เมื่อดาบนี้ถูกฟันออกไป รอยแตกยาวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นใกล้เคียง เสียงดังสะท้านไปทั่วดวงตาของนักดาบเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาได้เห็นมือของเย่ซิวถูกตัดออกแล้วแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องตกตะลึง!เย่ซิว อาศัยเพียงสองนิ้วก็สามารถรับการโจมตีที่ผ่าแม่น้ำนี้ไว้ได้อย่างง่ายดาย“อะไรนะ?!”“เขารับไว้ได้!”ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เย่ซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อดวงตาของนักดาบคนนั้นเองก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วฉากนี้เหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้นเขาพยายามดึงดาบออกมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!ส่วนฉีฉูฉู่ที่รับชมสถานการณ์มาจนถึงตรงนี้ผ่านกล้องวงจรปิด ยิ่งตกใจมากจนแทบจะกรีดร้องออกมาในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า เธอรู้ดีว่าปรมาจารย์ระดับแปดนั้นน่ากลัวเพียงใดแถมเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายโจมตีมาอย่างเคียดแค้นเต็มกำลัง ทว่าเย่ซิวกลับสกัดกั้นมันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้นี่มันเหมือนนิยายแฟนตาซี! เห็นผีกลางวันแสก ๆ ชัด ๆ!ติ๊ง!เย่ซิวออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ก็หักดาบนั้นทิ้ง เขาดีดเบา ๆ ที่ปลายดาบหนึ่งที ดาบก็ทะลวงผ่านร่างของนักดาบไปรูม่านตาของ
“ไม่สู้วางมีดที่ใช้ฆ่าลง ไปสวดมนต์กินเจกับอาตมา เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ดีหรือไม่?”เย่ซิวเยาะเย้ย "คิดที่จะอาศัยฉันทะลวงระดับขึ้นไปก็พูดมาตามตรงเถอะ ทำไมต้องใช้คำพูดที่ฟังดูสูงส่งขนาดนี้มาเป็นข้ออ้างด้วย?"มีคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "พูดจาเหลวไหล เราได้ยินมาว่าแกโหดเหี้ยมทารุณ ดังนั้นเราจึงมาที่นี่เพื่อขจัดภัยอันตรายแทนประชาชน!"ฟิ้ว!เย่ซิวดีดปราณกระบี่ออกไป มันก็แทงทะลุหว่างคิ้วของชายคนนั้น ร่างนั้นทรุดลงในทันทีผู้คนรอบตัวเขาตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบหนีกระเจิงออกไปใบหน้าของเย่ซิวยังคงแสดงความเสียดสี “ไอ้พวกหน้าซื่อใจคดกลุ่มหนึ่ง ฉันรู้ว่าทุกคนแค่อยากจะจับฉันไปแล่เนื้อเถือหนังคิดว่าฉันกินสมบัติแห่งฟ้าดินเข้าไปถึงได้สามารถทะลวงเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ!ฉันจะบอกความจริงให้พวกแกรู้ไว้ก็แล้วกัน การดื่มเลือดกินเนื้อของฉัน จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกแกได้อย่างแน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกมีปัญญาที่จะมาเอามันไปรึเปล่า”ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ดวงตาของคนเหล่านี้ก็เปล่งประกายวาววับแม้แต่สีหน้าของใต้ซือคูมู่เองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยใต้ซือคูมู่ได้เดิ
ฟุบ!เสียงเบาที่เหมือนกับมีดคมแทงทะลุเต้าหู้ดังขึ้นเย่ซิวใช้เพียงนิ้วเดียวก็ทะลวงการป้องกันของใต้ซือคูมู่ไปได้อย่างง่ายดาย มีรูเลือดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขารอยยิ้มบนใบหน้าของใต้ซือคูมู่แข็งทื่อ เขายกมือขึ้นอย่างยากลำบาก และชี้ไปที่เย่ซิวริมฝีปากของเขาขยับเหมือนกับพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ จากนั้นคนทั้งคนก็หงายหลังล้มไปทั่วทั้งลานเงียบกริบฉับพลัน!ฉีฉูฉู่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด ในหัวมีแต่เสียงอื้ออึงพลังที่เย่ซิวแสดงออกมานั้น ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว!“หรือว่าเขาจะไม่ได้เป็นแค่ระดับเก้าขั้นต้น ทว่าไปถึงขั้นสูงหรือไม่ก็ขั้นสูงสุดแล้ว?” ฉีฉูฉู่พึมพำกับตัวเอง จากนั้นจึงส่ายหัวอย่างแรง“ไม่ใช่สิ ฉันเคยอ่านเจอในตำราโบราณ ในนั้นบันทึกไว้ว่าจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า ไม่มีทางน่ากลัวเท่ากับที่เย่ซิวแสดงให้เห็นในวันนี้อย่างแน่นอนขณะที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับแปด ก็เหมือนกับคนธรรมดาที่กำลังบดขยี้มด ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เธอขมวดคิ้ว พยายามคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจเมื่อมองดูกล้องวงจรปิด คนจำนวนไม่น้อยก็เผยสีหน้าหวาดกล
