“อ๊ะ!”ฟางฉิงเสวี่ยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เย่ซิวก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนกเธอรับรู้แล้วว่าเย่ซิวกำลังจะทำอะไรต่อไปร่างกายของเธอเกร็งจนเธอกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเธอเพิ่งเจอเย่ซิวเพียงสองครั้งเท่านั้น จึงไม่มีทางเกิดความรู้สึกลึกซึ้งหรือรักใคร่ได้แน่นอนในใจของเธอมีแต่ความต่อต้าน เธอเคยฝันว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นกับคนที่เธอรักสุดหัวใจเท่านั้นแต่เธอเองก็ไม่กล้าแสดงออก เพราะหากทำเช่นนั้น อาจต้องเผชิญกับหายนะที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาใกล้จะทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานแล้วเพราะช่วงนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่สะดวก ฟางฉิงเสวี่ยจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเย่ซิวไม่ได้คิดจะรับฟางฉิงเสวี่ยมาเป็นของตัวเอง เขามองเธอเป็นเพียงเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายเท่านั้นฉึก!คงไม่ต้องอธิบายเหตุการณ์ต่อจากนี้แล้วสองชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็เดินออกมาจากห้อง การทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานสำเร็จแล้ว พลังวิญญาณของเขาตอนนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแต่การข้ามจากขั้นกลางไปสู่ขั้นสูงนั้น ต้อง
“เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไปแล้ว!” น้ำเสียงของน่าหลันเยียนหรานเต็มไปด้วยความร้อนรนเย่ซิวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันอยู่ที่บ้าน บอดี้การ์ดที่คุณส่งมาก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ” “รอผมก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เย่ซิววางสายก่อนจะรีบมุ่งตรงไปยังบ้านของน่าหลันเยียนหรานทันทีเขาใช้วิชาล่องหนและวิชาสายลมอ่อนในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลา จากระยะทางที่ปกติจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ครั้งนี้เย่ซิวใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดนาทีก็ไปถึงแล้วเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น เขาก็เห็นน่าหลันเยียนหรานนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนโซฟา และในห้องก็มีร่องรอยของการต่อสู้อีกด้วยพอเห็นเย่ซิว เธอก็รีบลุกขึ้นทันทีด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอโทษนะคะ ที่ฉันปกป้องเธอไว้ไม่ได้”เย่ซิวมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนที่จับตัวเสี่ยวหยิงไปเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วมีกี่คน?”“เป็นผู้หญิงสองคน ดูแข็งแกร่งมาก” น่าหลันเยียนหรานตอบอย่างรวดเร็ว“พวกเธอมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ตอนที่เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไป เธอพยายามขัดขืน แต่ก็โดนตบจนสลบ ฟันหลุดไปหลายซี่ และเลือดกบปากไปหมด”เย่ซิวมองดูพื้น และเห็นรอยเลือดกองหนึ่ง รวมทั้งฟันที่ร่วงอยู่หลายซี่เข
เด็กหนุ่มจับสังเกตเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอได้ จึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ที่แท้นางสารเลวอย่างเธอก็รู้จักกลัวเหมือนกันนี่ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันทำให้เธอสำนึกว่าฉันเก่งแค่ไหน!”เขาปลดเข็มขัดออกก่อนจะโยนไปด้านข้างน้ำตาของจวงเสี่ยวหยิงไหลออกมาเป็นสายเลือดเธอถูกกดไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อยความสิ้นหวังแผ่ซ่านเต็มหัวใจ เด็กหนุ่มลากเก้าอี้มาวางตรงหน้าเธอ จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ “เธอปากแข็งมากนักไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มจากปากเธอนี่แหละ! แหกปากเธอออก!”