เฟยอวี่มาที่ห้องพิณ ข้างในนี้มีพิณโบราณราคาแพงอยู่มากกว่าหนึ่งโหลในฐานะนักฆ่า หลายครั้งที่ต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าใกล้บุคคลเป้าหมายยิ่งในฐานะนักฆ่าอันดับต้น ๆ อย่างเธอซึ่งมีหน้าที่ดูแลองค์กรนักฆ่าขนาดใหญ่ เธอก็ยิ่งต้องเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งดนตรี หมากรุก การเขียน และการวาดภาพยืนอยู่หน้าพิณที่ดูเก่าแก่ตัวหนึ่งเธอก็ยื่นมือไปลูบสายพิณเบา ๆ ริมฝีปากของเฟยอวี่ก็โค้งขึ้นเล็กน้อย "พิณมารสวรรค์ พิณตัวนี้แต่เดิมเป็นของประเทศหลงเถิงมันถูกลักลอบนำออกมาโดยพ่อค้าของโบราณเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ฉันบังเอิญไปเจอมัน ฆ่าเขาทิ้ง แล้วชิงเอาพิณมาการใช้พิณของประเทศหลงเถิงนี้เล่นงานคุณ ก็ถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งเหมือนกัน”เธอหยิบพิณขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก นั่งลงไม่ห่างจากเย่ซิวนักนิ้วทั้งสิบเริ่มขยับเบา ๆ เสียงอันใสกระจ่างก็ดังก้องมาเย่ซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่พิณตัวนั้นด้วยวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของเขา เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าพิณนี้คือสมบัติเวทมนตร์!เนื่องจากเฟยอวี่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตนในช่วงสร้างพื้นฐาน จึงไม่อาจค้นพบความลึกล้ำของมันได้อีกทั้งเมื่อมองดูอักษรโบราณบนตัวพิณ ดูก็
ในห้องน้ำไม่มีกล้อง แต่มีเครื่องดักฟังติดเอาไว้หลายตัว“ซ่าซ่าซ่า!”เมื่อฝักบัวถูกเปิด ฉับพลันเส้นผมของทั้งสองคนก็เปียกโชกไปด้วยน้ำอย่างไรก็ตาม มีอาภรณ์ร้อยบุปผาอยู่ ย่อมไม่มีหยดน้ำใดหยดลงบนร่างของเฟยอวี่ได้เย่ซิวแสดงสีหน้าที่ร้อนรน "เร็ว ๆ ๆ ถอดเสื้อผ้าเธอออก"เฟยอวี่ก้มหน้าลง สีหน้าดูเขินอายมากแล้วขยับมือช้า ๆ ปลดเปลื้องชุดบนร่างของเธอทีละน้อยใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีในการถอดอาภรณ์ร้อยบุปผาออกเมื่อเธอคิดว่าเย่ซิวกำลังจะทำขั้นต่อไป การเคลื่อนไหวถัดมาของเย่ซิวก็ทำให้เธอตกใจอย่างถึงที่สุดเพื่อลงมือกับเย่ซิว เธอได้ซ่อนพิษไว้บนเรือนร่างหลายตำแหน่งมากอย่างไรก็ตาม มันล้วนไร้ประโยชน์เพราะในขณะนี้เย่ซิวได้ยื่นมือมาคว้าคอเธอไว้แล้ว“คุณชาย โปรดทะนุถนอมฉันด้วย”“วางใจเถอะ ผมจะทำแน่นอน”“...”บทสนทนาข้างต้นทั้งหมดล้วนถูกพูดโดยเย่ซิวเพียงคนเดียว สำหรับเขามันง่ายมากที่จะเลียนแบบเสียงของเฟยอวี่วินาทีนี้เฟยอวี่ที่สงบลงหลังจากการตกใจในครั้งแรก ก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่ทั้งน่าสงสารและไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้บำเพ็ญตนวิชาเสน่ห์ เธอกำลังพยายามใช้เสน่ห์เพื่อทำให้เย่ซิวหลงใหลเย่ซิวเห
เฟยอวี่ความสามารถรอบด้าน แถมยังชำนาญมากกว่าเย่ซิวเสียอีกหลังจากสัมผัสด้วยตัวเองหนึ่งรอบ เขาก็พึงพอใจอย่างมากเฟยอวี่ก็ได้สัมผัสประสบการณ์สุดเหวี่ยงจากเจ้านายคนใหม่เหมือนกันในห้องน้ำ เฟยอวี่ใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบกายเอาไว้อาภรณ์ร้อยบุปผาถูกเย่ซิวเก็บกลับไปเหมือนเดิม สิ่งนี้เขาจะส่งมันคืนให้เจ้าของเดิมทีหลังประตูเปิดออก เย่ซิวก็เดินออกมาก่อน ตามมาด้วยเฟยอวี่ทั้งสองคนเดินตามกันขึ้นไปที่ชั้นสองทั้งหมดนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเขาหัวเราะเสียงดังลั่น "ไม่เลว ดูเหมือนว่าเฟยอวี่จะประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว"พวกเขาทั้งสองมาที่ห้องนอน เฟยอวี่ก็ปรนนิบัติเย่ซิวให้นอนลงบนเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณชายคะ คุณเชิญพักก่อน ฉันจะไปแปรงฟัน"“ไปเถอะ” พูดจบ เย่ซิวก็หลับตาลงเฟยอวี่ออกจากห้อง เดินไปที่ประตูถัดไปแล้วปิดประตู จากนั้นเดินมาหยุดที่หน้าคอมพิวเตอร์เธอเปิดคอมพิวเตอร์แล้วป้อนรหัสผ่านที่ยาวกว่าร้อยหลัก จากนั้นหน้าจอก็กะพริบ ใบหน้าแก่ชราและน่าเกลียดของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินก็ปรากฏขึ้น“เป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่วิดีโอถูกเชื่อมต่อ กษัตริย์ของประเทศอ
