หลัวฮุ่ยหมิ่นรำคาญหลัวจิ่นมาก เธอขมวดคิ้วอย่างเย็นชา และตะโกนไปว่า "สรุปคุณจะหลีกทางให้ไหม?"หลัวจิ่นยิ้มอย่างขมขื่น "อย่าทําแบบนี้เลย ผมจริงใจกับคุณจริง ๆ โตจนป่านนี้ผมยังไม่เคยมีความรักเลย คุณเป็นรักเดียวของผมนะ"“ฮ่าฮ่า คำพูดของคุณมันปลอมมาก” เย่ซิวเดินเข้ามาและพูดอย่างใจเย็น "สังเกตจากเส้นลมปราณของคุณ เกรงว่าคุณเสียหยางดั้งเดิมไปตั้งแต่อายุสิบกว่าปีแล้ว"หลัวจิ่นหันกลับมา และมองเย่ซิวอย่างอิจฉาริษยาผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าช่างสมบูรณ์แบบมาก เอาตัวเองไปยืนข้างเขามันเทียบกันไม่ติดเลย“เย่ซิว!”เมื่อหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นเห็นเขา พวกเธอดีใจทันทีและรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็วสาวงามสองคน คนหนึ่งสาวใหญ่คนหนึ่งสาวน้อย แยกกันจับแขนคนละข้างของเย่ซิวและพูดว่า“เย่ซิว ในที่สุดนายก็มาแล้ว”ว้าว ทำไมนายถึงหล่อขึ้นอีกแล้ว แถมยังบุคลิกดีขนาดนี้อีก ยืนข้างนายแล้วรู้สึกต่ำต้อยไปเลย”“ฉันหิวแล้วอ่ะ เลี้ยงข้าวฉันหน่อยสิ”“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงฉันบ้างไหม?”…… เมื่อหลัวจิ่นเห็นว่าผู้หญิงที่ตนเองตามจีบอย่างหนักไม่ไว้หน้าเขาเลย กลับไปหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวผู้ชายอีกคน ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นด
หลัวจิ่นมองเย่ซิวอย่างภาคภูมิใจ "ทำไม ไม่กล้าพูดเหรอ? อึ้งจนพูดไม่ออกหรือไง?ฉันแนะนำให้คุณเลิกยุ่งกับฮุ่ยหมิ่นโดยเร็ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างคุณสมควรได้ครอบครอง”เย่ซิวส่ายหน้าอย่างจำใจ "จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยเหรอ จะให้ผมตบหน้าคุณสักทีถึงจะพอใจใช่ไหม?"พูดจบเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบจี้หยกกับแหวนหยกออกมาจำนวนหนึ่ง ความเป็นจริงคือเอามันออกมาจากแหวนผนึกของซึ่งเดิมทีตั้งใจจะมอบให้หลัวอีอีแต่ในเมื่อหลัวฮุ่ยหมิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเอาให้เธอสักหน่อยดีกว่า“จี้หยกนี้ผมขอมอบให้คุณ ห้อยมันไม้กับตัวแล้วคุณจะปลอดภัยฝากเอาไปให้นายท่านหลัวและพี่ชายของคุณคนละชิ้นด้วยส่วนแหวน พวกคุณเอาไปคนละหนึ่งวง”“ว้าว สวยจังเลย!”“มันคืออะไร? ดูแพงมากเลย”สาวงามทั้งสองตกใจกับสิ่งที่เย่ซิวหยิบออกมาหากเปรียบหยกขาวมันแพะของหลัวจิ่นเป็นม้าธรรมดา งั้นของเย่ซิวก็คงเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งสองสิ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นชอบจี้หยกที่เย่ซิวให้มากจนวางไม่ลงทันใดนั้นพวกเธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ทำให้ใบหน้าแดงก่ำไปหมดเย่ซิวมอบแหว
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่มีดพับจะทำอันตรายใด ๆ แก่เย่ซิวได้เขามองดูหลัวอีอีในอ้อมแขนที่หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด และร้องไห้โฮดั่งดอกท้อต้องฝน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณร้องไห้ทำไม ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย"มีดพับหยุดชะงักห่างจากหลังของเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร ดูเหมือนว่ามีมือที่มองไม่เห็นคว้าไว้ ทำให้มันไม่สามารถไปต่อได้สีหน้าของหลัวจิ่นเปลี่ยนไปอย่างมาก และแม้จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่เขามีก็ไม่สามารถดันเข้าไปได้อีก ทันใดนั้นเขาก็อุทาน "มันเป็นไปได้อย่างไร?!"เขาเป็นคนมีวิทยายุทธ และไม่ใช่ไก่อ่อนฉากตรงหน้าทําให้เขานึกถึงคําพูดที่ว่า…การปลดปล่อยกำลังภายใน!ปัง!เย่ซิวหันกลับมาเตะเข้าที่สีข้างของเขา จนเขากระเด็นไปบนกำแพง โดยที่ยังห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้น ไม่แม้ขยับเขยื้อนเย่ซิวควบคุมพลังได้ดีมาก เพียงแค่ทำให้ซี่โครงของเขาหักหลายสิบซี่เท่านั้น ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตการฆ่าเขาโดยตรงมันไม่สามารถลดทอนความแค้นความเกลียดชังในใจเย่ซิวได้หลัวอีอีรีบวิ่งไปที่ด้านหลังเย่ซิว เมื่อเห็นว่าหลังของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเย่ซิวลูบศีรษะของเธอ "เด็กโง่ ต่อไปอย่าทำเรื่องโง่ ๆ แบ
