ที่ด้านนอกประตู มีผู้หญิงสองคนสวมชุดทํางานและออร่าค่อนข้างแข็งแกร่งยืนอยู่อวี่เฟยเฟยตกใจ "คุณสองคนเป็นใครคะ?"ผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มและพูดว่า “คุณอวี่ใช่ไหมคะ เรามาจากบริษัทสตาร์รี่สกาย”เจ้านายสั่งฉันว่า วันนี้มีประชุมเรื่องจัดหาเงินทุน ต้องพาคุณไปด้วยค่ะ”อวี่เฟยเฟยไม่เข้าใจ "ให้ฉันไปทำอะไร ฉันเจรจาก็ไม่เป็น"ผู้หญิงอีกคนอธิบายว่า "เจ้านายบอกว่าไม่ว่าคุณจะได้หุ้นไปเท่าไร หุ้นจำนวนครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของคุณ"อวี่เฟยเฟยปิดปากของตัวเองด้วยความตกใจทันใดนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว "ไม่ได้ ฉันรับมันไว้ไม่ได้"นั่นเป็นหุ้นมูลค่าห้าหมื่นล้านบาทเลยนะ เธอจะกล้ารับมันได้ยังไง?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอเตรียมโทรหาเย่ซิว“คุณอวี่ เจ้านายบอกว่าเขามอบหุ้นนี้ให้คุณ คุณต้องรับมันไว้ ถ้าไม่รับ คุณจะไม่ได้เจอหน้าเขาอีกค่ะ”อวี่เฟยเฟยหยุดชะงักชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ถูกปกคลุมด้วยความซาบซึ้งใจอันยิ่งใหญ่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถใจกว้างกับผู้หญิงของตัวเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ มีเหตุผลอะไรที่ให้ตัดใจจากเขาเหรอ?เธอไม่ได้ปฏิเสธอีกและพูดว่า "รอสักครู่ ฉันจะไปหยิบกระเป๋า"อวี่เฟยเฟยมาถึงบริษัทสายการบินในหนึ่ง
อวี่เฟยเฟยวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในรถของเย่ซิวเธอโน้มตัวไปจับหน้าเขาแล้วจูบอย่างดุเดือดในทันทีทันใดมีแค่วิธีนี้ที่สามารถแสดงความรู้สึกของตัวเองในขณะนี้ได้“ขอบคุณค่ะ~”คำขอบคุณหนึ่งคำ บ่งบอกความรู้สึกซาบซึ้งใจได้เพียงหนึ่งในร้อยล้านเท่านั้นเย่ซิวยิ้ม และคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรวันที่เขารับปากว่าจะจัดหาเงินทุนให้กับอวี่เฟยเฟย เขาได้ให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทตรวจสอบประวัติของสายการบินอย่างลับ ๆ แล้วถ้ามันแย่ก็ไปที่อื่นผลที่ได้ออกมาปานกลาง จึงตัดสินใจที่จะลงทุนเหตุผลการลงทุนในบริษัทนี้ นอกจากอยากช่วยอวี่เฟยเฟยแล้ว ยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการสร้างระบบการขนส่งทางอากาศของตนเองการลงทุนครั้งนี้พูดได้เลยว่ามาถูกที่ถูกเวลายิ่งนัก“เราจะทำอะไรกันต่อคะ?” อวี่เฟยเฟยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ“ไปซื้อคอนโดให้คุณก่อน แล้วค่อยไปทานข้าวกัน”“ค่ะ”อวี่เฟยเฟยพยักหน้าอย่างอ่อนโยน และไม่ได้พูดว่าไม่อยากใช้เงินของเขาหุ้นก็ให้มาแล้วห้าหมื่นล้านบาท ยังขาดคอนโดอีกหนึ่งหลังเหรอ?รถขับมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของต้าเผิงแอร์ไลน์
เพียะ!ณ สำนักงานขาย ผู้หญิงหน้าตาดีแต่งตัวเซ็กซี่ตบหน้าผู้ชายหน้าตาซื่อ ๆ อย่างแรงและตะคอกว่า“ถ้าไม่มีปัญญาซื้อ จะแต่งงานไปทำไม เลิกกันเถอะ!”ชายคนนั้นร้องไห้ฟูมฟาย "ซูเฟิน ราคาคอนโดที่นี่แพงเกินไป เราไปดูที่อื่นดีไหม?"ผู้หญิงที่ชื่อซูเฟินเอามือกอดอกด้วยสีหน้าเย็นชา "สามีเพื่อนร่วมชั้นของฉันซื้อที่นี่กันหมด คุณให้ฉันไปซื้อคอนโดธรรมดา ๆ ที่อื่นอยู่งั้นเหรอ ต่อไปฉันยังจะมีหน้าไปเจอพวกเธอได้อีกไหม?เลิกกันเถอะ คุณไม่คู่ควรกับฉัน”“ซูเฟิน ไม่เอาแบบนี้สิ ผมรักคุณมากนะ!”น้ำเสียงของชายคนนั้นกำลังอ้อนวอนแต่ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนมากแค่ไหน ซูเฟินก็ยังไม่ใจอ่อน และถึงกับไล่ชายคนนั้นออกไปเมื่ออวี่เฟยเฟยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เธอหันกลับมาและจำซูเฟินได้ทันทีบังเอิญซูเฟินก็หันมามองด้วยเช่นกันเมื่อสบตากัน ซูเฟินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปหาอวี่เฟยเฟยด้วยความประหลาดใจ "เฟยเฟย ทำไมเธออยู่ที่นี่ได้ล่ะ"อวี่เฟยเฟยทำได้เพียงยืนขึ้นและตอบอย่างสุภาพ "แฟนของฉันมาซื้อคอนโดให้ฉันน่ะ"เมื่อซูเฟินเห็นเย่ซิวนั่งอยู่บนโซฟา จู่ ๆ หัวใจของเธอหยุดเต้นทันที และดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นประกายแวววา
