เธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นบิดเอวเซ็กซี่แล้วเดินเข้าไปข้างในนั้นถ้าเย่ซิวมองเธอ เขาก็จะเห็นตั้งแต่แวบแรกว่าลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยเมื่อเข้าไปในห้องนอน หลัวฮุ่ยหมิ่นก็ปิดประตูแล้วถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกเสื้อผ้าชุดนี้ของเธอมีลูกเล่นซ่อนอยู่ มันคือชุดที่ใส่ได้สองด้านด้านนี้เป็นชุดเดรสสีดำดูสง่างาม ส่วนอีกด้านเป็นกระโปรงสั้นสีขาวพร้อมด้วยดีไซน์เก๋ ๆ หลายอันพลิกเสื้อผ้ากลับด้านแล้ว อารมณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่สวมใส่จากเลขาสาวผู้สง่างาม พริบตาต่อมาเธอก็กลายเป็นสาวสวยหุ่นร้อนแรงแม้ว่าตอนนีั้เธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเธอก็เหมือนแต่งงานแล้วอย่างไรอย่างนั้นหลังจากส่องกระจก หลัวฮุ่ยหมิ่นก็เดินออกไปอย่างพึงพอใจมากในเวลานี้เย่ซิวได้ตรวจสอบข้อมูลเสร็จแล้วเมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นหลัวฮุ่ยหมิ่นเดินออกมากระโปรงสั้นนั้นโชว์หุ่นสุดร้อนแรงของเธอขาเรียวยาวคู่หนึ่ง แต่ก็มีเนื้อนวลทว่าไม่อ้วนมาก กำลังพอดี ดูแล้วนุ่มเด้งและขาวมากเมื่อเห็นสายตาของเย่ซิวที่เพ่งความสนใจมา หลัวฮุ่ยหมิ่นก็หมุนตัวเป็นวงกลม กระโปรงของเธอปลิวว่อนดังที่ทุกคนก็ทราบก
คนที่เคาะประตูอยู่ด้านนอกคือหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง อายุราวสี่สิบกว่าและมีหัวล้านหลังจากได้รับอนุญาตจากเย่ซิว เขาก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป“ประธานครับ มีข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรที่คุณกำลังมองหาแล้วครับ”เย่ซิวโน้มตัวไปข้างหน้า "บอกฉันมาเร็วว่ามันอยู่ที่ไหน"พักนี้การระงับพลังของตัวเองไว้นั้นทำให้เขาลำบากมาก ถ้าสามารถทะลวงระดับไปได้เร็วยิ่งขึ้น เขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วเร่งการบำเพ็ญตน ให้ความแข็งแกร่งพุ่งสูงขึ้นได้รวดเร็วอีกครั้ง“มันอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งหนึ่งครับ คนของเราสอบถามและได้รู้มาจากปากของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเคยเห็นพืชที่คล้ายกันนี้บนภูเขาแต่เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปในภูเขานั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ว่ากันว่าข้างในมีทั้งงูพิษและสัตว์ร้ายมากมายข้างในนั้น จึงไม่มีใครกล้าเยื้องย่างเข้าไป”หลัวฮุ่ยหมิ่นซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ สงบลงแล้วหลังจากความตื่นตระหนกในตอนแรกเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเห็นคางของเย่ซิวทันใดนั้น เธอก็นึกถึงวิดีโอที่ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกดเล่นตอนที่อีกฝ่ายสอนเธอ ฉากนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ทุกประการหัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อ
ดวงตาของหลัวฮุ่ยหมิ่นสว่างจ้า "จริงเหรอ? คุณจะหลอกกันไม่ได้นะ"เมื่อเธอทำตัวออดอ้อน พลังทำลายของมันนับว่ามหาศาลมากเย่ซิวยิ้มและพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้ว่าไม่ควรจะทำตัวติดกับเย่ซิวมากเกินไป มิฉะนั้นความสดใหม่จะหายไปหลังจากนั้นในเวลาไม่นานหนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายวัยกลางคนก็มาที่ห้องทำงานของเย่ซิวอีกครั้ง และบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วเย่ซิวลุกขึ้นและออกไป มาที่โรงรถแล้วโทรหาชูตง“ทำไมคุณถึงโทรหาฉันในเวลาทำงานล่ะ”โทนเสียงของชูตงนั้นแข็งทื่อมากแต่เย่ซิวสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้จงใจ ไม่แน่ในขณะนี้เธออาจจะลั้นลาอยู่ในใจก็ได้“มาที่โรงรถชั้นใต้ดินแล้วออกไปทํางานนอกสถานที่กับผม”“ฉันไม่ไป วันมะรืนนี้ก็จะสอบแล้ว ฉันงานยุ่งมาก”“ค่าทํางานนอกสถานที่คือห้าหมื่นบาทต่อวัน” เย่ซิวเสนอ โยนไพ่ตายออกไปโดยตรง“รับทราบค่ะท่านประธาน กรุณารอสักครู่นะคะ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”ทัศนคติของชูตงเปลี่ยนไปในทันที หลังจากวางสาย เธอก็รีบเก็บข้าวของและวิ่งไปหาเซี่ยซิ่วซิ่วเพื่อแจ้งให้เธอทราบเดิมทียังคิดว่าเซี่ยซิ่วซิ่วจะโกรธ คิดไม่ถึงเธอแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร สีหน้านั
