ความเคียดแค้นในใจของเย่ซิวได้ก่อตัวจนถึงขีดสุดเหล่าคนทรยศในอดีต ทำให้อาจารย์ของเขาต้องเสียใจมาเป็นเวลานานจนตอนนี้เขาก็ยังสงสัยว่าการจากไปของอาจารย์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรยศเหล่านั้นดังนั้นสำหรับคนทรยศพวกนี้ เย่ซิวไม่มีทางปรานีแน่นอนหากเป็นแบบถังต้าไห่ ที่กลับใจและยอมสละทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง เย่ซิวยังอาจไว้ชีวิตให้ได้“ไอ้หนุ่ม แกนี่ช่างอวดดีนัก!”กำปั้นหนึ่งพุ่งตรงมาที่ใบหน้าเขาอย่างจัง“อ๊าก!”ในวินาทีถัดมา เขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเหล่ายอดฝีมือที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างหน้าถอดสีกันเป็นแถบ ไม่มีใครทันเห็นด้วยซ้ำว่าเย่ซิวทำอะไรไป“ทุกคนบุกพร้อมกัน!”“ไอ้เด็กนี่ต้องเล่นตุกติกอะไรแน่!”เหล่ายอดฝีมือหลายคนต่างร้องตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีเย่ซิวพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ระดับสามถึงสี่แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับเย่ซิว!พลั่ก พลั่ก พลั่ก!ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเย่ซิวได้ชัดเจน คนพวกนั้นล้มลงกับพื้น กระดูกแหลกละเอียด ไม่มีทางหายดีได้ภายในปีครึ่งแน่เย่ซิวก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ว่าใครจะพยายามขวาง เขาก็จัดการทุกคนราบคาบป
สายตาที่หยิ่งยโสราวกับมองดูมดปลวกนั้น เป็นสายตาแบบเดียวที่พวกเขาใช้มองผู้อื่นอยู่เสมอ“ฉันคงต้องแนะนำตัวเองหน่อย” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันชื่อเย่ซิ่ว ประมุขรุ่นที่สองแห่งสำนักแพทย์”เพียงประโยคเรียบง่าย แต่กลับดังก้องอยู่ในหูของคนเหล่านี้ดุจสายฟ้าฟาด ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีกันอย่างหนัก“ว่าไงนะ?!”“สำนักแพทย์ล่มสลายไปนานแล้ว แกเป็นใครกันแน่!”“ฉันนึกออกแล้ว เมื่อก่อนประมุขเคยมีลูกศิษย์ลับอยู่คนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นแก!”…… ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดต่างแสดงอาการลนลานอย่างหาดูได้ยากออกมา แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็แผ่จิตสังหารอย่างรุนแรงเรื่องราวในวันนั้นเป็นรอยด่างที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีผู้ใดล่วงรู้ได้วันนี้เจ้าหนี้กลับมาตามทวงแล้ว และทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้คือการกำจัดเขาทิ้งพวกเขาต่างหันไปมองถังต้าไห่ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด“เจ้าคนทรยศ แกจงใจล่อลวงเรามาที่นี่ใช่ไหม!”“ต่อจากนี้ไป สำนักอวิ๋นจือถังต้องล่มจมแน่!”……ถังต้าไห่ได้ยินเช่นนั้นกลับหัวเราะเสียงดัง “พวกแกช่างโง่เขลาเสียจริง เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมาหลายปี ฉันขอเตือนเลยว่า หากพวกแกถอยกลับตอนนี้ ยังพอมีทา
ปัง!เสียงดังสนั่นทำให้ทุกคนในห้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไปเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครคิดว่าเย่ซิวจะรอดชีวิตจากอาวุธร้อนสุดล้ำนี้ได้ แต่ถังต้าไห่และฟางฉิงเสวี่ยกลับมั่นใจในตัวเย่ซิวสุด ๆ โม่หลีหงจ้องไปที่หน้าผากของเย่ซิวอย่างโกรธเคือง เตรียมรอเห็นฉากเลือดสาดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ในวินาทีต่อมา ความโกรธเคืองบนใบหน้าของเขากลับกลายเป็นความตกตะลึงเย่ซิวยังคงนั่งอยู่อย่างสงบ เขาใช้มือซ้ายหนีบหัวกระสุนด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางอย่างไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเยือกเย็นและสงบเสงี่ยมความตกตะลึงบนใบหน้าของโม่หลีหงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ฟันของเขากระทบกันจนเกิดเสียงสั่น “นี่นี่นี่…เป็นไปได้ยังไง! แก... จับกระสุนได้ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ!”ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เหล่าผู้ทรยศที่เหลือต่างมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากคนเห็นผี“เป็นไปไม่ได้! มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่!” โม่หลีหงคำรามอย่างเดือดดาล ก่อนจะบ้าคลั่งเหนี่ยวไกปืนใส่เย่ซิวอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา กระสุนทั้งหมดในแม็กกาซีนก็ถูกยิงออกไปจนหมดแต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงจนแทบลุกพรวดพราด ก
เย่ซิวเดินไปหาผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ก่อนจะถามคำถามเดิม“ผมชื่อหวังจื้อเผิง จากสำนักอู่สิง ผมผิดไปแล้ว ขอท่านประมุขโปรดเมตตาปล่อยผมไปเถอะครับ”แม้เขาจะอายุมากแล้ว แต่กลับร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสาร จิตใจของเขาถูกความโหดเหี้ยมและพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิวทำลายจนสิ้นเย่ซิวเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “หลายปีก่อน แกก็เคยแสดงความจงรักภักดีต่าง ๆ นานา แต่สุดท้ายก็หักหลังอยู่ดีที่ผ่านมาแกก็เสพสุขมากพอแล้วนี่ ไปสำนึกผิดต่อท่านอาจารย์เถอะ”ปัง!เย่ซิวใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวปลิดชีวิตเขาในทันทีคนที่เหลืออยู่ต่างสติกระเจิดกระเจิง พวกเขาลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใด ต่างพุ่งตรงไปที่ประตูและหน้าต่างเย่ซิวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขายกนิ้วขึ้นแล้วดีดเบา ๆฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!พลังดาบสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ทะลุผ่านร่างของพวกเขาทันทีเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครหนีรอด เย่ซิวสังหารพวกเขาทั้งหมด ส่วนลูกหลานของพวกเขา เย่ซิวเพียงทำลายวรยุทธแต่ไม่ได้สังหารไม่ใช่เพราะเขาใจดี แต่เป็นเพราะเขายังต้องเก็บคนพวกนี้ไว้เพื่อให้โอนทรัพย์สินต่าง ๆ มาให้เขาทุกสิ่งที่พวกเขามีในวันนี้ แต่เดิมเป็
“อ๊ะ!”ฟางฉิงเสวี่ยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เย่ซิวก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนกเธอรับรู้แล้วว่าเย่ซิวกำลังจะทำอะไรต่อไปร่างกายของเธอเกร็งจนเธอกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเธอเพิ่งเจอเย่ซิวเพียงสองครั้งเท่านั้น จึงไม่มีทางเกิดความรู้สึกลึกซึ้งหรือรักใคร่ได้แน่นอนในใจของเธอมีแต่ความต่อต้าน เธอเคยฝันว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นกับคนที่เธอรักสุดหัวใจเท่านั้นแต่เธอเองก็ไม่กล้าแสดงออก เพราะหากทำเช่นนั้น อาจต้องเผชิญกับหายนะที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาใกล้จะทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานแล้วเพราะช่วงนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่สะดวก ฟางฉิงเสวี่ยจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเย่ซิวไม่ได้คิดจะรับฟางฉิงเสวี่ยมาเป็นของตัวเอง เขามองเธอเป็นเพียงเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายเท่านั้นฉึก!คงไม่ต้องอธิบายเหตุการณ์ต่อจากนี้แล้วสองชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็เดินออกมาจากห้อง การทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานสำเร็จแล้ว พลังวิญญาณของเขาตอนนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแต่การข้ามจากขั้นกลางไปสู่ขั้นสูงนั้น ต้อง
“เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไปแล้ว!” น้ำเสียงของน่าหลันเยียนหรานเต็มไปด้วยความร้อนรนเย่ซิวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันอยู่ที่บ้าน บอดี้การ์ดที่คุณส่งมาก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ” “รอผมก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เย่ซิววางสายก่อนจะรีบมุ่งตรงไปยังบ้านของน่าหลันเยียนหรานทันทีเขาใช้วิชาล่องหนและวิชาสายลมอ่อนในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลา จากระยะทางที่ปกติจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ครั้งนี้เย่ซิวใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดนาทีก็ไปถึงแล้วเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น เขาก็เห็นน่าหลันเยียนหรานนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนโซฟา และในห้องก็มีร่องรอยของการต่อสู้อีกด้วยพอเห็นเย่ซิว เธอก็รีบลุกขึ้นทันทีด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอโทษนะคะ ที่ฉันปกป้องเธอไว้ไม่ได้”เย่ซิวมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนที่จับตัวเสี่ยวหยิงไปเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วมีกี่คน?”“เป็นผู้หญิงสองคน ดูแข็งแกร่งมาก” น่าหลันเยียนหรานตอบอย่างรวดเร็ว“พวกเธอมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ตอนที่เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไป เธอพยายามขัดขืน แต่ก็โดนตบจนสลบ ฟันหลุดไปหลายซี่ และเลือดกบปากไปหมด”เย่ซิวมองดูพื้น และเห็นรอยเลือดกองหนึ่ง รวมทั้งฟันที่ร่วงอยู่หลายซี่เข
เด็กหนุ่มจับสังเกตเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอได้ จึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ที่แท้นางสารเลวอย่างเธอก็รู้จักกลัวเหมือนกันนี่ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันทำให้เธอสำนึกว่าฉันเก่งแค่ไหน!”เขาปลดเข็มขัดออกก่อนจะโยนไปด้านข้างน้ำตาของจวงเสี่ยวหยิงไหลออกมาเป็นสายเลือดเธอถูกกดไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อยความสิ้นหวังแผ่ซ่านเต็มหัวใจ เด็กหนุ่มลากเก้าอี้มาวางตรงหน้าเธอ จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ “เธอปากแข็งมากนักไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มจากปากเธอนี่แหละ! แหกปากเธอออก!”บอดี้การ์ดหญิงสองคนช่วยกันง้างปากจวงเสี่ยวหยิงสีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งและความสะใจ เขาเพลิดเพลินกับการบังคับข่มขู่ผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของอีกฝ่ายปัง!ก่อนที่จวงเสี่ยวหยิงจะถูกย่ำยี ประตูเหล็กก็ถูกเตะออกอย่างแรงเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวซึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างดุร้าย “แกเป็นใคร!”สายตาของเย่ซิวจับจ้องไปยังจวงเสี่ยวหยิง ซึ่งในขณะนี้ไม่เหลือสภาพเค้าเดิมอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะมีความอดทนมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ความโกรธของเขาก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเข
เย่ซิวใช้แรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่งั้นเด็กหนุ่มคงถูกเหวี่ยงจนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ด้วยความที่เขาควบคุมพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ไม่ถึงกับตายเด็กหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก น้ำเปล่าที่เขาดื่มทุกวันก็มีราคาเป็นห้าพันบาทต่อขวด เขาจะเคยเจอใครที่ทำตัวเช่นนี้กับเขาได้ยังไง? ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แกตายแน่! ฉันจะฆ่าล้างโคตรครอบครัวแกให้หมด!”เย่ซิวไม่สนใจคำขู่ของเด็กหนุ่ม เขาหันไปวางมือทั้งสองข้างบนแก้มของจวงเสี่ยวหยิงจากนั้นจึงเริ่มใช้พลังฟื้นฟูรักษามือทั้งสองข้างของเขาปล่อยพลังนุ่มนวลออกมา บาดแผลของจวงเสี่ยวหยิงเริ่มหายไปอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าผ่านไปเพียงสองนาที ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แม้แต่ฟันที่หลุดออกมาก็กลับมางอกใหม่อีกครั้ง“พี่ ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว” จวงเสี่ยวหยิงโผเข้ากอดเย่ซิวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและเศร้าสลดเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะกระซิบ “ไม่เป็นไร ฉันสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่