ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือไม่รู้ตัว แต่ข้างในนั้นเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยเย่ซิวเหลือบมองเพียงแวบเดียวก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเธอชูตงเดินเข้ามานั่งข้างเย่ซิวอย่างเป็นธรรมชาติเสี่ยวเหม่ยเปิดกระป๋องเบียร์แล้วดันไปข้างหน้าเย่ซิว “คุณผู้ชายดื่มเบียร์สักกระป๋องก่อนนะคะ ฉันขอดื่มนำก่อนแล้วกัน”พูดจบ เธอก็เงยหน้ากระดกเบียร์หมดทั้งกระป๋องในคราวเดียวชูตงเอ่ยเตือน “อย่าดื่มเร็วเกินไป เดี๋ยวจะเมาเอานะ”เสี่ยวเหม่ยหัวเราะเบา ๆ “พี่ดูถูกหนูเกินไปแล้ว หนูคอแข็งมากเลยนะ ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สามสี่คนยังสู้ไม่ได้เลย”ในเมื่อฝ่ายหญิงเปิดเกมมาขนาดนี้ เย่ซิวจึงดื่มหมดในอึกเดียวเช่นกันเสี่ยวเหม่ยปรบมืออย่างชื่นชม “สุดยอดไปเลยค่ะคุณผู้ชาย ทั้งหล่อทั้งคอแข็ง มา ๆ ๆ เล่นเกมเป่ายิ้งฉุบดื่มเบียร์กันเถอะ”ตอนแรกมีแค่เธอกับเย่ซิวเล่นกัน แต่ไม่นานชูตงก็ถูกดึงเข้ามาร่วมวงด้วย“ฉันเล่นไม่เป็นนะ”“ไม่เป็นไรพี่ชูตง เดี๋ยวหนูสอนพี่เอง ง่ายจะตายไป”หลังจากสอนอยู่ไม่กี่ครั้ง ชูตงก็เริ่มเล่นได้อย่างคล่องแคล่วแต่เธอดันคออ่อน ดื่มไปไม่กี่กระป๋องก็หน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้ม มองอะไรก็เห็นเป็นภาพซ้อนเต็มไปหมด“พี่ชูตงนี่คออ่อนเก
เสี่ยวเหม่ยยังคงยั่วยวนเย่ซิวอย่างต่อเนื่องตอนแรกเย่ซิวยังพอทนได้ แต่หลังจากถูกยั่วยวนอยู่หลายครั้งเขาก็หมดความอดทนเขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก้าวยาว ๆ พาเธอเข้าไปในห้องนอนทันทีเสี่ยวเหม่ยที่อัดอั้นมานานบวกกับความมึนเมาทำให้เธอมีพลังเหลือล้นในช่วงชั่วโมงแรกเธอเหมือนอยู่ในสภาวะไร้สติ เคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณของร่างกายล้วน ๆแต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทว่ากลับไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอทำได้เพียงหลับตาลง พยายามไม่คิดว่าการกระทำนี้จะเป็นการทรยศคู่หมั้นของตัวเอง และทุ่มเททั้งกายและใจให้กับค่ำคืนนี้ในที่สุดหลังจากที่ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหม่ยก็นอนหอบหายใจหนักอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงเธอหันหลังให้เย่ซิว ทั้งไม่อยากและไม่กล้าหันไปมองเขาเย่ซิวเข้าใจดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเย็นจากนั้นเขาก็เดินไปดูชูตงที่กำลังนอนหลับอยู่เธอดูนอนหลับสบายมากเย่ซิวยิ้มบาง ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ ก่อนจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเดินกระเผลกไปยังห้องน้ำในห้องต
“พี่ชายที่แสนดีของหนู ปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปเถอะนะคะ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”เมื่อเห็นชูตงขอร้องอย่างจริงใจ เย่ซิวจึงยอมปล่อยเธอไปในที่สุดเธอรีบคว้าผ้าห่มมาพันตัวก่อนจะขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสลดน่าสงสาร แต่กลับเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกระดับเย่ซิวถึงกับนิ้วชี้กระตุก เลือดลมพลุ่งพล่านเสียงกระซิบในจิตใจคอยเร่งเร้าให้เขารีบคว้าผู้หญิงตรงหน้ามาครอบครองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของชูตงน่ากลัวเพียงใดแม้แต่เย่ซิวที่มีจิตใจมั่นคงยังต้องรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อชูตงเห็นสายตาดุร้ายดั่งสัตว์ป่าของเขา แม้จะหวาดกลัวในใจ แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย‘ผู้ชายคนนี้หลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้ว’แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา สีหน้าของชูตงก็เปลี่ยนไป ใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก‘ฉันคิดแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดเขาจะตาย มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ ๆ’เธอพยายามปลอบใจตัวเองราวกับสะกดจิตตัวเองเย่ซิวหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อระงับความปรารถนาในใจในขณะเดียวกัน ภาพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ผุดขึ้นมาในสมองขอ