เมื่อพวกเธอไปถึงห้องน้ำ หยางซูเฟินแกล้งทำเป็นล้างมือ ส่วนอวี่เฟยเฟยเข้าไปก่อนจากนั้นหยางซูเฟินหันหลังกลับและวิ่งไปนั่งข้างเย่ซิวอย่างรวดเร็วเธอจงใจดึงคอเสื้อให้ต่ำลงและดึงไหล่เสื้อลง แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า "พี่ชาย คุณชื่ออะไรเหรอคะ?"เย่ซิวผลักเธอออกและพูดอย่างเย็นชา "อยู่ห่างจากผมหน่อย"บนร่างของผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นคาวโลกีย์ชัดเจนมาก บ่งบอกว่าเธอใช้ชีวิตอย่างวุ่นวาย ปราศจากความสงบในโลกีย์ ซึ่งมาจากการที่ไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมากหน้าหลายตา และปล่อยเนื้อปล่อยตัวเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้หยางซูเฟินยังคงยิ้มไม่หุบ คิดว่าเย่ซิวกำลังใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับ เธอยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกัดริมฝีปากเล็กน้อย "พี่ชายหล่อจังเลยค่ะ คืนนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม?"เย่ซิวผลักเธอออกไปอีกครั้งอย่างเหลืออด "อย่ามายุ่งกับผม!"หยางซูเฟินหัวเราะปิดปาก “คิดไม่ถึงว่าพี่ชายจะช่ำชองเรื่องรักขนาดนี้ แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับใช้ได้ผลจริง ๆ” ผู้ชายหน้าไหนไม่ชอบผู้หญิงสวยหุ่นดีแบบฉันบ้าง?”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเย่ซิวไม่ชอบเธอ แถมยังเป็นคนหลงตัวเองอีกเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจู่โจมอีกครั้ง เย่ซิวจิ้มไปที่สกัดจุดบนร
คราวนี้เป็นทีของเย่ซิวที่ต้องประหลาดใจ เขายิ้มพลางเอ่ยถาม “คุณพูดจริงเหรอ?”“อืม” หลิวเสี่ยวอวี้พยักหน้าเบา ๆ โดยไม่กล้าสบตาเย่ซิว เสียงของเธอเบาราวกับเสียงยุงบิน “หากนายท่านต้องการ ฉันก็ทำให้ได้…”เดิมทีเธอก็รู้สึกดีกับเย่ซิวอยู่แล้ว และผู้หญิงที่ทำงานในที่แบบนี้ก็มักจะเปิดกว้างกว่าคนทั่วไป ดังนั้น เธอจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านหากจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเย่ซิวด้วยสายตาอันเฉียบคมของเย่ซิว เขามองออกทันทีว่า หลิวเสี่ยวอวี้ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่เธอสามารถต้านทานสิ่งยั่วยวนต่าง ๆ ได้ในทุกวัน ก็บ่งบอกถึงตัวตนของเธอได้แล้วเย่ซิวก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก มีเนื้อยื่นมาให้ถึงหน้าประตูแล้วเขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน แน่นอนว่าหากเป็นแบบหยางซูเฟินก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นเนื้อเน่า“คุณแน่ใจนะ?” เย่ซิวขยับเข้าใกล้เธอจนระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตรเย่ซิวได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เล็ดลอดออกมาจากตัวเธอหลิวเสี่ยวอวี้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเป็นชายของเย่ซิวที่แผ่ซ่านออกมา ราวกับจะหลอมละลายเธอไปทั่วทั้งร่างร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวย แววตาเต็มไปด้
