สัตว์วิญญาณตัวนั้นหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว และเห็นเย่ซิวทันใดนั้น แรงกดดันที่มองไม่เห็นสายหนึ่งก็กดทับลงมา ทำให้เกราะวิญญาณที่กางอยู่ข้างนอกสั่นอย่างต่อเนื่อง“พี่ชายเรารีบหนีกันเถอะค่ะ เจ้าตัวใหญ่นี่น่ากลัวมาก” เสียงของเสี่ยวหนานสั่นเทา เธอไม่กล้ามองไปที่เจ้าตัวใหญ่นี้เลยเย่ซิวมองไปที่สัตว์วิญญาณซึ่งกำลังเดินมาหาเขาด้วยสายตาที่เคร่งขรึมอย่างยิ่ง "ดูออร่าจากบนตัวมันที่หนายิ่งกว่าของฉัน เกรงว่าคงใกล้ทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานแล้ว!"สัตว์วิญญาณแตกต่างจากมนุษย์พวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า และความสามารถในการกักเก็บพลังวิญญาณไว้ในร่างกายก็ยิ่งมหาศาลนี่เป็นข้อได้เปรียบตามธรรมชาติเย่ซิวประเมินว่าถ้าเขาต่อสู้กับเจ้าตัวนี้ ทั้งสองฝ่ายจะพ่ายแพ้ย่อยยับแน่นอนทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา ก่อนอื่นเขาใช้มือซ้ายแตะไปที่หลังของเสี่ยวหนานเบา ๆ เธอก็หลับไปทันที ชี้นิ้วที่สวมแหวนผนึกของลงไปที่พื้น แสงสว่างวาบ จากนั้น...ทุกอย่างก็เงียบกริบเย่ซิวหยิบเตียงน้ำแข็งออกมาสัตว์วิญญาณตัวนี้เป็นธาตุน้ำแข็งเหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่ายังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างไอเย็นที่ปลดปล่อยออกมาจาก
เย่ซิวนั่งลงยอง ๆ พิจารณาสมุนไพรวิญญาณต้นนี้อย่างละเอียดรูปร่างมันเหมือนกับเสวียนอู่ทุกประการ ยกเว้นมีส่วนเล็ก ๆ ของหางที่ยังไม่งอกออกมาเมื่อหางงอกออกมา สมุนไพรวิญญาณต้นนี้ก็จะโตเต็มที่ในความเป็นจริง ทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งเสี่ยวปิงจะมาหยดเลือดของตัวเองลงบนสมุนไพรสองสามหยด เพื่อกระตุ้นให้มันโตเร็วยิ่งขึ้นเย่ซิวดูออกว่าสมุนไพรต้นนี้ขาดอีกแค่ก้าวเดียวแล้ว ดังนั้นเขาจึงเทน้ำพุวิญญาณลงไปจากนั้นส่วนสุดท้ายก็งอกออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตอนนี้เย่ซิ่วจึงขุดมันออกมาอย่างระมัดระวัง และเก็บมันเข้าไปในแหวนผนึกของเช่นนี้สมุนไพรวิญญาณทั้งห้าก็มาอยู่ในมือแล้ว หลังจากกลับไปเขาก็สามารถทะลวงระดับได้แล้วตราบเท่าที่ก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มันก็จะเป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงถึงตอนนั้นเขาก็สามารถไปดูที่ประเทศจ้านอิงได้แล้วไปดูประเทศที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลกนี้ว่าได้แอบบ่มเพาะยอดฝีมือเอาไว้มากน้อยเท่าไหร่หลังจากเสี่ยวปิงดื่มน้ำพุวิญญาณถ้วยใหญ่เสร็จ ลมปราณของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก“แกย่อขนาดร่างกายให้เล็กลงได้รึเปล่า?” เย่ซิวมองมันแล้วถามเสี่ยวปิงส่งเสียงคำร
ตอนนี้ไม่อยากจะคิดมากเกี่ยวกับสิ่งอื่นใดอีกทุกอย่างล้วนสุกงอมตามเวลาอันสมควรเดิมทีเย่ซิวยังระมัดระวังเล็กน้อย ท้ายที่สุดชูตงยังไม่มีการบำเพ็ญตน ร่างกายย่อมเปราะบางมากและไม่อาจทนต่อการทรมานของเขาได้อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเย่ซิวก็พบว่าความคิดของตัวเองผิดถนัดเธอมีร่างกายที่พิเศษจริง ๆ และมีพลังอย่างหนึ่งซึ่งอธิบายไม่ได้ทำให้เธอสามารถสู้กับเย่ซิวได้โดยที่ไม่เสียเปรียบสักนิดสิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือ พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพลังวิญญาณที่ไหลผ่านกล้ามเนื้อและเส้นเลือดในร่างกายของเขา ประดุจดั่งแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ทั้งกว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดเย่ซิวบีบอัดพลังไม่หยุด บีบอัดและบีบอัดอีกครั้งหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดมันก็มาถึงจุดที่ไม่อาจบีบอัดได้อีกต่อไปเย่ซิวออกจากตัวของชูตง ห่มผ้าให้เธอแล้วกระซิบเสียงเบาว่า "เป็นเด็กดีรออยู่ที่นี่นะ ผมจะจากไปสักพัก อาจจะหนึ่งหรือสองวันหรือสามถึงห้าวัน ผมจะไม่เป็นไร คุณแค่รอผมอยู่ที่นี่ก็พอ เข้าใจไหม?"ชูตงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "ฉันเข้าใจแล้วค่ะ รักคุณนะ"เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งมีผู้ชายบางคนอยู่ในหัวใจ ท่าท
“ประเทศใหญ่ขนาดนี้ ที่ต่อสู้ได้กลับไม่มีสักคน แบบนี้ยังกล้าอ้างตัวว่าเป็นแดนต้นกำเนิดของจอมยุทธ์ ถุย!”ภายใต้กล้อง จอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินคนหนึ่งมีสีหน้าเย่อหยิ่ง เขาพูดจาโอหังมากฉากดังกล่าวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศและแม้แต่ทั่วโลกประเทศหลงเถิงทั้งหมดล้วนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆที่มืดสนิทนี่เป็นความอัปยศอย่างแท้จริงชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วน ทยอยกันคำรามออกมาด้านล่างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สำคัญทั้งหมด: “ประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราจะถูกประเทศเล็ก ๆ แบบนี้รังแกได้ยังไง”: “หรือว่าไม่มียอดฝีมือเร้นกายคิดออกมาปราบปรามความเย่อหยิ่งของพวกเขาเลยเหรอ?”: “ฉันยินดีบริจาคเงินเดือนหนึ่งเดือนของฉัน เป็นค่าหัวในการล้มพวกเขา”: “อ้า ๆ ๆ ถ้าฉันมีความสามารถนะ ฉันจะขึ้นไปสู้ด้วยตัวเองแน่นอน โคตรเกลียดพวกเขาเลย”……เมื่อเวลาผ่านไป ชาวหลงเถิงยิ่งรู้สึกอัดอั้นใจมากขึ้นเรื่อย ๆแต่ไม่มีทางอื่น ปัจจุบันไม่มีใครสามารถต่อกรกับพวกเขาได้จริง ๆในเวลาเดียวกัน เซี่ยซิ่วซิ่วได้เรียกผู้หญิงหลายคนมาที่ชั้นบนสุดของบริษัทสตาร์รี่สกายลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ยังมีเสวี่ยเหมย ไป๋อวี้เจี๋ยรวม
หัวหน้าจ้องมองด้วยสายตาเจิดจ้าทรงพลัง ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เหลือเชื่อจริง ๆ ที่ครั้งนี้กลับมีหญิงงามระดับนี้ปรากฏตัวพร้อมกันมากมายขนาดนี้ เยี่ยมมาก คืนนี้พวกเธอต้องมาอยู่บนเตียงของฉันให้ได้”บรรดานักข่าวพากันถ่ายรูปเซี่ยซิ่วซิ่วกับคนอื่น ๆ อย่างบ้าคลั่ง เพราะเหตุผลง่าย ๆ เพียงข้อเดียว พวกเธอสวยเกินไปนั่นเองเมื่อเทียบกับดารานางเอกดังในวงการบันเทิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา หรือออร่าบุคลิก ก็ล้วนโดดเด่นจนอีกฝ่ายไม่มีทางเทียบเคียงได้เลยนอกจากนี้ พวกเธอยังมีออร่าที่แผ่ออกมาราวกับไม่ได้เป็นคนธรรมดาทั่วไป แม้จะสวมเพียงชุดออกกำลังกายธรรมดา แต่ไม่มีใครกล้าคิดว่าพวกเธอเป็นคนทั่วไปอย่างแน่นอนหัวหน้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาทางพวกเธอ สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบัง “ขอทราบชื่อเสียงเรียงนามสาว ๆ ที่น่ารักทั้งหลายหน่อยได้ไหม ฉันชื่อ อาคิตะ อิจิโร่”เซี่ยซิ่วซิ่วไม่สนใจจะพูดคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย เธองอเข่าเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีในพริบตาเดียวการเคลื่อนไหวนี้ทำให้นักข่าวหลายคนร้องอุทานด้วยความตกตะลึง มันช่างสง่างามเหลือเกินชาวเน็ตทั้งในและต่างปร
ในโรงยิมเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงโห่ร้องก้องสนั่นแน่นอนว่าเสียงโห่ร้องเหล่านั้นมาจากคนประเทศหลงเถิง ส่วนบรรดาจอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินต่างพากันแสดงสีหน้าไม่พอใจนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพ่ายแพ้นับตั้งแต่เริ่มท้าทายในวันที่สาม และยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวโดยผู้หญิงคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ตอนนี้ มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันส่งเสียงเชียร์เซี่ยซิ่วซิ่วความคับแค้นที่สั่งสมมาตลอดหลายวันได้รับการปลดปล่อยออกมาในที่สุดดวงตาของหัวหน้าฉายประกายเย็นเยียบเหมือนงูพิษที่จ้องมองเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างน่ากลัว “นี่มันปรมาจารย์ระดับเก้า เป็นไปไม่ได้!”ภายในใจของเขารู้สึกตกตะลึงจนยากจะอธิบาย เซี่ยซิ่วซิ่วที่ดูเหมือนเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น กลับสามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้อย่างไร“หัวหน้า เอาไงดีครับ?”“หรือจะให้ผมขึ้นไปสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เอง”“เธอแข็งแกร่งก็จริง แต่ดูจากประสบการณ์การต่อสู้แล้วน่าจะธรรมดา ผมมั่นใจว่าจะเอาชนะได้”……จอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินที่กล้ามาท้าทายในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดีทั้งทีมมีจอมยุทธ์ระดับปรมาจ
พลังจากร่างกายของเย่ซิวสามารถช่วยฟื้นฟูข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งผลักดันให้เขาก้าวเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเรื่อย ๆเย่ซิวลอยอยู่เหนือพื้นสองถึงสามเมตร แขนทั้งสองข้างกางออกราวกับกำลังดื่มด่ำกับพลังอันไร้ขอบเขตที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอธิบายเมื่อเข้าสู่ขั้นจินตาน พลังของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นทันทีถึงยี่สิบเท่าใช่แล้ว ยี่สิบเท่าเต็ม ๆตามบันทึกในตำราโบราณระบุไว้ว่าปกติแล้วผู้บำเพ็ญที่ก้าวจากช่วงสร้างพื้นฐานสู่ระดับจินตาน พลังมักจะเพิ่มขึ้นเพียงสี่ถึงหกเท่าแต่เย่ซิวกลับต่างออกไป พลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่าเต็ม ๆแม้เทียบกับยุคหลายพันปีก่อนซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณและเหล่าอัจฉริยะมากมาย เขาก็ยังถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของเย่ซิวจึงค่อย ๆ สงบลงการทะลวงเข้าถึงระดับจินตานครั้งนี้ยังมอบความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์ให้เขาอีกด้วยร่นพสุธา!เย่ซิวทดลองใช้งานทันทีร่างของเขาหายวับไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตาเมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาได้ย้ายไปยังจุดที่ห่างออกไปถึงร้อยเมตรแต่ก็มีข้อเสียอยู่ นั่น
ชูตงถูกใครบางคนสวมกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำให้เธอกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ในวินาทีถัดมาพอเธอก็ได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย ร่างกายก็พลันอ่อนระทวยทันที เธอเอนหัวพิงอกของเย่ซิวพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอน ๆ “เจ้าคนขี้แกล้ง ทำคนอื่นเขาตกใจหมด”เย่ซิวหัวเราะเสียงดัง “เมื่อกี้ผมได้ยินนะว่ามีใครบางคนพูดว่าคิดถึงผมมาก”ชูตงไม่ได้ปฏิเสธ “ก็ใช่ไง