ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายขณะมองตรงไปที่เย่ซิว “นายเข้ามานี่สิ”น้ำเสียงหวานนุ่มนวลหลังจากที่ได้รับการรักษาจากเย่ซิว หยินหยางของเธอก็กลับมาสมดุล ทำให้เธอนอนหลับสนิทหลังจากที่เธอตื่นขึ้น ก็พบว่าเย่ซิวไม่อยู่แล้ว เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเธอรีบสวมใส่เสื้อผ้า ทันทีที่เปิดประตูก็พบเย่ซิวเย่ซิวกำลังจะทำให้เธอหมดสติอีกครั้ง แต่ก็คิดได้ว่าเธอเป็นแม่ของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถ้าเขาเดินจากไป อีกฝ่ายต้องไปหาหัวหน้ารักษาความปลอดภัยคนนั้นอีกแน่ ผลกระทบคงไม่ดีต่อตัวเองและลู่เสวี่ยเอ๋อร์เมื่อคิดได้แบบนี้ เย่ซิวจึงตามเธอเข้าไปในห้องเขากดเธอจนมุมแล้วใช้วิธีเดียวกันกับครั้งก่อน จากนั้น...หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง เย่ซิวได้เอ่ยกับเธอว่า “จำไว้นะครับครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”หญิงสาวตกตะลึง ทันใดนั้นก็คิดได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของหัวหน้ารักษาความปลอดภัย“นี่นายเป็นใคร?!”เย่ซิวหันกลับมาถอดหน้ากากลงแล้วทิ้งไว้ที่ข้าง ๆ หญิงสาว จากนั้นก็ทุบหน้าต่างแล้วหนีออกไปทำไมเธอถึงคิดไม่ได้ ว่าผู้ชายที่สัมผัสใกล้ชิดกับตัวเองตั้งสองครั้ง ไม่ใช่ผู้ชายที่ตัวเองคุ้นเคยเธอ
“คุณทั้งสองต้องการซื้อที่ดินผืนไหนครับ?”เย่ซิวเอ่ยตอบว่า “ผมจะซื้อที่ดินของทางตอนเหนือทั้งหมด”“อ้อ ได้เลยครับ” อีกฝ่ายพยักหน้า แต่ทันใดนั้น ก็เบิกตากว้างขึ้น “คุณว่าอะไรนะครับ? ผมได้ยินไม่ชัด!”โชคดีที่เขาอยู่ในห้องสำนักงาน ถ้าหากอยู่ข้างนอกแล้วมีใครเห็นเขาทำตัวไม่เหมาะสมแบบนี้ จะต้องส่งผลกระทบต่อความน่าเกรงขามของเขาอย่างแน่นอนเย่ซิวยิ้มและพูดซ้ำอีกครั้งอีกฝ่ายไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจที่ได้ยิน แต่กลับมองเย่ซิวด้วยความสงสัย“แต่พวกคุณสองคนครับ ที่ดินตรงนั้นเป็นยังไงพวกคุณก็น่าจะรู้ดี ขืนพวกคุณซื้อทั้งหมดนั้นจะขาดทุนย่อยยับแน่ ๆ หรือว่าพวกคุณรู้ข้อมูลบางอย่างจากวงในหรือเปล่าครับ?”หูเหมยเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ เคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะคะ? แม้แต่คุณที่ทำงานอยู่ที่นี่ยังไม่รู้ แล้วพวกฉันจะไปรู้เหรอคะ?”อีกฝ่ายก็คิดตาม แต่เขาก็ยังไม่หายสงสัย “ถึงแม้ที่ดินตรงนั้นจะไม่มีค่า แต่การที่จะซื้อทั้งหมดก็ต้องใช้เงินหลายแสนล้าน ผมไม่เชื่อว่าคุณทั้งสองคนจะยอมเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์”คนที่สามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้ แน่นอนว่าต้องมีสติปัญญาดีและจะต้องไม่ถูกหลอกได้ง่าย ๆ สำหรับความ
ทันใดนั้น สีหน้าของเย่ซิวก็เปลี่ยนไปที่ใต้โต๊ะขาของหูเม่ยเอ๋อร์ยื่นไปข้างหน้าและกำลังถูไถไปมาบนขาของเขาเบา ๆ แต่ใบหน้าเธอกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเย่ซิวใช้สายตาบอกให้เธออย่าทำตัวล้ำเส้นแต่หูเม่ยเอ๋อร์กลับกระพริบตาอย่างไร้เดียงสาเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร และเท้าของเธอกลับถูแรงมากยิ่งขึ้นในตอนแรก เธอใช้แค่ปลายรองเท้า แต่จู่ ๆ เธอก็ถอดรองเท้าออกวันนี้เธอใส่ถุงน่อง เธอค่อย ๆ ถลกขากางเกงของเย่ซิวขึ้นความรู้สึกที่ถุงน่องสัมผัสกับผิวหนังนั้นพิเศษมากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นกำลังคำนวณอย่างตั้งอกตั้งใจว่าที่ดินทั้งหมดเป็นราคาเท่าไรไม่มีใครสังเกตการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองที่กำลังเกิดขึ้นใต้โต๊ะเลยหูเม่ยเอ๋อร์รุกหนักมากยิ่งขึ้น เรียวขาสวยคู่นั้นค่อย ๆ ขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เย่ซิวเตือนเธอหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เขาจึงยื่นขาออกไปอย่างเด็ดขาดทันใดนั้น เขาก็ใช้ขาทั้งสองข้างกดเท้าของหูเม่ยเอ๋อร์ที่ยื่นเข้ามา ทำเอาเท้าของอีกฝ่ายสั่นไหวเล็กน้อยเธอพยายามใช้แรงดิ้นให้หลุดออกแต่แน่นอนว่าถ้าเทียบในเรื่องพละกำลัง เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากการกดของเย่ซิวได
