สินค้าทุกรายการของทางบริษัทขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที แถมยอดขายก็พุ่งสูงกว่าปกติหลายเท่าเหล่าชาวเน็ตกระตือรือร้นอย่างมาก เย่ซิวในฐานะวีรบุรุษของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับความรักจากชาวเน็ตนับไม่ถ้วนเว็บไซต์ทางการถึงกับล่ม สินค้าทุกชิ้นในช่องทางการขายทั้งหมดถูกขายจนหมดเกลี้ยงเพียงแค่วันนี้วันเดียวเย่ซิวก็ทำรายได้เข้ากระเป๋ากว่าหนึ่งหมื่นล้านและเป็นกำไรทั้งหมด ผลลัพธ์นี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่าผู้ค้าเป็นอย่างยิ่งและนี่เป็นเพียงแค่ในประเทศเท่านั้นในต่างประเทศ แม้จะมีบางคนที่แสดงความไม่พอใจและโกรธเคืองต่อเย่ซิว แต่ส่วนใหญ่กลับถูกเสน่ห์ส่วนตัวของเขาดึงดูดเสียงั้นในต่างประเทศเองก็มีคนดังมากมายและข้อมูลบางส่วนของเย่ซิวนั้นเปิดเผยอยู่แล้ว การจะค้นหาก็ไม่ใช่เรื่องยาก จากนั้นพวกเขาก็หลั่งไหลเข้าไปในจุดขายต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและกว้านซื้อสินค้าหลากหลายชนิดจนหมดเกลี้ยงเมื่อเย่ซิวได้ทราบข่าวนี้ก็อดตกใจไม่ได้ ชาวเน็ตเหล่านี้ช่างเด็ดเดี่ยวและทรงพลังอย่างแท้จริงจากนั้นเขาก็ถือโอกาสโปรโมทข่าวการเปิดสาขาของสำนักโอสถทันทีเชื่อว่าอีกไม่นาน สำนักโอสถจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาม
เย่ซิวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ขณะที่สาว ๆ หลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการสิ่งต่าง ๆ ส่วนเขาแค่รอทานอาหารก็พอหลังจากก้าวเข้าสู่ขั้นจินตานแล้ว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก อีกทั้งการรับรู้ถึงสรรพสิ่งในโลกและจักรวาลก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเขามักรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่เห็นโดยเฉพาะตอนที่เขาทะลวงขั้นนั้นกลับไม่มีสายฟ้าฟาดลงมา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งเขาเคยอ่านในบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับจินตานห้าสีว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายกฎสวรรค์เกินไป จึงต้องเผชิญกับบททดสอบแห่งสายฟ้าตั้งแต่ช่วงที่เริ่มก่อตัวขึ้นแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลางสังหรณ์บอกเขาว่าต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่ไม่ไกลนัก หลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังอุ้มเสี่ยวปิงด้วยความรักใคร่อยู่โชคดีที่เสี่ยวปิงเป็นตัวเมีย ไม่อย่างนั้นเย่ซิวคงจะรู้สึกหึงไปแล้ว“เสี่ยวปิง เธออยากกินอะไรจ๊ะ? คุกกี้ดีไหม? หรือว่าไก่? หมู หรือเนื้อวัวดีล่ะ?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นเอาอาหารออกมาวางให้เสี่ยวปิงดูทีละอย่าง แต่มันไม่แม้แต่จะชายตามองหลิ่วเมิ่งอิ๋นจนปัญญาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเย่ซิว “พี่คะ เสี่ยวปิงไม่ยอมกินอะไรเลย ทำย
ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินหม้อไฟกันอย่างมีความสุขด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกลมเกลียวหลังจากกินเสร็จเย่ซิวก็พาชูตงกลับบ้าน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อชูตงเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงมากแม้จะคบกับเย่ซิวแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมใช้เงินของเขา ทุกสิ่งที่เธอต้องการล้วนได้มาด้วยความพยายามของตัวเองเย่ซิวไม่ได้บังคับอะไรจึงอาสาขับรถไปส่งเธอถึงบ้านแทนทันทีที่เข้าบ้าน ชูตงก็โอบคอเย่ซิวไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นอย่างเย้ายวน “ฉันอยากบำเพ็ญกับคุณนะ”ครั้งที่อยู่ในภูเขานั้นได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเธอและเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจนเย่ซิวอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำไม่นานก็มีเสียงเฉพาะของการบำเพ็ญดังออกมาจากข้างในชูตงรู้สึกยินดีอย่างมากเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆไม่นานเธอก็เริ่มรู้สึกถึงพลังภายในที่เย่ซิวเคยพูดถึง ตอนนี้มันกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณของเธอในตอนแรกมันอ่อนแอมาก แต่ไม่ถึงชั่วโมงมันก็กลายเป็นเหมือนแม่น้ำที่หลั่งไหล“แกร๊ก!”ในเวลานั้นเอง เสี่ยวเหม่ยก็กลับมาถึงบ้า
ไม่แน่ว่าในตอนนั้นอาจมีปีศาจหรือสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ตามไปด้วยการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายแม้ว่าชูตงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่ต้องแยกจากเย่ซิว แต่เธอก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายอวิ๋นเหยานั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างเงียบสงบในสวนสมุนไพรในมือเธอถือหนังสือเล่มหนึ่งและค่อย ๆ พลิกหน้าหนังสือไปอย่างช้า ๆบนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าตั้งอยู่ แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ความรู้สึกสงบสุขอย่างแท้จริงหูของเธอกระดิกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “มาหาฉันเช้าขนาดนี้มีอะไรเหรอ”เย่ซิวตอบตามตรง “สำนักเธอน่าจะใกล้เปิดแล้วใช่ไหม ตอนนี้เราก็ไปกันได้เลย”อวิ๋นเหยาบอกว่าสำนักของเธอจะเปิดทุกหนึ่งเดือนและวันนี้ก็เป็นวันที่ยี่สิบเก้าแล้วปกติแล้วหากสำนักเปิดทุกเดือนจริง ๆ ก็มักจะเปิดช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือน และโอกาสที่จะเปิดปลายเดือนนั้นมีน้อยมากอวิ๋นเหยาปิดหนังสือลง ก่อนจะหันไปมองเย่ซิว “จริง ๆ แล้วมันเปิดวันที่หนึ่ง ถ้าจะไปตอนนี้ก็ได้นะ”เย่ซิวเรียกกระบี่หงส์โบยบินออกมาทันทีหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับจินตานแล้ว สีสันของกระบี่เล่มนี้ก็ยิ่งสดใสยิ่งขึ้นทุกครั้งที่เรีย
“บำเพ็ญตนไปเรื่อย ๆ ก็ทะลวงระดับได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างขอไปที เขาย่อมไม่มีทางบอกความจริงกับเธออวิ๋นเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา ไม่ได้ถามอีก ทว่าในใจกลับกระตือรือร้นมากขึ้นเธอเดาว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วนเย่ซิวน่าจะได้รับถ้ำของยอดฝีมือโบราณมาจริง ๆ จากนั้นได้โอสถวิเศษบางอย่างมาจากในถ้ำนั้นไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถมาถึงระดับนี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรในใจก็คิดว่าถ้าเอาให้ฉัน ฉันทำได้เหมือนกัน“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว รีบไปกันเถอะ” เย่ซิวเร่งเร้าอวิ๋นเหยาเก็บความคิดกลับมา มือทั้งสองข้างทำท่ามุทรากระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวข้างหน้า เธอกระโดดเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวอวิ๋นเหยาดำลงไปจนสุด กัดนิ้วของเธอแล้วใช้เลือดเป็นสื่อกลาง ควบแน่นกระจกขึ้นมาหนึ่งบาน ส่องแสงสีเลือดลงไปที่ก้นแม่น้ำจากนั้นก็เห็นว่าระลอกคลื่นกระจายออกไปทีละวง ๆ ปรากฏม่านกึ่งโปร่งแสงขึ้นมุทราของอวิ๋นเหยาเปลี่ยนไป ฝาครอบก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดิน เธอเดินนำเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวภาพตรงหน้าเบลอเลือน เท้าของเย่ซิวก็สัมผัสกับพื้นดินรอบด้านวิหกร้องขับขาน กลิ่นหอม
“บอกผมมาว่าจะหลอมรวมมันยังไง”อวิ๋นเหยาบอกเย่ซิวถึงวิธีการหลอมรวมอย่างละเอียดพลังจิตของเย่ซิวแผ่ไปที่ตัวเธออยู่ตลอด หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็ลงมือ พันธนาการเธอให้อยู่กับที่ทันทีน้ำเสียงของอวิ๋นเหยาเย็นเยียบ มุมปากของเธอเหยียดขึ้นอย่างประชดประชัน "ทำไม คุณจะฆ่าฉันเหรอ?"เย่ซิวไม่ตอบ แต่ออกจากที่นี่และไปยังสถานที่ที่สำนักหุ่นเชิดรวบรวมคัมภีร์โบราณต่าง ๆ เอาไว้เมื่อสักครู่นี้เขาได้ใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งที่นี่อย่างละเอียดแล้วแม้ว่าพลังจิตจะสัมผัสได้ว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก แต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวจึงยังต้องพลิกผ่านคัมภีร์โบราณของพวกเขาก่อน ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เขาถึงจะรู้สึกสบายใจเมื่อผลักประตูอันหนักหน่วงบานนั้นออก เย่ซิวก็เห็นว่ามีคัมภีร์โบราณจำนวนมากอยู่ที่นี่ เกรงว่ามีนับแสนเล่มได้แบ่งพลังจิตออกเป็นหลายร้อยส่วน แล้วแผ่ไปที่คัมภีร์แต่ละเล่ม ทำการค้นหาอย่างรวดเร็วตอนนี้พลังจิตของเขาเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก เทียบได้กับเครื่องสแกนเนอร์เมื่อสแกนมัน ภาพก็จะติดอยู่ในหัวและจะไม่มีวันลืมตลอดกาลในไม่ช้าเขาก็พบวิธีที่จะหลอมรวมกับสัตว์วิญญาณ เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว อว
วิธีการหลอมสัตว์วิญญาณ คือจำเป็นต้องปล่อยให้สัตว์วิญญาณวิ่งผ่านเส้นลมปราณก่อนหนึ่งรอบถ้าลองเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนกับการศึกษาเส้นทางก่อนล่วงหน้า ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อนยกตัวอย่างอีกครั้งเช่นคนคนหนึ่งมายังสถานที่หนึ่ง บางคนอาจจะชื่นชอบสถานที่นี้ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อวิ๋นเหยาจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ ขณะที่นับเวลาอย่างเงียบ ๆ และตั้งตารอช่วงเวลาที่เขาจะล้มลงส่วนเย่ซิวในตอนนี้ รู้สึกว่ามีบอลเพลิงกำลังพุ่งผ่านเส้นลมปราณในร่างกายของเขาไปอย่างต่อเนื่องแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันก็ชัดเจนมากเหมือนกันเส้นลมปราณขยายใหญ่ขึ้น แถมยังถูกเพลิงกิเลนแผดเผาจนแข็งแกร่งขึ้นด้วยนี่ก็เหมือนกับเหล็กชิ้นหนึ่ง เมื่อมันถูกตีด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด ความหนาแน่นของพลังงานก็ยิ่งสูงขึ้นยิ่งเส้นลมปราณกว้างและแข็งแกร่งมากเท่าใด ภาระที่เกิดจากพลังวิญญาณเมื่อมันขับเคลื่อนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในความช้าเร็วของการร่ายคาถาหลังจากที่สัตว์วิญญาณกิเลนวิ่งผ่านเส้นลมปราณทั้งหมดในร่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ห้องทั้งห้อง พื้น และผนัง เกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วทุกแห่งหนร่างกายของเย่ซิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเปลวไฟอันไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่าง ควบแน่นเป็นชุดเกราะเปลวไฟลุกโชติช่วงชุดหนึ่งบนไหล่ทั้งสองข้างเป็นรูปทรงของแขนกิเลน บนหน้าอกคือหัวกิเลน ดูสง่างามและเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้เมื่อเย่ซิวมองไปที่อวิ๋นเหยา ร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง บนใบหน้าเธอไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิงม่านตาคู่นั้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยพลังและการครอบงำที่ดุจดั่งว่าเหนือฟ้าใต้ปฐพีนี้เขาคือที่สุดมองผ่านดวงตาคู่นี้ อวิ๋นเหยาก็เห็นว่าในดวงตาของเย่ซิว เหมือนจะมีจักรพรรดิผู้ซึ่งจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ กำลังสบตากับตัวเองผ่านห้วงมิติเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงแวบเดียวก็ทำให้พลังใจของเธอทั้งหมดพังทลายลง เธอกระอักเลือดออกมาทันทีในเวลาเดียวกัน มันก็คลายการพันธนาการที่เย่ซิวทำไว้บนตัวของเธอแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับถูกเงาของเย่ซิวลงตราประทับแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับมีเงาของเย่ซิวประทับลงมา
หยางถิงถิงนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะท่านี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เมื่อเห็นเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับถังอวิ้น เธอก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปเพราะเธอเห็นเย่ซิวเดินเข้าไปในห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ทำให้แผลเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถือว่าถังอวิ้นเป็นเหมือนพี่สาวของตัวเอง แล้วเธอจะปล่อยให้ถังอวิ้น ‘เป็นเนื้อเข้าปากเสือ’ ไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?