วิธีการหลอมสัตว์วิญญาณ คือจำเป็นต้องปล่อยให้สัตว์วิญญาณวิ่งผ่านเส้นลมปราณก่อนหนึ่งรอบถ้าลองเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนกับการศึกษาเส้นทางก่อนล่วงหน้า ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อนยกตัวอย่างอีกครั้งเช่นคนคนหนึ่งมายังสถานที่หนึ่ง บางคนอาจจะชื่นชอบสถานที่นี้ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อวิ๋นเหยาจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ ขณะที่นับเวลาอย่างเงียบ ๆ และตั้งตารอช่วงเวลาที่เขาจะล้มลงส่วนเย่ซิวในตอนนี้ รู้สึกว่ามีบอลเพลิงกำลังพุ่งผ่านเส้นลมปราณในร่างกายของเขาไปอย่างต่อเนื่องแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันก็ชัดเจนมากเหมือนกันเส้นลมปราณขยายใหญ่ขึ้น แถมยังถูกเพลิงกิเลนแผดเผาจนแข็งแกร่งขึ้นด้วยนี่ก็เหมือนกับเหล็กชิ้นหนึ่ง เมื่อมันถูกตีด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด ความหนาแน่นของพลังงานก็ยิ่งสูงขึ้นยิ่งเส้นลมปราณกว้างและแข็งแกร่งมากเท่าใด ภาระที่เกิดจากพลังวิญญาณเมื่อมันขับเคลื่อนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในความช้าเร็วของการร่ายคาถาหลังจากที่สัตว์วิญญาณกิเลนวิ่งผ่านเส้นลมปราณทั้งหมดในร่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ห้องทั้งห้อง พื้น และผนัง เกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วทุกแห่งหนร่างกายของเย่ซิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเปลวไฟอันไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่าง ควบแน่นเป็นชุดเกราะเปลวไฟลุกโชติช่วงชุดหนึ่งบนไหล่ทั้งสองข้างเป็นรูปทรงของแขนกิเลน บนหน้าอกคือหัวกิเลน ดูสง่างามและเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้เมื่อเย่ซิวมองไปที่อวิ๋นเหยา ร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง บนใบหน้าเธอไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิงม่านตาคู่นั้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยพลังและการครอบงำที่ดุจดั่งว่าเหนือฟ้าใต้ปฐพีนี้เขาคือที่สุดมองผ่านดวงตาคู่นี้ อวิ๋นเหยาก็เห็นว่าในดวงตาของเย่ซิว เหมือนจะมีจักรพรรดิผู้ซึ่งจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ กำลังสบตากับตัวเองผ่านห้วงมิติเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงแวบเดียวก็ทำให้พลังใจของเธอทั้งหมดพังทลายลง เธอกระอักเลือดออกมาทันทีในเวลาเดียวกัน มันก็คลายการพันธนาการที่เย่ซิวทำไว้บนตัวของเธอแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับถูกเงาของเย่ซิวลงตราประทับแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับมีเงาของเย่ซิวประทับลงมา
รถสีชมพูขับออกจากโรงรถแล้วขับไปที่ท่าเรือคนขับรถเป็นชายวัยกลางคนพูดจาฉะฉานด้านหลังรถจวงเสี่ยวหยิงหมดสติไป และมีผู้หญิงร่างเล็กสองคนนั่งประกบอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาผู้ชายที่ขับรถมองจวงเสี่ยวหยิงผ่านกระจกมองหลังและอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก "ในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ หลังจากพยายามอย่างหนัก ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ทำเอาเลือดในกายพลุ่งพล่านไปหมด"ผู้หญิงที่นั่งทางฝั่งซ้ายของจวงเสี่ยวหยิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ฉันขอแนะนำให้คุณอย่าคิดอะไรไม่เข้าท่าจะดีกว่า ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวพันกับความรุ่งโรจน์ของทั้งประเทศเรา เธอจำเป็นต้องบริสุทธิ์และสะอาดอย่างแท้จริงถ้าคุณกล้าคิดอะไรชั่ว ๆ ฉันจะฆ่าคุณทันที”ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเธอก็มาเล่นกับฉันแทนเถอะ"“กับคุณน่ะเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดูถูก “ครั้งหนึ่งฉันเคยเปิดศึกกับผู้ชายสิบสองคนพร้อม ๆ กัน คิดว่าตัวเองไหวเหรอ?”“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ผู้หญิงที่นั่งฝั่งขวาของจวงเสี่ยวหยิงลดเสียงลงต่ำ “ขับเร็วขึ้นอีกหน่อย เราต้องกลับไปให้ไว และจะให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ไม่ได้เป็นอันขาด”จากนั้นชายคนนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิด ว
