เขารู้ดีว่าหัวหน้ามีรสนิยมที่วิปริต ชอบทรมานหญิงสาวที่ยังเยาว์วัยและงดงามเป็นพิเศษแต่ด้วยพลังอำนาจและสถานะอันสูงส่งของเขา ต่อให้ทำเรื่องที่เลวร้ายแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าต่อกรใบหน้าที่น่ากลัวของหัวหน้าเผยรอยยิ้มบางเบา เขาตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ “ทำได้ดีมาก ได้ยินว่านายจะแต่งงานในเดือนหน้านี้ใช่ไหม?”“ใช่ครับหัวหน้า”“งั้นก่อนจะแต่งงานก็พาแฟนนายมาหาฉัน เดี๋ยวฉันจะช่วยฝึกสอนให้เอง”ชายหนุ่มไม่ได้แสดงความโกรธเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับดีใจจนหน้าบาน “ขอบคุณครับหัวหน้า ถือเป็นวาสนาของเธอแล้วที่ได้รับการฝึกสอนจากท่าน”……เวลาเลิกงานมาถึงอย่างรวดเร็วชูตงเดินไปพลาง อ่านเอกสารในมือไปพลางเธอกำลังเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าแผนกในสัปดาห์หน้าเงินรางวัลยี่สิบห้าล้านบาทคือสิ่งที่เธอตั้งใจจะคว้ามาให้ได้จากนั้นเธอก็มาถึงหน้าตึกโดยไม่ทันรู้ตัวชูตงเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางหนึ่ง นั่นคือลิฟต์ส่วนตัวของห้องทำงานเย่ซิว“ชูตง เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาตบไหล่เธอเบา ๆ และเอ่ยถาม“ไม่มีอะไรหรอก” ชูตงส่ายหน้าเหมือนคนทำผิดแล้วถูกจับได้ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าออกจากบร
เวลาเที่ยงคืนครึ่ง เย่ซิวลืมตาขึ้นช้า ๆ ด้วยแววตาเผยประกายเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัวหลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุมพลังวิญญาณ ในที่สุดก็สามารถกดพลังลงได้อีกครั้งทำเอาเย่ซิวถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนหน้านี้เขายังพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มพลัง แต่ตอนนี้กลับต้องมากลัวว่าพลังจะเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปช่วงนี้เขาตัดสินใจจะหยุดบำเพ็ญชั่วคราวเพื่อป้องกันการทะลุระดับโดยไม่ตั้งใจเขาลุกขึ้นเทน้ำอุ่นดื่มแล้วนั่งลงบนโซฟา ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามีข้อความในโทรศัพท์จำนวนมาก เขาตอบกลับไปทีละข้อความ จนกระทั่งเห็นภาพที่ชูตงส่งมาพร้อมข้อความประกอบภาพนั้นเป็นบาร์บีคิวพร้อมข้อความว่า: ฉันกำลังกินบาร์บีคิวอยู่แหละ อิจฉาล่ะสิข้อความถูกส่งมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เย่ซิวแย้มยิ้มบาง ๆ แล้วส่งข้อความกลับไปณ ที่พักของชูตง เธอกำลังเคี้ยวเนื้อแพะอย่างไร้อารมณ์หลังจากที่เสี่ยวเหม่ยกลับมาจากการเอาซุปไปให้แฟนหนุ่มแล้ว เธอก็ซื้อบาร์บีคิวและเบียร์จำนวนมากชูตงจึงถามว่าทำไมไม่ไปอยู่กับแฟนเธอเสี่ยวเหม่ยตอบว่าแฟนเธอทำงานเป็นหัวหน้าคนงานที่ไซต์ก่อสร้าง คงไม่สะดวกเท่าไหร่หากจะให้ผู้หญิงไปอยู่ที่นั่นตอน
ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือไม่รู้ตัว แต่ข้างในนั้นเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยเย่ซิวเหลือบมองเพียงแวบเดียวก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเธอชูตงเดินเข้ามานั่งข้างเย่ซิวอย่างเป็นธรรมชาติเสี่ยวเหม่ยเปิดกระป๋องเบียร์แล้วดันไปข้างหน้าเย่ซิว “คุณผู้ชายดื่มเบียร์สักกระป๋องก่อนนะคะ ฉันขอดื่มนำก่อนแล้วกัน”พูดจบ เธอก็เงยหน้ากระดกเบียร์หมดทั้งกระป๋องในคราวเดียวชูตงเอ่ยเตือน “อย่าดื่มเร็วเกินไป เดี๋ยวจะเมาเอานะ”เสี่ยวเหม่ยหัวเราะเบา ๆ “พี่ดูถูกหนูเกินไปแล้ว หนูคอแข็งมากเลยนะ ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สามสี่คนยังสู้ไม่ได้เลย”ในเมื่อฝ่ายหญิงเปิดเกมมาขนาดนี้ เย่ซิวจึงดื่มหมดในอึกเดียวเช่นกันเสี่ยวเหม่ยปรบมืออย่างชื่นชม “สุดยอดไปเลยค่ะคุณผู้ชาย ทั้งหล่อทั้งคอแข็ง มา ๆ ๆ เล่นเกมเป่ายิ้งฉุบดื่มเบียร์กันเถอะ”ตอนแรกมีแค่เธอกับเย่ซิวเล่นกัน แต่ไม่นานชูตงก็ถูกดึงเข้ามาร่วมวงด้วย“ฉันเล่นไม่เป็นนะ”“ไม่เป็นไรพี่ชูตง เดี๋ยวหนูสอนพี่เอง ง่ายจะตายไป”หลังจากสอนอยู่ไม่กี่ครั้ง ชูตงก็เริ่มเล่นได้อย่างคล่องแคล่วแต่เธอดันคออ่อน ดื่มไปไม่กี่กระป๋องก็หน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้ม มองอะไรก็เห็นเป็นภาพซ้อนเต็มไปหมด“พี่ชูตงนี่คออ่อนเก
เสี่ยวเหม่ยยังคงยั่วยวนเย่ซิวอย่างต่อเนื่องตอนแรกเย่ซิวยังพอทนได้ แต่หลังจากถูกยั่วยวนอยู่หลายครั้งเขาก็หมดความอดทนเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก้าวยาว ๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนทันทีเสี่ยวเหม่ยที่อัดอั้นมานานบวกกับความมึนเมาทำให้เธอมีพลังเหลือล้นในช่วงชั่วโมงแรกเธอเหมือนอยู่ในสภาวะไร้สติ เคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณของร่างกายล้วน ๆแต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทว่ากลับไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอทำได้เพียงหลับตาลง พยายามไม่คิดว่าการกระทำนี้จะเป็นการทรยศคู่หมั้นของตัวเอง และทุ่มเททั้งกายและใจให้กับค่ำคืนนี้ในที่สุดหลังจากที่ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหม่ยก็นอนหอบหายใจหนักอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงเธอหันหลังให้เย่ซิว ทั้งไม่อยากและไม่กล้าหันไปมองเขาเย่ซิวเข้าใจดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเย็นจากนั้นเขาก็เดินไปดูชูตงที่กำลังนอนหลับอยู่เธอดูนอนหลับสบายมากเย่ซิวยิ้มบาง ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ ก่อนจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเดินกระเผลกไปยังห้องน้ำในห้องต
“พี่ชายที่แสนดีของหนู ปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปเถอะนะคะ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”เมื่อเห็นชูตงขอร้องอย่างจริงใจ เย่ซิวจึงยอมปล่อยเธอไปในที่สุดเธอรีบคว้าผ้าห่มมาพันตัวก่อนจะขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสลดน่าสงสาร แต่กลับเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกระดับเย่ซิวถึงกับนิ้วชี้กระตุก เลือดลมพลุ่งพล่านเสียงกระซิบในจิตใจคอยเร่งเร้าให้เขารีบคว้าผู้หญิงตรงหน้ามาครอบครองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของชูตงน่ากลัวเพียงใดแม้แต่เย่ซิวที่มีจิตใจมั่นคงยังต้องรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อชูตงเห็นสายตาดุร้ายดั่งสัตว์ป่าของเขา แม้จะหวาดกลัวในใจ แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย‘ผู้ชายคนนี้หลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้ว’แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา สีหน้าของชูตงก็เปลี่ยนไป ใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก‘ฉันคิดแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดเขาจะตาย มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ ๆ’เธอพยายามปลอบใจตัวเองราวกับสะกดจิตตัวเองเย่ซิวหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อระงับความปรารถนาในใจในขณะเดียวกัน ภาพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ผุดขึ้นมาในสมองขอ
