กริ๊งกริ๊งกริ๊ง!ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเบอร์โทรเข้า หัวใจก็เต้นตึก ๆ ตัก ๆ“ฮัลโหล ประธาน คุณโทรหาผม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”จางหลี่ด่ากราดอย่างฉุนเฉียว "ไอ้โง่ ไม่มีสมองหรือไง กล้าไปทำให้บริษัทสตาร์รี่สกายขุ่นเคืองใจซะได้!ตอนนี้ฉันขอแจ้งให้นายทราบอย่างเป็นทางการว่า สัญญาของนายได้ถูกยกเลิกแล้ว!”หลี่คุนตกใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้วเขาพยายามโทรกลับไป แต่พบว่าโทรไม่ติด และเบอร์ก็โดนบล็อกไปแล้วด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงโทรหาผู้จัดการของเขา จากนั้นฝ่ายนั้นก็รับสายแต่แทนที่จะพูดด้วยความเคารพต่อเขาเหมือนเมื่อก่อน กลับพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบว่า“เป็นบ้าอะไรเนี่ย บริษัทยกเลิกสัญญากับนายไปแล้ว นายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ประตูของบริษัทอีกแม้เพียงครึ่งก้าวและก็อย่าคิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากบริษัทมีอำนาจเหนือคุณเยอะ”หลี่คุนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ผลกระทบในครั้งนี้รุนแรงมากสำหรับเขา จนเขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา“ฉันยังมีแฟนคลับอยู่ยี่สิบล้านคน และยังมีโอกาสคัมแบ็กกลับมา!”ทันทีที่เ
เนื่องจากได้มีการค้นพบเหมืองหินหยกบริเวณนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วจึงได้จัดเตรียมคนจำนวนมากขึ้น จากนั้นอพยพย้ายผู้เช่าในอาคารใกล้เคียงหลายแห่งออกไปโดยให้ย้ายไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น แต่ค่าเช่าก็ยังเหมือนกับที่นี่ เพราะส่วนต่างที่เกินมาบริษัทสตาร์รี่สกายจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าบริษัทสตาร์รี่สกายในปัจจุบันมีรายได้มหาศาลต่อวัน ฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการจ่ายค่าเช่าจำนวนนี้ในไซต์งานก่อสร้าง มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือหลายร้อยคนที่คอยเฝ้าอยู่ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัวตนอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่สถานที่นี้จากในความมืด“วิชาล่องหน!”ชายที่อยู่ในความมืดผู้นั้น ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนคนหนึ่งเขาล่องหนปกปิดกาย จากนั้นเดินผ่านเหล่าจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่เดินไปมาอยู่อย่างชิวๆ เมื่อมาถึงหลุมใหญ่แล้ว จึงกระโดดลงไปเขาร่อนลงไปที่ก้นหลุมอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นฉากตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็แสดงสีหน้าดีใจมาก "ถึงกับเป็น..."......“เยี่ยมมาก ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเย่ซิว เซี
เขย่าสมบัติเวทมนตร์ให้แรง เพื่อทำการฝึกให้เซี่ยซิ่วซิ่วแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตอยู่จำนวนมากแล้วหยกเหล่านี้แทบไม่มีสิ่งเจือปน นับได้ว่ามีคุณภาพสูงสุดใต้ดินนั้นถูกเย่ซิวขุดเป็นทางเดินยาวกว่าสิบเมตรเขาใช้คาถาสร้างเสาหลายต้นรอบ ๆ ตัวเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าทางเดินนี้จะพังทลายลงมาเซี่ยซิ่วซิ่วเช็ดปากของเธอ แล้วเดินตามเย่ซิวไปหลังจากจ่าย 'ค่าตอบแทน' ไปแล้ว เธอก็ได้รู้ว่าเย่ซิวได้ก้าวข้ามจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว และเข้าสู่ระดับผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในตำนานเรื่องนี้ทำให้เธอตกใจและภูมิใจมากยิ่งขึ้นผู้ชายของตัวเองเป็นคนทรงพลังที่สุดในโลกไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบผู้ชายแข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในยีนในสายเลือด“ติ๊ง!”เย่ซิวแทงกระบี่ของเขาไปข้างหน้า แต่คราวนี้เขาเผชิญกับแรงต้าน เสียงที่กระจ่างใสดังออกมาเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ และพบว่าได้ขุดเจอสิ่งที่แตกต่างออกไปแล้วมันเป็นแร่สีแดงเพลิงขนาดประมาณฝ่ามือที่ส่งความร้อนออกมากระบี่หงส์โบยบินในมือของเขาสั่นทันที บังเกิดความรู้สึกเร่งเร้าหัวใจของเย่ซิวไหววูบ เขามองลงไปที่กระบี่หงส์โบยบิน "แกอยากได้หินก้อนนั้น?"
