เมื่อดาบนี้ถูกฟันออกไป รอยแตกยาวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นใกล้เคียง เสียงดังสะท้านไปทั่วดวงตาของนักดาบเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาได้เห็นมือของเย่ซิวถูกตัดออกแล้วแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องตกตะลึง!เย่ซิว อาศัยเพียงสองนิ้วก็สามารถรับการโจมตีที่ผ่าแม่น้ำนี้ไว้ได้อย่างง่ายดาย“อะไรนะ?!”“เขารับไว้ได้!”ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เย่ซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อดวงตาของนักดาบคนนั้นเองก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วฉากนี้เหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้นเขาพยายามดึงดาบออกมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!ส่วนฉีฉูฉู่ที่รับชมสถานการณ์มาจนถึงตรงนี้ผ่านกล้องวงจรปิด ยิ่งตกใจมากจนแทบจะกรีดร้องออกมาในฐานะจอมยุทธ์ระดับห้า เธอรู้ดีว่าปรมาจารย์ระดับแปดนั้นน่ากลัวเพียงใดแถมเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายโจมตีมาอย่างเคียดแค้นเต็มกำลัง ทว่าเย่ซิวกลับสกัดกั้นมันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้นี่มันเหมือนนิยายแฟนตาซี! เห็นผีกลางวันแสก ๆ ชัด ๆ!ติ๊ง!เย่ซิวออกแรงที่นิ้วเล็กน้อย ก็หักดาบนั้นทิ้ง เขาดีดเบา ๆ ที่ปลายดาบหนึ่งที ดาบก็ทะลวงผ่านร่างของนักดาบไปรูม่านตาของ
“ไม่สู้วางมีดที่ใช้ฆ่าลง ไปสวดมนต์กินเจกับอาตมา เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ดีหรือไม่?”เย่ซิวเยาะเย้ย "คิดที่จะอาศัยฉันทะลวงระดับขึ้นไปก็พูดมาตามตรงเถอะ ทำไมต้องใช้คำพูดที่ฟังดูสูงส่งขนาดนี้มาเป็นข้ออ้างด้วย?"มีคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "พูดจาเหลวไหล เราได้ยินมาว่าแกโหดเหี้ยมทารุณ ดังนั้นเราจึงมาที่นี่เพื่อขจัดภัยอันตรายแทนประชาชน!"ฟิ้ว!เย่ซิวดีดปราณกระบี่ออกไป มันก็แทงทะลุหว่างคิ้วของชายคนนั้น ร่างนั้นทรุดลงในทันทีผู้คนรอบตัวเขาตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบหนีกระเจิงออกไปใบหน้าของเย่ซิวยังคงแสดงความเสียดสี “ไอ้พวกหน้าซื่อใจคดกลุ่มหนึ่ง ฉันรู้ว่าทุกคนแค่อยากจะจับฉันไปแล่เนื้อเถือหนังคิดว่าฉันกินสมบัติแห่งฟ้าดินเข้าไปถึงได้สามารถทะลวงเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ!ฉันจะบอกความจริงให้พวกแกรู้ไว้ก็แล้วกัน การดื่มเลือดกินเนื้อของฉัน จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกแกได้อย่างแน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกมีปัญญาที่จะมาเอามันไปรึเปล่า”ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ดวงตาของคนเหล่านี้ก็เปล่งประกายวาววับแม้แต่สีหน้าของใต้ซือคูมู่เองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยใต้ซือคูมู่ได้เดิ
ฟุบ!เสียงเบาที่เหมือนกับมีดคมแทงทะลุเต้าหู้ดังขึ้นเย่ซิวใช้เพียงนิ้วเดียวก็ทะลวงการป้องกันของใต้ซือคูมู่ไปได้อย่างง่ายดาย มีรูเลือดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขารอยยิ้มบนใบหน้าของใต้ซือคูมู่แข็งทื่อ เขายกมือขึ้นอย่างยากลำบาก และชี้ไปที่เย่ซิวริมฝีปากของเขาขยับเหมือนกับพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ จากนั้นคนทั้งคนก็หงายหลังล้มไปทั่วทั้งลานเงียบกริบฉับพลัน!ฉีฉูฉู่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด ในหัวมีแต่เสียงอื้ออึงพลังที่เย่ซิวแสดงออกมานั้น ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว!“หรือว่าเขาจะไม่ได้เป็นแค่ระดับเก้าขั้นต้น ทว่าไปถึงขั้นสูงหรือไม่ก็ขั้นสูงสุดแล้ว?” ฉีฉูฉู่พึมพำกับตัวเอง จากนั้นจึงส่ายหัวอย่างแรง“ไม่ใช่สิ ฉันเคยอ่านเจอในตำราโบราณ ในนั้นบันทึกไว้ว่าจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า ไม่มีทางน่ากลัวเท่ากับที่เย่ซิวแสดงให้เห็นในวันนี้อย่างแน่นอนขณะที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับแปด ก็เหมือนกับคนธรรมดาที่กำลังบดขยี้มด ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เธอขมวดคิ้ว พยายามคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจเมื่อมองดูกล้องวงจรปิด คนจำนวนไม่น้อยก็เผยสีหน้าหวาดกล