ฉันคิดถึงคิดถึงคิดถึงคุณมาก”เมื่อเธอเปิดใจแล้วก็ไม่มีการปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น เธอแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาทันทีทันใดนั้นเธอก็บิดตัวเล็กน้อยและหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาที่แฝงความออดอ้อน “ฉันอยากจังเลย~”ผู้ชายทั่วไปมักชอบได้ยินคำว่า ฉันอยาก แต่กลัวที่สุดคือคำว่า ฉันยังอยากอีกแต่สำหรับเย่ซิวแล้ว ประโยคหลังไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนเพราะด้วยวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองนั้น ต่อให้คู่ต่อสู้จะมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางหวาดหวั่นอย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับวางชูตงลงพลางส่ายหน้าด้วยดวงตาแฝงความเย็นเยียบ “เราต้องกลับไปก่อน ตอนนี้พวกเด็กน้อยจากประเทศอ่ายเหรินกำลังท้าทายเราไม่หยุดเลย!”ระหว่างทางกลับเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูการถ่ายทอดสด และเห็นการต่อสู้ระหว่างเซี่
หยางถิงถิงนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะท่านี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เมื่อเห็นเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับถังอวิ้น เธอก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปเพราะเธอเห็นเย่ซิวเดินเข้าไปในห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ทำให้แผลเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถือว่าถังอวิ้นเป็นเหมือนพี่สาวของตัวเอง แล้วเธอจะปล่อยให้ถังอวิ้น ‘เป็นเนื้อเข้าปากเสือ’ ไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?ขณะที่ถังอวิ้นกำลังจะปิดประตู หยางถิงถิงก็พุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่กำลังจะทำอะไร? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าลามกตัวนี้เข้ามาได้!”ถังอวิ้นหัวเราะและตอบว่า “ฉันกับคุณคนนี้มีเรื่องต้องพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”หยางถิงถิงยังคงไม่เชื่อ “จะคุยเรื่องอะไรถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ จำเป็นต้องเข้ามาในห้องพี่ ฉันบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรเขาคงเห็นว่าพี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเหมือนฉัน เลยใช้วิธีการบางอย่างหลอกล
เมื่อถังอวิ้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเย่ซิว เธอถึงกับรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยเจออะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบเห็นชายหนุ่มรูปงามมากมาย รวมถึงเจ้าชายจากต่างประเทศด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือออร่าของพวกเขา ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวได้เลยที่สำคัญเธอรู้สึกว่าเย่ซิวดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ในตอนนั้นกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนถึงแม้ถังอวิ้นจะเป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้หยางเฟิงเปิดเผยความลับหลายอย่างให้เธอรับรู้แม้กระทั่งภาพการต่อสู้ในตอนนั้น เธอก็เคยได้ดูหลังจากได้ดูภาพการต่อสู้นั้น ถังอวิ้นก็ถึงกับตื่นเต้นจนใจเต้นแรง แม้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะเติบโตในประเทศจ้านอิงตี้แต่เธอก็ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนของประเทศหลงเถิง และฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด“คุณผู้ชาย คุณดูคุ้นหน้ามากเลยนะคะ”หยางเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องคุ้นอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ฉันไม่ได้เอาภาพการต่อสู้นั้นให้เธอดูหรอกหรือ?”ร่างของถังอวิ้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็นึกอ
