คราวนี้เป็นทีของเย่ซิวที่ต้องประหลาดใจ เขายิ้มพลางเอ่ยถาม “คุณพูดจริงเหรอ?”“อืม” หลิวเสี่ยวอวี้พยักหน้าเบา ๆ โดยไม่กล้าสบตาเย่ซิว เสียงของเธอเบาราวกับเสียงยุงบิน “หากนายท่านต้องการ ฉันก็ทำให้ได้…”เดิมทีเธอก็รู้สึกดีกับเย่ซิวอยู่แล้ว และผู้หญิงที่ทำงานในที่แบบนี้ก็มักจะเปิดกว้างกว่าคนทั่วไป ดังนั้น เธอจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านหากจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเย่ซิวด้วยสายตาอันเฉียบคมของเย่ซิว เขามองออกทันทีว่า หลิวเสี่ยวอวี้ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่เธอสามารถต้านทานสิ่งยั่วยวนต่าง ๆ ได้ในทุกวัน ก็บ่งบอกถึงตัวตนของเธอได้แล้วเย่ซิวก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก มีเนื้อยื่นมาให้ถึงหน้าประตูแล้วเขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน แน่นอนว่าหากเป็นแบบหยางซูเฟินก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นเนื้อเน่า“คุณแน่ใจนะ?” เย่ซิวขยับเข้าใกล้เธอจนระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตรเย่ซิวได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เล็ดลอดออกมาจากตัวเธอหลิวเสี่ยวอวี้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเป็นชายของเย่ซิวที่แผ่ซ่านออกมา ราวกับจะหลอมละลายเธอไปทั่วทั้งร่างร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวย แววตาเต็มไปด้
“หากพวกนายยอมช่วยฉันรวบรวมโอสถหรือเหล้ายาบำรุงแบบนี้ต่อไป ฉันสามารถคุ้มครองพวกนายได้ และนอกจากนี้…”ฉึก!เขาชี้นิ้วออกไป ก่อนที่โต๊ะหินอ่อนตรงหน้าจะแยกออกเป็นสองส่วนทันที“อย่างที่พวกนายคิดนั่นแหละ ฉันคือจอมยุทธ์ระดับเก้า”หญิงสาวทั้งหกต่างกรีดร้องกันระนาว พวกเธอเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีความรู้เรื่องจอมยุทธอะไรมาก่อน ส่วนสามพี่น้องตระกูลสวีกลับมีทั้งความตกใจและความดีใจคำพูดของเย่ซิวทำให้พวกเขามองเห็นเส้นทางที่สดใสชัดเจน จึงรีบตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยจอมยุทธ์ระดับเก้า เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินจากในตำนานเล่าขานกันเท่านั้น แต่ตอนนี้คนที่พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าคือตัวจริง ๆ แถมยังหนุ่มแน่นขนาดนี้!“แต่ว่า!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นชา “ถ้าฉันพบว่าพวกนายทำอะไรแย่ ๆ แม้แต่นิดเดียว ฉันจะกำจัดพวกนายทิ้งทันทีอย่างไม่ปรานี!”ต่อให้จะมีหรือไม่มีคำเตือนนี้พวกเขาก็ตอบรับโดยไม่ขัดข้องอยู่ดีสวีลู่รวบรวมความกล้าเอ่ยถาม “พี่เย่ครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว จะให้พวกเธออยู่ปรนนิบัติพี่ดีไหมครับ? ถ้าคนไม่พอ เดี๋ยวผมเรียกมาเพิ่มให้ หรือจะให้ผมอยู่รับใช้ก็ได้ครับ”ในฐานะจอมยุทธ์ระดับเ
พลังของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นมากมายจนน่าเหลือเชื่อหากบอกว่าแค่เธอคนเดียวก็สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ถึงห้าคนในคราวเดียวก็คงไม่เกินจริงนัก…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ซิวจึงตัดสินใจไปที่บริษัทแต่เมื่อไปถึง เขากลับได้รับแจ้งว่าเธอไปที่ร้านเค้กแห่งหนึ่งที่อยู่ในเครือเย่ซิวจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังร้านเค้กไป๋เล่อแทนร้านนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำเค้กระดับพรีเมี่ยมเมื่อเย่ซิวมาถึงก็พบว่าคิวลูกค้ายาวล้นออกมานอกร้านไปไกลหลายสิบเมตรแต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ชายเสียนี่เย่ซิวมองด้วยความแปลกใจ “คนพวกนี้คงไม่ใช่ว่ามาหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรอกมั้ง?”เขาเดินตรงไปยังประตูร้าน“เฮ้ พี่ชาย ต้องต่อคิวนะ”เมื่อเขากำลังจะเข้าไป ชายสวมแว่นคนหนึ่งก็มาขวางเอาไว้เย่ซิวยิ้มก่อนจะเอ่ย “ผมไม่ได้มาซื้อเค้ก ผมมาหาคนน่ะ”ชายสวมแว่นเบะปากพลางเอ่ย “ใครที่อยู่ที่นี่บ้างที่ไม่ได้มาหาคน แต่ล้วนมาหาเทพธิดาหลิ่วกันทั้งนั้น รีบไปต่อคิวซะ อย่าทำผิดกฎล่ะ”จากนั้นก็มีเสียงจากคนข้างหลังช่วยสนับสนุน“ใช่แล้ว ไปต่อคิวข้างหลังสิ”“พวกเรารอมานานแล้วนะ”……เย่ซิวยักไหล่โดยไม่คิดจะฝืนเข้าไป แม้ว่าเขาจะทำได้ก็ตามเขาห