เสี่ยวเหม่ยตกใจ และพูดอย่างรวดเร็วว่า "เปล่า เรากำลังคุยกันว่าคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่"“ไร้สาระ ใครจะอยากอยู่กับคนเลวคนนี้ล่ะ” จู่ ๆ ชูตงก็หน้าแดงขึ้นมา“งั้นเหรอ?” เสี่ยวเหม่ยมองเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือมากพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า“แน่นอนอยู่แล้ว”ชูตงเบี่ยงสายตาไปอย่างร้อนตัว ขายาวทั้งสองข้างก้าวไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีเพื่อบรรเทาความกระอักกระอ่วน“สวัสดีทุกคน ผมอากิตะ อิจิโร่จากประเทศอ่ายเหรินครับ”ทันทีที่เปิดทีวี ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาดุร้ายและเสียงหยาบกร้านก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ดึงดูดความสนใจของเย่ซิวได้ยินเพียงชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ผมเป็นหัวหน้าของโรงฝึกเคนโด้จากประเทศอ่ายเหริน การมาเยือนหลงเถิงในครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอื่นใด เพียงแต่ได้ยินมาว่าที่นี่คือต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์ดังนั้นผมจึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับยอดฝีมือทุกท่านเสียหน่อยอย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยต้นกำเนิดของวิชายุทธ์ควรเป็นประเทศอ่ายเหรินของเราถึงจะถูกเพราะมันถูกถ่ายทอดจากประเทศอ่ายเหรินมายังประเทศหลงเถิงเมื่อสามพันกว่าปีก่อนบนเส้นทางวรยุทธ์ ประเทศอ่ายเหรินควรจะ
เย่ซิวจะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ต่อไปเมื่อเย่ซิวมาถึงห้องทำงานของเขา เขาก็เปิดประตูและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสาวออฟฟิสกำลังก้มลงไปทำความสะอาดโต๊ะของตัวเองเธอมีรูปร่างที่ดีมาก เสื้อผ้าของเธอก็รัดแน่นเมื่อเธอโน้มตัวลงมา ทำให้เกิดส่วนโค้งที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นก็หันกลับมาและยิ้มให้เย่ซิวเบา ๆ "สวัสดีค่ะท่านประธาน"เย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่นก็คือหลัวฮุ่ยหมิ่น ซึ่งก็เป็นอาของหลัวอีอีรอยยิ้มของหลัวฮุ่ยหมิ่นไม่เปลี่ยนแปลง "ตอนนี้ฉันเป็นเลขาของคุณแล้ว คุณจะออกคำสั่งอะไรกับฉันก็ได้"ในคำพูดแฝงไว้ด้วยคำใบ้ที่เร้าใจ“เลขาเหรอ? ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้?”“ประธานเซี่ยสัมภาษณ์ฉันเป็นการส่วนตัว เธอบอกว่าคุณต้องการเลขาอยู่ข้าง ๆ หนึ่งคน”เย่ซิวเดินไปที่ที่นั่งของเขาแล้วนั่งลง "ด้วยสถานะและความสามารถของคุณ การเป็นเลขาของผมจะเสียดายความสามารถเกินไปหน่อย"“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ” หลัวฮุ่ยหมิ่นหัวเราะเบา ๆ "มีคนนับไม่ถ้วนที่ชิงกันเพื่อให้ได้เข้ามาที่นี่อย่างหัวหกก้นขวิด รวมทั้งตัวฉัน
สุดท้ายเขาก็เหยียบหน้าอีกฝ่ายด้วยเท้า แล้วยกนิ้วกลางไปที่กล้องตัวหนึ่ง“อ่อน ๆ ๆ อ่อนแอเกินไปแล้วจริง ๆ ยังไม่ทันจะได้อุ่นเครื่องก็ถูกฉันล้มแล้ว ยังจะมีใครขึ้นมาสู้กับฉันอีกไหม!”ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกปล่อยออกมา ก็ยิ่งทำให้เกิดความโกลาหลปั่นป่วนชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและ ต่างพากันทิ้งข้อความประณามไว้ด้านล่าง“จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินทำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนชี้แนะกันเฉย ๆ แท้ ๆ ถึงกับลงมือกะให้ตาย มิหนำซ้ำยังทำให้มือและเท้าของเขาพิการอีกด้วย”“ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการใช้เท้าเหยียบหน้าของเขา นี่เป็นการตบหน้าคนทั้งประเทศเราชัด ๆ”……สื่อหลายแห่งยังวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือดมากแต่คนจากประเทศอ่ายเหรินกลุ่มนั้นไม่แยแสเรื่องนี้แม้แต่น้อยยิ่งพูดมาอย่างหยิ่งยโสว่า "ถ้าพวกคุณเอาชนะเราไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถส่งกองทัพมาปราบพวกเราได้นะ!"คำพูดนี้เรียกได้ว่าหยิ่งอย่างถึงที่สุดแต่ประเทศหลงเถิงย่อมไม่สามารถทำเช่นนี้ในฐานะมหาอำนาจ ถ้าแม้แต่ความอดกลั้นแค่นี้ยังไม่มี จะต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนยิ่งจะถูกประเทศศัตรูใส่ร้าย
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ
“คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามา...ช่วยด้วย...กรี๊ด!!”เสียงกรีดร้องของน่าอีถูกเสียงกึกก้องของกระแสโลหิตที่พลุ่งพล่านภายในร่างของเย่ซิวกลบจนสิ้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมอบร่างกายในสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้เธอเหมือนใบไม้ไหวระริกกลางมหาสมุทรเดือดพล่าน ไร้หลักยึดเหนี่ยว พร้อมจะจมหายไปได้ทุกเมื่อเย่ซิวในขณะนี้กำลังต้องควบคุมสองวิชายุทธไปพร้อมกัน หนึ่งคือเก้าวัจนะลึกลับ อีกหนึ่งคือวิชาโลกีย์หลอมเซียนก็เพียงเพื่อให้ตนสามารถบำเพ็ญเพียรต่อไปได้โชคดีที่เส้นทางเดินลมปราณของทั้งสองวิชายุทธนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มิเช่นนั้น ครั้งนี้คงถึงจุดจบแล้วจริง ๆตู้ม!ไม่รู้ว่านานเท่าไร จู่ ๆ พลังของเย่ซิวก็พุ่งทะยานสู่ฟ้าโลหิตของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจากกระหม่อมมีเสาเลือดพุ่งพรวดออกไป ทะลุผ่านเวิ้งฟ้า พุ่งสู่ชั้นบรรยากาศเหนือโลกบังเอิญทำลายดาวเทียมลาดตระเวนที่เพิ่งถูกปล่อยจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอย่างจัง“นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของเก้าวัจนะลึกลับขั้นแรกอย่างนั้นหรือ?”เย่ซิวก้มมองร่างกายของตนเอง เขายังอดตกตะลึงกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้ผิวกายกลายเป็นสีทองอ่อนหากมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีพลังลี้ลับบ
ศาสตร์การบ่มเพาะกายของเผ่าวู อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งใต้หล้าเย่ซิวสงบลงอย่างรวดเร็วสิ่งที่จารึกไว้บนนี้ยังไม่สมบูรณ์ มีเพียงสองระดับแรกเท่านั้นหลังจากจดจำเนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว เย่ซิวก็หันไปมองน่าอี “แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?”