ระยะเวลาเพียงสองวัน เซี่ยซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนจากขั้นต้นระดับหกพุ่งสู่ขั้นสูงสุดระดับหกหากข่าวความเร็วการทะลวงระดับนี้เผยแพร่ออกไปจะต้องทำให้ชาวโลกตะลึงอย่างแน่นอนในแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตมากกว่าสิบตันแล้วสำหรับศิลาวิญญาณนั้น ภายหลังมีการขุดพบก้อนใหญ่อีกหลายก้อนเขาตัดมันตามขนาดของศิลาวิญญาณชิ้นแรกที่ได้รับ ตอนนี้มีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบก้อนโชคดีที่แหวนผนึกของมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงใส่ไม่พอแน่ ๆเขาทำการเจาะอุโมงค์ไปแล้วหลายพันเมตรช่วงพลบค่ำ ในที่สุดเขาก็ได้ขุดแร่จากที่นี่ไปจนหมดเย่ซิวถือกระบี่หงส์โบยบินแบบขวาง ด้วยสีหน้าตื่นเต้นหลังจากที่กระบี่เล่มนี้ดูดซับแร่สีแดงเพลิงหลายร้อยก้อนแล้ว บนพื้นผิวของกระบี่ก็ปรากฏแสงสีแดงแหวกว่ายอยู่หากมองดีๆ จะเหมือนลาวาที่กำลังไหลเดือดพล่าน ช่างสวยงามยิ่งนักลวดลายหงส์บนกระบี่ก็ชัดเจนขึ้นมากเขาจ้องมองลวดลายนั้นเป็นเวลานาน ราวกับว่าหงส์จะพุ่งออกมาจากกระบี่อย่างไรอย่างนั้น“ติ๊ง!”เย่ซิวใช้นิ้วดีดลงบนกระบี่ และดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงดังกังวานก้องหูเสียงกังวานนี้มีพลังพิเศษอย่างยิ่ง มันสั่นสะเทือนจิตสำนึกของเขาหลังจา
ประเภทที่สอง เย่ซิวเลือกใช้ 'วิชาศีตละ' แกะสลักบนจี้หยกนี่คือเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เชิงรุกประเภทหนึ่งหลังจากหลอมเสร็จแล้ว ได้หยดเลือดลงไปหนึ่งหยดหากเผชิญอันตราย เพียงแค่ท่องคาถาออกมาดัง ๆ อาคมในจี้หยกก็จะทำงานทันทีเกิดความหนาวจัดในระยะห้าเมตรโดยมีร่างกายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงสำหรับประเภทที่สองนี้ เย่ซิวทำสำเร็จหลังจากล้มเหลวไม่กี่ครั้งและทำออกมาสองร้อยชิ้นเช่นเดียวกันจากนั้นก็มีวิชาวิญญาณวายุ วิชาแปลงศิลา และที่สำคัญที่สุดคือวิชาส่งสัญญาณภัยวิชาส่งสัญญาณภัยเป็นแบบจัดเต็มครบชุดเย่ซิวเก็บ 'ตัวแม่' หนึ่งชิ้นไว้กับตัว จากนั้นค่อยผลิต 'ตัวลูก' ออกมาจำนวนมากตราบใดที่ตัวลูกส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เย่ซิวจะสามารถระบุตำแหน่งได้ทันทีและออกไปช่วยเหลือหลังจากยุ่งมาทั้งคืน เย่ซิวรู้สึกเหนื่อยล้ามาก พลังวิญญาณในจุดตันเถียนของเขาว่างเปล่าไม่มีเหลือหลังจากดื่มสุราวิญญาณไปสองสามจิบ แล้วนั่งสมาธิเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง พลังวิญญาณก็ได้รับการเติมเต็ม และพัฒนาดียิ่งขึ้นเมื่อดูเวลา พบว่าขณะนี้เป็นเวลาตีห้าแล้วเขาผล็อยหลับไปทันทีแม้ว่าเขาไม่ต้องนอนตอนนี
หลังจากซักถามอย่างละเอียดแล้วจึงได้รู้เหตุผลมันอดคิดถึงใครบางคนไม่ได้ก็เลยมาหาคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวยังไม่กลับมา ไม่ได้เจอเขาเลยครั้งหนึ่งตอนที่ออกไปซื้อของกับหลานสาว ถูกหลัวจิ่นเห็นเข้า จากนั้นเขาก็เริ่มตามจีบเธออย่างบ้าคลั่งทันทีแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ชอบเขาจึงบอกปฏิเสธต่อหน้าไปแล้วแต่หลัวจิ่นคนนี้ไม่ยอมตัดใจ ขอดันทุรังต่อเดิมทีหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นอยากมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดวันนี้ แต่หลัวจิ่นตามมาด้วยและเขาใช้เงินไล่ทุกคนออกไปจากที่นี่แล้วให้คนมากมายมายืนถือดอกไม้และเล่นไวโอลิน ช่างโรแมนติกสุด