นี่เป็นทักษะลึกลับของสำนักหุ่นเชิดสามารถใช้สมบัติเวทมนตร์สร้างหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่เหมือนกับร่างหลักทุกประการได้ส่วนระดับความแข็งแกร่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ร่ายอาคมและระดับของวัสดุที่ใช้หุ่นเชิดตรงหน้านี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ช่วงสร้างพื้นฐานขั้นต้นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เนื่องจากเย่ซิวใช้เลือดเป็นสื่อกลาง จึงสามารถแบ่งปันทัศนวิสัยกับหุ่นเชิดตัวนี้ได้ และสามารถควบคุมมันได้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรกับแค่ท้าสู้จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินเหล่านั้น เย่ซิวย่อมไม่ขึ้นสู้ด้วยตัวเอง นี่เป็นการลดตัวเกินไป พวกเขาไม่คู่ควรการส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปแทน ก็นับว่าไว้หน้าพวกเขาพอแล้วส่วนร่างหลักหรือก็คือเย่ซิวนั้น ยังต้องไปช่วยจวงเสี่ยวหยิงออกมาหลังจากลงคำสั่งกับหุ่นเชิดเสร็จ เย่ซิวก็จากไปหุ่นเชิดขยับร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้าของมันล้วนเหมือนกับร่างหลักทุกประการเว้นเสียแต่จะมียอดฝีมือที่ทรงพลังมากมาสัมผัสกับหุ่นนี้โดยตรง ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีวันถูกค้นพบ…… “ที่นี่คือที่ไหน พวกคุณจะทำอะไรกันแน่...”ในห้องมืด จวงเสี่ยวหยิงตะโกนจนเสียงของเธอแหบแห้ง แต่ไม่มีใ
ตู้ม!พร้อม ๆ กับที่เสียงกึกก้องดังขึ้น โล่ที่ห่อหุ้มร่างของจวงเสี่ยวหยิงอยู่ก็แตกออกต้องใช้ปรมาจารย์ถึงหกคนโจมตีพร้อม ๆ กัน และโจมตีต่อเนื่องนานมาก โล่ป้องกันนี้ของเธอถึงได้พังทลายลงจี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอแตกออกเป็นเสี่ยง ๆผู้หญิงที่สวมเสื้อกันลมสีดำรีบหยิบเศษจี้หยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกปวดใจเหลือจะกล่าว และจ้องไปที่จวงเสี่ยวหยิงด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก "คนที่กำลังจะตายคนหนึ่ง ดันต้องสิ้นเปลืองจี้หยกที่ล้ำค่าขนาดนี้ สมควรตายจริง ๆ!"กษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเองก็มาถึงแล้วเขารู้สึกปวดใจมากเช่นกัน “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ฆ่าเธอทิ้งแล้วรดเลือดของเธอลงบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อผลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเติบโต เราก็จะมีเทพยุทธ์เจ็ดคนในมือ ถึงตอนนั้นบนโลกนี้ยังจะมีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเราได้!”ผู้หญิงในเสื้อกันลมสีดำพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือไปคว้าคอของจวงเสี่ยวหยิงเนื่องจากช่องว่างของพลังของทั้งคู่ใหญ่เกินไป จวงเสี่ยวหยิงจึงไม่อาจต้านทานได้เลยเธอถูกหิ้วไปที่หน้าต้นไม้นั้นทั้งเช่นนี้มีดอันคมกริบแทงลงไปที่หัวใจของจวงเสี่ยวหยิงอย่างแรงแววตาของ
“อยู่ที่…”หลังจากผู้หญิงคนนี้บอกที่อยู่ของเธอแล้ว เย่ซิวก็หักคอเธอและเดินไปหยุดตรงหน้ากษัตริย์เมื่อรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารซึ่งแผ่มาจากร่างของเย่ซิวอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก "คุณไม่สามารถฆ่าฉันได้ ถ้าคุณฆ่าฉัน มันจะทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะมีสงครามปะทุขึ้น"เย่ซิวหัวเราะ "ที่นี่ไม่มีกล้อง และทุกคนรอบตัวคุณก็ถูกผมฆ่าไปหมดแล้ว เมื่อผมจัดการคุณเสร็จ ยังจะมีใครรู้อีกล่ะว่าเป็นผมที่ลงมือ"กษัตริย์ตกใจมาก แต่ภายนอกยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ "ระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นอย่างชัดเจนต่อกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันดีรึเปล่า"“นั่นก็จริง” เย่ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ประหลาดที่อยู่ไม่ไกลนัก “บอกผมมาก่อนว่าต้นไม้ต้นนั้นมีความพิเศษยังไง”ในดวงตาของกษัตริย์ฉายแววลังเลใจแต่ทว่า หลังจากที่รับรู้ถึงเจตนาสังหารจากร่างของเย่ซิวแล้ว เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ ฉันจะพูด ฉันจะพูด"“ต้นไม้นี้ถูกพบบนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เกาะหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการศึกษาเพื่อค้นหาประโยชน์ของต้นไม้นี้ ผลไม้ที่อยู่ข้างบนน
“มันคือเซียงหลิ่วจริง ๆ!”เย่ซิวเอ่ยถึงที่มาของมันเซียงหลิ่ว คือปิศาจงูเก้าเศียร กินคนนับไม่ถ้วนและไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันก็จะทำลายทั้งประเทศนั้นจนราบคาบนี่คือสัตว์ร้ายในตำนานโบราณที่ดุร้ายอย่างยิ่ง มีครั้งหนึ่งที่มันเคยได้ทำการสังหารอย่างไร้ขอบเขตตามตำนานเล่าว่า มีเซียนหลายคนที่ถูกกลืนหายไปในคำเดียว ต่อมาก็มีชายผู้ที่ทรงพลังมากคนหนึ่งได้ตัดหัวทั้งเก้าหัวของมันออก และปิดผนึกร่างของมันเอาไว้เย่ซิวใช้มือขวาผลักไปเบา ๆ ก็ดันร่างจวงเสี่ยวหยิงไปข้างหลัง จากนั้นระเบิดพลังตู้ม! ก็สวมชุดเกราะแล้วอ้าปากพ่นจินตานห้าสีออกมาเมื่อเห็นจินตานนี้ เซียงหลิ่วก็ตกใจมาก“ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เหตุใดยังมีคนควบแน่นจินตานห้าสีได้อีก? เจ้าเป็นเซียนโบราณท่านไหนกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นรึ?”เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน จึงแยกสมาธิออกเป็นสองส่วนในเวลาเดียวกันเขาควบคุมกระบี่หงส์โบยบินด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างควบคุมจินตานห้าสี ให้มันโจมตีออกไปอย่างแรงตอนนี้เจ้านี่ยังไม่แข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อยู่ที่นี่นานหลายร้อยปี มองดูแล้วแปลกมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงเป็นการแสดงมากกว่าสองนา
สำนักแรกที่โดนท้าทายถูกจัดการอย่างง่ายดายจนสิบอันดับยอดฝีมือของสำนักแพ้หมดจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสำนักต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียวสื่อทางการของประเทศอ่ายเหรินหลายเจ้าตัดสินใจหยุดถ่ายทอดสดในประเทศตัวเองอย่างทนดูต่อไม่ไหวถ้าประชาชนไม่รู้ งั้นก็ถือว่าพวกเขายังไม่แพ้หุ่นเชิดท้าประลองกับสิบห้าสำนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และดวลกับยอดฝีมือกว่าร้อยคนโดยที่ไม่แพ้เลยสักครั้งยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ประชาชนในประเทศอ่ายเหรินต่างรู้จักดีส่วนฝั่งประเทศหลงเถิงตอนนี้แทบจะพูดได้ว่าคนทั้งประเทศต่างเฮลั่นด้วยความยินดี ความอัดอั้นใจที่เคยมีถูกเอาคืนจนหมดสิ้นส่วนสำนักที่ยังไม่ได้โดนท้าทายในประเทศอ่ายเหรินต่างก็รู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดกำลังจะมุ่งหน้ามายังสำนักของตน พวกเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาขวาง“ตอนนี้มันสองทุ่มแล้ว เราเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”พอเอ่ยจบ พวกเขาก็ไม่รอฟังว่าหุ่นเชิดจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและรีบปิดประตูสำนักทันที แม้แต่ลูกศิษย์และเจ้าสำนักต่างก็พากันหนีหายไปหมดคำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมผลจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เย่ซิวเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