เสี่ยวเหม่ยตกใจ และพูดอย่างรวดเร็วว่า "เปล่า เรากำลังคุยกันว่าคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่"“ไร้สาระ ใครจะอยากอยู่กับคนเลวคนนี้ล่ะ” จู่ ๆ ชูตงก็หน้าแดงขึ้นมา“งั้นเหรอ?” เสี่ยวเหม่ยมองเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือมากพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า“แน่นอนอยู่แล้ว”ชูตงเบี่ยงสายตาไปอย่างร้อนตัว ขายาวทั้งสองข้างก้าวไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีเพื่อบรรเทาความกระอักกระอ่วน“สวัสดีทุกคน ผมอากิตะ อิจิโร่จากประเทศอ่ายเหรินครับ”ทันทีที่เปิดทีวี ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาดุร้ายและเสียงหยาบกร้านก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ดึงดูดความสนใจของเย่ซิวได้ยินเพียงชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ผมเป็นหัวหน้าของโรงฝึกเคนโด้จากประเทศอ่ายเหริน การมาเยือนหลงเถิงในครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอื่นใด เพียงแต่ได้ยินมาว่าที่นี่คือต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์ดังนั้นผมจึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับยอดฝีมือทุกท่านเสียหน่อยอย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยต้นกำเนิดของวิชายุทธ์ควรเป็นประเทศอ่ายเหรินของเราถึงจะถูกเพราะมันถูกถ่ายทอดจากประเทศอ่ายเหรินมายังประเทศหลงเถิงเมื่อสามพันกว่าปีก่อนบนเส้นทางวรยุทธ์ ประเทศอ่ายเหรินควรจะ
เย่ซิวจะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ต่อไปเมื่อเย่ซิวมาถึงห้องทำงานของเขา เขาก็เปิดประตูและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสาวออฟฟิสกำลังก้มลงไปทำความสะอาดโต๊ะของตัวเองเธอมีรูปร่างที่ดีมาก เสื้อผ้าของเธอก็รัดแน่นเมื่อเธอโน้มตัวลงมา ทำให้เกิดส่วนโค้งที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นก็หันกลับมาและยิ้มให้เย่ซิวเบา ๆ "สวัสดีค่ะท่านประธาน"เย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่นก็คือหลัวฮุ่ยหมิ่น ซึ่งก็เป็นอาของหลัวอีอีรอยยิ้มของหลัวฮุ่ยหมิ่นไม่เปลี่ยนแปลง "ตอนนี้ฉันเป็นเลขาของคุณแล้ว คุณจะออกคำสั่งอะไรกับฉันก็ได้"ในคำพูดแฝงไว้ด้วยคำใบ้ที่เร้าใจ“เลขาเหรอ? ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้?”“ประธานเซี่ยสัมภาษณ์ฉันเป็นการส่วนตัว เธอบอกว่าคุณต้องการเลขาอยู่ข้าง ๆ หนึ่งคน”เย่ซิวเดินไปที่ที่นั่งของเขาแล้วนั่งลง "ด้วยสถานะและความสามารถของคุณ การเป็นเลขาของผมจะเสียดายความสามารถเกินไปหน่อย"“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ” หลัวฮุ่ยหมิ่นหัวเราะเบา ๆ "มีคนนับไม่ถ้วนที่ชิงกันเพื่อให้ได้เข้ามาที่นี่อย่างหัวหกก้นขวิด รวมทั้งตัวฉัน
สุดท้ายเขาก็เหยียบหน้าอีกฝ่ายด้วยเท้า แล้วยกนิ้วกลางไปที่กล้องตัวหนึ่ง“อ่อน ๆ ๆ อ่อนแอเกินไปแล้วจริง ๆ ยังไม่ทันจะได้อุ่นเครื่องก็ถูกฉันล้มแล้ว ยังจะมีใครขึ้นมาสู้กับฉันอีกไหม!”ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกปล่อยออกมา ก็ยิ่งทำให้เกิดความโกลาหลปั่นป่วนชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและ ต่างพากันทิ้งข้อความประณามไว้ด้านล่าง“จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินทำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนชี้แนะกันเฉย ๆ แท้ ๆ ถึงกับลงมือกะให้ตาย มิหนำซ้ำยังทำให้มือและเท้าของเขาพิการอีกด้วย”“ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการใช้เท้าเหยียบหน้าของเขา นี่เป็นการตบหน้าคนทั้งประเทศเราชัด ๆ”……สื่อหลายแห่งยังวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือดมากแต่คนจากประเทศอ่ายเหรินกลุ่มนั้นไม่แยแสเรื่องนี้แม้แต่น้อยยิ่งพูดมาอย่างหยิ่งยโสว่า "ถ้าพวกคุณเอาชนะเราไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถส่งกองทัพมาปราบพวกเราได้นะ!"คำพูดนี้เรียกได้ว่าหยิ่งอย่างถึงที่สุดแต่ประเทศหลงเถิงย่อมไม่สามารถทำเช่นนี้ในฐานะมหาอำนาจ ถ้าแม้แต่ความอดกลั้นแค่นี้ยังไม่มี จะต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนยิ่งจะถูกประเทศศัตรูใส่ร้าย
เธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นบิดเอวเซ็กซี่แล้วเดินเข้าไปข้างในนั้นถ้าเย่ซิวมองเธอ เขาก็จะเห็นตั้งแต่แวบแรกว่าลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยเมื่อเข้าไปในห้องนอน หลัวฮุ่ยหมิ่นก็ปิดประตูแล้วถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกเสื้อผ้าชุดนี้ของเธอมีลูกเล่นซ่อนอยู่ มันคือชุดที่ใส่ได้สองด้านด้านนี้เป็นชุดเดรสสีดำดูสง่างาม ส่วนอีกด้านเป็นกระโปรงสั้นสีขาวพร้อมด้วยดีไซน์เก๋ ๆ หลายอันพลิกเสื้อผ้ากลับด้านแล้ว อารมณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่สวมใส่จากเลขาสาวผู้สง่างาม พริบตาต่อมาเธอก็กลายเป็นสาวสวยหุ่นร้อนแรงแม้ว่าตอนนีั้เธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเธอก็เหมือนแต่งงานแล้วอย่างไรอย่างนั้นหลังจากส่องกระจก หลัวฮุ่ยหมิ่นก็เดินออกไปอย่างพึงพอใจมากในเวลานี้เย่ซิวได้ตรวจสอบข้อมูลเสร็จแล้วเมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นหลัวฮุ่ยหมิ่นเดินออกมากระโปรงสั้นนั้นโชว์หุ่นสุดร้อนแรงของเธอขาเรียวยาวคู่หนึ่ง แต่ก็มีเนื้อนวลทว่าไม่อ้วนมาก กำลังพอดี ดูแล้วนุ่มเด้งและขาวมากเมื่อเห็นสายตาของเย่ซิวที่เพ่งความสนใจมา หลัวฮุ่ยหมิ่นก็หมุนตัวเป็นวงกลม กระโปรงของเธอปลิวว่อนดังที่ทุกคนก็ทราบก
คนที่เคาะประตูอยู่ด้านนอกคือหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง อายุราวสี่สิบกว่าและมีหัวล้านหลังจากได้รับอนุญาตจากเย่ซิว เขาก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป“ประธานครับ มีข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรที่คุณกำลังมองหาแล้วครับ”เย่ซิวโน้มตัวไปข้างหน้า "บอกฉันมาเร็วว่ามันอยู่ที่ไหน"พักนี้การระงับพลังของตัวเองไว้นั้นทำให้เขาลำบากมาก ถ้าสามารถทะลวงระดับไปได้เร็วยิ่งขึ้น เขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วเร่งการบำเพ็ญตน ให้ความแข็งแกร่งพุ่งสูงขึ้นได้รวดเร็วอีกครั้ง“มันอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งหนึ่งครับ คนของเราสอบถามและได้รู้มาจากปากของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเคยเห็นพืชที่คล้ายกันนี้บนภูเขาแต่เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปในภูเขานั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ว่ากันว่าข้างในมีทั้งงูพิษและสัตว์ร้ายมากมายข้างในนั้น จึงไม่มีใครกล้าเยื้องย่างเข้าไป”หลัวฮุ่ยหมิ่นซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ สงบลงแล้วหลังจากความตื่นตระหนกในตอนแรกเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเห็นคางของเย่ซิวทันใดนั้น เธอก็นึกถึงวิดีโอที่ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกดเล่นตอนที่อีกฝ่ายสอนเธอ ฉากนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ทุกประการหัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อ
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