โลกทั้งใบเงียบสงัดลงทันทีมีเพียงกลิ่นเลือดที่ฉุนกึกลอยโชยไปทั่วคนไม่กี่คนที่ดูฉากนี้ผ่านทางกล้องวงจรปิด คนทั้งคนก็ตัวชาดิกหมดไปแล้วไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความตกใจในขณะนี้ของพวกเขาได้เย่ซิวดึงจวงเสี่ยวหยิงออกจากห้องเปลี่ยนชุด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "หลับตาลง"จวงเสี่ยวหยิงก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟังเย่ซิวจับมือเล็ก ๆ ของเธอแล้วเดินออกไปข้างนอกเสียงของฉีตังกั๋วก็ดังส่งมาจากลำโพง "เย่ซิว ในชีวิตนี้ของฉัน ฉันไม่เคยชื่นชมใครเลย แต่นายเป็นหนึ่งในนั้นวันนี้ทำให้ฉันได้เห็นฉากที่แตกต่างออกไป ฉันรู้สึกขอบใจนายมากถ้าชาติหน้ามีจริง อย่าได้มาเป็นศัตรูกับตระกูลฉีอีกล่ะ”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ทำไม คุณยังมีจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่ยังไม่ได้ส่งออกมาอีกเหรอ?"“ก็ไม่เชิงหรอก แต่ใต้วิลล่าแห่งนี้ ในตอนที่สร้างมันขึ้นครั้งแรกได้มีการฝังแซดวายจำนวนมากไว้ข้างในนั้น วันนี้พวกนายหนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นตายซะเถอะ!”นัยน์ตาของเย่ซิวหดตัวลงตู้ม ตู้ม ตู้ม...วินาทีต่อมา วิลล่าทั้งหลังก็ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบลิ่วเมื่อเห็นหน้าจอกลายเป็นสีดำสนิท ฉีฉูฉู่ก็ถอนหายใจ
ปึก!ฉีฉูฉู่ทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายของเธอสั่นเทา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง คว้าโทรศัพท์มือถือด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขของฉีตังกั๋วอย่างตัวสั่น“หาศพของเย่ซิวเจอแล้วเหรอ?”“เขา...เขา...” ฉีฉูฉู่รู้สึกเหมือนตัวเองพูดไม่เป็นภาษา จึงพูดตะกุกตะกักออกไป“เขา...ภาพที่โดรนส่งมาเมื่อสักครู่นี้...เขายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี...ไม่แม้แต่รอยขีดข่วน!”ฉีตังกั๋วดุ "เธอกำลังพูดเหลวไหลอะไร? ระเบิดระดับนั้น เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยได้ยังไง!"ฉีฉูฉู่กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้ว "จริงนะคะ หนูส่งต่อภาพจากโดรนไปให้ปู่แล้ว"ทางด้านนั้น บังเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งฉีตังกั๋วกำลังดูการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หลังจากดูวิดีโอที่ฉีฉูฉู่ส่งมาให้ เขาก็เกือบจะทรุดตัวลงไปฉากอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“คุณปู่คะ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” ฉีฉูฉู่ตื่นตระหนกมาก“เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว จอมยุทธ์ยอดฝีมือในปัจจุบันเกือบทั้งหมดถูกเขากำจัดทิ้งไปแล้วแถมเขายังไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งที่ยืนอยู่ใจกลางการระเบิดที่รุนแรงขนาดนี้ ถ้าไ
นุ่งกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ ใส่เสื้อโชว์สะดือ แต่งหน้าสวยหวานผู้หญิงคนนี้เมื่อเห็นเย่ซิวในดวงตาก็เผยความเป็นศัตรู แต่เขาก็จับสังเกตมันได้อย่างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นเย่ซิวเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน!จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านไป๋อวี้เจี๋ย มีอยู่วันหนึ่งจู่ ๆ หลินโหรวก็วิ่งมาเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือบอกว่า 'แฟนสาว' ของเธอเสียเลือดมาก ต้องการความช่วยเหลือซึ่งก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นวางเค้กไว้บนโต๊ะ พร้อมส่งยิ้มหวานให้เย่ซิว "พี่คะ ฉันเพิ่งทำเค้กเสร็จ ใช้วัตถุดิบเต็มที่ พี่ลองชิมดูนะคะ"เย่ซิวมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า "เธอเป็นใคร?"