บอดี้การ์ดหญิงสองคนช่วยกันง้างปากจวงเสี่ยวหยิงสีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งและความสะใจ เขาเพลิดเพลินกับการบังคับข่มขู่ผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของอีกฝ่ายปัง!ก่อนที่จวงเสี่ยวหยิงจะถูกย่ำยี ประตูเหล็กก็ถูกเตะออกอย่างแรงเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวซึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างดุร้าย “แกเป็นใคร!”สายตาของเย่ซิวจับจ้องไปยังจวงเสี่ยวหยิง ซึ่งในขณะนี้ไม่เหลือสภาพเค้าเดิมอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะมีความอดทนมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ความโกรธของเขาก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเข
เย่ซิวใช้แรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่งั้นเด็กหนุ่มคงถูกเหวี่ยงจนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ด้วยความที่เขาควบคุมพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ไม่ถึงกับตายเด็กหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก น้ำเปล่าที่เขาดื่มทุกวันก็มีราคาเป็นห้าพันบาทต่อขวด เขาจะเคยเจอใครที่ทำตัวเช่นนี้กับเขาได้ยังไง? ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แกตายแน่! ฉันจะฆ่าล้างโคตรครอบครัวแกให้หมด!”เย่ซิวไม่สนใจคำขู่ของเด็กหนุ่ม เขาหันไปวางมือทั้งสองข้างบนแก้มของจวงเสี่ยวหยิงจากนั้นจึงเริ่มใช้พลังฟื้นฟูรักษามือทั้งสองข้างของเขาปล่อยพลังนุ่มนวลออกมา บาดแผลของจวงเสี่ยวหยิงเริ่มหายไปอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าผ่านไปเพียงสองนาที ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แม้แต่ฟันที่หลุดออกมาก็กลับมางอกใหม่อีกครั้ง“พี่ ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว” จวงเสี่ยวหยิงโผเข้ากอดเย่ซิวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและเศร้าสลดเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะกระซิบ “ไม่เป็นไร ฉันสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
บอดี้การ์ดฝีมือดีนับสิบต่างล้มลงอย่างราบคาบเด็กหนุ่มที่ถูกเย่ซิวจับไว้อยู่ในมือถึงกับตกใจจนฉี่ราดกางเกง จวงเสี่ยวหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกฉึก!เย่ซิวปล่อยพลังดาบออกไปตัดประตูหน้าคฤหาสน์ขาดเป็นสองส่วน เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันที โดรนลาดตระเวนหลายตัวบนท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงเตือนว่า ‘มีศัตรูบุกรุก’ด้านใต้ตัวโดรนติดตั้งหน้าไม้จำนวนนับไม่ถ้วน มันเล็งเป้าไปที่เย่ซิวและปล่อยลูกธนูนับพันออกมาอย่างดุเดือดไม่เพียงเท่านั้น เหล่าผู้คุ้มกันจำนวนมากต่างกรูกันออกมาจากภายในตัวบ้านหวังจะฆ่าเย่ซิว แต่สำหรับเขาในตอนนี้ มนุษย์ธรรมดาไม่ว่าจะมีมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย“ไสหัวไป!”เสียงตวาดของเย่ซิวดังสนั่น คลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปในทันที ไม่ว่าจะเป็นเหล่ายอดฝีมือที่กรูเข้ามา ธนูที่กำลังยิงออกไป หรือแม้กระทั่งโดรนที่บินอยู่ ต่างถูกทำลายลงจนสิ้นในพริบตาภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัวและสำนึกผิดในใจเขาหันไปจ้องมองจวงเสี่ยวหยิงด้วยความโกรธทำไมเธอไม่บอกฉันว่ามีพี่ชายที่เก่งขนาดนี้เล่า!ถ้าเขารู้เรื่องนี