แต่ตอนนี้เหลือเพียงความตื่นตระหนกและสิ้นหวังเท่านั้นเขารู้เรื่องราววงในมากมาย แม้แต่ตระกูลชั้นนำทรงอิทธิพลอย่างตระกูลเย่และตระกูลฉีต่างก็ต้องก้มหัวให้เย่ซิวเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว ตระกูลหลัวของเขาเปรียบเหมือนมด ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง“ปึก!”เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวโดยไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่โขกหัวไม่หยุดเย่ซิวมองเขาอย่างเย็นชา และไม่ได้บอกให้เขาหยุดเขาคำนับหลายร้อยครั้งติดต่อกันจนหน้าผากโชกไปด้วยเลือดก่อนที่เขาจะหยุด“ขอโทษครับคุณเย่ ผมสั่งสอนลูกไม่ดีพอ เลยทำให้ลูกอกตัญญูคนนี้บังอาจก้าวร้าวกับคุณคุณไม่ต้องกังวล ผมจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่คุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลัวจิ่นหลัวจิ่นไหลลงมาจากกำแพงแล้ว เมื่อเห็นพ่อของตัวเอง เขาตื่นกลัวและตัวสั่นเล็กน้อยเขาอยากจะพูด แต่ตอนนี้ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเลยพ่อของหลัวจิ่นคุกเข่าลงและเอามือลูบศีรษะของเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "พ่อตามใจลูกมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อทําหน้าที่ของพ่อคนหนึ่งอย่างเต็มที่แล้วเมื่อก่อนลูกสร้างปัญหา พ่อหาทางจัดการให้ได้ทุกเรื่องแต่คราวนี้ต่างออกไป พลังของคนที่ลูกมีเรื่องด้วยน
“ฉัน…” หลัวอีอีแสดงสีหน้าลังเลแต่ก่อนเธอจินตนาการมาตลอดว่ามันจะเป็นความรักหวานชื่นและช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนสองคนแต่ถ้าเลือกอยู่กับเย่ซิว เห็นได้ชัดว่าจะต้องเสียสละบางอย่างเกิดความขัดแย้งภายในใจของเธอ และในที่สุดเธอก็เกาหัวอย่างหงุดหงิด "โอ๊ย ไม่สนแล้ว เรื่องของอนาคตค่อยว่ากันทีหลังเพราะยังไงตอนนี้ฉันชอบนายมาก ๆ อยู่ด้วยกันก็อยู่มาแล้วไม่มีใครสามารถคาดเดาเรื่องของอนาคตได้ บางทีฉันอาจจะเบื่อนายและทิ้งนายไปเองก็ได้”เย่ซิวหัวเราะในเมื่อสาวน้อยพูดเช่นนั้น เขาจึงไม่พูดอะไรที่ห้ามปรามเธออีกต่อไปทั้งสองไปที่บ้านของหลัวอีอีเย่ซิวไม่ได้รีบร้อนที่จะเผด็จศึกในทันที แต่ใช้พลังวิญญาณปรับปรุงสมรรถภาพทางกายให้เธอก่อนหลัวอีอีไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตลอดกระบวนการมันทำให้เธอรู้สึกดีมากโชคดีที่ห้องเก็บเสียงได้ดีเยี่ยมหลังจากนั้นเย่ซิวก็หยิบโอสถออกมาให้เธอกินใช้วิธีการบังคับทำให้หลัวอีอีทะลวงสู่จอมยุทธ์ระดับสี่จากนั้นหลัวอีอีก็หลับไป ไม่มีความคืบหน้าอย่างจริงจังระหว่างทั้งสองเย่ซิวไม่รีบร้อน ค่อย ๆ บ่มเพาะไปอย่างช้า ๆ สักระยะหนึ่งก่อน รสชาติถึงจะหวานอร่อยยิ่งขึ