เย่ซิวลูบคาง พลางพินิจมองหยางถิงถิงถึงแม้ว่านิสัยจะเอาแต่ใจและมีนิสัยคุณหนูหนักอยู่สักหน่อย แต่พรสวรรค์ของเธอก็ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยแม้ว่าจะเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา เธอก็จัดว่าเป็นอัจฉริยะหากได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม เธออาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง"นาย... นายมองอะไร" ภายใต้สายตาของเย่ซิว หยางถิงถิงรู้สึกไม่สบายใจ เธอบิดตัวด้วยความกระสับกระส่าย เย่ซิวยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร และยังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอรู้ในตอนนี้รอให้มีเวลา เขาค่อยหาวิธีฝึกฝนเธอให้ดีเสียก่อนไม่นานถังอวิ้นก็กลับมา และหยางเฟิงก็กลับมาด้วยเช่นกันเย่ซิวพูดขึ้นก่อนที่หยางเฟิงจะทันได้เอ่ยปากว่า "ไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณเถอะ"หยางเฟิงพยักหน้า "เชิญตามฉันมา"ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงาน หยางเฟิงล็อกประตู แล้วหยิบแฟ้มเอกสารหนาเตอะออกมาจากตู้เซฟ ยื่นให้เย่ซิว"นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อฉัน ตอนนี้มีมูลค่ารวมประมาณสองล้านหกแสนล้านบาท ผมจะขายทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เร็วที่สุดและจะเปลี่ยนมันเป็นทองคำ"เย่ซิวเปิดอ่านเอกสารเมื่ออ่านจบ เ
เย่ซิวเดิมทีก็แค่พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เล่น ๆ เท่านั้นแต่เมื่อได้รู้ว่าเธอเรียนสาขาอะไร และไม่มีคนในครอบครัวอีก เขาจึงคิดจะดึงตัวเธอไปทำงานด้วยถังอวิ้นนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการที่เขาต้องการในทุก ๆ ด้านเธอเองก็เป็นคนจากประเทศหลงเถิงเหมือนกัน ซึ่งสถานะที่ไร้พันธะใด ๆ ของเธอนั้นดูสะอาดสะอ้านในระดับหนึ่ง เย่ซิวจึงคิดจะพาเธอกลับไปที่สำนักโอสถตอนนี้ที่นั่นกำลังขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ จึงขาดแคลนทรัพยากรบุคคลระดับสูงเมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ทั้งอลิสและถังอวิ้นต่างก็หันมามองเย่ซิวเป็นตาเดียวถังอวิ้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย ฉันทำงานที่นี่มีความสุขมากแล้วท่านประธานและครอบครัวของพวกเขาก็ดีกับฉันมาก ตอนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายออกไปค่ะ”“ผมให้เงินเดือนปีละห้าสิบล้านบาท” เย่ซิวพูดอย่างตรงไปตรงมา “และยังจะมอบบางสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงให้อีกด้วย”ถังอวิ้นเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ดูจากรูปลักษณ์ของเธอแล้ว เธอน่าจะออกกำลังกายเป็นประจำเย่ซิวสามารถช่วยเธอปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย ให้เปลี่