กลิ่นอายความเป็นชายตีมากระทบใบหน้า หัวใจของชูตงเต้นรัวราวกับมีลูกกวางวิ่งเข้าชน มือทั้งสองข้างกอดอกไว้แน่น เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คุณ คุณ คุณ...คุณจะทำอะไร รีบ ๆ ไปเลย ถ้าถูกคนเห็นเข้า จบเห่แน่”เธอไม่คิดว่าเย่ซิวจะใจกล้าถึงขนาดนี้จริง ๆ ถึงกับกระโจนจากเบาะคนขับมายังเบาะฝั่งข้างคนขับแบบนี้เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก ถ้ามีคนมาเห็นฉากนี้จริง ๆ ได้แย่แน่ ต่อให้ตัวเองมีปากขึ้นเต็มตัวก็ไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้แล้วเย่ซิวมองเธออย่างครอบงำ "ดังนั้นคุณจะรับมันไว้หรือไม่ยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับ ผมจะจัดการคุณในรถตอนนี้เลย"“ฉันรับ ฉันรับแล้วโอเคหรือยังล่ะ” ชูตงใกล้จะร้องไห้แล้ว ผู้ชายคนนี้เผด็จการอย่างวิปริตจริง ๆ เขาข่มขู่คนแบบนี้ได้ยังไงจากนั้นเย่ซิวก็ถอยห่างจากเธอ กลับไปนั่งยังตำแหน่งเดิมแล้วพูดกับเธอว่า “คุณจำเป็นต้องสวมจี้หยกนี้ไว้ตลอดเวลา เข้าใจที่พูดไหม?"ชูตงสวมจี้หยกไว้บนคอขาวราวหิมะของเธอ กลอกตาแล้วพูดกับเขาด้วยความโกรธ "รู้แล้ว รู้แล้ว"แต่ในใจกลับหวานหยด เปี่ยมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าความสุขผู้หญิงทุกคนชอบผู้ชายที่ครอบงำและชอบถูกครอบงำ เธอเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นชูจ
ในเมื่อเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ย่อมไม่อาจมามือเปล่าได้ตอนนี้เองก็มีชายในชุดสูทหกหรือเจ็ดคนเดินออกมาด้วย คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของบริษัทซึ่งถูกส่งมาประจำอยู่ที่นี่แม้ว่าชูตงจะสับสนงงงวย แต่ก็ไม่ซักถามอะไรให้มากความอีก เธอเพียงแต่ตามหลังคนสองสามคนนั้นเพื่อไปแจกจ่ายสิ่งของเมื่อผู้อาวุโสเหล่านี้ได้ยินว่ามีของแจกฟรี แต่ละคนก็พากันยิ้มร่าปกติที่นี่จะครึกครื้นก็ต่อเมื่อถึงช่วงตรุษจีนเท่านั้น ในวันธรรมดาผู้อาวุโสกลุ่มนี้จะเหงาหงอยและโดดเดี่ยวกันมากการมาถึงของเย่ซิวและคนอื่น ๆ อาจกล่าวได้ว่าได้นำชีวิตชีวามาให้กับหมู่บ้านที่เงียบเหงาแห่งนี้เมื่อชูตงเห็นการรอยยิ้มของผู้อาวุโสเหล่านี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ บางครั้งที่มองไปทางเย่ซิวก็รู้สึกว่ามุมมองที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปผู้ชายคนนี้แตกต่างจากคนอื่นจริง ๆแน่นอนว่ายังมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือล้วนแต่เป็นพวกมักมากเหมือนกันขณะที่กำลังแจกของได้ครึ่งทาง เด็ก ๆ เหล่านั้นก็เลิกเรียนแล้วเย่ซิวเดินไปหยิบเครื่องเขียน ลูกอม และขนมจำนวนมากออกมาจากท้ายรถ และแจกจ่ายให้กับเด็กกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาล้อมรอบเขาชายใน
“โอ้ ผู้อาวุโส คำพูดนี้หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” เย่ซิวเผยสีหน้าสงสัยใบหน้าของปู่ของเสี่ยวหนานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับหวนนึกถึงความทรงจำที่เลวร้ายเหล่านั้นขึ้นมาได้ ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปหมดแต่เพื่อห้ามไม่ให้เย่ซิวเข้าไปในภูเขา เขาจึงกัดฟันเล่าเรื่อง "เมื่อกว่าสองปีที่แล้ว ฉันได้พาเสี่ยวหนานขึ้นเขาเพื่อไปเก็บสมุนไพรตอนที่กำลังจะลงจากภูเขา ก็ได้ยินเสียงที่น่ากลัวเหมือนเสียงของหมาป่า