ความคิดเห็นจากผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างหลั่งไหลเข้ามามากมายแม้จะยอมรับในความกล้าหาญของเย่ซิว แต่หลายคนก็เตือนเขาว่าถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ให้รีบยอมแพ้เถอะ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าชายรูปร่างบอบบางอย่างเย่ซิวจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของอาคิตะ อิจิโร่ที่ร่างกายกำยำเหมือนหมีได้เย่ซิวยืนไขว้หลังด้วยท่าทีสงบและเอ่ยอย่างเรียบเฉย“ประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างอ่ายเหริน ประชาชนมีภูมิปัญญามาไม่ถึงพันปีความลึกซึ้งและรากฐานตื้นเขินขนาดนั้นแต่ยังกล้าบุกมาท้าทายประเทศมหาอำนาจแบบนี้ ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลยวันนี้ฉันจะสู้กับแกให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าฉันใช้เกินสองกระบวนท่า ฉันจะปลิดชีพตัวเองตรงนี้เลย”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาคิตะ อิจิโร่หรือเหล่าลูกศิษย์ของเขาต่างก็หัวเราะกันจนแทบหยุดไม่ได้อาคิตะ อิจิโร่หัวเราะเสียงดังอย่างกับเสียงฟ้าร้อง “ฮ่า ๆ ไม่เลวเลยนี่ แกดูน่าสนใจกว่าคนอื่นเยอะทำงานอะไรวะ เป็นตลกเหรอ? เรื่องที่แกพูดมันขำมากเลยจริง ๆ”“ตลกมากใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มเย็นที่มุมปากขณะก้าวเดินออกไปข้างหน้าโครม!พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาเหมือนคลื่นยักษ์พัด
หลังจากกษัตริย์แห่งประเทศอ่ายเหรินระเบิดความโกรธออกมาเพียงชั่วครู่ก็สงบลงอีกครั้ง แล้วกลับไปนั่งยังที่ของตน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เฟยอวี่อยู่ไหน!”“ค่ะ”เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับหญิงคนหนึ่งที่เดินออกมาจากเงามืดปกติแล้วคนในประเทศอ่ายเหรินไม่ว่าจะชายหรือหญิงจะมีความสูงเฉลี่ยเพียงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตร แต่เฟยอวี่กลับดูสูงกว่าปกติเล็กน้อย ประมาณหนึ่งร้อยหกสิบกว่า ๆ รูปร่างเล็กกะทัดรัด สวมชุดรัดรูปสีดำ และสะพายดาบเดี่ยวเล่มยาวไว้ด้านหลังหญิงสาวคนนี้สวมผ้าคลุมหน้า แต่จากรูปร่างและดวงตาที่เผยให้เห็นแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีหน้าตาที่ไม่ธรรมดาเลย“ปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว ตอนนี้ฉันขอสั่งให้เธอใช้กำลังทั้งหมดของหน่วยข่าวกรองไปสืบค้นทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ให้กระจ่างจากนั้นฉันต้องการให้เธอเดินทางไปหลงเถิงด้วยตัวเอง จะใช้วิธีไหนก็ได้ แม้ต้องใช้ร่างกายเธอเป็นเหยื่อล่อจะฆ่ามันหรือดึงมันเข้ามาเป็นคนของเรา ถ้าเธอทำสำเร็จ ตระกูลเธอจะไม่ต้องเป็นหน่วยกล้าตายอีกต่อไป”เฟยอวี่พยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น ก่อนร่างของเธอจะพุ่งหายไปในความมืด……เย่ซิวมองลงไปยังอาคิตะ อ
ประเทศหลงเถิงมีผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงสำหรับพวกเขาแล้วนี่มันคือหายนะชัด ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศจ้านอิงประเทศอ่ายเหรินเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ของพวกเขา มักจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้งข้อมูลภายในของประเทศอ่ายเหรินส่วนใหญ่ก็ถูกแบ่งปันให้ประเทศจ้านอิงโดยไม่ปิดบังใด ๆพวกเขารู้ดีว่าอาคิตะ อิจิโร่เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้าการที่เย่ซิวสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายนั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ประเทศจ้านอิงยังคงครองความเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก แต่ประเทศหลงเถิงก็ก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะทัดเทียมในทุกด้านพวกเขาไม่อาจยอมรับได้ที่จะมีตัวแปรที่ไม่แน่นอนอย่างเย่ซิวปรากฏขึ้นขณะเดียวกัน นักข่าวในที่เกิดเหตุต่างก็ถ่ายภาพอย่างบ้าคลั่ง ในหัวของพวกเขาเริ่มคิดถึงคำบรรยายสำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ทันทีผู้กอบกู้ล่มสลาย!คำพูดเหล่านี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อยหากวันนี้เย่ซิวไม่ปรากฏตัว เกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศหลงเถิงคงถูกเหยียบย่ำจนสิ้นตำแหน่งในเวทีนานาชาติจะร่วงหล่นสู่จุดต่ำสุด และความเสียหายที่