“ฉันเปล่าสักหน่อย ก็แค่...ก็แค่…” เซี่ยซิ่วซิ่วเขินอายเล็กน้อย ลังเลอยู่นานแต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำเย่ซิวหัวเราะเสียงดัง เซี่ยซิ่วซิ่วที่เป็นเช่นนี้ดูน่ารักมากเขาไม่ได้แกล้งเธออีก แล้วสัญญาว่าในคืนนี้จะกลับไปหาหลังจากวิดีโอคอล เซี่ยซิ่วซิ่วก็มีความสุขมาก คืนนี้เธอจะได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่เธอรักที่สุดอีกแล้ว...เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมา รัวนิ้วพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ ดำเนินการตามกลยุทธ์ทั้งหมดที่เย่ซิวมอบให้…… ทางเหนือ ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาและป่าเก่าแก่สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกพิษตลอดทั้งปี แทบจะไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามา ถูกแยกออกจากโลกภายนอกแทบจะโดยสมบูรณ์ในสถานที่แบบนี้ มีสำนักเก่าแก่และทรงพลังที่ชื่อว่า…สำนักเบญจพิษตั้งอยู่!มีคนหลายร้อยคนที่นี่ และพวกเขายังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมที่สุดดื่มจากบ่อน้ำ เพาะปลูก และล่าสัตว์เซี่ยชิงชิงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้วเธอยืนอยู่บนยอดเขา มองดูบ้านเรือนที่กระจัดกระจายด้านล่างด้วยสีหน้าไม่แยแสเธออายุเพียงสิบแปดปี แต่ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงรอยยิ้มมานานแล้วที่อยู่ข
“คุณสามารถกำจัดแมลงพิษออกจากตัวฉันได้จริงเหรอ?” เซี่ยชิงชิงรู้สึกประหลาดใจมากคุณลี่กล่าว "แน่นอน ก็แค่แมลงพิษตัวเล็ก ๆ เอง"เห็นเพียงเขาสะบัดมือ ขวดหยกก็บินมาอยู่ต่อหน้าเซี่ยชิงชิง "เปิดมันดูสิ"เซี่ยชิงชิงเปิดขวดหยก มีกลิ่นหอมแปลก ๆ สายหนึ่งลอยออกมาเธอเทของข้างในออกมา ร่างกายอันละเอียดอ่อนของเธอฉับพลันนั้นก็สั่นสะท้านนั่นเป็นยาเม็ดใสที่เปล่งแสงเจิดจ้าภายใต้แสงแดด“โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกราย” เซี่ยชิงชิงอุทาน และมองดูยาในมือของเธอด้วยความเหลือเชื่อเธอเคยเห็นสิ่งนี้ในคัมภีร์โบราณของสำนักเบญจพิษมาก่อนวิธีการกลั่นและวัตถุดิบยา หายสาบสูญไปนานแล้ว“ถูกต้อง มันคือโอสถร้อยพิษไม่กล้ำกราย พูดให้ชัด แมลงพิษบนร่างกายของเธอก็เป็นพิษชนิดหนึ่ง หลังจากที่เธอกินมันเข้าไป พิษก็จะถูกถอนออกไป”เซี่ยชิงชิงวางมันไว้ใต้จมูกของเธอแล้วสูดดม เพื่อยืนยันว่ากลิ่นนั้นเหมือนกับที่อธิบายไว้ในคัมภีร์โบราณทุกประการหรือไม่ เธอมั่นใจเพียงครึ่งเดียว จึงยังไม่กลืนมันลงไปอย่างหุนหันพลันแล่นคุณลี่เห็นเธอแสดงออกแบบนี้ ก็พูดว่า "ยังไม่วางใจ? ฉันน่ะทะลวงผ่านจอมจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว และเข้าสู่ขั้นสร้างพื้นฐานแล
เมื่อควบคุมพิษในตัวได้แล้ว ก็โทรหาพี่สาวแล้วบอกเธอว่าคิดถึง ตอนนี้พี่สาวเธอเป็นหนึ่งในคนสำคัญของเย่ซิวแล้วขอแค่ลดทิฐิลงสักนิดและกลับไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ค่อยหาโอกาสเข้าใกล้เย่ซิว แล้วเรื่องวางยาพิษจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ”คำพูดนี้ทำให้เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวั่นไหว“ตกลง ฉันจะทำ!”คิดเพียงไม่นานเธอก็ตอบตกลงในทันที ในช่วงเวลาที่อยู่กับสำนักเบญจพิษ ความแค้นของเธอที่มีต่อเย่ซิวก็เริ่มสะสมขึ้นเรื่อย ๆตอนนี้ก็มีโอกาสได้แก้แค้นแล้ว เธอไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน“ดี งั้นฉันขอให้เธอประสบความสำเร็จเร็ว ๆ ก็แล้วกัน!”สายลมพัดผ่านอีกครั้ง คุณลี่ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเซี่ยชิงชิงกำยาพิษในมือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต “เย่ซิว เราจะได้เห็นดีกัน!”……คืนนี้สาว ๆ หลายคนกลับมาที่บ้านกันหมดส่วนเย่ซิวก็กลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง พอเห็นเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สาว ๆ ต่างทิ้งท่าทีสำรวมและมาล้อมรอบเขากลิ่นหอมจากร่างกายของพวกเธอลอยมาแตะจมูกทันที กระตุ้นให้เลือดในกายเย่ซิวสูบฉีดเร็วขึ้นระหว่างที่กลับบ้าน เย่ซิวได้แวะไปสวนสมุนไพรเพื่อเก็บเครื่องยาสมุนไพรจำนวนมากมากลั่นเ
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