แต่แหลมคมยิ่งกว่าทันทีที่ฉันได้ยินเสียงนี้ ต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำค้างแข็งโชคดีที่ตอนนั้นเราหนีออกมาได้เร็ว ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหนานและฉันอาจจะตายไปแล้วต่อมาหลายคนขึ้นเขาไปและก็ได้ยินเสียงนี้เหมือนกัน แถมยังมีหลายคนที่ไม่รอดชีวิตกลับมาสถานที่นั้นจึงกลายเป็นเขตหวงห้ามและไม่มีใครกล้าขึ้นไปที่นั่นอีกพ่อหนุ่มเอ๋ย ฉันขอแนะนำเธอ อย่าได้ไปเสี่ยงเลย เธอยังเด็กมากขนาดนี้ อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่นเด็ดขาด”ชูตงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น "คุณปู่คะ มันน่ากลัวอย่างที่คุณพูดจริง ๆ เหรอ?"“จริงแท้แน่นอนค่ะ” เสี่ยวหนานที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าหงึกหงัก "ตอนนั้นมันน่ากลัวจริง ๆ พี่ชายพี
เสียงฟุ่บดังส่งมา ปลาก็บินขึ้นจากน้ำและตกลงบนฝ่ามือของเขา พยายามดิ้นสู้ไม่หยุด“ว้าว!” เสี่ยวหนานตะลึงงันไปหมดแล้ว ดวงตาราวอัญมณีของเธอเบิกกว้าง “ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนื่ย?”แต่เมื่อเธอเห็นปลาที่มีชีวิตชีวากำลังดิ้นอยู่ในมือของเย่ซิว เธอก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มองไปที่เย่ซิวด้วยความชื่นชมและอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก“พี่ชาย คุณเป็นเทพเซียนหรือเปล่าคะ?”“เปล่า ก็แค่กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของจอมยุทธ์เท่านั้นเอง” เย่ซิวพูดขณะที่เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเสี่ยวหนาน“คืนนี้รอจนปู่และย่าของเธอหลับไปแล้ว เราแอบมารวมตัวกันที่นี่แล้วเธอพาฉันขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรได้ไหม”ความหวาดกลัวฉายผ่านดวงตาของเสี่ยวหนาน เธอส่ายหัวพรืดโดยสัญชาตญาณ "ที่นั่นน่ากลัวมากนะคะ ฉันไม่กล้าเข้าไปหรอก"เย่ซิวมองไปรอบ ๆไม่ไกลนักมีแท่นหินโม่ขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหนึ่งเมตรครึ่งอยู่เขาก้าวไปข้างหน้าและยกหินโม่นั้นขึ้นด้วยมือเดียวจากนั้นเขาก็โยนมันขึ้นมาสองสามครั้งแล้ววางมันกลับลงที่ตำแหน่งเดิมอย่างเบามือ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาทั้งนั้นปากของเสี่ยวหนานอ้ากว้างเป็นรูปตัวโอ“ตอนนี้พาฉันไปที่น
ศีรษะเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากข้างในห้องแล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ จากนั้นเธอก็แอบย่องไปที่สวนหลังบ้าน เมื่อเห็นเย่ซิ่วยืนอยู่ตรงนั่น เธอก็ตะโกนเบา ๆ ว่า “พี่ชาย”เย่ซิวหันกลับมาและโบกมือให้เธอ "ไปกันเถอะ"“ฉันก็จะไปด้วย”ตอนนี้เองที่สาวน้อยชูตงก็วิ่งออกมา ก่อนหน้านี้เธอก็ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันเย่ซิวส่ายหัวปฏิเสธ "คุณไปไม่ได้ อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังเถอะ"“ทำไมฉันจะไปไม่ได้” ชูตงพูดอย่างโกรธขึ้ง “ตอนเด็ก ๆ ฉันน่ะเคยขึ้นเขาบ่อย ๆ จะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณแน่นอน”“เสี่ยวหนานกับผมจะไปทำธุระสำคัญกัน คุณจะตามเรามาด้วยทำไม? อีกอย่างผมพาไปด้วยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”หลัก ๆ คือเย่ซิวกลัวว่าหากมีเรื่องที่ตึงมือเกิดขึ้นบนภูเขา การที่เขาคนเดียวต้องปกป้องคนสองคน ค่อนข้างยุ่งยากเกินไปสักหน่อย“ฉันไม่ต้องให้คุณพาไปหรอก ฉันไปเองได้”เย่ซิวมองเธอด้วยความแปลกใจ วันนี้ผู้หญิงคนนี้ทำตัวแปลกไปหน่อยทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา "คุณเป็นห่วงผมเหรอ?"“ใคร...ใครเขาเป็นห่วงคุณ ไอ้คนหลงตัวเอง” ร่องรอยของความตื่นตระหนกแวบผ่านดวงตาของชูตง จากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นไร้เหตุผล "ฉันแค่อยากรู้ว่ามีปีศาจ
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