เมื่อพวกเธอไปถึงห้องน้ำ หยางซูเฟินแกล้งทำเป็นล้างมือ ส่วนอวี่เฟยเฟยเข้าไปก่อนจากนั้นหยางซูเฟินหันหลังกลับและวิ่งไปนั่งข้างเย่ซิวอย่างรวดเร็วเธอจงใจดึงคอเสื้อให้ต่ำลงและดึงไหล่เสื้อลง แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า "พี่ชาย คุณชื่ออะไรเหรอคะ?"เย่ซิวผลักเธอออกและพูดอย่างเย็นชา "อยู่ห่างจากผมหน่อย"บนร่างของผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นคาวโลกีย์ชัดเจนมาก บ่งบอกว่าเธอใช้ชีวิตอย่างวุ่นวาย ปราศจากความสงบในโลกีย์ ซึ่งมาจากการที่ไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมากหน้าหลายตา และปล่อยเนื้อปล่อยตัวเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้หยางซูเฟินยังคงยิ้มไม่หุบ คิดว่าเย่ซิวกำลังใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับ เธอยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกัดริมฝีปากเล็กน้อย "พี่ชายหล่อจังเลยค่ะ คืนนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม?"เย่ซิวผลักเธอออกไปอีกครั้งอย่างเหลืออด "อย่ามายุ่งกับผม!"หยางซูเฟินหัวเราะปิดปาก “คิดไม่ถึงว่าพี่ชายจะช่ำชองเรื่องรักขนาดนี้ แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับใช้ได้ผลจริง ๆ” ผู้ชายหน้าไหนไม่ชอบผู้หญิงสวยหุ่นดีแบบฉันบ้าง?”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเย่ซิวไม่ชอบเธอ แถมยังเป็นคนหลงตัวเองอีกเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจู่โจมอีกครั้ง เย่ซิวจิ้มไปที่สกัดจุดบนร
คราวนี้เป็นทีของเย่ซิวที่ต้องประหลาดใจ เขายิ้มพลางเอ่ยถาม “คุณพูดจริงเหรอ?”“อืม” หลิวเสี่ยวอวี้พยักหน้าเบา ๆ โดยไม่กล้าสบตาเย่ซิว เสียงของเธอเบาราวกับเสียงยุงบิน “หากนายท่านต้องการ ฉันก็ทำให้ได้…”เดิมทีเธอก็รู้สึกดีกับเย่ซิวอยู่แล้ว และผู้หญิงที่ทำงานในที่แบบนี้ก็มักจะเปิดกว้างกว่าคนทั่วไป ดังนั้น เธอจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านหากจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเย่ซิวด้วยสายตาอันเฉียบคมของเย่ซิว เขามองออกทันทีว่า หลิวเสี่ยวอวี้ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่เธอสามารถต้านทานสิ่งยั่วยวนต่าง ๆ ได้ในทุกวัน ก็บ่งบอกถึงตัวตนของเธอได้แล้วเย่ซิวก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก มีเนื้อยื่นมาให้ถึงหน้าประตูแล้วเขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน แน่นอนว่าหากเป็นแบบหยางซูเฟินก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นเนื้อเน่า“คุณแน่ใจนะ?” เย่ซิวขยับเข้าใกล้เธอจนระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตรเย่ซิวได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เล็ดลอดออกมาจากตัวเธอหลิวเสี่ยวอวี้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเป็นชายของเย่ซิวที่แผ่ซ่านออกมา ราวกับจะหลอมละลายเธอไปทั่วทั้งร่างร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวย แววตาเต็มไปด้
“หากพวกนายยอมช่วยฉันรวบรวมโอสถหรือเหล้ายาบำรุงแบบนี้ต่อไป ฉันสามารถคุ้มครองพวกนายได้ และนอกจากนี้…”ฉึก!เขาชี้นิ้วออกไป ก่อนที่โต๊ะหินอ่อนตรงหน้าจะแยกออกเป็นสองส่วนทันที“อย่างที่พวกนายคิดนั่นแหละ ฉันคือจอมยุทธ์ระดับเก้า”หญิงสาวทั้งหกต่างกรีดร้องกันระนาว พวกเธอเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีความรู้เรื่องจอมยุทธอะไรมาก่อน ส่วนสามพี่น้องตระกูลสวีกลับมีทั้งความตกใจและความดีใจคำพูดของเย่ซิวทำให้พวกเขามองเห็นเส้นทางที่สดใสชัดเจน จึงรีบตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยจอมยุทธ์ระดับเก้า เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินจากในตำนานเล่าขานกันเท่านั้น แต่ตอนนี้คนที่พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าคือตัวจริง ๆ แถมยังหนุ่มแน่นขนาดนี้!“แต่ว่า!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นชา “ถ้าฉันพบว่าพวกนายทำอะไรแย่ ๆ แม้แต่นิดเดียว ฉันจะกำจัดพวกนายทิ้งทันทีอย่างไม่ปรานี!”ต่อให้จะมีหรือไม่มีคำเตือนนี้พวกเขาก็ตอบรับโดยไม่ขัดข้องอยู่ดีสวีลู่รวบรวมความกล้าเอ่ยถาม “พี่เย่ครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว จะให้พวกเธออยู่ปรนนิบัติพี่ดีไหมครับ? ถ้าคนไม่พอ เดี๋ยวผมเรียกมาเพิ่มให้ หรือจะให้ผมอยู่รับใช้ก็ได้ครับ”ในฐานะจอมยุทธ์ระดับเ
พลังของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นมากมายจนน่าเหลือเชื่อหากบอกว่าแค่เธอคนเดียวก็สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ถึงห้าคนในคราวเดียวก็คงไม่เกินจริงนัก…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ซิวจึงตัดสินใจไปที่บริษัทแต่เมื่อไปถึง เขากลับได้รับแจ้งว่าเธอไปที่ร้านเค้กแห่งหนึ่งที่อยู่ในเครือเย่ซิวจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังร้านเค้กไป๋เล่อแทนร้านนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำเค้กระดับพรีเมี่ยมเมื่อเย่ซิวมาถึงก็พบว่าคิวลูกค้ายาวล้นออกมานอกร้านไปไกลหลายสิบเมตรแต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ชายเสียนี่เย่ซิวมองด้วยความแปลกใจ “คนพวกนี้คงไม่ใช่ว่ามาหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรอกมั้ง?”เขาเดินตรงไปยังประตูร้าน“เฮ้ พี่ชาย ต้องต่อคิวนะ”เมื่อเขากำลังจะเข้าไป ชายสวมแว่นคนหนึ่งก็มาขวางเอาไว้เย่ซิวยิ้มก่อนจะเอ่ย “ผมไม่ได้มาซื้อเค้ก ผมมาหาคนน่ะ”ชายสวมแว่นเบะปากพลางเอ่ย “ใครที่อยู่ที่นี่บ้างที่ไม่ได้มาหาคน แต่ล้วนมาหาเทพธิดาหลิ่วกันทั้งนั้น รีบไปต่อคิวซะ อย่าทำผิดกฎล่ะ”จากนั้นก็มีเสียงจากคนข้างหลังช่วยสนับสนุน“ใช่แล้ว ไปต่อคิวข้างหลังสิ”“พวกเรารอมานานแล้วนะ”……เย่ซิวยักไหล่โดยไม่คิดจะฝืนเข้าไป แม้ว่าเขาจะทำได้ก็ตามเขาห
ชายหนุ่มทั้งหลายที่เห็นเทพธิดาในดวงใจของพวกเขาจับมือกับชายอื่น ต่างพากันกุมหน้าอก หายใจติดขัดโดยเฉพาะชายสวมแว่นที่ขวางเย่ซิวไว้ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนเคว้งไปหมดสุดท้ายตัวตลกก็คือฉันเอง!ความงามของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนั้นโดดเด่นจนไม่ว่าเธอจะปรากฏตัวที่ใดก็สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น เย่ซิวจึงจูงมือเธอขึ้นรถ พร้อมเอ่ยว่า “ไปกินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวจะพาเธอกลับบ้านนะ”เดิมทีเย่ซิวตั้งใจจะใช้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นตัวช่วยในการบรรลุขั้นต่อไปแต่เมื่อเห็นเธอแล้ว เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไปเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจากตัวเธอ ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือนอยู่แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่รู้ถึงความคิดในใจของเย่ซิว เธอแค่รู้สึกดีใจที่เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมเธอแค่เท่านั้นหลังจากทานข้าวเป็นเพื่อนเธอเสร็จ เย่ซิวก็พาเธอกลับไปที่บริษัท เขาตั้งใจจะไปเก็บสมุนไพรในสวนเพื่อนำมาทำโอสถฟื้นฟูแต่จู่ ๆ ก็ได้รับข้อความจากถังต้าไห่ แจ้งว่าเขาได้รวบรวมพวกคนที่เคยทรยศเย่ซิวในอดีตไว้ทั้งหมดแล้วดวงตาของเย่ซิวฉายแววเย็นยะเยือก ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางทันที
ความเคียดแค้นในใจของเย่ซิวได้ก่อตัวจนถึงขีดสุดเหล่าคนทรยศในอดีต ทำให้อาจารย์ของเขาต้องเสียใจมาเป็นเวลานานจนตอนนี้เขาก็ยังสงสัยว่าการจากไปของอาจารย์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรยศเหล่านั้นดังนั้นสำหรับคนทรยศพวกนี้ เย่ซิวไม่มีทางปรานีแน่นอนหากเป็นแบบถังต้าไห่ ที่กลับใจและยอมสละทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง เย่ซิวยังอาจไว้ชีวิตให้ได้“ไอ้หนุ่ม แกนี่ช่างอวดดีนัก!”กำปั้นหนึ่งพุ่งตรงมาที่ใบหน้าเขาอย่างจัง“อ๊าก!”ในวินาทีถัดมา เขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเหล่ายอดฝีมือที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างหน้าถอดสีกันเป็นแถบ ไม่มีใครทันเห็นด้วยซ้ำว่าเย่ซิวทำอะไรไป“ทุกคนบุกพร้อมกัน!”“ไอ้เด็กนี่ต้องเล่นตุกติกอะไรแน่!”เหล่ายอดฝีมือหลายคนต่างร้องตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีเย่ซิวพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ระดับสามถึงสี่แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับเย่ซิว!พลั่ก พลั่ก พลั่ก!ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเย่ซิวได้ชัดเจน คนพวกนั้นล้มลงกับพื้น กระดูกแหลกละเอียด ไม่มีทางหายดีได้ภายในปีครึ่งแน่เย่ซิวก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ว่าใครจะพยายามขวาง เขาก็จัดการทุกคนราบคาบป
สายตาที่หยิ่งยโสราวกับมองดูมดปลวกนั้น เป็นสายตาแบบเดียวที่พวกเขาใช้มองผู้อื่นอยู่เสมอ“ฉันคงต้องแนะนำตัวเองหน่อย” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันชื่อเย่ซิ่ว ประมุขรุ่นที่สองแห่งสำนักแพทย์”เพียงประโยคเรียบง่าย แต่กลับดังก้องอยู่ในหูของคนเหล่านี้ดุจสายฟ้าฟาด ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีกันอย่างหนัก“ว่าไงนะ?!”“สำนักแพทย์ล่มสลายไปนานแล้ว แกเป็นใครกันแน่!”“ฉันนึกออกแล้ว เมื่อก่อนประมุขเคยมีลูกศิษย์ลับอยู่คนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นแก!”…… ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดต่างแสดงอาการลนลานอย่างหาดูได้ยากออกมา แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็แผ่จิตสังหารอย่างรุนแรงเรื่องราวในวันนั้นเป็นรอยด่างที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีผู้ใดล่วงรู้ได้วันนี้เจ้าหนี้กลับมาตามทวงแล้ว และทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้คือการกำจัดเขาทิ้งพวกเขาต่างหันไปมองถังต้าไห่ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด“เจ้าคนทรยศ แกจงใจล่อลวงเรามาที่นี่ใช่ไหม!”“ต่อจากนี้ไป สำนักอวิ๋นจือถังต้องล่มจมแน่!”……ถังต้าไห่ได้ยินเช่นนั้นกลับหัวเราะเสียงดัง “พวกแกช่างโง่เขลาเสียจริง เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมาหลายปี ฉันขอเตือนเลยว่า หากพวกแกถอยกลับตอนนี้ ยังพอมีทา
ปัง!เสียงดังสนั่นทำให้ทุกคนในห้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไปเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครคิดว่าเย่ซิวจะรอดชีวิตจากอาวุธร้อนสุดล้ำนี้ได้ แต่ถังต้าไห่และฟางฉิงเสวี่ยกลับมั่นใจในตัวเย่ซิวสุด ๆ โม่หลีหงจ้องไปที่หน้าผากของเย่ซิวอย่างโกรธเคือง เตรียมรอเห็นฉากเลือดสาดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ในวินาทีต่อมา ความโกรธเคืองบนใบหน้าของเขากลับกลายเป็นความตกตะลึงเย่ซิวยังคงนั่งอยู่อย่างสงบ เขาใช้มือซ้ายหนีบหัวกระสุนด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางอย่างไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเยือกเย็นและสงบเสงี่ยมความตกตะลึงบนใบหน้าของโม่หลีหงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ฟันของเขากระทบกันจนเกิดเสียงสั่น “นี่นี่นี่…เป็นไปได้ยังไง! แก... จับกระสุนได้ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ!”ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เหล่าผู้ทรยศที่เหลือต่างมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากคนเห็นผี“เป็นไปไม่ได้! มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่!” โม่หลีหงคำรามอย่างเดือดดาล ก่อนจะบ้าคลั่งเหนี่ยวไกปืนใส่เย่ซิวอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา กระสุนทั้งหมดในแม็กกาซีนก็ถูกยิงออกไปจนหมดแต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงจนแทบลุกพรวดพราด ก
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค