หลังจากเย่ซิวตรวจสอบค่ายกลนี้อย่างละเอียดก็พบว่ามันมีกลไกทำลายตัวเองติดตั้งอยู่ด้วยจริง ๆถ้าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากภายนอก มันจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ภายในให้สิ้นซากแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงไม่ใช่เรื่องนี้ที่เขาตกใจเพราะแหล่งพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนค่ายกลนี้ไม่ใช่หินวิญญาณ หรือสิ่งที่มีพลังงานอันทรงพลังหากแต่เป็นเครื่องยนต์เครื่องยนต์ขนาดมหึมาที่ฝังอยู่ใต้ดินสูงกว่าร้อยเมตรและกว้างถึงห้าสิบเมตรเย่ซิวขยี้ตาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดตาอย่างมากเนื่องจากต้องมองทะลวงผ่านพื้นดินและค่ายกลทำให้เขาต้องใช้พลังสายตามากจนแทบเกินรับไหว“คนพวกนี้ตัวเล็กแต่สมองใหญ่จริง ๆ ทำได้ยังไงกันนะ?”ค่ายกลควรจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากหินวิญญาณหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานดวงจันทร์แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือมันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเย่ซิวยอมรับเลยว่าเขาประเมินคนในประเทศนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเขาสามารถคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเองได้ก็นับว่าเหนือจินตนาการอยู่เย่ซิวสำรวจดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบช่องทางใด ๆ ที่จะเจาะเข้าไปได้เลยเขาจึงตัดสินใจรออยู่ที่เดิมเพื่อดูว่าจะมีใครโผล
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเด็กที่ตายจากการถูกเธอเฆี่ยนตีไปไม่น้อยหญิงหน้าตาน่าเกลียดนั่งกินอาหารพลางมองเด็กสาวไปด้วย “ไอ้เด็กต่ำต้อย ดูจากลักษณะของแกแล้วไม่น่าจะเป็นคนของประเทศอ่ายเหรินใช่ไหมแกน่าจะมาจากประเทศหลงเถิงใช่ไหมล่ะ? บอกฉันมาว่าแกมานี่ได้ยังไง?”เด็กหญิงก้มหน้าลงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน เธอดูไม่อยากพูดอะไรมากนัก แต่ด้วยความกลัวว่าจะถูกลงโทษอีกจึงเอ่ยออกมาเบา ๆ“ฉันถูกเพื่อนของพ่อจับตัวมา แล้วถูกขายมาที่นี่เพื่อเป็นลูกบุญธรรมให้คนอื่น”“อย่างนี้นี่เอง งั้นเรียกแกว่าเด็กต่ำต้อยก็ถูกแล้ว”หญิงหน้าตาน่าเกลียดหยิบขาไก่ขึ้นมาเตรียมจะกินแต่ทันทีที่ขาไก่แตะริมฝีปาก ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปทันทีเธอรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงที่ปกคลุมรอบตัว มันเป็นพลังที่เธอไม่อาจต้านทานได้เธอค่อย ๆ หันกลับไปด้วยความยากลำบาก แล้วก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อยืนอยู่ด้านหลัง สายตาที่เขามองเธอมาเหมือนกำลังมองมดตัวหนึ่งเย่ซิวไม่ได้เสียเวลาพูดอะไรให้มากความ “ฉันถาม เธอตอบ ถ้าพูดอะไรไร้สาระก็รอรับผลที่ตามมาได้เลย”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจอันเย็นยะเยือกทำให
เด็กหญิงมีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เย่ซิวรู้จักถึงเจ็ดส่วน ดูยังไงก็น่าจะเป็นพี่น้องกันเย่ซิวมองเธอ “ในเมื่อเธอจำได้ว่าตัวเองเคยอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงจำชื่อตัวเองไม่ได้?”เด็กหญิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดถึงเรื่องนี้ทีไรมันจะปวดหัวอย่างหนักทุกทีเลยค่ะ”เย่ซิวเข้าใจทันที เธอคงถูกลบความทรงจำบางส่วนด้วยคาถาสะกดจิตขั้นสูงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมองและวิญญาณแบบนี้ เย่ซิวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เขาทำได้เพียงพาเด็กคนนี้กลับไปแล้วให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยดู เผื่อจะจำอะไรได้บ้าง“ตอนนี้เธอรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปด้วยกัน ตกลงไหม?”เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเย่ซิวลุกขึ้นเดินไปที่แท่นหินกลางห้องบนแท่นนั้นมีของสามสิ่งวางอยู่ ซึ่งก็คือสมบัติล้ำค่าทั้งสามของประเทศอ่ายเหรินตามที่เฟยอวี่บอกแสงสีทองเจิดจ้าฉายผ่านแววตาของเขา ก่อนที่สมบัติสามสิ่งตรงหน้าจะเปลี่ยนไปทันทีสมบัติทั้งสามถูกห่อหุ้มด้วยไอสีทองเข้มข้นมันคือโชคชะตาของชาติโชคชะตาของชาติหมายถึงพลังศรัทธาและความผูกพันที่ประชาชนมีต่อประเทศของตัวเองยิ่งโชคชะตาของชาติแข็งแกร่ง ประเทศนั้นก็จะยิ่งทรงพลัง ต่อให้เผ
แสงเย็นวาบสะท้อนจากกระบี่ทำให้เย่ซิวรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยที่ผิวหนัง แสดงให้เห็นว่าความคมของมันไม่ด้อยไปกว่ากระบี่หงส์โบยบินเลยขณะที่เขาถือกระบี่เล่มนี้ไว้ กระบี่หงส์โบยบินที่เก็บไว้ในจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านแต่เมื่อรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจเล็กน้อยของเย่ซิว มันก็เริ่มสงบลงบนกระบี่มีจุดแสงเจ็ดจุดที่เริ่มส่องสว่างขึ้นทีละจุดจนกลายเป็นรูปร่างคล้ายช้อนเย่ซิวเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยพลังของกระบี่เล่มนี้ จิตสำนึกของเขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ทะลุชั้นบรรยากาศขึ้นไปยังห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ซิวได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ เขารู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมากพลังจิตของเขากลายเป็นสิ่งที่เปราะบางอย่างมากในห้วงอวกาศนั้นหากไม่ได้รับการปกป้องจากพลังของกระบี่ดาวตก จิตสำนึกของเขาคงพังทลายและเขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสเย่ซิวไม่กล้าอยู่นานจึงรีบกลับเข้าร่างตามเส้นทางเดิมทันทีเมื่อจิตสำนึกย้อนกลับมา เย่ซิวก็ก้มมองกระบี่ในมือด้วยความประหลาดใจ “กระบี่เล่มนี้สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดดวงได้ น่าอัศจรรย์จริง ๆ”สำหรับเย่ซิวแล้ว กระบี่เล่มนี้มีคุณค่าไม่ด้อยไป
“นายท่าน ท่านต้องการลูกศิษย์ไหมขอรับ? ดูข้าสิ ทั้งว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง ซื่อสัตย์เป็นที่สุด ท่านจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอมทำทุกอย่างเลยขอรับ”เมื่อครู่นี้ยังดูน่าเกรงขามราวกับจอมมารอันดับหนึ่งของจักรวาลอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นคนประจบสอพลอราวกับลูกหมาตัวน้อยทันทีสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมมารของแท้จริง ๆ นิสัยและการกระทำลไม่เหมือนคนทั่วไปเลยสักนิดเย่ซิวส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่อยากเสียเวลาไปกับหมอนี่มากนัก “พูดมาสิว่าเจ้าธงหมื่นวิญญาณนี่มันมีประโยชน์อะไร?”“นี่มันสุดยอดสมบัติเลยนะ!” จอมมารโลหิตตื่นเต้น “พลังและระดับของเจ้าธงนี่ขึ้นอยู่กับจำนวนวิญญาณที่เก็บสะสมไว้ได้ ยิ่งเก็บได้เยอะ ก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นหากสะสมวิญญาณระดับอมตะได้ถึงหมื่นดวงล่ะก็ มันคงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว รับรองเลยว่าแค่ปล่อยออกมาทั้งหมดทีเดียว ประเทศระดับกลางจะถูกกวาดล้างหายไปได้ในวันเดียว”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันเย่ซิวรู้สึกขำเล็กน้อย “นายฝันกลางวันอยู่หรือเปล่า ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับอมตะเลย ขนาดระดับจินตานในโลกทั้งใบนี้ก็มีแค่ฉันคนเดียว ระดั
“โอเค งั้นเราไปกันเถอะ”เย่ซิวพาเด็กสาวออกไปจากที่นั่นเมื่อเดินออกมานอกพระราชวัง ด้านนอกก็เต็มไปด้วยความโกลาหลไปหมดมีคนเจอร่างของกษัตริย์ที่ตายแล้ว ทำให้พระราชวังทั้งหลังเต็มไปด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด บรรยากาศรอบตัวอัดแน่นไปด้วยความกดดันราวกับคลื่นความโกรธที่โหมกระหน่ำเด็กสาวมีสีหน้าซีดเซียว มือเล็ก ๆ เผลอกำชายเสื้อของเย่ซิวเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวแต่แล้วเธอก็รู้สึกตัว ก่อนจะรีบปล่อยมือออกและก้มหน้าลงด้วยท่าทางเหมือนทำผิดตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอคงผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อย จนจิตใจของเธอเปราะบางถึงขั้นนี้พอเห็นแบบนี้ทำให้เขานึกถึงจวงเสี่ยวหยิงที่มีชะตากรรมไม่ต่างกันนักความโกรธแค้นที่มีต่อสำนักสหัสธารก็เพิ่มขึ้นอีกระดับบนท้องฟ้าด้านบนมีโดรนมากกว่าพันตัวบินวนอยู่เย่ซิวพาเธอหลบออกไปได้อย่างง่ายดายไม่นานนัก ค่ายกลที่ไม่มีเครื่องยนต์คอยเสริมพลังอย่างต่อเนื่องก็พังทลายลงหลังออกจากพระราชวังไป เย่ซิวก็เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตัวเองและเด็กสาวเล็กน้อยเขาพาเธอไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สองสามชุดให้เธอ จากนั้นก็พาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินให้อิ่มต่อมาเขาก็หาโร
“เอ๊ะ?” เด็กสาวทำหน้าอึดอัด “ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ แถมประตูบานนี้ยังทำจากเหล็กอีก ฉันถีบยังไงก็ไม่พังแน่ ๆ”เย่ซิวยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”หน้าประตูมีบอดี้การ์ดยืนเรียงรายกันเป็นสองแถว แต่ตอนนี้พวกเขากลับขยับตัวไม่ได้เลยเด็กสาวมองรอยยิ้มของเย่ซิว ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมาเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูใหญ่ หลับตาแน่นแล้วยกขาขวาถีบออกไปสำหรับเด็กสาวธรรมดาที่ไม่เคยบำเพ็ญอะไรมาก่อน แรงถีบย่อมไม่มากอยู่แล้วแต่ทันทีที่เธอยกเท้าถีบออกไป เย่ซิวก็ดีดนิ้วเบา ๆโครม!ประตูเหล็กขนาดใหญ่ล้มลงด้วยแรงถีบของเด็กสาวทันที เธอเองก็ถึงกับยืนนิ่งค้างด้วยความตกตะลึง“ใครวะ? กล้าดียังไงถึงมาป่วนที่นี่”ชายวัยกลางคนหน้าตาน่ารังเกียจคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างใน เขามองดูประตูที่ล้มลงก่อนจะหันมามองเด็กสาวหลังจากชะงักไปชั่วครู่ แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นโลภอย่างชัดเจน “อ้อ นางเด็กเลว นึกไม่ถึงว่าโตขึ้นมาจะงดงามขนาดนี้ มานี่ซะดี ๆ ฉันจะส่งเธอไปให้เจ้าสำนัก เขาต้องให้รางวัลฉันอย่างงามแน่”พูดจบเขาก็ยื่นมือหมายจะคว้าบ่าเด็กสาวไว้ปัง!เย่ซิวมองเห็นไอสีดำที่ลอยวน
ทันใดนั้นดวงตาของเชียนหลิวอี้เจี้ยนก็วาวโรจน์ด้วยประกายเย็นเยียบ “ข้างนอกมีแขกไม่ได้รับเชิญ ไป๋หลี่ ออกไปจัดการซะ”ชายที่ถูกเรียกว่าไป๋หลี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนหมุนตัวออกไปเขาผลักประตูเดินออกมาก่อนจะพบกับเย่ซิวและเด็กสาวสองคน ไป๋หลี่หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วจับจ้องไปที่เย่ซิวทันทีเขาสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้าคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองไปแล้ว ไป๋หลี่จึงไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของประเทศอ่ายเหรินในตอนนี้“แกเป็นใคร? ทำไมถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้”ไป๋หลี่ยังไม่เคลื่อนไหวเพราะยังไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงและแรงจูงใจของชายตรงหน้าขณะนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีดำเดินเข้ามาเธอเป็นหญิงร่างอวบ สูงเพียงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรหน้าตาจัดได้ว่าพอประมาณ ให้คะแนนสักเจ็ดเต็มสิบ แต่กลับมีเสน่ห์แบบเย้ายวนที่เพิ่มความน่าสนใจให้เธอมากขึ้นเด็กสาวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้คือแม่บุญธรรมของเธอที่มักจะดุด่าว่ากล่าวและทำร้ายเธอบ่อยอยู่ครั้งเมื่อฝ่ายหญิงเห็นเด็กสาว เธอก็สำรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะ “นึ
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