ใบหน้าของน่าอีเต็มไปด้วยความสิ้นหวังนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แต่กลับถูกเย่ซิวพบเข้า ความรู้สึกอยากตายผุดขึ้นมาแน่นอนว่าความคิดนี้เพียงแวบผ่านไปเท่านั้นมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว“ฉันเจอมันในดินแดนบรรพชน ข้างในอันตรายมาก ฉันไม่กล้าเข้าไปลึกกว่านี้”เย่ซิวรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขาใช้นิ้วแตะจุดพลังบนร่างของน่าอีหลายครั้ง ผนึกระดับพลังของเธอไว้ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนมาฝึกฝนวิชาเก้าวัจนะลึกลับวิชานี้ทรงพลังยิ่งกว่าวิชาวัชระคงกระพันที่เขาเคยฝึกมานับไม่ถ้วนเท่าเหมือนกับความแตกต่างระหว่างมังกรแท้กับไส้เดือนเมื่อทบทวนเนื้อหาของวิชาเก้าวัจนะลึกลับในหัวเสร็จ เย่ซิวก็ใช้นิ้วแตะลงบนจุดชีพจรสิบแปดแห่งบนร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า“ตึก! ตึก! ตึก!”หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เลือดล
“ฉันบอกชื่อของมันไม่ได้…” น่าอีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเย่ซิวที่เข้มข้นขึ้นจึงรีบอธิบายทันที“สัตว์เทพนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด ถ้ามีใครเอ่ยนามของมันออกมา มันจะรับรู้ได้ทันทีถ้าฉันพูดออกไป มันจะรู้ว่าฉันทรยศประเทศวูทันที ฉันต้องตายแน่”เย่ซิวรู้สึกแปลกใจบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ด้วยเหรอ?ท่าทางของน่าอีดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เย่ซิวจึงเปลี่ยนคำถาม “ในประเทศวูมีคนที่อยู่ระดับสร้างรากฐานปราณขึ้นไปกี่คน แล้วมีระดับจินตานไหม?”ส่วนระดับวิญญาณก่อกำเนิดน่ะไม่ต้องถามหรอกถ้ามีคนระดับนั้นจริง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลาวางแผนอะไรให้ยุ่งยากและใช้พลังเข้าจัดการเย่ซิวโดยตรงไปแล้ว“เท่าที่ฉันรู้ ระดับสร้างรากฐานปราณมีมากกว่าสี่สิบคน ส่วนระดับจินตานมีหกคน”สีหน้านายเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่?เย่ซิวจึงถามต่อ “พวกเขาทะลวงระดับกันตอนไหน?”“ส่วนใหญ่ก็ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี่แหละ”เย่ซิวเข้าใจได้ทันทีคงเป็นเพราะช่วงครึ่งปีมานี้มีรอยแยกของผนึกมากขึ้นเรื่อย ๆเลยทำให้คนสามารถทะลวงระดับได้มากขึ้นไปด้วยคนภายนอกจะมีใครรู้เรื่องนี้
คำพูดของเธอฟังดูมีเหตุมีผล ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อยถ้าเย่ซิวไม่ได้รับข่าวล่วงหน้ามาก่อน ก็คงอาจจะหลงเชื่อไปแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเล่นเกมจิตวิทยากับผู้หญิงคนนี้ จึงถามออกไปตรง ๆ “ประเทศวูของพวกเธอทำไมถึงต้องการเล่นงานฉัน ถึงขั้นให้นายพลในประเทศอวี้เจียวส่งขีปนาวุธมาโจมตี”ทันทีที่พูดจบ แววตาของน่าอีก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่จิตใจของเธอแข็งแกร่งพอสมควรใช้เวลาแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น เธอก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดจนสงบ จากนั้นก็ทำสีหน้าสับสนเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย “นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้หรอก นายพลคนนั้นเป็นพวกเดียวกับพวกเธอฉันจะบอกเธอให้รู้เอาไว้ ฉันก็มีสายลับของตัวเองในประเทศวูเหมือนกันฉันมาดักรอเธอที่นี่โดยเฉพาะ ถ้าเธอยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ซะตั้งแต่ตอนนี้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตรอดได้”คราวนี้น่าอีช็อกหนักกว่าเดิมเธอไม่เข้าใจเลยว่าเย่ซิวรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?จนเธอเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “อย่าบอกนะว่านายใช้ศาสตร์พยากรณ์ได้?”“ศาสตร์พยากรณ์อะไร?”สีหน้าของน่าอีเปลี่ยนไปทันที เมื่อรู้ตัวว่าพลาดแล้วเธ