“ประเทศใหญ่ขนาดนี้ ที่ต่อสู้ได้กลับไม่มีสักคน แบบนี้ยังกล้าอ้างตัวว่าเป็นแดนต้นกำเนิดของจอมยุทธ์ ถุย!”ภายใต้กล้อง จอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินคนหนึ่งมีสีหน้าเย่อหยิ่ง เขาพูดจาโอหังมากฉากดังกล่าวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศและแม้แต่ทั่วโลกประเทศหลงเถิงทั้งหมดล้วนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆที่มืดสนิทนี่เป็นความอัปยศอย่างแท้จริงชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วน ทยอยกันคำรามออกมาด้านล่างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สำคัญทั้งหมด: “ประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราจะถูกประเทศเล็ก ๆ แบบนี้รังแกได้ยังไง”: “หรือว่าไม่มียอดฝีมือเร้นกายคิดออกมาปราบปรามความเย่อหยิ่งของพวกเขาเลยเหรอ?”: “ฉันยินดีบริจาคเงินเดือนหนึ่งเดือนของฉัน เป็นค่าหัวในการล้มพวกเขา”: “อ้า ๆ ๆ ถ้าฉันมีความสามารถนะ ฉันจะขึ้นไปสู้ด้วยตัวเองแน่นอน โคตรเกลียดพวกเขาเลย”……เมื่อเวลาผ่านไป ชาวหลงเถิงยิ่งรู้สึกอัดอั้นใจมากขึ้นเรื่อย ๆแต่ไม่มีทางอื่น ปัจจุบันไม่มีใครสามารถต่อกรกับพวกเขาได้จริง ๆในเวลาเดียวกัน เซี่ยซิ่วซิ่วได้เรียกผู้หญิงหลายคนมาที่ชั้นบนสุดของบริษัทสตาร์รี่สกายลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ยังมีเสวี่ยเหมย ไป๋อวี้เจี๋ยรวม
หัวหน้าจ้องมองด้วยสายตาเจิดจ้าทรงพลัง ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เหลือเชื่อจริง ๆ ที่ครั้งนี้กลับมีหญิงงามระดับนี้ปรากฏตัวพร้อมกันมากมายขนาดนี้ เยี่ยมมาก คืนนี้พวกเธอต้องมาอยู่บนเตียงของฉันให้ได้”บรรดานักข่าวพากันถ่ายรูปเซี่ยซิ่วซิ่วกับคนอื่น ๆ อย่างบ้าคลั่ง เพราะเหตุผลง่าย ๆ เพียงข้อเดียว พวกเธอสวยเกินไปนั่นเองเมื่อเทียบกับดารานางเอกดังในวงการบันเทิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา หรือออร่าบุคลิก ก็ล้วนโดดเด่นจนอีกฝ่ายไม่มีทางเทียบเคียงได้เลยนอกจากนี้ พวกเธอยังมีออร่าที่แผ่ออกมาราวกับไม่ได้เป็นคนธรรมดาทั่วไป แม้จะสวมเพียงชุดออกกำลังกายธรรมดา แต่ไม่มีใครกล้าคิดว่าพวกเธอเป็นคนทั่วไปอย่างแน่นอนหัวหน้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาทางพวกเธอ สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบัง “ขอทราบชื่อเสียงเรียงนามสาว ๆ ที่น่ารักทั้งหลายหน่อยได้ไหม ฉันชื่อ อาคิตะ อิจิโร่”เซี่ยซิ่วซิ่วไม่สนใจจะพูดคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย เธองอเข่าเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีในพริบตาเดียวการเคลื่อนไหวนี้ทำให้นักข่าวหลายคนร้องอุทานด้วยความตกตะลึง มันช่างสง่างามเหลือเกินชาวเน็ตทั้งในและต่างปร
ในโรงยิมเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงโห่ร้องก้องสนั่นแน่นอนว่าเสียงโห่ร้องเหล่านั้นมาจากคนประเทศหลงเถิง ส่วนบรรดาจอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินต่างพากันแสดงสีหน้าไม่พอใจนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพ่ายแพ้นับตั้งแต่เริ่มท้าทายในวันที่สาม และยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวโดยผู้หญิงคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ตอนนี้ มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันส่งเสียงเชียร์เซี่ยซิ่วซิ่วความคับแค้นที่สั่งสมมาตลอดหลายวันได้รับการปลดปล่อยออกมาในที่สุดดวงตาของหัวหน้าฉายประกายเย็นเยียบเหมือนงูพิษที่จ้องมองเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างน่ากลัว “นี่มันปรมาจารย์ระดับเก้า เป็นไปไม่ได้!”ภายในใจของเขารู้สึกตกตะลึงจนยากจะอธิบาย เซี่ยซิ่วซิ่วที่ดูเหมือนเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น กลับสามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้อย่างไร“หัวหน้า เอาไงดีครับ?”“หรือจะให้ผมขึ้นไปสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เอง”“เธอแข็งแกร่งก็จริง แต่ดูจากประสบการณ์การต่อสู้แล้วน่าจะธรรมดา ผมมั่นใจว่าจะเอาชนะได้”……จอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินที่กล้ามาท้าทายในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดีทั้งทีมมีจอมยุทธ์ระดับปรมาจ
พลังจากร่างกายของเย่ซิวสามารถช่วยฟื้นฟูข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งผลักดันให้เขาก้าวเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเรื่อย ๆเย่ซิวลอยอยู่เหนือพื้นสองถึงสามเมตร แขนทั้งสองข้างกางออกราวกับกำลังดื่มด่ำกับพลังอันไร้ขอบเขตที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอธิบายเมื่อเข้าสู่ขั้นจินตาน พลังของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นทันทีถึงยี่สิบเท่าใช่แล้ว ยี่สิบเท่าเต็ม ๆตามบันทึกในตำราโบราณระบุไว้ว่าปกติแล้วผู้บำเพ็ญที่ก้าวจากช่วงสร้างพื้นฐานสู่ระดับจินตาน พลังมักจะเพิ่มขึ้นเพียงสี่ถึงหกเท่าแต่เย่ซิวกลับต่างออกไป พลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่าเต็ม ๆแม้เทียบกับยุคหลายพันปีก่อนซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณและเหล่าอัจฉริยะมากมาย เขาก็ยังถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของเย่ซิวจึงค่อย ๆ สงบลงการทะลวงเข้าถึงระดับจินตานครั้งนี้ยังมอบความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์ให้เขาอีกด้วยร่นพสุธา!เย่ซิวทดลองใช้งานทันทีร่างของเขาหายวับไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตาเมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาได้ย้ายไปยังจุดที่ห่างออกไปถึงร้อยเมตรแต่ก็มีข้อเสียอยู่ นั่น
ชูตงถูกใครบางคนสวมกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำให้เธอกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ในวินาทีถัดมาพอเธอก็ได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย ร่างกายก็พลันอ่อนระทวยทันที เธอเอนหัวพิงอกของเย่ซิวพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอน ๆ “เจ้าคนขี้แกล้ง ทำคนอื่นเขาตกใจหมด”เย่ซิวหัวเราะเสียงดัง “เมื่อกี้ผมได้ยินนะว่ามีใครบางคนพูดว่าคิดถึงผมมาก”ชูตงไม่ได้ปฏิเสธ “ก็ใช่ไง ฉันคิดถึงคิดถึงคิดถึงคุณมาก”เมื่อเธอเปิดใจแล้วก็ไม่มีการปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น เธอแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาทันทีทันใดนั้นเธอก็บิดตัวเล็กน้อยและหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาที่แฝงความออดอ้อน “ฉันอยากจังเลย~”ผู้ชายทั่วไปมักชอบได้ยินคำว่า ฉันอยาก แต่กลัวที่สุดคือคำว่า ฉันยังอยากอีกแต่สำหรับเย่ซิวแล้ว ประโยคหลังไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนเพราะด้วยวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองนั้น ต่อให้คู่ต่อสู้จะมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางหวาดหวั่นอย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับวางชูตงลงพลางส่ายหน้าด้วยดวงตาแฝงความเย็นเยียบ “เราต้องกลับไปก่อน ตอนนี้พวกเด็กน้อยจากประเทศอ่ายเหรินกำลังท้าทายเราไม่หยุดเลย!”ระหว่างทางกลับเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูการถ่ายทอดสด และเห็นการต่อสู้ระหว่างเซี่
