟ้าโลหิตของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจากกระหม่อมมีเสาเลือดพุ่งพรวดออกไป ทะลุผ่านเวิ้งฟ้า พุ่งสู่ชั้นบรรยากาศเหนือโลกบังเอิญทำลายดาวเทียมลาดตระเวนที่เพิ่งถูกปล่อยจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอย่างจัง“นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของเก้าวัจนะลึกลับขั้นแรกอย่างนั้นหรือ?”เย่ซิวก้มมองร่างกายของตนเอง เขายังอดตกตะลึงกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้ผิวกายกลายเป็นสีทองอ่อนหากมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีพลังลี้ลับบ
ศาสตร์การบ่มเพาะกายของเผ่าวู อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งใต้หล้าเย่ซิวสงบลงอย่างรวดเร็วสิ่งที่จารึกไว้บนนี้ยังไม่สมบูรณ์ มีเพียงสองระดับแรกเท่านั้นหลังจากจดจำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว เย่ซิวก็หันไปมองน่าอี “แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?”ใบหน้าของน่าอีเต็มไปด้วยความสิ้นหวังนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แต่กลับถูกเย่ซิวพบเข้า ความรู้สึกอยากตายผุดขึ้นมาแน่นอนว่าความคิดนี้เพียงแวบผ่านไปเท่านั้นมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว“ฉันเจอมันในดินแดนบรรพชน ข้างในอันตรายมาก ฉันไม่กล้าเข้าไปลึกกว่านี้”เย่ซิวรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขาใช้นิ้วแตะจุดพลังบนร่างของน่าอีหลายครั้ง ผนึกระดับพลังของเธอไว้ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนมาฝึกฝนวิชาเก้าวัจนะลึกลับวิชานี้ทรงพลังยิ่งกว่าวิชาวัชระคงกระพันที่เขาเคยฝึกมานับไม่ถ้วนเท่าเหมือนกับความแตกต่างระหว่างมังกรแท้กับไส้เดือนเมื่อทบทวนเนื้อหาของวิชาเก้าวัจนะลึกลับในหัวเสร็จ เย่ซิวก็ใช้นิ้วแตะลงบนจุดชีพจรสิบแปดแห่งบนร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า“ตึก! ตึก! ตึก!”หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เลือดล
“ฉันบอกชื่อของมันไม่ได้…” น่าอีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเย่ซิวที่เข้มข้นขึ้นจึงรีบอธิบายทันที“สัตว์เทพนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด ถ้ามีใครเอ่ยนามของมันออกมา มันจะรับรู้ได้ทันทีถ้าฉันพูดออกไป มันจะรู้ว่าฉันทรยศประเทศวูทันที ฉันต้องตายแน่”เย่ซิวรู้สึกแปลกใจบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ด้วยเหรอ?ท่าทางของน่าอีดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เย่ซิวจึงเปลี่ยนคำถาม “ในประเทศวูมีคนที่อยู่ระดับสร้างรากฐานปราณขึ้นไปกี่คน แล้วมีระดับจินตานไหม?”ส่วนระดับวิญญาณก่อกำเนิดน่ะไม่ต้องถามหรอกถ้ามีคนระดับนั้นจริง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลาวางแผนอะไรให้ยุ่งยากและใช้พลังเข้าจัดการเย่ซิวโดยตรงไปแล้ว“เท่าที่ฉันรู้ ระดับสร้างรากฐานปราณมีมากกว่าสี่สิบคน ส่วนระดับจินตานมีหกคน”สีหน้านายเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่?เย่ซิวจึงถามต่อ “พวกเขาทะลวงระดับกันตอนไหน?”“ส่วนใหญ่ก็ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี่แหละ”เย่ซิวเข้าใจได้ทันทีคงเป็นเพราะช่วงครึ่งปีมานี้มีรอยแยกของผนึกมากขึ้นเรื่อย ๆเลยทำให้คนสามารถทะลวงระดับได้มากขึ้นไปด้วยคนภายนอกจะมีใครรู้เรื่องนี้
คำพูดของเธอฟังดูมีเหตุมีผล ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยถ้าเย่ซิวไม่ได้รับข่าวล่วงหน้ามาก่อน ก็คงอาจจะหลงเชื่อไปแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเล่นเกมจิตวิทยากับผู้หญิงคนนี้ จึงถามออกไปตรง ๆ “ประเทศวูของพวกเธอทำไมถึงต้องการเล่นงานฉัน ถึงขั้นให้นายพลในประเทศอวี้เจียวส่งขีปนาวุธมาโจมตี”ทันทีที่พูดจบ แววตาของน่าอีก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่จิตใจของเธอแข็งแกร่งพอสมควรใช้เวลาแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น เธอก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดจนสงบ จากนั้นก็ทำสีหน้าสับสนเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย “นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้หรอก นายพลคนนั้นเป็นพวกเดียวกับพวกเธอฉันจะบอกเธอให้รู้เอาไว้ ฉันก็มีสายลับของตัวเองในประเทศวูเหมือนกันฉันมาดักรอเธอที่นี่โดยเฉพาะ ถ้าเธอยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ซะตั้งแต่ตอนนี้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตรอดได้”คราวนี้น่าอีช็อกหนักกว่าเดิมเธอไม่เข้าใจเลยว่าเย่ซิวรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?จนเธอเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “อย่าบอกนะว่านายใช้ศาสตร์พยากรณ์ได้?”“ศาสตร์พยากรณ์อะไร?”สีหน้าของน่าอีเปลี่ยนไปทันที เมื่อรู้ตัวว่าพลาดแล้วเธ