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” หยางถิงถิงรู้สึกไม่เชื่อในตอนแรกแต่ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นฉากตรงหน้าและตกตะลึงจนแทบอาเจียน พลางปิดปากตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?!” หยางเฟิงส่ายศีรษะ พร้อมสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตอนนี้...หลานพาเขากลับบ้านเราไปก่อน รอให้ปู่จัดการเรื่องตรงนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”“อะไรนะ?!” หยางถิงถิงถึงไม่พอใจในทันที “คุณปู่ล้อเล่นหรือเปล่าคะ? ให้หนูพาเขากลับบ้านเนี่ยนะ! นี่มันเหมือนเอาหมาป่าเข้าบ้านเลยนะคะ! คุณปู่ไม่กลัวเหรอว่าหลานสาวของคุณจะโดนไอ้หมอนี่รังแกหรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง?” หยางเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริง ก็ดีสิ” หยางถิงถิง “???” สุดท้ายหยางถิงถิงก็ถูกบังคับให้พาเย่ซิวกลับบ้าน หยางเฟิงให้เธอเลือกสองทาง คือจะพาเย่ซิวกลับบ้าน หรือจะอยู่ช่วยกันยกศพอยู่ที่นี่ หยางถิงถิงตัดสินใจเลือกทางแรกทันที เธอขับรถเอสยูวีสุดหรู โดยมีเย่ซิวกับอลิสนั่งอยู่ด้านหลัง หยางถิงถิงเงียบไปตลอดทาง ไม่หยิ่งยโสเหมือนตอนที่อยู่กับหยางเฟิงก่อนหน้านี้เลย แถมเธอยังขับรถเร็วมากด้วยเหตุผลก็มีเพียงข้อเดียว เพราะจุดที่โด
ในขณะที่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลจากทุกอณูของร่างกายตนเองหลังจากการปลดปล่อยพลังออกมา หยางถิงถิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอทำคือพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว โดยหวังจะสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมานานหยางเฟิงที่เห็นแบบนั้นถึงกับหน้าซีด รีบตะโกนห้ามปรามทันที “ถิงถิง หยุดนะ!”แต่หยางถิงถิงนอกจากจะไม่สนใจคำห้ามปรามแล้ว เธอยังเร่งความเร็วขึ้นอีก “คุณปู่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูก็แค่จะสั่งสอนเขานิดหน่อย จะไม่ทำให้ถึงตายหรอก!”หยางเฟิงได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า เขาไม่อยากมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหยางถิงถิงยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าเย่ซิวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ก่อนที่มือของเธอจะฟาดถึงใบหน้าเขา อยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกว่าเอวของเธอถูกเย่ซิวจับไว้แน่นแล้วร่างของเธอก็หมุนเคว้ง ก่อนตัวเธอจะถูกเย่ซิวหนีบไว้ใต้แขน“เพียะ!”เสียงฝ่ามือกระทบชัดเจนดังขึ้นในห้องหยางถิงถิงตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับสีตับหมูทันที พลันกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น พร้อมดิ้นรนสุดชีวิต “ไอ้บ้า! นายกล้าตีฉันเหรอ! ฉันจะสับนายเป็นพัน ๆ ชิ้น!”หยางถิง
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะสู้ชนะ แต่ก่อนหน้านั้นที่ถูกลอบโจมตี เขาก็สูญเสียคนไปถึงเกือบหนึ่งในสามเดิมทีในห้องโถงมีผู้มีพลังวิเศษมากกว่าหนึ่งพันคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้น และแต่ละคนก็ล้วนบาดเจ็บทั้งสิ้นเย่ซิวปรบมือเบา ๆ ดึงดูดสายตาของทุกคน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะพูดตามผม ใครที่ไม่พูด ก็จะลงเอยเหมือนกับศพที่กองอยู่บนพื้นตรงนี้”ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงหัวใจ หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ซิว ก็ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย พากันพูดตามอย่างว่าง่ายหยางถิงถิงในตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพปิดกั้นตัวเอง ไม่มีสติรับรู้ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ซิวตั้งใจให้พวกเขาสาบานด้วยพันธสัญญาที่ร้ายแรงที่สุดตราบเท่าที่พวกเขาคิดจะเปิดเผยสิ่งใดเกี่ยวกับวันนี้ พวกเขาจะถูกกลืนกินทันทีและเสียชีวิต ณ ที่ตรงนั้นแม้แต่หยางเฟิงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เย่ซิวไม่เชื่อใจพวกเขา หากไม่สาบาน เขายอมฆ่าทิ้งทั้งหมดเสียดีกว่าหลังจากที่พวกเขากล่าวคำสาบานกันครบแล้ว ใบหน้าของเย่ซิวจึงปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับสลายจิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนหน้าหยางเฟิงถอนหายใจโล่งอกทันที และรีบสั่งคนให้เริ่มเก
สีหน้าของแคสซี่ย์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เธอพบว่าตัวเองไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเย่ซิวได้เลยเมื่อนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวแทบไม่ต้องขยับตัว แต่กลับทำลายการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดาย ความคิดหนึ่งพลันก็ผุดขึ้นมาในหัว"หรือว่าคนที่ถูกทั่วทั้งเมืองตามล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนาย!"เย่ซิวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ปล่อยหยางเฟิงไป แล้วผมจะให้คุณได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี"แคสซี่ย์หัวเราะเย้ยหยัน "ถึงนายจะเป็นคนคนนั้น แต่แล้วจะยังไงล่ะ? ที่นี่คือสมาคมผู้มีพลังวิเศษ!อีกอย่างหยางเฟิงยังอยู่ในมือฉัน ถ้านายไม่อยากให้เขาตาย ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ แล้วอย่าขยับตัว!"เย่ซิวหยุดอยู่ห่างจากเธอสามเมตร พร้อมเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก "คุณลองเดาดูสิว่าทำไมผมถึงพล่ามเรื่องไร้สาระกับคุณมากมายขนาดนี้?""แย่แล้ว..."แคสซี่ย์เกิดความระแวดระวังขึ้นทันที โดยไม่ต้องหยุดคิดอีก เธอก็ชักมีดที่เสียบอยู่ในท้องของหยางเฟิงออกมา จากนั้นกระหน่ำแทงไปที่หัวใจของเขาอย่างแรง"พรวด!"เลือดพุ่งกระฉูดออกมาร่างของแคสซี่ย์ก็แข็งค้างอยู่ตรงนั้น เธอก้มลงมองช้า ๆ ก็พบว่าร่างกายของเธอถู
แคสซี่ย์ยกมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะกดลงอย่างแรงพร้อมพูดว่า “ลงมือซะ! ฆ่าทุกคนที่เป็นคนของหยางเฟิง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”"ฉึก ฉึก ฉึก!"เลือดพลันก็สาดกระเซ็น บางคนถูกโจมตีจากคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวและเสียชีวิตในทันทีหยางเฟิงตกตะลึงและโกรธจัด เขาอยากจะต่อต้าน แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูพี่น้องร่วมชาติของเขาถูกฆ่าไปทีละคนด้วยสายตาเจ็บปวดเขาหลั่งน้ำตาเลือด เสียใจภายหลังเหลือจะกล่าวไม่เคยคาดคิดเลยว่าแคสซี่ย์จะโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีถึงเพียงนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลในพริบตา“ไปเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องแสดงบ้างขึ้นเวทีแล้ว”เย่ซิวจับมือของอลิส เดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็นและมั่นคง พลังไร้รูปปกคลุมรอบตัวเขาในระยะสองเมตร ทำให้ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพลังวิเศษต่างๆ ล้วนถูกสะท้อนออกไปดวงตาของอลิสเปล่งประกายเจิดจ้า เธอหลงรักชายตรงหน้าอย่างหัวปักหัวปำเย่ซิวเดินไปถึงหน้าเวทีสำคัญ จับเชือกเส้นหนึ่งไว้ และส่งพลังวิญญาณอันทรงพลังและดุดันของเขาเข้าไปอย่างรุนแรงพลังนั้นเหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ไหลทะลักอย่างไม่หยุดยั้ง สร