หูเม่ยเอ๋อร์ดิ้นรนอีกครั้งเพื่อพยายามดึงขาของเธอออกมาแต่ก็ยังคงไม่เป็นผลเธอถึงกับรู้สึกหมดหวัง ดวงตาทั้งสองข้างแทบจะกลายเป็นธารน้ำพุที่ไหลออกมา “นี่คุณดูหน่อยสิ…บะ…บางทีอาจจะเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ถะ…ถ้าพลาดไป คะ…คงไม่ดีแน่”โชคดีที่เจ้าหน้าเหล่านั้นกำลังตั้งใจทำงาน ไม่อย่างนั้นการกระทำของทั้งสองคนคงถูกจับได้ไปแล้วเย่ซิวแกล้งเธออยู่สักพัก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เธอส่งมา‘นายน้อยฉันผิดไปแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว คุณช่วยปล่อยฉันไปเถอะนะ?’ผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลส่งข้อความมาด้วยถ้อยคำแบบนี้ หากเป็นผู้ชายทั่วไปย่อมต้านทานไม่ไหว แม้แต่เหล็กที่แข็งแกร่งก็ต้องโอนอ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟเย่ซิวหัวเราะ เขาคิดว่าลงโทษเธอสักเล็กน้อยก็พอ ไม่ได้ตั้งใจให้เธอขายหน้าต่อหน้าสาธารณชนจริง ๆ เขาจึงยอมปล่อยเท้าของเธอหูเม่ยเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรีบใส่รองเท้าให้เร็วที่สุดเธอสูดหายใจลึก ๆ สองสามครั้ง รอยแดงบนใบหน้าก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเธอมองเย่ซิวด้วยสายตาโหดเหี้ยม จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อีกครั้งไม่นาน เย่ซิวก็ได้รับข้อความจากเธออีกครั้ง‘นายน้อย
เย่ซิวรู้สึกงงงัน “เธอเป็นอะไร? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงร้องไห้?”หลิวเมิ่งอิ๋นร้องไห้ดังมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของเขา “พี่ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร?”“แฟน? ฉันไม่มีแฟนนะ”“แล้วรอยลิปสติกบนหน้าพี่มันหมายความว่าอะไร ?” หลิ่วเมิ่งอิ๋นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ”ในเมื่อพี่มีแฟนแล้ว เพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิด ฉันจะไปเอง ไปตอนนี้เลย”พูดจบ เธอก็หันกลับเข้าไปในห้องแล้วเก็บกระเป๋าเย่ซิวหัวเราะ แล้วเดินตามเข้าไป เขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอ“แล้วเธอจะไปที่ไหน? คืนนี้ฉันไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมาน่ะ เธอเมามาก จากนั้นก็…”เมื่ออธิบายเรื่องราวโดยพอสังเขป หลิวเมิ่งอิ๋นก็ทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงเหรอ? นี่พี่ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้า “จริงสิ ถ้าเธอไม่เชื่อฉันจะพาเธอไปดู”เธอจูงมือของหลิ่วเมิ่งอิ๋นไปห้องที่หลิ่วอวี้เอ๋อร์นอนหลับ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ทำเอาสองคนที่อยู่หน้าประตูยืนนิ่งทันทีหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป หลิ่วอวี้เอ๋อร์รู้สึกไม่สบายตัวไปทั้งตัวและรู้สึกร้อนรุ่มดังนั้นเธอจึงเปิดผ้าห่ม ก้าวลงจากเตียงและกำลังถอดเสื้อผ้า
เย่ซิวมีร่างกายที่ทนทานต่อพิษทุกชนิดมาโดยตลอดเมื่อสัตว์พวกนั้นเห็นเย่ซิว พวกมันต่างก็หลบหนีไปไกล เมื่อพวกมันสัมผัสได้ว่า เขาสามารถทนทานต่อพิษทุกชนิดได้เมื่อเข้าไปในป่าลึกได้ชั่วโมงกว่า แม้ว่าเย่ซิวจะยังไม่พบดอกบัวสีเลือด แต่เขาก็ได้พบสมุนไพรที่ค่อนข้างหายากบางชนิดเฉกเช่น โสมที่มีอายุมากกว่าห้าสิบปีโสมที่มีอายุห้าสิบปีนี้สามารถบำรุงพลังงานและเลือดของจอมยุทธได้ดีทีเดียวนอกจากนั้นยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายดอกที่มีอายุร่วมสามสิบปีถึงสี่สิบปีเขาเข้าไปในป่าที่ลึกยิ่งขึ้น หลังจากผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมง เย่ซิวก็หยุดพักเขาดับไฟฉายลงเมื่อเขาใช้กำลังภายในหมุนเวียนไปที่ดวงตา วิสัยทัศน์ของเขาก็ขยายออกอย่างรวดเร็วทันทีเขามองเห็นถ้ำอยู่ห่างออกไปราว ๆ สองพันเมตรและที่ปากถ้ำมีดอกบัวสีเลือดกำลังพลิ้วไหวตามลม!