ฉีตังกั๋วจ้องเย่ซิวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ฉันมีหลานตั้งหลายสิบคน ถึงแม้ว่าฉันจะรักคนนี้มากที่สุด แต่ถ้าแกอยากจะฆ่าก็เชิญเลย แต่อย่าคิดว่าแกจะอวดดีไปได้อีกนานแล้วกัน เย่ซิว อีกไม่นานวันดี ๆ ของแกจะจบลง”พูดจบ เขาก็ตัดการเชื่อมต่อวิดีโอไปเด็กหนุ่มที่กำลังสิ้นหวังร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าปู่ที่รักเขามากที่สุดจะทอดทิ้งเขาในยามวิกฤตเช่นนี้“ได้โปรด อย่าฆ่าผมเลย ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ”ในความสิ้นหวัง เด็กหนุ่มทำได้เพียงอ้อนวอนขอชีวิตจากเย่ซิว เขาร้องไห้ฟูมฟาย เพราะครอบครัวของเขามีฐานะร่ำรวย เขายังอยากมีชีวิตเพื่อเสพสุขต่อไปและไม่อยากตายไปทั้งแบบนี้“ชาติหน้าแกอย่าได้เกิดมาเป็นคนอีกเลย แกมันไม่คู่ควร!”เย่ซิวจบชีวิตของเด็กหนุ่มลง ก่อนจะหันไปมองจวงเสี่ยวหยิงที่ยังคงนิ่งเงียบ “นี่ก็นับว่าเป็นการแก้แค้นได้ส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนไอ้เฒ่าฉีตังกั๋วนั่น ฉันจะจัดการมันในไม่ช้านี้”จวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าแรง ๆ ใบหน้ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะพี่ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะอาบน้ำก่อน ตัวสกปรกมาก”“โอเค งั้นก็อาบน้ำที่นี่เลย ฉันเองก็ต้องล้างคร
ไม่นานนัก ใบหน้าของจวงเสี่ยวหยิงก็เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอน้ำ ดูน่ารักน่าเอ็นดูเธอหันไปมองเย่ซิว “พี่คะ เราอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดได้ไหมคะ?”“ไม่มีปัญหา” เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “ตราบใดที่ไม่มีขีปนาวุธนับสิบลูกยิงมาที่นี่ มีฉันอยู่ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้”ถ้าเป็นคนอื่นพูด จวงเสี่ยวหยิงคงคิดว่าเขาแค่ขี้โม้ แต่กับเย่ซิวนั้นไม่เหมือนกัน เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ดี“แล้วที่โรงเรียน เธอเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดีรึเปล่า?” เย่ซิวถามจวงเสี่ยวหยิงยิ้มฝืน ๆ “ก็พอได้ค่ะ”เย่ซิวพยักหน้ารับรู้โดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม “แช่น้ำพุร้อนต่อเถอะ”จวงเสี่ยวหยิงตอบรับก่อนจะหลับตาลง ปล่อยตัวไปกับความอบอุ่นของน้ำพุร้อน รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างกายครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ซิวลืมตาขึ้น ความเย็นเยียบฉายผ่านแววตา “มีคนมาให้ฉันจัดการอีกแล้ว”เขาลุกขึ้นยืนและบอกกับจวงเสี่ยวหยิง “เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเถอะ”“โอเคค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงลุกขึ้น แต่จู่ ๆ เธอก็ร้องออกมา ก่อนจะเสียหลักลื่นลงไปในน้ำเย่ซิวรีบพุ่งเข้ามาประคองเธอไว้ “เป็นอะไรหรือเปล่า?”จวงเสี่ยวหยิงส่ายหน้า
เมื่อดาบนี้ถูกฟันออกไป รอยแตกยาวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นใกล้เคียง เสียงดังสะท้านไปทั่วดวงตาของนักดาบเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาได้เห็นมือของเย่ซิวถูกตัดออกแล้วแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องตกตะลึง!เย่ซิว อาศัยเพียงสองนิ้วก็สามารถรับการโจมตีที่ผ่าแม่น้ำนี้ไว้ได้อย่างง่ายดาย“อะไรนะ?!”“เขารับไว้ได้!”ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เย่ซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อดวงตาของนักดาบคนนั้นเองก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วฉากนี้เหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้นเขาพยายามดึงดาบออกมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!ส่วนฉีฉูฉู่ที่รับชมสถานการณ์มาจนถึงตรงนี้ผ่านกล้องวงจรปิด ยิ่งตกใจมากจนแทบจะกรีดร้องออกมาในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า เธอรู้ดีว่าปรมาจารย์ระดับแปดนั้นน่ากลัวเพียงใดแถมเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายโจมตีมาอย่างเคียดแค้นเต็มกำลัง ทว่าเย่ซิวกลับสกัดกั้นมันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้นี่มันเหมือนนิยายแฟนตาซี! เห็นผีกลางวันแสก ๆ ชัด ๆ!ติ๊ง!เย่ซิวออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ก็หักดาบนั้นทิ้ง เขาดีดเบา ๆ ที่ปลายดาบหนึ่งที ดาบก็ทะลวงผ่านร่างของนักดาบไปรูม่านตาของ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