ชูตงที่กำลังโกรธจัดเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นเป็นสองเท่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกเย่ซิวจับกดลงกับโซฟาได้อย่างง่ายดายากนั้นเธอก็ถูกกดลงบนโซฟา โดนตีไปสองที“ไอ้บ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ มันเจ็บนะ”“ถ้าไม่ปล่อย ฉันจะตะโกนแล้วนะ”“ฉันขอโทษ ประธานเมตตาฉันเถอะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”เย่ซิวยกมือขึ้นพร้อมจะลงโทษอีกครั้ง “เรียกว่าพี่เย่สิ แล้วผมจะปล่อยคุณไป”ชูตงเม้มปากแน่น เธอไม่มีวันพูดคำน่าอายแบบนั้นออกไปแน่แต่ลังเลได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เธอก็ร้องออกมาอีกครั้งเมื่อเย่ซิวทำท่าจะเอาฝ่ามือฟาดลงมา“ฉันยอมแล้ว พี่เย่ ฉันผิดไปแล้ว”รูมเมตที่ยืนดูอยู่ถึงกับตะลึง ก่อนจะคิดในใจว่าเล่นอะไรกันเนี่ยเย่ซิวปล่อยมือจากชูตง หญิงสาวกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลางลูบตรงที่ถูกเย่ซิวตี สีหน้าดูเหมือนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตามันต้องบวมแน่ ๆ แล้วถ้ามีคนเห็นจะทำยังไงดีล่ะรูมเมตกระแอมเบา ๆ “ได้เวลาไปทำงานแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันนะ”เธอรู้สึกว่าคนสองคนนี้น่าจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่อาจพูดได้แน่ ๆ เลยตัดสินใจรีบหนีไปดีกว่าชูตงมองดูสีหน้าของรูมเมตก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายย
เมื่อมาถึงบริษัท เย่ซิวดูรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปอีกชั้นหนึ่งและพบกับจวงเสี่ยวหยิงที่กำลังทำงานอยู่ตอนนี้เธอได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาสองขั้น แม้จะยังเรียนอยู่ แต่เธอก็เริ่มให้ความสำคัญกับงานมากขึ้นจนมีห้องทำงานเล็ก ๆ เป็นของตัวเองทั้งหมดนี้เป็นผลจากความสามารถของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้ใช้เส้นสายช่วยเธอเลย“พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ” จวงเสี่ยวหยิงเห็นเย่ซิวก็รีบลุกจากที่นั่งด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางร่าเริงเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “แวะมาดูว่าน้องสาวของพี่แอบอู้งานหรือเปล่าน่ะสิ”จวงเสี่ยวหยิงย่นจมูกอย่างน่ารัก “ไม่มีทางค่ะ หนูขยันจะตาย”เธอดึงเย่ซิวให้นั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะรินชาให้แล้วถามว่า “พี่มาที่นี่เพราะจะมาเจาะเลือดหนูใช่ไหมคะ”เย่ซิวพยักหน้าอย่างไม่คิดจะปิดบังอะไรเขาเจาะเลือดเธอไปหลายครั้งแล้ว และการวิจัยก็มีความคืบหน้าอย่างมากอีกแค่ครั้งเดียวก็น่าจะพัฒนาสารอาหารที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มคุณภาพของเครื่องยาสมุนไพรได้สำเร็จเย่ซิวหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากแหวนผนึกของจวงเสี่ยวหยิงนั่งลงพร้อมถลกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นผิวขาวเนียนเย่ซิวปักเข็มลงไปในเส้นเลือดข
“หนูอยาก…ลองจูบดูค่ะว่ามันจะรู้สึกยังไง”คำพูดนี้ทำเอาเย่ซิวถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่าจวงเสี่ยวหยิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเย่ซิวเธอก็รีบอธิบายทันที “คือหนูเห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าการจูบทำให้คนรู้สึกดี…แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ก็เลย…”เย่ซิวหมดคำจะพูด เขาเคาะหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนเอ่ย “เลิกเชื่ออะไรเพี้ยน ๆ จากอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สักหน่อย ตั้งใจทำงานเถอะ พี่ไปล่ะ”แม้ว่าจวงเสี่ยวหยิงจะน่ารักแค่ไหน แต่เย่ซิวก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับเธอในตอนนี้จวงเสี่ยวหยิงแอบกำหมัดแน่น “หนูไม่ยอมแพ้หรอก สักวันหนูต้องจูบพี่ให้ได้”ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ “แปลกจัง ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกกระสับกระส่ายนักนะ ไม่สบายใจเลย เหมือนกำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับฉันยังไงไม่รู้…”……ณ สนามบินทางตอนเหนือของเมืองหลวง วันนี้มีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งที่ดูแปลกตาเดินทางมาถึงพวกเขามีส่วนสูงเฉลี่ยเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรแต่ร่างกายแข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพวกเขาบางคนหวีผมแสกกลาง บางคนหวีผมเสยไปด้านหลังเรียบกริบ ทุกคนล้วนสวมชุดสูทหรูหร
เขารู้ดีว่าหัวหน้ามีรสนิยมที่วิปริต ชอบทรมานหญิงสาวที่ยังเยาว์วัยและงดงามเป็นพิเศษแต่ด้วยพลังอำนาจและสถานะอันสูงส่งของเขา ต่อให้ทำเรื่องที่เลวร้ายแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าต่อกรใบหน้าที่น่ากลัวของหัวหน้าเผยรอยยิ้มบางเบา เขาตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ “ทำได้ดีมาก ได้ยินว่านายจะแต่งงานในเดือนหน้านี้ใช่ไหม?”“ใช่ครับหัวหน้า”“งั้นก่อนจะแต่งงานก็พาแฟนนายมาหาฉัน เดี๋ยวฉันจะช่วยฝึกสอนให้เอง”ชายหนุ่มไม่ได้แสดงความโกรธเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับดีใจจนหน้าบาน “ขอบคุณครับหัวหน้า ถือเป็นวาสนาของเธอแล้วที่ได้รับการฝึกสอนจากท่าน”……เวลาเลิกงานมาถึงอย่างรวดเร็วชูตงเดินไปพลาง อ่านเอกสารในมือไปพลางเธอกำลังเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าแผนกในสัปดาห์หน้าเงินรางวัลยี่สิบห้าล้านบาทคือสิ่งที่เธอตั้งใจจะคว้ามาให้ได้จากนั้นเธอก็มาถึงหน้าตึกโดยไม่ทันรู้ตัวชูตงเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางหนึ่ง นั่นคือลิฟต์ส่วนตัวของห้องทำงานเย่ซิว“ชูตง เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาตบไหล่เธอเบา ๆ และเอ่ยถาม“ไม่มีอะไรหรอก” ชูตงส่ายหน้าเหมือนคนทำผิดแล้วถูกจับได้ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าออกจากบร
เวลาเที่ยงคืนครึ่ง เย่ซิวลืมตาขึ้นช้า ๆ ด้วยแววตาเผยประกายเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัวหลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุมพลังวิญญาณ ในที่สุดก็สามารถกดพลังลงได้อีกครั้งทำเอาเย่ซิวถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนหน้านี้เขายังพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มพลัง แต่ตอนนี้กลับต้องมากลัวว่าพลังจะเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปช่วงนี้เขาตัดสินใจจะหยุดบำเพ็ญชั่วคราวเพื่อป้องกันการทะลุระดับโดยไม่ตั้งใจเขาลุกขึ้นเทน้ำอุ่นดื่มแล้วนั่งลงบนโซฟา ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามีข้อความในโทรศัพท์จำนวนมาก เขาตอบกลับไปทีละข้อความ จนกระทั่งเห็นภาพที่ชูตงส่งมาพร้อมข้อความประกอบภาพนั้นเป็นบาร์บีคิวพร้อมข้อความว่า: ฉันกำลังกินบาร์บีคิวอยู่แหละ อิจฉาล่ะสิข้อความถูกส่งมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เย่ซิวแย้มยิ้มบาง ๆ แล้วส่งข้อความกลับไปณ ที่พักของชูตง เธอกำลังเคี้ยวเนื้อแพะอย่างไร้อารมณ์หลังจากที่เสี่ยวเหม่ยกลับมาจากการเอาซุปไปให้แฟนหนุ่มแล้ว เธอก็ซื้อบาร์บีคิวและเบียร์จำนวนมากชูตงจึงถามว่าทำไมไม่ไปอยู่กับแฟนเธอเสี่ยวเหม่ยตอบว่าแฟนเธอทำงานเป็นหัวหน้าคนงานที่ไซต์ก่อสร้าง คงไม่สะดวกเท่าไหร่หากจะให้ผู้หญิงไปอยู่ที่นั่นตอน
ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือไม่รู้ตัว แต่ข้างในนั้นเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยเย่ซิวเหลือบมองเพียงแวบเดียวก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเธอชูตงเดินเข้ามานั่งข้างเย่ซิวอย่างเป็นธรรมชาติเสี่ยวเหม่ยเปิดกระป๋องเบียร์แล้วดันไปข้างหน้าเย่ซิว “คุณผู้ชายดื่มเบียร์สักกระป๋องก่อนนะคะ ฉันขอดื่มนำก่อนแล้วกัน”พูดจบ เธอก็เงยหน้ากระดกเบียร์หมดทั้งกระป๋องในคราวเดียวชูตงเอ่ยเตือน “อย่าดื่มเร็วเกินไป เดี๋ยวจะเมาเอานะ”เสี่ยวเหม่ยหัวเราะเบา ๆ “พี่ดูถูกหนูเกินไปแล้ว หนูคอแข็งมากเลยนะ ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สามสี่คนยังสู้ไม่ได้เลย”ในเมื่อฝ่ายหญิงเปิดเกมมาขนาดนี้ เย่ซิวจึงดื่มหมดในอึกเดียวเช่นกันเสี่ยวเหม่ยปรบมืออย่างชื่นชม “สุดยอดไปเลยค่ะคุณผู้ชาย ทั้งหล่อทั้งคอแข็ง มา ๆ ๆ เล่นเกมเป่ายิ้งฉุบดื่มเบียร์กันเถอะ”ตอนแรกมีแค่เธอกับเย่ซิวเล่นกัน แต่ไม่นานชูตงก็ถูกดึงเข้ามาร่วมวงด้วย“ฉันเล่นไม่เป็นนะ”“ไม่เป็นไรพี่ชูตง เดี๋ยวหนูสอนพี่เอง ง่ายจะตายไป”หลังจากสอนอยู่ไม่กี่ครั้ง ชูตงก็เริ่มเล่นได้อย่างคล่องแคล่วแต่เธอดันคออ่อน ดื่มไปไม่กี่กระป๋องก็หน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้ม มองอะไรก็เห็นเป็นภาพซ้อนเต็มไปหมด“พี่ชูตงนี่คออ่อนเก
เสี่ยวเหม่ยยังคงยั่วยวนเย่ซิวอย่างต่อเนื่องตอนแรกเย่ซิวยังพอทนได้ แต่หลังจากถูกยั่วยวนอยู่หลายครั้งเขาก็หมดความอดทนเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก้าวยาว ๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนทันทีเสี่ยวเหม่ยที่อัดอั้นมานานบวกกับความมึนเมาทำให้เธอมีพลังเหลือล้นในช่วงชั่วโมงแรกเธอเหมือนอยู่ในสภาวะไร้สติ เคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณของร่างกายล้วน ๆแต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทว่ากลับไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอทำได้เพียงหลับตาลง พยายามไม่คิดว่าการกระทำนี้จะเป็นการทรยศคู่หมั้นของตัวเอง และทุ่มเททั้งกายและใจให้กับค่ำคืนนี้ในที่สุดหลังจากที่ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหม่ยก็นอนหอบหายใจหนักอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงเธอหันหลังให้เย่ซิว ทั้งไม่อยากและไม่กล้าหันไปมองเขาเย่ซิวเข้าใจดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเย็นจากนั้นเขาก็เดินไปดูชูตงที่กำลังนอนหลับอยู่เธอดูนอนหลับสบายมากเย่ซิวยิ้มบาง ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ ก่อนจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเดินกระเผลกไปยังห้องน้ำในห้องต
“พี่ชายที่แสนดีของหนู ปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปเถอะนะคะ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”เมื่อเห็นชูตงขอร้องอย่างจริงใจ เย่ซิวจึงยอมปล่อยเธอไปในที่สุดเธอรีบคว้าผ้าห่มมาพันตัวก่อนจะขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสลดน่าสงสาร แต่กลับเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกระดับเย่ซิวถึงกับนิ้วชี้กระตุก เลือดลมพลุ่งพล่านเสียงกระซิบในจิตใจคอยเร่งเร้าให้เขารีบคว้าผู้หญิงตรงหน้ามาครอบครองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของชูตงน่ากลัวเพียงใดแม้แต่เย่ซิวที่มีจิตใจมั่นคงยังต้องรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อชูตงเห็นสายตาดุร้ายดั่งสัตว์ป่าของเขา แม้จะหวาดกลัวในใจ แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย‘ผู้ชายคนนี้หลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้ว’แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา สีหน้าของชูตงก็เปลี่ยนไป ใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก‘ฉันคิดแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดเขาจะตาย มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ ๆ’เธอพยายามปลอบใจตัวเองราวกับสะกดจิตตัวเองเย่ซิวหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อระงับความปรารถนาในใจในขณะเดียวกัน ภาพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ผุดขึ้นมาในสมองขอ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