เย่ซิวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าดอกบัวสีเลือดมีอยู่จริง และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถูกเก็บไปยิ่งไปกว่านั้น จากที่เขามองเห็น ดอกบัวสีเลือดต้นนี้มีอายุยาวนานมาก น่าจะมีอายุราว ๆ เจ็ดสิบถึงแปดสิบปีเครื่องยาสมุนไพรที่มีอายุเท่านี้ถึงจะเป็นชนิดธรรมดา แต่พลังยาในตัวก็ไม่ได้ด
เธอคิดอยากจะวิ่งหนีไปแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลยงูเหลือมยักษ์ยังคงเลื้อยอยู่บนภูเขา มันแค่ใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองไปที่เธอโดยไม่ได้ทำการโจมตีมันฉลาดเฉลียวมาก มันคิดว่าสาวคนนั้นอาจจะพยายามหลอกล่อให้มันออกจากภูเขา โชคดีที่ความฉลาดของมันนั้นสูง ถ้ามันทำตามสัญชาตญาณของมัน มันอาจจะโจมตีเด็กสาวคนนั้นจนเธอตายก็ได้เย่ซิวไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ เขากับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขาคงไม่เสี่ยงเพื่อช่วยเด็กสาวที่โง่เง่านั่นหรอก“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นดอกบัวสีเลือดจริง ๆ ด้วย!”“ฉันนี่เดาถูกจริง ๆ คนแก่นั่นรู้จริง ๆ ว่าดอกบัวเลือดอยู่ที่ไหน!”“รวยแล้ว ฉันจะรวยแล้ว!”ในตอนนี้ เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งแล้วก็เห็นกลุ่มคนสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นในนั้นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุของพวกเขาส่วนใหญ่เกินสามสิบปี และมีสองคนที่อายุหกสิบกว่าปีพวกเขามีอุปกรณ์เต็มตัว พวกเขามองไปที่งูเหลือมยักษ์ด้วยความโลภ“งูเหลือมยักษ์นั่นอย่างน้อยก็ต้องมีอายุสองร้อยปี ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ!” ผู้ชายคนหนึ่งเลียริมฝีปากในขณะที่สายตาแสดงถึงความโลภ“เลือดของงูน
“อ๊าก!”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องในป่าชายหนึ่งคนถูกงูเหลือมยักษ์กัดขาดครึ่งตัว จากนั้นก็ถูกมันสะบัดออกไปไกลงูเหลือมยักษ์เคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อมันใช้หางฟาดอย่างรุนแรง แรงที่เกิดขึ้นสามารถทำให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ปลิวได้ในชั่วพริบตาจอมยุทธแต่ละคนต้องเผชิญกับงูเหลือมยักษ์ที่บ้าคลั่ง บ้างถูกฟาดจนตาย บ้างถูกเขมือบเข้าลงไปในท้อง เพียงชั่วพริบตาก็เหลือเพียงแค่สองปรมาจารย์เท่านั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้ปืนและอาวุธทั้งหมดที่มีโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำให้งูเหลือมยักษ์ได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่งแต่นั่นก็ไม่สามารถฆ่ามันให้ตายได้ แต่กลับทำให้มันยิ่งโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่งมากขึ้นเย่ซิวซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและคอยเฝ้าดู เขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้เข้าไปเก็บดอกบัวหิมะสีเลือด เพราะเพิ่งพบว่ายังมีคนซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมุมปากเผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจน “คิดจ้องจะเล่นงานคนอื่น ไม่คิดว่าตัวเองก็กำลังถูกจ้องเล่นงานหรือยังไงกัน? หึ ๆ”ไม่นานอาวุธของสองปรมาจารย์ที่พกติดตัวมาก็ถูกใช้จนหมด พวกเขาไม่กล้าใช้ร่างกายไปต่อสู้กับงูเหลือมยักษ์บ้าคลั่งนั่น เพราะนั่นจะถือว่าส่งตัวเองไ
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม