ผู้จัดการมีสีหน้ามืดครึ้ม เบี่ยงตัวไปด้านข้างและพูดว่า "ท่านนี้คือประธานอวี่ เธอได้ยินเรื่องของคุณ ก็เลยมาที่นี่ด้วยตนเอง"แอร์โฮสเตสตกใจมาก เมื่อเธอเห็นอวี่เฟยเฟยยังเด็กมากขนาดนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสงสัยว่าเธอเกาะผู้ชายจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไรก็ตาม เธอไม่กล้าที่จะแสดงออกผ่านสีหน้า และแสร้งทำเป็นรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง "ขอบคุณบอสที่ตัดสินใจแทนฉัน"อวี่เฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เธอโอเคไหม?"แอร์โฮสเตสส่ายหัวของเธออวี่เฟยเฟยถามว่า "คนลามกนั่นอยู่ที่ไหน พาฉันไปดูหน่อย ถ้าเป็นเรื่องจริงเขาต้องชดใช้!"แอร์โฮสเตสก้าวออกไปและชี้ไปที่เย่ซิวซึ่งอยู่ในระยะไกล "คนนั้นแหละค่ะ"อวี่เฟยเฟยมองไปยังทิศทางที่นิ้วของเธอชี้ ฉับพลันร่างกายอันชดช้อยของเธอก็สั่นสะท้าน จากนั้นเธอก็จ้องมองแอร์โฮสเตสด้วยสีหน้าน่าเกลียด "เธอแน่ใจเหรอ?"แอร์โฮสเตสไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของอวี่เฟยเฟยผิดปกติไป และพูดอย่างหนักแน่นว่า "เป็นเขาค่ะ เขานี่แหละที่พยายามจะลวนลามฉันบนเครื่องบินยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดอย่างไร้ยางอายด้วยว่าเขาเป็นประธานบริษัทสตาร์รี่สกาย น่าขำจริง ๆ”อวี่เฟยเฟยกำหมัดของเธอแน่นใ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายประธาน เป็นหลี่คุน หลี่คุนต่างหากที่ขู่ให้ฉันทำเช่นนี้!”เมื่อต้องเผชิญกับการเลือกระหว่างไอดอลและอนาคตของตัวเอง แอร์โฮสเตสตัดสินใจเลือกอนาคตของเธออย่างไม่ลังเลหลี่คุนตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงชายที่เขาเยาะเย้ยเมื่อกี้นี้ มีภูมิหลังที่น่ากลัวเช่นนี้เลยเหรอ?เขาอยากที่จะตบตัวเองสักสองครั้งหลังจากได้ยินสิ่งที่แอร์โฮสเตสพูด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น "ไร้สาระ เห็นได้ชัดว่าคุณหวังใช้เต้าไต่ ยัดเยียดตัวเองมาให้ผม ผมไม่ได้ข่มขู่คุณ!"แอร์โฮสเตสโกรธมาก "คุณนั่นแหละที่ข่มขู่ฉัน!"ทั้งสองคนทะเลาะกันหนักเย่ซิวไม่มีเวลามาฟังพวกเขาตะโกนใส่กัน ตัดสินใจ ออกคำสั่งจัดการพวกเขาด้วยคำพูดที่เย็นชาอย่างมากก่อนอื่นเขามองไปที่แอร์โฮสเตส "คุณไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ศีลธรรมต่ำตม บริษัทขอยุติการจ้างงานกับคุณนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนอกจากนี้ คุณยังใส่ร้ายผู้อื่น ตามกฎหมายคุณจะต้องถูกจำคุกหนึ่งปีไม่ต้องเล่นลิ้น บนเครื่องบินมีกล้องวงจรปิด แก้ตัวไปก็มีแต่จะทำให้โทษของคุณหนักขึ้นเท่านั้น”ปึก!ขาของแอร์โฮสเตสอ่อนแรง เธอทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าซีดขาว ดูสิ้นหวังมากเย่ซิวมองไปที่หลี่
กริ๊งกริ๊งกริ๊ง!ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเบอร์โทรเข้า หัวใจก็เต้นตึก ๆ ตัก ๆ“ฮัลโหล ประธาน คุณโทรหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”จางหลี่ด่ากราดอย่างฉุนเฉียว "ไอ้โง่ ไม่มีสมองหรือไง กล้าไปทำให้บริษัทสตาร์รี่สกายขุ่นเคืองใจซะได้!ตอนนี้ฉันขอแจ้งให้นายทราบอย่างเป็นทางการว่า สัญญาของนายได้ถูกยกเลิกแล้ว!”