ชายหนุ่มทั้งหลายที่เห็นเทพธิดาในดวงใจของพวกเขาจับมือกับชายอื่น ต่างพากันกุมหน้าอก หายใจติดขัดโดยเฉพาะชายสวมแว่นที่ขวางเย่ซิวไว้ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนเคว้งไปหมดสุดท้ายตัวตลกก็คือฉันเอง!ความงามของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นโดดเด่นจนไม่ว่าเธอจะปรากฏตัวที่ใดก็สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น เย่ซิวจึงจูงมือเธอขึ้นรถ พร้อมเอ่ยว่า “ไปกินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวจะพาเธอกลับบ้านนะ”เดิมทีเย่ซิวตั้งใจจะใช้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นตัวช่วยในการบรรลุขั้นต่อไปแต่เมื่อเห็นเธอแล้ว เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไปเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจากตัวเธอ ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือนอยู่แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่รู้ถึงความคิดในใจของเย่ซิว เธอแค่รู้สึกดีใจที่เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมเธอแค่เท่านั้นหลังจากทานข้าวเป็นเพื่อนเธอเสร็จ เย่ซิวก็พาเธอกลับไปที่บริษัท เขาตั้งใจจะไปเก็บสมุนไพรในสวนเพื่อนำมาทำโอสถฟื้นฟูแต่จู่ ๆ ก็ได้รับข้อความจากถังต้าไห่ แจ้งว่าเขาได้รวบรวมพวกคนที่เคยทรยศเย่ซิวในอดีตไว้ทั้งหมดแล้วดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นยะเยือก ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางทันที
ความเคียดแค้นในใจของเย่ซิวได้ก่อตัวจนถึงขีดสุดเหล่าคนทรยศในอดีต ทำให้อาจารย์ของเขาต้องเสียใจมาเป็นเวลานานจนตอนนี้เขาก็ยังสงสัยว่าการจากไปของอาจารย์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรยศเหล่านั้นดังนั้นสำหรับคนทรยศพวกนี้ เย่ซิวไม่มีทางปรานีแน่นอนหากเป็นแบบถังต้าไห่ ที่กลับใจและยอมสละทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง เย่ซิวยังอาจไว้ชีวิตให้ได้“ไอ้หนุ่ม แกนี่ช่างอวดดีนัก!”กำปั้นหนึ่งพุ่งตรงมาที่ใบหน้าเขาอย่างจัง“อ๊าก!”ในวินาทีถัดมา เขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเหล่ายอดฝีมือที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างหน้าถอดสีกันเป็นแถบ ไม่มีใครทันเห็นด้วยซ้ำว่าเย่ซิวทำอะไรไป“ทุกคนบุกพร้อมกัน!”“ไอ้เด็กนี่ต้องเล่นตุกติกอะไรแน่!”เหล่ายอดฝีมือหลายคนต่างร้องตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีเย่ซิวพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ระดับสามถึงสี่แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับเย่ซิว!พลั่ก พลั่ก พลั่ก!ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเย่ซิวได้ชัดเจน คนพวกนั้นล้มลงกับพื้น กระดูกแหลกละเอียด ไม่มีทางหายดีได้ภายในปีครึ่งแน่เย่ซิวก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ว่าใครจะพยายามขวาง เขาก็จัดการทุกคนราบคาบป
สายตาที่หยิ่งยโสราวกับมองดูมดปลวกนั้น เป็นสายตาแบบเดียวที่พวกเขาใช้มองผู้อื่นอยู่เสมอ“ฉันคงต้องแนะนำตัวเองหน่อย” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันชื่อเย่ซิ่ว ประมุขรุ่นที่สองแห่งสำนักแพทย์”เพียงประโยคเรียบง่าย แต่กลับดังก้องอยู่ในหูของคนเหล่านี้ดุจสายฟ้าฟาด ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีกันอย่างหนัก“ว่าไงนะ?!”“สำนักแพทย์ล่มสลายไปนานแล้ว แกเป็นใครกันแน่!”“ฉันนึกออกแล้ว เมื่อก่อนประมุขเคยมีลูกศิษย์ลับอยู่คนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นแก!”…… ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดต่างแสดงอาการลนลานอย่างหาดูได้ยากออกมา แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็แผ่จิตสังหารอย่างรุนแรงเรื่องราวในวันนั้นเป็นรอยด่างที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีผู้ใดล่วงรู้ได้วันนี้เจ้าหนี้กลับมาตามทวงแล้ว และทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้คือการกำจัดเขาทิ้งพวกเขาต่างหันไปมองถังต้าไห่ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด“เจ้าคนทรยศ แกจงใจล่อลวงเรามาที่นี่ใช่ไหม!”“ต่อจากนี้ไป สำนักอวิ๋นจือถังต้องล่มจมแน่!”……ถังต้าไห่ได้ยินเช่นนั้นกลับหัวเราะเสียงดัง “พวกแกช่างโง่เขลาเสียจริง เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมาหลายปี ฉันขอเตือนเลยว่า หากพวกแกถอยกลับตอนนี้ ยังพอมีทา
ปัง!เสียงดังสนั่นทำให้ทุกคนในห้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไปเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครคิดว่าเย่ซิวจะรอดชีวิตจากอาวุธร้อนสุดล้ำนี้ได้ แต่ถังต้าไห่และฟางฉิงเสวี่ยกลับมั่นใจในตัวเย่ซิวสุด ๆ โม่หลีหงจ้องไปที่หน้าผากของเย่ซิวอย่างโกรธเคือง เตรียมรอเห็นฉากเลือดสาดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ในวินาทีต่อมา ความโกรธเคืองบนใบหน้าของเขากลับกลายเป็นความตกตะลึงเย่ซิวยังคงนั่งอยู่อย่างสงบ เขาใช้มือซ้ายหนีบหัวกระสุนด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางอย่างไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเยือกเย็นและสงบเสงี่ยมความตกตะลึงบนใบหน้าของโม่หลีหงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ฟันของเขากระทบกันจนเกิดเสียงสั่น “นี่นี่นี่…เป็นไปได้ยังไง! แก... จับกระสุนได้ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ!”ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เหล่าผู้ทรยศที่เหลือต่างมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากคนเห็นผี“เป็นไปไม่ได้! มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่!” โม่หลีหงคำรามอย่างเดือดดาล ก่อนจะบ้าคลั่งเหนี่ยวไกปืนใส่เย่ซิวอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา กระสุนทั้งหมดในแม็กกาซีนก็ถูกยิงออกไปจนหมดแต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงจนแทบลุกพรวดพราด ก
เย่ซิวเดินไปหาผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ก่อนจะถามคำถามเดิม“ผมชื่อหวังจื้อเผิง จากสำนักอู่สิง ผมผิดไปแล้ว ขอท่านประมุขโปรดเมตตาปล่อยผมไปเถอะครับ”แม้เขาจะอายุมากแล้ว แต่กลับร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสาร จิตใจของเขาถูกความโหดเหี้ยมและพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิวทำลายจนสิ้นเย่ซิวเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “หลายปีก่อน แกก็เคยแสดงความจงรักภักดีต่าง ๆ นานา แต่สุดท้ายก็หักหลังอยู่ดีที่ผ่านมาแกก็เสพสุขมากพอแล้วนี่ ไปสำนึกผิดต่อท่านอาจารย์เถอะ”ปัง!เย่ซิวใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวปลิดชีวิตเขาในทันทีคนที่เหลืออยู่ต่างสติกระเจิดกระเจิง พวกเขาลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใด ต่างพุ่งตรงไปที่ประตูและหน้าต่างเย่ซิวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขายกนิ้วขึ้นแล้วดีดเบา ๆฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!พลังดาบสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ทะลุผ่านร่างของพวกเขาทันทีเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครหนีรอด เย่ซิวสังหารพวกเขาทั้งหมด ส่วนลูกหลานของพวกเขา เย่ซิวเพียงทำลายวรยุทธแต่ไม่ได้สังหารไม่ใช่เพราะเขาใจดี แต่เป็นเพราะเขายังต้องเก็บคนพวกนี้ไว้เพื่อให้โอนทรัพย์สินต่าง ๆ มาให้เขาทุกสิ่งที่พวกเขามีในวันนี้ แต่เดิมเป็
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