ครั้งนี้แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็น่าจะเป็นฝีมือคนกลุ่มเดิมนั้นพอดีเลย งั้นก็ใช้โอกาสนี้เก็บกวาดคนพวกนั้นให้ราบคาบเขารีบกลับมาโดยใช้เวลาที่เร็วที่สุด ร่างก็ร่อนลงที่ชั้นดาดฟ้าของบริษัทเวินหว่านเอ๋อร์ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว เมื่อเห็นเย่ซิว เธอก็ก้มศีรษะลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง "เป็นความประมาทเลินเล่อของฉันเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"“ไม่โทษคุณหรอก” เย่ซิวตบไหล่เธอ “ต่อไปแค่ระมัดระวังให้มากขึ้นก็พอ ผมไปก่อนนะ”พูดจบเขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และออกเดินทางไปอย่างรวดเร็วในไม่ช้าข่าวการเดินทางไปยังประเทศอ่ายเหรินก่อนกำหนดของเย่ซิวก็แพร่กระจายไปยังประเทศสำคัญ ๆ ทั่วโลก…… ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหริน เฟยอวี่อ่านข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเย่ซิวที่เธอมีเกี่ยวกับข้อมูลของเย่ซิวเธอได้ทำการรวบรวมมาพอสมควรแล้ว กับคนคนนี้เธอสามารถพูดได้ว่ามีความเข้าใจในตัวเขาระดับหนึ่ง“แข็งแกร่งมาก ไม่มีครอบครัว ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวแต่ละคนก็ทรงพลังเช่นกัน บางทีเขาอาจจะได้รับการสืบทอดพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างมา จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาคือเรื่องความเจ้าชู้”เฟยอวี่ทำการ
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น อำนาจของคาถาต่าง ๆ ที่เขาร่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกันแต่ขณะนี้แม้ว่าจะใช้วิชามองทะลุ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขามองทะลุไม่ได้จริง ๆนั่นเป็นผู้หญิงสวมที่ชุดกระโปรงยาวสีขาว บนชุดนั้นมีรูปดอกไม้หลากชนิดทั้งดอกโบตั๋น กุหลาบ ดอกบ๊วย ดอกเบญจมาศ และอื่น ๆเมื่อสายตาของเย่ซิวตกลงไปที่มัน ดอกไม้ก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาก่อตัวเป็นม่านกั้นอันทรงพลังที่ขัดขวางการสำรวจของเย่ซิวดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงชุดของผู้หญิงคนนี้ดูคุ้น ๆ เหมือนกับว่าตัวเองเคยเห็นมันจากที่ไหนสักแห่งหลังจากค้นหาในความทรงจำสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ในที่สุดชุดนี้เรียกว่าอาภรณ์ร้อยบุปผาครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสมบัติของสำนักร้อยบุปผาและมีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถสวมใส่มันได้กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชุดนี้ควรเป็นของประเทศหลงเถิง แต่ตอนนี้มันกลับถูกคนนอกคนหนึ่งแย่งชิงไปเฟยอวี่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาของเย่ซิวจ้องมองสายตาของเขาจะมีพลังมากเกินไปแล้ว คลับคล้ายกับจะมองเห็นความลับทั้งหมดของตัวเองได้“คุณชายเย่ คุณคงเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ถ้ายังไงไปพักที่บ้านของฉันสั
ในดวงตาของเฟยอวี่แสดงถึงความดีใจ "ถ้าคุณชายเย่ชอบงั้นก็ดีแล้ว"พวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่รู้ตัว เฟยอวี่ลงจากรถก่อน แล้วจึงหันมาโค้งตัวลง ทำท่าผายมือเชิญเขาเย่ซิวลงจากรถแล้วเงยหน้าขึ้นมอง มันเป็นวิลล่าที่หรูหราหลังหนึ่งลานด้านนอกตกแต่งด้วยคอนกรีตและไม้ผสมผสานกัน รูปแบบสถาปัตยกรรมโดยรวมเลียนแบบสถาปัตยกรรมโบราณของประเทศหลงเถิงแต่พวกเขาก็เลียนแบบได้เพียงผิวเผินเท่านั้น เช่นเดียวกับลิงที่สวมเสื้อผ้าของมนุษย์ ดูอย่างไรก็พิลึก ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง อันที่จริงไม่ใช่แค่ในด้านของสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านอื่น ๆ ด้วย ล้วนเป็นเช่นนี้ตัวอย่างอีกครั้ง อาทิเช่นมารยาทด้านการคุกเข่าซึ่งเลียนแบบจากเมื่อหลายพันปีก่อนของประเทศหลงเถิงพวกเขาคุกเข่าลงเมื่อรับประทานอาหารและทุกอย่าง และยังคิดเอาเองว่าตนมีเกียรติและมีอารยธรรมมากแต่ในความเป็นจริง สิ่งนี้ถูกประเทศหลงเถิงละทิ้งไปตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้วพวกเขาเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังคงรักษาความเคยชินนี้ไว้หลังจากเดินเข้าไปข้างใน ก็มีผู้หญิงยืนอยู่ที่ประตูสองแถว โค้งตัวลงด้วยความเคารพพวกเธอทั้งหมดสวมชุดที่คล้ายกับเครื
เฟยอวี่มาที่ห้องพิณ ข้างในนี้มีพิณโบราณราคาแพงอยู่มากกว่าหนึ่งโหลในฐานะนักฆ่า หลายครั้งที่ต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าใกล้บุคคลเป้าหมายยิ่งในฐานะนักฆ่าอันดับต้น ๆ อย่างเธอซึ่งมีหน้าที่ดูแลองค์กรนักฆ่าขนาดใหญ่ เธอก็ยิ่งต้องเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งดนตรี หมากรุก การเขียน และการวาดภาพยืนอยู่หน้าพิณที่ดูเก่าแก่ตัวหนึ่งเธอก็ยื่นมือไปลูบสายพิณเบา ๆ ริมฝีปากของเฟยอวี่ก็โค้งขึ้นเล็กน้อย "พิณมารสวรรค์ พิณตัวนี้แต่เดิมเป็นของประเทศหลงเถิงมันถูกลักลอบนำออกมาโดยพ่อค้าของโบราณเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ฉันบังเอิญไปเจอมัน ฆ่าเขาทิ้ง แล้วชิงเอาพิณมาการใช้พิณของประเทศหลงเถิงนี้เล่นงานคุณ ก็ถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งเหมือนกัน”เธอหยิบพิณขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก นั่งลงไม่ห่างจากเย่ซิวนักนิ้วทั้งสิบเริ่มขยับเบา ๆ เสียงอันใสกระจ่างก็ดังก้องมาเย่ซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่พิณตัวนั้นด้วยวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของเขา เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าพิณนี้คือสมบัติเวทมนตร์!เนื่องจากเฟยอวี่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตนในช่วงสร้างพื้นฐาน จึงไม่อาจค้นพบความลึกล้ำของมันได้อีกทั้งเมื่อมองดูอักษรโบราณบนตัวพิณ ดูก็
ในห้องน้ำไม่มีกล้อง แต่มีเครื่องดักฟังติดเอาไว้หลายตัว“ซ่าซ่าซ่า!”เมื่อฝักบัวถูกเปิด ฉับพลันเส้นผมของทั้งสองคนก็เปียกโชกไปด้วยน้ำอย่างไรก็ตาม มีอาภรณ์ร้อยบุปผาอยู่ ย่อมไม่มีหยดน้ำใดหยดลงบนร่างของเฟยอวี่ได้เย่ซิวแสดงสีหน้าที่ร้อนรน "เร็ว ๆ ๆ ถอดเสื้อผ้าเธอออก"เฟยอวี่ก้มหน้าลง สีหน้าดูเขินอายมากแล้วขยับมือช้า ๆ ปลดเปลื้องชุดบนร่างของเธอทีละน้อยใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีในการถอดอาภรณ์ร้อยบุปผาออกเมื่อเธอคิดว่าเย่ซิวกำลังจะทำขั้นต่อไป การเคลื่อนไหวถัดมาของเย่ซิวก็ทำให้เธอตกใจอย่างถึงที่สุดเพื่อลงมือกับเย่ซิว เธอได้ซ่อนพิษไว้บนเรือนร่างหลายตำแหน่งมากอย่างไรก็ตาม มันล้วนไร้ประโยชน์เพราะในขณะนี้เย่ซิวได้ยื่นมือมาคว้าคอเธอไว้แล้ว“คุณชาย โปรดทะนุถนอมฉันด้วย”“วางใจเถอะ ผมจะทำแน่นอน”“...”บทสนทนาข้างต้นทั้งหมดล้วนถูกพูดโดยเย่ซิวเพียงคนเดียว สำหรับเขามันง่ายมากที่จะเลียนแบบเสียงของเฟยอวี่วินาทีนี้เฟยอวี่ที่สงบลงหลังจากการตกใจในครั้งแรก ก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่ทั้งน่าสงสารและไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้บำเพ็ญตนวิชาเสน่ห์ เธอกำลังพยายามใช้เสน่ห์เพื่อทำให้เย่ซิวหลงใหลเย่ซิวเห
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