หลี่คุนตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้วเขาพยายามโทรกลับไป แต่พบว่าโทรไม่ติด และเบอร์ก็โดนบล็อกไปแล้วด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงโทรหาผู้จัดการของเขา จากนั้นฝ่ายนั้นก็รับสายแต่แทนที่จะพูดด้วยความเคารพต่อเขาเหมือนเมื่อก่อน กลับพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบว่า“เป็นบ้าอะไรเนี่ย บริษัทยกเลิกสัญญากับนายไปแล้ว นายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ประตูของบริษัทอีกแม้เพียงครึ่งก้าวและก็อย่าคิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากบริษัทมีอำนาจเหนือคุณเยอะ”หลี่คุนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ผลกระทบในครั้งนี้รุนแรงมากสำหรับเขา จนเขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา“ฉันยังมีแฟนคลับอยู่ยี่สิบล้านคน และยังมีโอกาสคัมแบ็กกลับมา!”ทันทีที่เ
เนื่องจากได้มีการค้นพบเหมืองหินหยกบริเวณนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วจึงได้จัดเตรียมคนจำนวนมากขึ้น จากนั้นอพยพย้ายผู้เช่าในอาคารใกล้เคียงหลายแห่งออกไปโดยให้ย้ายไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น แต่ค่าเช่าก็ยังเหมือนกับที่นี่ เพราะส่วนต่างที่เกินมาบริษัทสตาร์รี่สกายจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าบริษัทสตาร์รี่สกายในปัจจุบันมีรายได้มหาศาลต่อวัน ฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการจ่ายค่าเช่าจำนวนนี้ในไซต์งานก่อสร้าง มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือหลายร้อยคนที่คอยเฝ้าอยู่ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัวตนอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่สถานที่นี้จากในความมืด“วิชาล่องหน!”ชายที่อยู่ในความมืดผู้นั้น ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนคนหนึ่งเขาล่องหนปกปิดกาย จากนั้นเดินผ่านเหล่าจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่เดินไปมาอยู่อย่างชิวๆ เมื่อมาถึงหลุมใหญ่แล้ว จึงกระโดดลงไปเขาร่อนลงไปที่ก้นหลุมอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นฉากตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็แสดงสีหน้าดีใจมาก "ถึงกับเป็น..."......“เยี่ยมมาก ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเย่ซิว เซี
เขย่าสมบัติเวทมนตร์ให้แรง เพื่อทำการฝึกให้เซี่ยซิ่วซิ่วแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตอยู่จำนวนมากแล้วหยกเหล่านี้แทบไม่มีสิ่งเจือปน นับได้ว่ามีคุณภาพสูงสุดใต้ดินนั้นถูกเย่ซิวขุดเป็นทางเดินยาวกว่าสิบเมตรเขาใช้คาถาสร้างเสาหลายต้นรอบ ๆ ตัวเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าทางเดินนี้จะพังทลายลงมาเซี่ยซิ่วซิ่วเช็ดปากของเธอ แล้วเดินตามเย่ซิวไปหลังจากจ่าย 'ค่าตอบแทน' ไปแล้ว เธอก็ได้รู้ว่าเย่ซิวได้ก้าวข้ามจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว และเข้าสู่ระดับผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในตำนานเรื่องนี้ทำให้เธอตกใจและภูมิใจมากยิ่งขึ้นผู้ชายของตัวเองเป็นคนทรงพลังที่สุดในโลกไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบผู้ชายแข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในยีนในสายเลือด“ติ๊ง!”เย่ซิวแทงกระบี่ของเขาไปข้างหน้า แต่คราวนี้เขาเผชิญกับแรงต้าน เสียงที่กระจ่างใสดังออกมาเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ และพบว่าได้ขุดเจอสิ่งที่แตกต่างออกไปแล้วมันเป็นแร่สีแดงเพลิงขนาดประมาณฝ่ามือที่ส่งความร้อนออกมากระบี่หงส์โบยบินในมือของเขาสั่นทันที บังเกิดความรู้สึกเร่งเร้าหัวใจของเย่ซิวไหววูบ เขามองลงไปที่กระบี่หงส์โบยบิน "แกอยากได้หินก้อนนั้น?"