โลกทั้งใบเงียบสงัดลงทันทีมีเพียงกลิ่นเลือดที่ฉุนกึกลอยโชยไปทั่วคนไม่กี่คนที่ดูฉากนี้ผ่านทางกล้องวงจรปิด คนทั้งคนก็ตัวชาดิกหมดไปแล้วไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความตกใจในขณะนี้ของพวกเขาได้เย่ซิวดึงจวงเสี่ยวหยิงออกจากห้องเปลี่ยนชุด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "หลับตาลง"จวงเสี่ยวหยิงก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟังเย่ซิวจับมือเล็ก ๆ ของเธอแล้วเดินออกไปข้างนอกเสียงของฉีตังกั๋วก็ดังส่งมาจากลำโพง "เย่ซิว ในชีวิตนี้ของฉัน ฉันไม่เคยชื่นชมใครเลย แต่นายเป็นหนึ่งในนั้นวันนี้ทำให้ฉันได้เห็นฉากที่แตกต่างออกไป ฉันรู้สึกขอบใจนายมากถ้าชาติหน้ามีจริง อย่าได้มาเป็นศัตรูกับตระกูลฉีอีกล่ะ”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ทำไม คุณยังมีจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่ยังไม่ได้ส่งออกมาอีกเหรอ?"“ก็ไม่เชิงหรอก แต่ใต้วิลล่าแห่งนี้ ในตอนที่สร้างมันขึ้นครั้งแรกได้มีการฝังแซดวายจำนวนมากไว้ข้างในนั้น วันนี้พวกนายหนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นตายซะเถอะ!”นัยน์ตาของเย่ซิวหดตัวลงตู้ม ตู้ม ตู้ม...วินาทีต่อมา วิลล่าทั้งหลังก็ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบลิ่วเมื่อเห็นหน้าจอกลายเป็นสีดำสนิท ฉีฉูฉู่ก็ถอนหายใจ
ปึก!ฉีฉูฉู่ทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายของเธอสั่นเทา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากนั้นไม่นานนัก เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง คว้าโทรศัพท์มือถือด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขของฉีตังกั๋วอย่างตัวสั่น“หาศพของเย่ซิวเจอแล้วเหรอ?”“เขา...เขา...” ฉีฉูฉู่รู้สึกเหมือนตัวเองพูดไม่เป็นภาษา จึงพูดตะกุกตะกักออกไป“เขา...ภาพที่โดรนส่งมาเมื่อสักครู่นี้...เขายังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี...ไม่แม้แต่รอยขีดข่วน!”ฉีตังกั๋วดุ "เธอกำลังพูดเหลวไหลอะไร? ระเบิดระดับนั้น เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยได้ยังไง!"ฉีฉูฉู่กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้ว "จริงนะคะ หนูส่งต่อภาพจากโดรนไปให้ปู่แล้ว"ทางด้านนั้น บังเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งฉีตังกั๋วกำลังดูการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หลังจากดูวิดีโอที่ฉีฉูฉู่ส่งมาให้ เขาก็เกือบจะทรุดตัวลงไปฉากอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“คุณปู่คะ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” ฉีฉูฉู่ตื่นตระหนกมาก“เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว จอมยุทธ์ยอดฝีมือในปัจจุบันเกือบทั้งหมดถูกเขากำจัดทิ้งไปแล้วแถมเขายังไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งที่ยืนอยู่ใจกลางการระเบิดที่รุนแรงขนาดนี้ ถ้าไ
นุ่งกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ ใส่เสื้อโชว์สะดือ แต่งหน้าสวยหวานผู้หญิงคนนี้เมื่อเห็นเย่ซิวในดวงตาก็เผยความเป็นศัตรู แต่เขาก็จับสังเกตมันได้อย่างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นเย่ซิวเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน!จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านไป๋อวี้เจี๋ย มีอยู่วันหนึ่งจู่ ๆ หลินโหรวก็วิ่งมาเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือบอกว่า 'แฟนสาว' ของเธอเสียเลือดมาก ต้องการความช่วยเหลือซึ่งก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นวางเค้กไว้บนโต๊ะ พร้อมส่งยิ้มหวานให้เย่ซิว "พี่คะ ฉันเพิ่งทำเค้กเสร็จ ใช้วัตถุดิบเต็มที่ พี่ลองชิมดูนะคะ"เย่ซิวมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า "เธอเป็นใคร?"