เสี่ยวเหม่ยยังคงยั่วยวนเย่ซิวอย่างต่อเนื่องตอนแรกเย่ซิวยังพอทนได้ แต่หลังจากถูกยั่วยวนอยู่หลายครั้งเขาก็หมดความอดทนเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก้าวยาว ๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนทันทีเสี่ยวเหม่ยที่อัดอั้นมานานบวกกับความมึนเมาทำให้เธอมีพลังเหลือล้นในช่วงชั่วโมงแรกเธอเหมือนอยู่ในสภาวะไร้สติ เคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณของร่างกายล้วน ๆแต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทว่ากลับไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอทำได้เพียงหลับตาลง พยายามไม่คิดว่าการกระทำนี้จะเป็นการทรยศคู่หมั้นของตัวเอง และทุ่มเททั้งกายและใจให้กับค่ำคืนนี้ในที่สุดหลังจากที่ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหม่ยก็นอนหอบหายใจหนักอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงเธอหันหลังให้เย่ซิว ทั้งไม่อยากและไม่กล้าหันไปมองเขาเย่ซิวเข้าใจดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเย็นจากนั้นเขาก็เดินไปดูชูตงที่กำลังนอนหลับอยู่เธอดูนอนหลับสบายมากเย่ซิวยิ้มบาง ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ ก่อนจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเดินกระเผลกไปยังห้องน้ำในห้องต
“พี่ชายที่แสนดีของหนู ปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปเถอะนะคะ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”เมื่อเห็นชูตงขอร้องอย่างจริงใจ เย่ซิวจึงยอมปล่อยเธอไปในที่สุดเธอรีบคว้าผ้าห่มมาพันตัวก่อนจะขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสลดน่าสงสาร แต่กลับเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกระดับเย่ซิวถึงกับนิ้วชี้กระตุก เลือดลมพลุ่งพล่านเสียงกระซิบในจิตใจคอยเร่งเร้าให้เขารีบคว้าผู้หญิงตรงหน้ามาครอบครองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของชูตงน่ากลัวเพียงใดแม้แต่เย่ซิวที่มีจิตใจมั่นคงยังต้องรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อชูตงเห็นสายตาดุร้ายดั่งสัตว์ป่าของเขา แม้จะหวาดกลัวในใจ แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย‘ผู้ชายคนนี้หลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้ว’แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา สีหน้าของชูตงก็เปลี่ยนไป ใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก‘ฉันคิดแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดเขาจะตาย มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ ๆ’เธอพยายามปลอบใจตัวเองราวกับสะกดจิตตัวเองเย่ซิวหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อระงับความปรารถนาในใจในขณะเดียวกัน ภาพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ผุดขึ้นมาในสมองขอ
เสี่ยวเหม่ยตกใจ และพูดอย่างรวดเร็วว่า "เปล่า เรากำลังคุยกันว่าคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่"“ไร้สาระ ใครจะอยากอยู่กับคนเลวคนนี้ล่ะ” จู่ ๆ ชูตงก็หน้าแดงขึ้นมา“งั้นเหรอ?” เสี่ยวเหม่ยมองเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือมากพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า“แน่นอนอยู่แล้ว”ชูตงเบี่ยงสายตาไปอย่างร้อนตัว ขายาวทั้งสองข้างก้าวไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีเพื่อบรรเทาความกระอักกระอ่วน“สวัสดีทุกคน ผมอากิตะ อิจิโร่จากประเทศอ่ายเหรินครับ”ทันทีที่เปิดทีวี ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาดุร้ายและเสียงหยาบกร้านก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ดึงดูดความสนใจของเย่ซิวได้ยินเพียงชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ผมเป็นหัวหน้าของโรงฝึกเคนโด้จากประเทศอ่ายเหริน การมาเยือนหลงเถิงในครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอื่นใด เพียงแต่ได้ยินมาว่าที่นี่คือต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์ดังนั้นผมจึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับยอดฝีมือทุกท่านเสียหน่อยอย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยต้นกำเนิดของวิชายุทธ์ควรเป็นประเทศอ่ายเหรินของเราถึงจะถูกเพราะมันถูกถ่ายทอดจากประเทศอ่ายเหรินมายังประเทศหลงเถิงเมื่อสามพันกว่าปีก่อนบนเส้นทางวรยุทธ์ ประเทศอ่ายเหรินควรจะ
เย่ซิวจะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ต่อไปเมื่อเย่ซิวมาถึงห้องทำงานของเขา เขาก็เปิดประตูและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสาวออฟฟิสกำลังก้มลงไปทำความสะอาดโต๊ะของตัวเองเธอมีรูปร่างที่ดีมาก เสื้อผ้าของเธอก็รัดแน่นเมื่อเธอโน้มตัวลงมา ทำให้เกิดส่วนโค้งที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นก็หันกลับมาและยิ้มให้เย่ซิวเบา ๆ "สวัสดีค่ะท่านประธาน"เย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่นก็คือหลัวฮุ่ยหมิ่น ซึ่งก็เป็นอาของหลัวอีอีรอยยิ้มของหลัวฮุ่ยหมิ่นไม่เปลี่ยนแปลง "ตอนนี้ฉันเป็นเลขาของคุณแล้ว คุณจะออกคำสั่งอะไรกับฉันก็ได้"ในคำพูดแฝงไว้ด้วยคำใบ้ที่เร้าใจ“เลขาเหรอ? ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้?”“ประธานเซี่ยสัมภาษณ์ฉันเป็นการส่วนตัว เธอบอกว่าคุณต้องการเลขาอยู่ข้าง ๆ หนึ่งคน”เย่ซิวเดินไปที่ที่นั่งของเขาแล้วนั่งลง "ด้วยสถานะและความสามารถของคุณ การเป็นเลขาของผมจะเสียดายความสามารถเกินไปหน่อย"“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ” หลัวฮุ่ยหมิ่นหัวเราะเบา ๆ "มีคนนับไม่ถ้วนที่ชิงกันเพื่อให้ได้เข้ามาที่นี่อย่างหัวหกก้นขวิด รวมทั้งตัวฉัน
สุดท้ายเขาก็เหยียบหน้าอีกฝ่ายด้วยเท้า แล้วยกนิ้วกลางไปที่กล้องตัวหนึ่ง“อ่อน ๆ ๆ อ่อนแอเกินไปแล้วจริง ๆ ยังไม่ทันจะได้อุ่นเครื่องก็ถูกฉันล้มแล้ว ยังจะมีใครขึ้นมาสู้กับฉันอีกไหม!”ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกปล่อยออกมา ก็ยิ่งทำให้เกิดความโกลาหลปั่นป่วนชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและ ต่างพากันทิ้งข้อความประณามไว้ด้านล่าง“จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินทำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนชี้แนะกันเฉย ๆ แท้ ๆ ถึงกับลงมือกะให้ตาย มิหนำซ้ำยังทำให้มือและเท้าของเขาพิการอีกด้วย”“ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการใช้เท้าเหยียบหน้าของเขา นี่เป็นการตบหน้าคนทั้งประเทศเราชัด ๆ”……สื่อหลายแห่งยังวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือดมากแต่คนจากประเทศอ่ายเหรินกลุ่มนั้นไม่แยแสเรื่องนี้แม้แต่น้อยยิ่งพูดมาอย่างหยิ่งยโสว่า "ถ้าพวกคุณเอาชนะเราไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถส่งกองทัพมาปราบพวกเราได้นะ!"คำพูดนี้เรียกได้ว่าหยิ่งอย่างถึงที่สุดแต่ประเทศหลงเถิงย่อมไม่สามารถทำเช่นนี้ในฐานะมหาอำนาจ ถ้าแม้แต่ความอดกลั้นแค่นี้ยังไม่มี จะต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนยิ่งจะถูกประเทศศัตรูใส่ร้าย
เธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นบิดเอวเซ็กซี่แล้วเดินเข้าไปข้างในนั้นถ้าเย่ซิวมองเธอ เขาก็จะเห็นตั้งแต่แวบแรกว่าลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยเมื่อเข้าไปในห้องนอน หลัวฮุ่ยหมิ่นก็ปิดประตูแล้วถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกเสื้อผ้าชุดนี้ของเธอมีลูกเล่นซ่อนอยู่ มันคือชุดที่ใส่ได้สองด้านด้านนี้เป็นชุดเดรสสีดำดูสง่างาม ส่วนอีกด้านเป็นกระโปรงสั้นสีขาวพร้อมด้วยดีไซน์เก๋ ๆ หลายอันพลิกเสื้อผ้ากลับด้านแล้ว อารมณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่สวมใส่จากเลขาสาวผู้สง่างาม พริบตาต่อมาเธอก็กลายเป็นสาวสวยหุ่นร้อนแรงแม้ว่าตอนนีั้เธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเธอก็เหมือนแต่งงานแล้วอย่างไรอย่างนั้นหลังจากส่องกระจก หลัวฮุ่ยหมิ่นก็เดินออกไปอย่างพึงพอใจมากในเวลานี้เย่ซิวได้ตรวจสอบข้อมูลเสร็จแล้วเมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นหลัวฮุ่ยหมิ่นเดินออกมากระโปรงสั้นนั้นโชว์หุ่นสุดร้อนแรงของเธอขาเรียวยาวคู่หนึ่ง แต่ก็มีเนื้อนวลทว่าไม่อ้วนมาก กำลังพอดี ดูแล้วนุ่มเด้งและขาวมากเมื่อเห็นสายตาของเย่ซิวที่เพ่งความสนใจมา หลัวฮุ่ยหมิ่นก็หมุนตัวเป็นวงกลม กระโปรงของเธอปลิวว่อนดังที่ทุกคนก็ทราบก
คนที่เคาะประตูอยู่ด้านนอกคือหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง อายุราวสี่สิบกว่าและมีหัวล้านหลังจากได้รับอนุญาตจากเย่ซิว เขาก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป“ประธานครับ มีข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรที่คุณกำลังมองหาแล้วครับ”เย่ซิวโน้มตัวไปข้างหน้า "บอกฉันมาเร็วว่ามันอยู่ที่ไหน"พักนี้การระงับพลังของตัวเองไว้นั้นทำให้เขาลำบากมาก ถ้าสามารถทะลวงระดับไปได้เร็วยิ่งขึ้น เขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วเร่งการบำเพ็ญตน ให้ความแข็งแกร่งพุ่งสูงขึ้นได้รวดเร็วอีกครั้ง“มันอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งหนึ่งครับ คนของเราสอบถามและได้รู้มาจากปากของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเคยเห็นพืชที่คล้ายกันนี้บนภูเขาแต่เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปในภูเขานั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ว่ากันว่าข้างในมีทั้งงูพิษและสัตว์ร้ายมากมายข้างในนั้น จึงไม่มีใครกล้าเยื้องย่างเข้าไป”หลัวฮุ่ยหมิ่นซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ สงบลงแล้วหลังจากความตื่นตระหนกในตอนแรกเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเห็นคางของเย่ซิวทันใดนั้น เธอก็นึกถึงวิดีโอที่ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกดเล่นตอนที่อีกฝ่ายสอนเธอ ฉากนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ทุกประการหัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อ
ดวงตาของหลัวฮุ่ยหมิ่นสว่างจ้า "จริงเหรอ? คุณจะหลอกกันไม่ได้นะ"เมื่อเธอทำตัวออดอ้อน พลังทำลายของมันนับว่ามหาศาลมากเย่ซิวยิ้มและพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้ว่าไม่ควรจะทำตัวติดกับเย่ซิวมากเกินไป มิฉะนั้นความสดใหม่จะหายไปหลังจากนั้นในเวลาไม่นานหนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายวัยกลางคนก็มาที่ห้องทำงานของเย่ซิวอีกครั้ง และบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วเย่ซิวลุกขึ้นและออกไป มาที่โรงรถแล้วโทรหาชูตง“ทำไมคุณถึงโทรหาฉันในเวลาทำงานล่ะ”โทนเสียงของชูตงนั้นแข็งทื่อมากแต่เย่ซิวสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้จงใจ ไม่แน่ในขณะนี้เธออาจจะลั้นลาอยู่ในใจก็ได้“มาที่โรงรถชั้นใต้ดินแล้วออกไปทํางานนอกสถานที่กับผม”“ฉันไม่ไป วันมะรืนนี้ก็จะสอบแล้ว ฉันงานยุ่งมาก”“ค่าทํางานนอกสถานที่คือห้าหมื่นบาทต่อวัน” เย่ซิวเสนอ โยนไพ่ตายออกไปโดยตรง“รับทราบค่ะท่านประธาน กรุณารอสักครู่นะคะ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”ทัศนคติของชูตงเปลี่ยนไปในทันที หลังจากวางสาย เธอก็รีบเก็บข้าวของและวิ่งไปหาเซี่ยซิ่วซิ่วเพื่อแจ้งให้เธอทราบเดิมทียังคิดว่าเซี่ยซิ่วซิ่วจะโกรธ คิดไม่ถึงเธอแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร สีหน้านั
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