ระยะเวลาเพียงสองวัน เซี่ยซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนจากขั้นต้นระดับหกพุ่งสู่ขั้นสูงสุดระดับหกหากข่าวความเร็วการทะลวงระดับนี้เผยแพร่ออกไปจะต้องทำให้ชาวโลกตะลึงอย่างแน่นอนในแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตมากกว่าสิบตันแล้วสำหรับศิลาวิญญาณนั้น ภายหลังมีการขุดพบก้อนใหญ่อีกหลายก้อนเขาตัดมันตามขนาดของศิลาวิญญาณชิ้นแรกที่ได้รับ ตอนนี้มีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบก้อนโชคดีที่แหวนผนึกของมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงใส่ไม่พอแน่ ๆเขาทำการเจาะอุโมงค์ไปแล้วหลายพันเมตรช่วงพลบค่ำ ในที่สุดเขาก็ได้ขุดแร่จากที่นี่ไปจนหมดเย่ซิวถือกระบี่หงส์โบยบินแบบขวาง ด้วยสีหน้าตื่นเต้นหลังจากที่กระบี่เล่มนี้ดูดซับแร่สีแดงเพลิงหลายร้อยก้อนแล้ว บนพื้นผิวของกระบี่ก็ปรากฏแสงสีแดงแหวกว่ายอยู่หากมองดีๆ จะเหมือนลาวาที่กำลังไหลเดือดพล่าน ช่างสวยงามยิ่งนักลวดลายหงส์บนกระบี่ก็ชัดเจนขึ้นมากเขาจ้องมองลวดลายนั้นเป็นเวลานาน ราวกับว่าหงส์จะพุ่งออกมาจากกระบี่อย่างไรอย่างนั้น“ติ๊ง!”เย่ซิวใช้นิ้วดีดลงบนกระบี่ และดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงดังกังวานก้องหูเสียงกังวานนี้มีพลังพิเศษอย่างยิ่ง มันสั่นสะเทือนจิตสำนึกของเขาหลังจา
ประเภทที่สอง เย่ซิวเลือกใช้ 'วิชาศีตละ' แกะสลักบนจี้หยกนี่คือเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เชิงรุกประเภทหนึ่งหลังจากหลอมเสร็จแล้ว ได้หยดเลือดลงไปหนึ่งหยดหากเผชิญอันตราย เพียงแค่ท่องคาถาออกมาดัง ๆ อาคมในจี้หยกก็จะทำงานทันทีเกิดความหนาวจัดในระยะห้าเมตรโดยมีร่างกายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงสำหรับประเภทที่สองนี้ เย่ซิวทำสำเร็จหลังจากล้มเหลวไม่กี่ครั้งและทำออกมาสองร้อยชิ้นเช่นเดียวกันจากนั้นก็มีวิชาวิญญาณวายุ วิชาแปลงศิลา และที่สำคัญที่สุดคือวิชาส่งสัญญาณภัยวิชาส่งสัญญาณภัยเป็นแบบจัดเต็มครบชุดเย่ซิวเก็บ 'ตัวแม่' หนึ่งชิ้นไว้กับตัว จากนั้นค่อยผลิต 'ตัวลูก' ออกมาจำนวนมากตราบใดที่ตัวลูกส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เย่ซิวจะสามารถระบุตำแหน่งได้ทันทีและออกไปช่วยเหลือหลังจากยุ่งมาทั้งคืน เย่ซิวรู้สึกเหนื่อยล้ามาก พลังวิญญาณในจุดตันเถียนของเขาว่างเปล่าไม่มีเหลือหลังจากดื่มสุราวิญญาณไปสองสามจิบ แล้วนั่งสมาธิเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง พลังวิญญาณก็ได้รับการเติมเต็ม และพัฒนาดียิ่งขึ้นเมื่อดูเวลา พบว่าขณะนี้เป็นเวลาตีห้าแล้วเขาผล็อยหลับไปทันทีแม้ว่าเขาไม่ต้องนอนตอนนี
หลังจากซักถามอย่างละเอียดแล้วจึงได้รู้เหตุผลมันอดคิดถึงใครบางคนไม่ได้ก็เลยมาหาคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวยังไม่กลับมา ไม่ได้เจอเขาเลยครั้งหนึ่งตอนที่ออกไปซื้อของกับหลานสาว ถูกหลัวจิ่นเห็นเข้า จากนั้นเขาก็เริ่มตามจีบเธออย่างบ้าคลั่งทันทีแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ชอบเขาจึงบอกปฏิเสธต่อหน้าไปแล้วแต่หลัวจิ่นคนนี้ไม่ยอมตัดใจ ขอดันทุรังต่อเดิมทีหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นอยากมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดวันนี้ แต่หลัวจิ่นตามมาด้วยและเขาใช้เงินไล่ทุกคนออกไปจากที่นี่แล้วให้คนมากมายมายืนถือดอกไม้และเล่นไวโอลิน ช่างโรแมนติกสุด ๆผู้หญิงทั่วไปอาจจะชอบและตอบตกลงไปแล้วแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นกลับไม่แยแส และแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างสุดซึ้งหลัวจิ่นถือดอกไม้ราคานับล้านบาท และมองหลัวฮุ่ยหมิ่นอย่างเสน่หา“ฮุ่ยหมิ่น ผมชอบคุณมากจริง ๆผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นขอแค่คุณยอมคบกับผม ต่อไปเราแต่งงานกันแล้ว ทรัพย์สินมูลค่านับนับหมื่นล้านของตระกูลผมจะยกให้คุณดูแลทั้งหมด”ผู้หญิงที่หลัวจิ่นเชิญมาถือดอกไม้ต่างพากันตื้นตันใจถ้าเป็นตัวเองคงตอบตกลงไปนานแล้วเขามีทรัพย์สินนับหมื่นล้านตั้งแต่ยังหนุ่ม และที่สำคัญหล่อขนาดนี้
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