ๆผู้หญิงทั่วไปอาจจะชอบและตอบตกลงไปแล้วแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นกลับไม่แยแส และแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างสุดซึ้งหลัวจิ่นถือดอกไม้ราคานับล้านบาท และมองหลัวฮุ่ยหมิ่นอย่างเสน่หา“ฮุ่ยหมิ่น ผมชอบคุณมากจริง ๆผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นขอแค่คุณยอมคบกับผม ต่อไปเราแต่งงานกันแล้ว ทรัพย์สินมูลค่านับนับหมื่นล้านของตระกูลผมจะยกให้คุณดูแลทั้งหมด”ผู้หญิงที่หลัวจิ่นเชิญมาถือดอกไม้ต่างพากันตื้นตันใจถ้าเป็นตัวเองคงตอบตกลงไปนานแล้วเขามีทรัพย์สินนับหมื่นล้านตั้งแต่ยังหนุ่ม และที่สำคัญหล่อขนาดนี้
หลัวฮุ่ยหมิ่นรำคาญหลัวจิ่นมาก เธอขมวดคิ้วอย่างเย็นชา และตะโกนไปว่า "สรุปคุณจะหลีกทางให้ไหม?"หลัวจิ่นยิ้มอย่างขมขื่น "อย่าทําแบบนี้เลย ผมจริงใจกับคุณจริง ๆ โตจนป่านนี้ผมยังไม่เคยมีความรักเลย คุณเป็นรักเดียวของผมนะ"“ฮ่าฮ่า คำพูดของคุณมันปลอมมาก” เย่ซิวเดินเข้ามาและพูดอย่างใจเย็น "สังเกตจากเส้นลมปราณของคุณ เกรงว่าคุณเสียหยางดั้งเดิมไปตั้งแต่อายุสิบกว่าปีแล้ว"หลัวจิ่นหันกลับมา และมองเย่ซิวอย่างอิจฉาริษยาผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าช่างสมบูรณ์แบบมาก เอาตัวเองไปยืนข้างเขามันเทียบกันไม่ติดเลย“เย่ซิว!”เมื่อหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นเห็นเขา พวกเธอดีใจทันทีและรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็วสาวงามสองคน คนหนึ่งสาวใหญ่คนหนึ่งสาวน้อย แยกกันจับแขนคนละข้างของเย่ซิวและพูดว่า“เย่ซิว ในที่สุดนายก็มาแล้ว”ว้าว ทำไมนายถึงหล่อขึ้นอีกแล้ว แถมยังบุคลิกดีขนาดนี้อีก ยืนข้างนายแล้วรู้สึกต่ำต้อยไปเลย”“ฉันหิวแล้วอ่ะ เลี้ยงข้าวฉันหน่อยสิ”“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงฉันบ้างไหม?”…… เมื่อหลัวจิ่นเห็นว่าผู้หญิงที่ตนเองตามจีบอย่างหนักไม่ไว้หน้าเขาเลย กลับไปหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวผู้ชายอีกคน ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นด
หลัวจิ่นมองเย่ซิวอย่างภาคภูมิใจ "ทำไม ไม่กล้าพูดเหรอ? อึ้งจนพูดไม่ออกหรือไง?ฉันแนะนำให้คุณเลิกยุ่งกับฮุ่ยหมิ่นโดยเร็ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างคุณสมควรได้ครอบครอง”เย่ซิวส่ายหน้าอย่างจำใจ "จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยเหรอ จะให้ผมตบหน้าคุณสักทีถึงจะพอใจใช่ไหม?"พูดจบเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบจี้หยกกับแหวนหยกออกมาจำนวนหนึ่ง ความเป็นจริงคือเอามันออกมาจากแหวนผนึกของซึ่งเดิมทีตั้งใจจะมอบให้หลัวอีอีแต่ในเมื่อหลัวฮุ่ยหมิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเอาให้เธอสักหน่อยดีกว่า“จี้หยกนี้ผมขอมอบให้คุณ ห้อยมันไม้กับตัวแล้วคุณจะปลอดภัยฝากเอาไปให้นายท่านหลัวและพี่ชายของคุณคนละชิ้นด้วยส่วนแหวน พวกคุณเอาไปคนละหนึ่งวง”“ว้าว สวยจังเลย!”“มันคืออะไร? ดูแพงมากเลย”สาวงามทั้งสองตกใจกับสิ่งที่เย่ซิวหยิบออกมาหากเปรียบหยกขาวมันแพะของหลัวจิ่นเป็นม้าธรรมดา งั้นของเย่ซิวก็คงเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งสองสิ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นชอบจี้หยกที่เย่ซิวให้มากจนวางไม่ลงทันใดนั้นพวกเธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ทำให้ใบหน้าแดงก่ำไปหมดเย่ซิวมอบแหว
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