ของปลอม ของปลอมแน่ ๆ!อาคิตะ อิจิโร่หายใจหอบแรง ลมหายใจพุ่งออกจากรูจมูกเป็นไอร้อนจนมองเห็นได้ชัดด้วยเลือดลมที่พลุ่งพล่านหลิ่วเมิ่งอิ๋นช่างเย้ายวนเกินต้านทานเขาผ่านผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยพบใครที่เป็นยอดหญิงงามถึงเพียงนี้มาก่อนอาคิตะขยี้มืออย่างตื่นเต้นพลางหัวเราะคิกคัก “สาวน้อย เธอหนักไหมล่ะนั่น? ให้ลุงช่วยประคองหน่อยไหมล่ะ”พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าโจมตีหลิ่วเมิ่งอิ๋นทันทีด้วยท่าทีและตำแหน่งการโจมตีที่เต็มไปด้วยความหยาบคายปัง! ปัง! ปัง!การปะทะกันของทั้งสองส่งเสียงดังทึบอย่างต่อเนื่องบนเวทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกชาไปทั้งแขนราวกับกำลังต่อสู้กับพญาช้าง พลังภายในของเธอถูกใช้จนหมดอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ต้องถอยออกมาก่อนหน้านี้พวกเธอได้ปรึกษากันเรื่องกลยุทธ์ไว้แล้วหากมีจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากในฝ่ายตรงข้าม พวกเธอจะใช้วิธีสู้แบบผลัดเปลี่ยนกันเพื่อป้องกันไม่ให้บาดเจ็บรุนแรงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงถอยออกมาอย่างสง่างามนั่นก็ทำให้อาคิตะ อิจิโร่รู้สึกไม่พอใจ เขายังไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากเธอเลย เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นถอยออกไปเขาก็คำรามด้วยความโกรธ “จอมยุทธ
“ประเทศเราเป็นมหาอำนาจขนาดนี้แต่กลับถูกจอมยุทธ์จากประเทศเล็ก ๆ บีบให้มาถึงจุดนี้เนี่ยนะ!”“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?!”“หรือพวกเราจะสู้เขาไม่ได้จริง ๆ?!”“ไม่มีฮีโร่คนไหนออกมาช่วยกู้หน้าบ้านเมืองบ้างเลยเหรอ?!”……ทุกคนในหลงเถิงที่ติดตามเหตุการณ์นี้ต่างพากันตะโกนก้องฟ้าด้วยความโกรธแค้น กระทืบเท้าทุบอกด้วยความอัดอั้นใจและความเกลียดชังมันน่าขายหน้าเหลือเกิน นี่พวกเขาโดนหยามเกียรติถึงขนาดนี้ได้ยังไงโดนเขามาอัดถึงหน้าบ้าน ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือศักดิ์ศรี แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยลู่เสวี่ยเอ๋อร์กับเซี่ยซิ่วซิ่วต่างกำหมัดแน่นด้วยความอัดอั้นในใจถึงขีดสุดส่วนอาคิตะ อิจิโร่ที่ยืนอยู่กลางเวทีหัวเราะเสียงดัง ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “พวกขยะเอ๊ย ไม่เห็นจะมีใครสู้ฉันได้สักคนจอมยุทธ์ของหลงเถิงกลับไปทำนาเถอะ พวกแกไม่คู่ควรกับชื่อเสียงของประเทศแห่งต้นกำเนิดวิถีการต่อสู้เลยสักนิด!”เหล่าลูกศิษย์ของเขาต่างพากันชูแขนตะโกนลั่น น้ำเสียงเย้ยหยันดังสนั่นไปทั่วโรงยิม“หัวหน้าของเราปราบศัตรูได้ทั่วหล้า”“จอมยุทธ์ของหลงเถิงอ่อนแอสิ้นดี”“พวกแกยังกล้าเรียกตัวเองว่าจอมยุทธ์อยู่อีกเหรอ ถ้าฉ
ความคิดเห็นจากผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างหลั่งไหลเข้ามามากมายแม้จะยอมรับในความกล้าหาญของเย่ซิว แต่หลายคนก็เตือนเขาว่าถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ให้รีบยอมแพ้เถอะ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าชายรูปร่างบอบบางอย่างเย่ซิวจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของอาคิตะ อิจิโร่ที่ร่างกายกำยำเหมือนหมีได้เย่ซิวยืนไขว้หลังด้วยท่าทีสงบและเอ่ยอย่างเรียบเฉย“ประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างอ่ายเหริน ประชาชนมีภูมิปัญญามาไม่ถึงพันปีความลึกซึ้งและรากฐานตื้นเขินขนาดนั้นแต่ยังกล้าบุกมาท้าทายประเทศมหาอำนาจแบบนี้ ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลยวันนี้ฉันจะสู้กับแกให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าฉันใช้เกินสองกระบวนท่า ฉันจะปลิดชีพตัวเองตรงนี้เลย”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาคิตะ อิจิโร่หรือเหล่าลูกศิษย์ของเขาต่างก็หัวเราะกันจนแทบหยุดไม่ได้อาคิตะ อิจิโร่หัวเราะเสียงดังอย่างกับเสียงฟ้าร้อง “ฮ่า ๆ ไม่เลวเลยนี่ แกดูน่าสนใจกว่าคนอื่นเยอะทำงานอะไรวะ เป็นตลกเหรอ? เรื่องที่แกพูดมันขำมากเลยจริง ๆ”“ตลกมากใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มเย็นที่มุมปากขณะก้าวเดินออกไปข้างหน้าโครม!พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาเหมือนคลื่นยักษ์พัด
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