ขณะที่ถังอวิ้นกำลังจะปิดประตู หยางถิงถิงก็พุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่กำลังจะทำอะไร? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าลามกตัวนี้เข้ามาได้!”ถังอวิ้นหัวเราะและตอบว่า “ฉันกับคุณคนนี้มีเรื่องต้องพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”หยางถิงถิงยังคงไม่เชื่อ “จะคุยเรื่องอะไรถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ จำเป็นต้องเข้ามาในห้องพี่ ฉันบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรเขาคงเห็นว่าพี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเหมือนฉัน เลยใช้วิธีการบางอย่างหลอกล
เมื่อถังอวิ้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเย่ซิว เธอถึงกับรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยเจออะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบเห็นชายหนุ่มรูปงามมากมาย รวมถึงเจ้าชายจากต่างประเทศด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือออร่าของพวกเขา ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวได้เลยที่สำคัญเธอรู้สึกว่าเย่ซิวดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ในตอนนั้นกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนถึงแม้ถังอวิ้นจะเป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้หยางเฟิงเปิดเผยความลับหลายอย่างให้เธอรับรู้แม้กระทั่งภาพการต่อสู้ในตอนนั้น เธอก็เคยได้ดูหลังจากได้ดูภาพการต่อสู้นั้น ถังอวิ้นก็ถึงกับตื่นเต้นจนใจเต้นแรง แม้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะเติบโตในประเทศจ้านอิงตี้แต่เธอก็ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนของประเทศหลงเถิง และฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด“คุณผู้ชาย คุณดูคุ้นหน้ามากเลยนะคะ”หยางเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องคุ้นอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ฉันไม่ได้เอาภาพการต่อสู้นั้นให้เธอดูหรอกหรือ?”ร่างของถังอวิ้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็นึกอ
เย่ซิวลูบคาง พลางพินิจมองหยางถิงถิงถึงแม้ว่านิสัยจะเอาแต่ใจและมีนิสัยคุณหนูหนักอยู่สักหน่อย แต่พรสวรรค์ของเธอก็ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยแม้ว่าจะเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา เธอก็จัดว่าเป็นอัจฉริยะหากได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม เธออาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง"นาย... นายมองอะไร" ภายใต้สายตาของเย่ซิว หยางถิงถิงรู้สึกไม่สบายใจ เธอบิดตัวด้วยความกระสับกระส่าย เย่ซิวยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร และยังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอรู้ในตอนนี้รอให้มีเวลา เขาค่อยหาวิธีฝึกฝนเธอให้ดีเสียก่อนไม่นานถังอวิ้นก็กลับมา และหยางเฟิงก็กลับมาด้วยเช่นกันเย่ซิวพูดขึ้นก่อนที่หยางเฟิงจะทันได้เอ่ยปากว่า "ไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณเถอะ"หยางเฟิงพยักหน้า "เชิญตามฉันมา"ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงาน หยางเฟิงล็อกประตู แล้วหยิบแฟ้มเอกสารหนาเตอะออกมาจากตู้เซฟ ยื่นให้เย่ซิว"นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อฉัน ตอนนี้มีมูลค่ารวมประมาณสองล้านหกแสนล้านบาท ผมจะขายทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เร็วที่สุดและจะเปลี่ยนมันเป็นทองคำ"เย่ซิวเปิดอ่านเอกสารเมื่ออ่านจบ เ
เย่ซิวเดิมทีก็แค่พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เล่น ๆ เท่านั้นแต่เมื่อได้รู้ว่าเธอเรียนสาขาอะไร และไม่มีคนในครอบครัวอีก เขาจึงคิดจะดึงตัวเธอไปทำงานด้วยถังอวิ้นนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการที่เขาต้องการในทุก ๆ ด้านเธอเองก็เป็นคนจากประเทศหลงเถิงเหมือนกัน ซึ่งสถานะที่ไร้พันธะใด ๆ ของเธอนั้นดูสะอาดสะอ้านในระดับหนึ่ง เย่ซิวจึงคิดจะพาเธอกลับไปที่สำนักโอสถตอนนี้ที่นั่นกำลังขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ จึงขาดแคลนทรัพยากรบุคคลระดับสูงเมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ทั้งอลิสและถังอวิ้นต่างก็หันมามองเย่ซิวเป็นตาเดียวถังอวิ้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย ฉันทำงานที่นี่มีความสุขมากแล้วท่านประธานและครอบครัวของพวกเขาก็ดีกับฉันมาก ตอนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายออกไปค่ะ”“ผมให้เงินเดือนปีละห้าสิบล้านบาท” เย่ซิวพูดอย่างตรงไปตรงมา “และยังจะมอบบางสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงให้อีกด้วย”ถังอวิ้นเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ดูจากรูปลักษณ์ของเธอแล้ว เธอน่าจะออกกำลังกายเป็นประจำเย่ซิวสามารถช่วยเธอปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย ให้เปลี่
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” หยางถิงถิงรู้สึกไม่เชื่อในตอนแรกแต่ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นฉากตรงหน้าและตกตะลึงจนแทบอาเจียน พลางปิดปากตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?!” หยางเฟิงส่ายศีรษะ พร้อมสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตอนนี้...หลานพาเขากลับบ้านเราไปก่อน รอให้ปู่จัดการเรื่องตรงนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”“อะไรนะ?!” หยางถิงถิงถึงไม่พอใจในทันที “คุณปู่ล้อเล่นหรือเปล่าคะ? ให้หนูพาเขากลับบ้านเนี่ยนะ! นี่มันเหมือนเอาหมาป่าเข้าบ้านเลยนะคะ! คุณปู่ไม่กลัวเหรอว่าหลานสาวของคุณจะโดนไอ้หมอนี่รังแกหรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง?” หยางเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริง ก็ดีสิ” หยางถิงถิง “???” สุดท้ายหยางถิงถิงก็ถูกบังคับให้พาเย่ซิวกลับบ้าน หยางเฟิงให้เธอเลือกสองทาง คือจะพาเย่ซิวกลับบ้าน หรือจะอยู่ช่วยกันยกศพอยู่ที่นี่ หยางถิงถิงตัดสินใจเลือกทางแรกทันที เธอขับรถเอสยูวีสุดหรู โดยมีเย่ซิวกับอลิสนั่งอยู่ด้านหลัง หยางถิงถิงเงียบไปตลอดทาง ไม่หยิ่งยโสเหมือนตอนที่อยู่กับหยางเฟิงก่อนหน้านี้เลย แถมเธอยังขับรถเร็วมากด้วยเหตุผลก็มีเพียงข้อเดียว เพราะจุดที่โด
ในขณะที่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลจากทุกอณูของร่างกายตนเองหลังจากการปลดปล่อยพลังออกมา หยางถิงถิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอทำคือพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว โดยหวังจะสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมานานหยางเฟิงที่เห็นแบบนั้นถึงกับหน้าซีด รีบตะโกนห้ามปรามทันที “ถิงถิง หยุดนะ!”แต่หยางถิงถิงนอกจากจะไม่สนใจคำห้ามปรามแล้ว เธอยังเร่งความเร็วขึ้นอีก “คุณปู่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูก็แค่จะสั่งสอนเขานิดหน่อย จะไม่ทำให้ถึงตายหรอก!”หยางเฟิงได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า เขาไม่อยากมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหยางถิงถิงยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าเย่ซิวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ก่อนที่มือของเธอจะฟาดถึงใบหน้าเขา อยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกว่าเอวของเธอถูกเย่ซิวจับไว้แน่นแล้วร่างของเธอก็หมุนเคว้ง ก่อนตัวเธอจะถูกเย่ซิวหนีบไว้ใต้แขน“เพียะ!”เสียงฝ่ามือกระทบชัดเจนดังขึ้นในห้องหยางถิงถิงตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับสีตับหมูทันที พลันกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น พร้อมดิ้นรนสุดชีวิต “ไอ้บ้า! นายกล้าตีฉันเหรอ! ฉันจะสับนายเป็นพัน ๆ ชิ้น!”หยางถิง
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะสู้ชนะ แต่ก่อนหน้านั้นที่ถูกลอบโจมตี เขาก็สูญเสียคนไปถึงเกือบหนึ่งในสามเดิมทีในห้องโถงมีผู้มีพลังวิเศษมากกว่าหนึ่งพันคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้น และแต่ละคนก็ล้วนบาดเจ็บทั้งสิ้นเย่ซิวปรบมือเบา ๆ ดึงดูดสายตาของทุกคน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะพูดตามผม ใครที่ไม่พูด ก็จะลงเอยเหมือนกับศพที่กองอยู่บนพื้นตรงนี้”ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงหัวใจ หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ซิว ก็ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย พากันพูดตามอย่างว่าง่ายหยางถิงถิงในตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพปิดกั้นตัวเอง ไม่มีสติรับรู้ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ซิวตั้งใจให้พวกเขาสาบานด้วยพันธสัญญาที่ร้ายแรงที่สุดตราบเท่าที่พวกเขาคิดจะเปิดเผยสิ่งใดเกี่ยวกับวันนี้ พวกเขาจะถูกกลืนกินทันทีและเสียชีวิต ณ ที่ตรงนั้นแม้แต่หยางเฟิงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เย่ซิวไม่เชื่อใจพวกเขา หากไม่สาบาน เขายอมฆ่าทิ้งทั้งหมดเสียดีกว่าหลังจากที่พวกเขากล่าวคำสาบานกันครบแล้ว ใบหน้าของเย่ซิวจึงปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับสลายจิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนหน้าหยางเฟิงถอนหายใจโล่งอกทันที และรีบสั่งคนให้เริ่มเก
สีหน้าของแคสซี่ย์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เธอพบว่าตัวเองไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเย่ซิวได้เลยเมื่อนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวแทบไม่ต้องขยับตัว แต่กลับทำลายการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดาย ความคิดหนึ่งพลันก็ผุดขึ้นมาในหัว"หรือว่าคนที่ถูกทั่วทั้งเมืองตามล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนาย!"เย่ซิวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ปล่อยหยางเฟิงไป แล้วผมจะให้คุณได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี"แคสซี่ย์หัวเราะเย้ยหยัน "ถึงนายจะเป็นคนคนนั้น แต่แล้วจะยังไงล่ะ? ที่นี่คือสมาคมผู้มีพลังวิเศษ!อีกอย่างหยางเฟิงยังอยู่ในมือฉัน ถ้านายไม่อยากให้เขาตาย ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ แล้วอย่าขยับตัว!"เย่ซิวหยุดอยู่ห่างจากเธอสามเมตร พร้อมเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก "คุณลองเดาดูสิว่าทำไมผมถึงพล่ามเรื่องไร้สาระกับคุณมากมายขนาดนี้?""แย่แล้ว..."แคสซี่ย์เกิดความระแวดระวังขึ้นทันที โดยไม่ต้องหยุดคิดอีก เธอก็ชักมีดที่เสียบอยู่ในท้องของหยางเฟิงออกมา จากนั้นกระหน่ำแทงไปที่หัวใจของเขาอย่างแรง"พรวด!"เลือดพุ่งกระฉูดออกมาร่างของแคสซี่ย์ก็แข็งค้างอยู่ตรงนั้น เธอก้มลงมองช้า ๆ ก็พบว่าร่างกายของเธอถู
แคสซี่ย์ยกมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะกดลงอย่างแรงพร้อมพูดว่า “ลงมือซะ! ฆ่าทุกคนที่เป็นคนของหยางเฟิง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”"ฉึก ฉึก ฉึก!"เลือดพลันก็สาดกระเซ็น บางคนถูกโจมตีจากคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวและเสียชีวิตในทันทีหยางเฟิงตกตะลึงและโกรธจัด เขาอยากจะต่อต้าน แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูพี่น้องร่วมชาติของเขาถูกฆ่าไปทีละคนด้วยสายตาเจ็บปวดเขาหลั่งน้ำตาเลือด เสียใจภายหลังเหลือจะกล่าวไม่เคยคาดคิดเลยว่าแคสซี่ย์จะโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีถึงเพียงนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลในพริบตา“ไปเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องแสดงบ้างขึ้นเวทีแล้ว”เย่ซิวจับมือของอลิส เดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็นและมั่นคง พลังไร้รูปปกคลุมรอบตัวเขาในระยะสองเมตร ทำให้ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพลังวิเศษต่างๆ ล้วนถูกสะท้อนออกไปดวงตาของอลิสเปล่งประกายเจิดจ้า เธอหลงรักชายตรงหน้าอย่างหัวปักหัวปำเย่ซิวเดินไปถึงหน้าเวทีสำคัญ จับเชือกเส้นหนึ่งไว้ และส่งพลังวิญญาณอันทรงพลังและดุดันของเขาเข้าไปอย่างรุนแรงพลังนั้นเหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ไหลทะลักอย่างไม่หยุดยั้ง สร