คำพูดของอาคิตะ อิจิโร่ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่งผู้ชมชาวประเทศอ่ายเหรินที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ต่างปรบมือส่งเสียงเชียร์ พวกเขาเริ่มเห็นแสงแห่งความหวังที่จะพลิกสถานการณ์ได้แล้วในขณะเดียวกัน ชาวหลงเถิงกลับโกรธจนแทบกระอักเลือด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอคนที่หน้าด้านถึงเพียงนี้สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เย่ซิวตอนนี้ทุกคนรอดูว่าเขาจะพลิกสถานการณ์และบดขยี้ความหยิ่งผยองของพวกคนไร้ยางอายนี้ยังไงเย่ซิวเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้สายตานับไม่ถ้วนนั้นเขาก้าวลงจากเวทีอย่างสง่างาม ก่อนจะเดินไปหาจอมยุทธ์ประเทศอ่ายเหรินคนหนึ่ง ก่อนจะจับเขายกขึ้นมาแล้วถามเสียงเรียบ “เป้าหมายของพวกแกในการมาที่หลงเถิงคืออะไร?”เย่ซิวใช้วิชาสะกดจิตโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวจอมยุทธ์จากประเทศแคระคนนั้นไม่มีแม้แต่แรงต่อต้าน และตอบออกมาด้วยความคิดที่แท้จริงในใจ “เพราะหลงเถิงเป็นประเทศใหญ่ มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของวิทยายุทธ พวกเราเลยอยากมาหาเรื่องเพื่อยกระดับชื่อเสียงของประเทศเราเอง”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทั้งสนามก็เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาอาคิตะ อิจิโร่คำรามด้วยความโมโห “บ
ถ้าเย่ซิวบ้าบิ่นถึงขั้นมาที่ประเทศของพวกเขาจริง ๆ ล่ะก็ พวกเขาก็มีวิธีจัดการให้ตายหรือพิการได้ตามใจชอบเพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่คิดจะอยากอยู่ที่นี่ต่อเขาเอ่ย “ดี นี่แกพูดต่อหน้าคนทั้งโลกเองนะ ถ้าไม่มาจริงก็จะกลายเป็นตัวตลกให้คนทั้งโลกดู เพราะงั้นเราจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”เทพยุทธ์สำหรับประเทศอ่ายเหรินแล้ว ไม่ว่าจะนำไปทำการวิจัยหรือนำไปใช้งานในทางอื่น ๆ ก็ล้วนเป็นประโยชน์มหาศาลส่วนเรื่องตามหาหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษนั้นก็ยังมีคนอื่นที่รับหน้าที่นี้อยู่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาอยู่ในโรงยิมแห่งนี้คำพูดของเย่ซิวทำให้เกิดกระแสถกเถียงในโลกออนไลน์อีกครั้ง ชาวเน็ตมากมายต่างแสดงความคิดเห็นกันรัว ๆ ไม่ให้เขาไป“อย่าไปเชียวนะ คนแคระพวกนี้เจ้าเล่ห์สุด ๆ”“ถ้านายไปคงถูกเล่นงานแน่ ๆ”“ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะมีมารยาทแบบประเทศเราหรอกนะ”“คนเป็นหมื่นเลยนะ ขอร้องอย่าไปเลย”“เผ่านี้ตั้งแต่โบราณกาลก็ต่ำช้าไร้ยางอาย ชำนาญการใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรก นายอย่าไปเลย”……เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอย่างไรเย่ซิวหันไปมองเวินหว่านเอ๋อร์ “คุณส่งคนไปส่งพวกเขาทั้งหมด และต้องเห็นกับตาว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเท
สินค้าทุกรายการของทางบริษัทขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที แถมยอดขายก็พุ่งสูงกว่าปกติหลายเท่าเหล่าชาวเน็ตกระตือรือร้นอย่างมาก เย่ซิวในฐานะวีรบุรุษของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับความรักจากชาวเน็ตนับไม่ถ้วนเว็บไซต์ทางการถึงกับล่ม สินค้าทุกชิ้นในช่องทางการขายทั้งหมดถูกขายจนหมดเกลี้ยงเพียงแค่วันนี้วันเดียวเย่ซิวก็ทำรายได้เข้ากระเป๋ากว่าหนึ่งหมื่นล้านและเป็นกำไรทั้งหมด ผลลัพธ์นี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่าผู้ค้าเป็นอย่างยิ่งและนี่เป็นเพียงแค่ในประเทศเท่านั้นในต่างประเทศ แม้จะมีบางคนที่แสดงความไม่พอใจและโกรธเคืองต่อเย่ซิว แต่ส่วนใหญ่กลับถูกเสน่ห์ส่วนตัวของเขาดึงดูดเสียงั้นในต่างประเทศเองก็มีคนดังมากมายและข้อมูลบางส่วนของเย่ซิวนั้นเปิดเผยอยู่แล้ว การจะค้นหาก็ไม่ใช่เรื่องยาก จากนั้นพวกเขาก็หลั่งไหลเข้าไปในจุดขายต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและกว้านซื้อสินค้าหลากหลายชนิดจนหมดเกลี้ยงเมื่อเย่ซิวได้ทราบข่าวนี้ก็อดตกใจไม่ได้ ชาวเน็ตเหล่านี้ช่างเด็ดเดี่ยวและทรงพลังอย่างแท้จริงจากนั้นเขาก็ถือโอกาสโปรโมทข่าวการเปิดสาขาของสำนักโอสถทันทีเชื่อว่าอีกไม่นาน สำนักโอสถจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาม
เย่ซิวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ขณะที่สาว ๆ หลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการสิ่งต่าง ๆ ส่วนเขาแค่รอทานอาหารก็พอหลังจากก้าวเข้าสู่ขั้นจินตานแล้ว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก อีกทั้งการรับรู้ถึงสรรพสิ่งในโลกและจักรวาลก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเขามักรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่เห็นโดยเฉพาะตอนที่เขาทะลวงขั้นนั้นกลับไม่มีสายฟ้าฟาดลงมา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งเขาเคยอ่านในบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับจินตานห้าสีว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายกฎสวรรค์เกินไป จึงต้องเผชิญกับบททดสอบแห่งสายฟ้าตั้งแต่ช่วงที่เริ่มก่อตัวขึ้นแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลางสังหรณ์บอกเขาว่าต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่ไม่ไกลนัก หลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังอุ้มเสี่ยวปิงด้วยความรักใคร่อยู่โชคดีที่เสี่ยวปิงเป็นตัวเมีย ไม่อย่างนั้นเย่ซิวคงจะรู้สึกหึงไปแล้ว“เสี่ยวปิง เธออยากกินอะไรจ๊ะ? คุกกี้ดีไหม? หรือว่าไก่? หมู หรือเนื้อวัวดีล่ะ?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นเอาอาหารออกมาวางให้เสี่ยวปิงดูทีละอย่าง แต่มันไม่แม้แต่จะชายตามองหลิ่วเมิ่งอิ๋นจนปัญญาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเย่ซิว “พี่คะ เสี่ยวปิงไม่ยอมกินอะไรเลย ทำย
ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินหม้อไฟกันอย่างมีความสุขด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลมเกลียวหลังจากกินเสร็จเย่ซิวก็พาชูตงกลับบ้าน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อชูตงเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงมากแม้จะคบกับเย่ซิวแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมใช้เงินของเขา ทุกสิ่งที่เธอต้องการล้วนได้มาด้วยความพยายามของตัวเองเย่ซิวไม่ได้บังคับอะไรจึงอาสาขับรถไปส่งเธอถึงบ้านแทนทันทีที่เข้าบ้าน ชูตงก็โอบคอเย่ซิวไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นอย่างเย้ายวน “ฉันอยากบำเพ็ญกับคุณนะ”ครั้งที่อยู่ในภูเขานั้นได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเธอและเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจนเย่ซิวอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำไม่นานก็มีเสียงเฉพาะของการบำเพ็ญดังออกมาจากข้างในชูตงรู้สึกยินดีอย่างมากเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆไม่นานเธอก็เริ่มรู้สึกถึงพลังภายในที่เย่ซิวเคยพูดถึง ตอนนี้มันกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณของเธอในตอนแรกมันอ่อนแอมาก แต่ไม่ถึงชั่วโมงมันก็กลายเป็นเหมือนแม่น้ำที่หลั่งไหล“แกร๊ก!”ในเวลานั้นเอง เสี่ยวเหม่ยก็กลับมาถึงบ้า
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