“หากพวกนายยอมช่วยฉันรวบรวมโอสถหรือเหล้ายาบำรุงแบบนี้ต่อไป ฉันสามารถคุ้มครองพวกนายได้ และนอกจากนี้…”ฉึก!เขาชี้นิ้วออกไป ก่อนที่โต๊ะหินอ่อนตรงหน้าจะแยกออกเป็นสองส่วนทันที“อย่างที่พวกนายคิดนั่นแหละ ฉันคือจอมยุทธ์ระดับเก้า”หญิงสาวทั้งหกต่างกรีดร้องกันระนาว พวกเธอเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีความรู้เรื่องจอมยุทธอะไรมาก่อน ส่วนสามพี่น้องตระกูลสวีกลับมีทั้งความตกใจและความดีใจคำพูดของเย่ซิวทำให้พวกเขามองเห็นเส้นทางที่สดใสชัดเจน จึงรีบตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยจอมยุทธ์ระดับเก้า เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินจากในตำนานเล่าขานกันเท่านั้น แต่ตอนนี้คนที่พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าคือตัวจริง ๆ แถมยังหนุ่มแน่นขนาดนี้!“แต่ว่า!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นชา “ถ้าฉันพบว่าพวกนายทำอะไรแย่ ๆ แม้แต่นิดเดียว ฉันจะกำจัดพวกนายทิ้งทันทีอย่างไม่ปรานี!”ต่อให้จะมีหรือไม่มีคำเตือนนี้พวกเขาก็ตอบรับโดยไม่ขัดข้องอยู่ดีสวีลู่รวบรวมความกล้าเอ่ยถาม “พี่เย่ครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว จะให้พวกเธออยู่ปรนนิบัติพี่ดีไหมครับ? ถ้าคนไม่พอ เดี๋ยวผมเรียกมาเพิ่มให้ หรือจะให้ผมอยู่รับใช้ก็ได้ครับ”ในฐานะจอมยุทธ์ระดับเ
พลังของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นมากมายจนน่าเหลือเชื่อหากบอกว่าแค่เธอคนเดียวก็สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ถึงห้าคนในคราวเดียวก็คงไม่เกินจริงนัก…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ซิวจึงตัดสินใจไปที่บริษัทแต่เมื่อไปถึง เขากลับได้รับแจ้งว่าเธอไปที่ร้านเค้กแห่งหนึ่งที่อยู่ในเครือเย่ซิวจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังร้านเค้กไป๋เล่อแทนร้านนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำเค้กระดับพรีเมี่ยมเมื่อเย่ซิวมาถึงก็พบว่าคิวลูกค้ายาวล้นออกมานอกร้านไปไกลหลายสิบเมตรแต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ชายเสียนี่เย่ซิวมองด้วยความแปลกใจ “คนพวกนี้คงไม่ใช่ว่ามาหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรอกมั้ง?”เขาเดินตรงไปยังประตูร้าน“เฮ้ พี่ชาย ต้องต่อคิวนะ”เมื่อเขากำลังจะเข้าไป ชายสวมแว่นคนหนึ่งก็มาขวางเอาไว้เย่ซิวยิ้มก่อนจะเอ่ย “ผมไม่ได้มาซื้อเค้ก ผมมาหาคนน่ะ”ชายสวมแว่นเบะปากพลางเอ่ย “ใครที่อยู่ที่นี่บ้างที่ไม่ได้มาหาคน แต่ล้วนมาหาเทพธิดาหลิ่วกันทั้งนั้น รีบไปต่อคิวซะ อย่าทำผิดกฎล่ะ”จากนั้นก็มีเสียงจากคนข้างหลังช่วยสนับสนุน“ใช่แล้ว ไปต่อคิวข้างหลังสิ”“พวกเรารอมานานแล้วนะ”……เย่ซิวยักไหล่โดยไม่คิดจะฝืนเข้าไป แม้ว่าเขาจะทำได้ก็ตามเขาห
ชายหนุ่มทั้งหลายที่เห็นเทพธิดาในดวงใจของพวกเขาจับมือกับชายอื่น ต่างพากันกุมหน้าอก หายใจติดขัดโดยเฉพาะชายสวมแว่นที่ขวางเย่ซิวไว้ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนเคว้งไปหมดสุดท้ายตัวตลกก็คือฉันเอง!ความงามของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นโดดเด่นจนไม่ว่าเธอจะปรากฏตัวที่ใดก็สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น เย่ซิวจึงจูงมือเธอขึ้นรถ พร้อมเอ่ยว่า “ไปกินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวจะพาเธอกลับบ้านนะ”เดิมทีเย่ซิวตั้งใจจะใช้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นตัวช่วยในการบรรลุขั้นต่อไปแต่เมื่อเห็นเธอแล้ว เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไปเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจากตัวเธอ ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือนอยู่แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่รู้ถึงความคิดในใจของเย่ซิว เธอแค่รู้สึกดีใจที่เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมเธอแค่เท่านั้นหลังจากทานข้าวเป็นเพื่อนเธอเสร็จ เย่ซิวก็พาเธอกลับไปที่บริษัท เขาตั้งใจจะไปเก็บสมุนไพรในสวนเพื่อนำมาทำโอสถฟื้นฟูแต่จู่ ๆ ก็ได้รับข้อความจากถังต้าไห่ แจ้งว่าเขาได้รวบรวมพวกคนที่เคยทรยศเย่ซิวในอดีตไว้ทั้งหมดแล้วดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นยะเยือก ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางทันที
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่