“อ๋อ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จัก เธอชื่อหลิวเยวี่ยหง คุณครูสอนทำขนมคนใหม่ของฉันค่ะเธอทำเค้กเก่งมาก และช่วงนี้เธอเพิ่งอกหัก เลยขอมานอนกับฉันคืนนี้ค่ะ”เย่ซิวรู้สึกตหงิดใจทันทีเธอเลิกกับหลินโหรวแล้วเหรอ?ตอนนี้คิดจะมาเล็งผู้หญิงของเขาอีกงั้นสิ?เย่ซิวพยักหน้าและนั่งลงอย่างสงบหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เธอตัดเค้กให้เย่ซิวและป้อนใส่ปากเขา "ให้ฉันป้อนพี่นะคะ"หลิวเยวี่ยหงกำหมัดอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าอิจฉาริษยาอยู่ฝั่งตรงข้ามเย
หลิวเยวี่ยหงเอาหูแนบประตูแล้วตั้งใจฟังเย่ซิวยกยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในห้องหลังจากที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลืนโอสถฟื้นฟูสามเม็ดติดต่อกัน บวกกับเย่ซิวใช้พลังวิญญาณช่วยเธอทำการทะลวง ในที่สุดเธอก็สามารถทะลวงระดับได้สำเร็จหลังจากเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับหกแล้ว ร่างกายของเธอได้ถูกชะล้างทั้งภายในและภายนอกอีกครั้งรูปร่างมีแนวโน้มสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทุกตารางนิ้วของผิวหนังราวกับว่าถูกแกะสลักด้วยมือของพระเจ้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นเด็กทารกลอยออกมาจากร่างกายเธอ กลิ่นมันช่างหอมเหลือเกินเย่ซิวดึงเธอเข้ามา ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันผิวพรรณของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเริ่มผุดผ่องมากขึ้น เปล่งประกายราวไข่มุกทรวดทรงองเอวจัดอยู่ในประเภทที่ผู้ชายมองแล้วเลือดกําเดาไหลเย่ซิวอุ้มสาวสวยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็...ถึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นจะดูบอบบางมากหลังจากเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่ในความเป็นจริงแม้ว่าจะถูกวัวชนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรดังนั้นถึงจะมีเรื่องอย่างว่าเป็นครั้งแรก ก็จะไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดต่อมา เย่ซิวจงใจส่งเสียงเพื่อให้หลิวเยวี่ยหงที่กำลังแอบฟังอยู่ข้างนอกได้ยินเย่ซิวอยากตอกย้ำให้เธอทุกข์ทรมานใจมากขึ้น เขาม
ขบวนรถหรูขับมาแต่ไกล และจอดอยู่ตรงหน้าพวกหลี่หงหงดวงตาของหลี่หงหงแทบจะถลนออกมาจากเบ้า มองดูรถหรูพวกนี้ที่เธอเห็นแต่ในทีวีเท่านั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแฟนหนุ่มของเธอตกใจยิ่งกว่า "จากัวร์ แฟนธอม โรลส์-รอยซ์...รถหรูมากมายขนาดนี้ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่าไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้าน เขาคือคนใหญ่คนโตคนไหนเนี่ย?"หลังจากที่หลี่หงหงได้ยินคำว่าไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้าน เธอก็หยุดหายใจ และรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป นี่เป็นสิ่งเธอสามารถใช้โอ้อวดในอนาคตได้ถ่ายรูปไปฝันหวานไป "คงจะดีมากถ้าขบวนรถหรูพวกนี้มารับฉัน"ขบวนรถหยุดลง มีชายชุดดำทยอยลงจากรถแต่ละคันพวกเขาทั้งหมดสวมแว่นตาดำ สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร และยืนตัวตรงราวกับหอกหลี่หงหงกับแฟนหนุ่มไม่กล้าแสดงความรู้สึกอะไรออกมาออร่าที่เปล่งออกมาจากคนเหล่านี้ช่างน่ากลัวจริง ๆเมื่อหลี่หงหงเห็นจวงเสี่ยวหยิงยังยืนอยู่ตรงนั้น เธอก็โกรธทันทีและตะโกนว่า "ยัยโง่ มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น รีบไสหัวไปให้พ้น อย่าขวางทาง!"บางคนก็เป็นเสียแบบนี้ เมื่อเห็นคนรวย ๆ ถึงเขาจะไม่รู้จักตัวเองก็ตาม แต่ก็ยังยอมคลานเข่าเข้าไปเลียแข้งเลียขาเห็นได้ชัดว่าหลี่หงหงเป็นค
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