“อ๋อ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จัก เธอชื่อหลิวเยวี่ยหง คุณครูสอนทำขนมคนใหม่ของฉันค่ะเธอทำเค้กเก่งมาก และช่วงนี้เธอเพิ่งอกหัก เลยขอมานอนกับฉันคืนนี้ค่ะ”เย่ซิวรู้สึกตหงิดใจทันทีเธอเลิกกับหลินโหรวแล้วเหรอ?ตอนนี้คิดจะมาเล็งผู้หญิงของเขาอีกงั้นสิ?เย่ซิวพยักหน้าและนั่งลงอย่างสงบหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เธอตัดเค้กให้เย่ซิวและป้อนใส่ปากเขา "ให้ฉันป้อนพี่นะคะ"หลิวเยวี่ยหงกำหมัดอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าอิจฉาริษยาอยู่ฝั่งตรงข้ามเย
หลิวเยวี่ยหงเอาหูแนบประตูแล้วตั้งใจฟังเย่ซิวยกยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในห้องหลังจากที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลืนโอสถฟื้นฟูสามเม็ดติดต่อกัน บวกกับเย่ซิวใช้พลังวิญญาณช่วยเธอทำการทะลวง ในที่สุดเธอก็สามารถทะลวงระดับได้สำเร็จหลังจากเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับหกแล้ว ร่างกายของเธอได้ถูกชะล้างทั้งภายในและภายนอกอีกครั้งรูปร่างมีแนวโน้มสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทุกตารางนิ้วของผิวหนังราวกับว่าถูกแกะสลักด้วยมือของพระเจ้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นเด็กทารกลอยออกมาจากร่างกายเธอ กลิ่นมันช่างหอมเหลือเกินเย่ซิวดึงเธอเข้ามา ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันผิวพรรณของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเริ่มผุดผ่องมากขึ้น เปล่งประกายราวไข่มุกทรวดทรงองเอวจัดอยู่ในประเภทที่ผู้ชายมองแล้วเลือดกําเดาไหลเย่ซิวอุ้มสาวสวยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็...ถึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นจะดูบอบบางมากหลังจากเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่ในความเป็นจริงแม้ว่าจะถูกวัวชนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรดังนั้นถึงจะมีเรื่องอย่างว่าเป็นครั้งแรก ก็จะไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดต่อมา เย่ซิวจงใจส่งเสียงเพื่อให้หลิวเยวี่ยหงที่กำลังแอบฟังอยู่ข้างนอกได้ยินเย่ซิวอยากตอกย้ำให้เธอทุกข์ทรมานใจมากขึ้น เขาม
ขบวนรถหรูขับมาแต่ไกล และจอดอยู่ตรงหน้าพวกหลี่หงหงดวงตาของหลี่หงหงแทบจะถลนออกมาจากเบ้า มองดูรถหรูพวกนี้ที่เธอเห็นแต่ในทีวีเท่านั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแฟนหนุ่มของเธอตกใจยิ่งกว่า "จากัวร์ แฟนธอม โรลส์-รอยซ์...รถหรูมากมายขนาดนี้ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่าไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้าน เขาคือคนใหญ่คนโตคนไหนเนี่ย?"หลังจากที่หลี่หงหงได้ยินคำว่าไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้าน เธอก็หยุดหายใจ และรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป นี่เป็นสิ่งเธอสามารถใช้โอ้อวดในอนาคตได้ถ่ายรูปไปฝันหวานไป "คงจะดีมากถ้าขบวนรถหรูพวกนี้มารับฉัน"ขบวนรถหยุดลง มีชายชุดดำทยอยลงจากรถแต่ละคันพวกเขาทั้งหมดสวมแว่นตาดำ สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร และยืนตัวตรงราวกับหอกหลี่หงหงกับแฟนหนุ่มไม่กล้าแสดงความรู้สึกอะไรออกมาออร่าที่เปล่งออกมาจากคนเหล่านี้ช่างน่ากลัวจริง ๆเมื่อหลี่หงหงเห็นจวงเสี่ยวหยิงยังยืนอยู่ตรงนั้น เธอก็โกรธทันทีและตะโกนว่า "ยัยโง่ มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น รีบไสหัวไปให้พ้น อย่าขวางทาง!"บางคนก็เป็นเสียแบบนี้ เมื่อเห็นคนรวย ๆ ถึงเขาจะไม่รู้จักตัวเองก็ตาม แต่ก็ยังยอมคลานเข่าเข้าไปเลียแข้งเลียขาเห็นได้ชัดว่าหลี่หงหงเป็นค
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่