เย่ซิวมีร่างกายที่ทนทานต่อพิษทุกชนิดมาโดยตลอดเมื่อสัตว์พวกนั้นเห็นเย่ซิว พวกมันต่างก็หลบหนีไปไกล เมื่อพวกมันสัมผัสได้ว่า เขาสามารถทนทานต่อพิษทุกชนิดได้เมื่อเข้าไปในป่าลึกได้ชั่วโมงกว่า แม้ว่าเย่ซิวจะยังไม่พบดอกบัวสีเลือด แต่เขาก็ได้พบสมุนไพรที่ค่อนข้างหายากบางชนิดเฉกเช่น โสมที่มีอายุมากกว่าห้าสิบปีโสมที่มีอายุห้าสิบปีนี้สามารถบำรุงพลังงานและเลือดของจอมยุทธได้ดีทีเดียวนอกจากนั้นยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายดอกที่มีอายุร่วมสามสิบปีถึงสี่สิบปีเขาเข้าไปในป่าที่ลึกยิ่งขึ้น หลังจากผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมง เย่ซิวก็หยุดพักเขาดับไฟฉายลงเมื่อเขาใช้กำลังภายในหมุนเวียนไปที่ดวงตา วิสัยทัศน์ของเขาก็ขยายออกอย่างรวดเร็วทันทีเขามองเห็นถ้ำอยู่ห่างออกไปราว ๆ สองพันเมตรและที่ปากถ้ำมีดอกบัวสีเลือดกำลังพลิ้วไหวตามลม!เย่ซิวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าดอกบัวสีเลือดมีอยู่จริง และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถูกเก็บไปยิ่งไปกว่านั้น จากที่เขามองเห็น ดอกบัวสีเลือดต้นนี้มีอายุยาวนานมาก น่าจะมีอายุราว ๆ เจ็ดสิบถึงแปดสิบปีเครื่องยาสมุนไพรที่มีอายุเท่านี้ถึงจะเป็นชนิดธรรมดา แต่พลังยาในตัวก็ไม่ได้ด
เธอคิดอยากจะวิ่งหนีไปแต่ร่างกายกลับไม่ฟัง เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลยงูเหลือมยักษ์ยังคงเลื้อยอยู่บนภูเขา มันแค่ใช้สายตาที่เย็นยะเยือกมองไปที่เธอโดยไม่ได้ทำการโจมตีมันฉลาดเฉลียวมาก มันคิดว่าสาวคนนั้นอาจจะพยายามหลอกล่อให้มันออกจากภูเขา โชคดีที่ความฉลาดของมันนั้นสูง ถ้ามันทำตามสัญชาตญาณของมัน มันอาจจะโจมตีเด็กสาวคนนั้นจนเธอตายก็ได้เย่ซิวไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ เขากับเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขาคงไม่เสี่ยงเพื่อช่วยเด็กสาวที่โง่เง่านั่นหรอก“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นดอกบัวสีเลือดจริง ๆ ด้วย!”“ฉันนี่เดาถูกจริง ๆ คนแก่นั่นรู้จริง ๆ ว่าดอกบัวเลือดอยู่ที่ไหน!”“รวยแล้ว ฉันจะรวยแล้ว!”ในตอนนี้ เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งแล้วก็เห็นกลุ่มคนสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นในนั้นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุของพวกเขาส่วนใหญ่เกินสามสิบปี และมีสองคนที่อายุหกสิบกว่าปีพวกเขามีอุปกรณ์เต็มตัว พวกเขามองไปที่งูเหลือมยักษ์ด้วยความโลภ“งูเหลือมยักษ์นั่นอย่างน้อยก็ต้องมีอายุสองร้อยปี ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ!” ผู้ชายคนหนึ่งเลียริมฝีปากในขณะที่สายตาแสดงถึงความโลภ“เลือดของงูน
“อ๊าก!”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องในป่าชายหนึ่งคนถูกงูเหลือมยักษ์กัดขาดครึ่งตัว จากนั้นก็ถูกมันสะบัดออกไปไกลงูเหลือมยักษ์เคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อมันใช้หางฟาดอย่างรุนแรง แรงที่เกิดขึ้นสามารถทำให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ปลิวได้ในชั่วพริบตาจอมยุทธแต่ละคนต้องเผชิญกับงูเหลือมยักษ์ที่บ้าคลั่ง บ้างถูกฟาดจนตาย บ้างถูกเขมือบเข้าลงไปในท้อง เพียงชั่วพริบตาก็เหลือเพียงแค่สองปรมาจารย์เท่านั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้ปืนและอาวุธทั้งหมดที่มีโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำให้งูเหลือมยักษ์ได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่งแต่นั่นก็ไม่สามารถฆ่ามันให้ตายได้ แต่กลับทำให้มันยิ่งโกรธเกรี้ยวและบ้าคลั่งมากขึ้นเย่ซิวซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและคอยเฝ้าดู เขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้เข้าไปเก็บดอกบัวหิมะสีเลือด เพราะเพิ่งพบว่ายังมีคนซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมุมปากเผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจน “คิดจ้องจะเล่นงานคนอื่น ไม่คิดว่าตัวเองก็กำลังถูกจ้องเล่นงานหรือยังไงกัน? หึ ๆ”ไม่นานอาวุธของสองปรมาจารย์ที่พกติดตัวมาก็ถูกใช้จนหมด พวกเขาไม่กล้าใช้ร่างกายไปต่อสู้กับงูเหลือมยักษ์บ้าคลั่งนั่น เพราะนั่นจะถือว่าส่งตัวเองไ
พวกเขาไม่คิดจะสู้กับมันโดยตรง แต่กลับนำขวดยาออกจากกระเป๋าและทุ่มลงไปที่ตัวงูเหลือมแทนงูเหลือมยักษ์ส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เมื่อบาดแผลสัมผัสกับผงยาก็เกิดการกัดกร่อนและเป็นหนองอย่างรวดเร็วต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นถูกมันชนกระเด็นจนเกิดฝุ่นควันฟุ้งกระจายความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากแผ่นดินไหวขนาดเล็กเย่ซิวหยิบหน้ากากหนังมนุษย์ที่พกติดตัวมาสวมไว้บนหน้าเขาเห็นว่างูเหลือมยักษ์ตัวนี้ใกล้จะทนไม่ได้แล้ว ต่อไปคงเป็นตาเขาที่จะต้องลงมือหลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง พร้อมกับเสียงดังสนั่น งูเหลือมยักษ์ก็สิ้นใจลงในที่สุดสาวกของสำนักโอสถส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ แล้วพากันกรูเข้าไปล้อม“งูตัวนี้มีคุณค่าทางยาสูงมาก!”“หากใช้มันมาปรุงเป็นยา บางทีอาจจะทำให้ทุกคนมีอายุยืนยาวขึ้นอีกห้าถึงหกปี!”“พวกแกรีบทำการแยกชิ้นส่วนงูเหลือมตัวนี้ ส่วนฉันจะไปเก็บดอกบัวหิมะสีเลือดนั่น!”…ปู่ของเด็กสาวออกคำสั่ง“เกรงว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่พวกคุณคาดหวังสิครับ”ในตอนนี้ เย่ซิวที่ปลอมตัวก็เดินออกมาอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นเย่ซิว สาวกของสำนักโอสถทุกคนต่างก็ทำท่าทางเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่รู้สึ
เมื่อถูกอีกฝ่ายถาม เย่ซิวก็ตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณไม่สมควรที่จะรู้”เด็กสาวรู้สึกโกรธมาก เธอยังอยากจะโต้เขากลับอีกสักหน่อย แต่ก็ถูกอาของเธอปิดปากไว้ก่อนเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ ก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเชื่อฟังหลังจากที่พวกเขาจากไป เย่ซิวจึงเริ่มผ่าร่างงูเหลือมยักษ์ตัวนี้เริ่มต้นจากเลือดสด ๆ ของมันเย่ซิวใช้มีดกรีดเปิดแผล แล้วดื่มเลือดมันเข้าไปอึกใหญ่ เลือดสดอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล เย่ซิวพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า ในทั่วทุกมุมโลก มีเพียงเขาคนเดียวที่ดูดซับพลังงานได้อย่างไม่มีข้อจำกัดหากเป็นคนอื่น ร่างของพวกเขาคงจะระเบิดไปแล้วเย่ซิวใช้พระสูตรราชาแห่งยาอย่างเต็มที่เลือดงูจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ท้องของเขาและค่อย ๆ ย่อยสลายออกไป ส่วนหนึ่งใช้ในการบำรุงร่างกาย อีกส่วนหนึ่งจะถูกแปลงเป็นกำลังภายในร่างของงูเหลือมยักษ์หดตัวลงอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดหลังจากที่เย่ซิวดื่มเลือดของงูเหลือมยักษ์นี้จนหมด กำลังภายในของเขาก็เพิ่มขึ้นประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นส่วนความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นมากและหัวใจของเขาก็เต้นแรงมากขึ้นด้วยแม้ว่าจะยังไม่สามารถทะลวงพลังยุทธ์ได้ แต่ราก
เย่ซิวสั่งคนของเขาให้นำรถไปล้าง จากนั้นเขาก็แบกหนังงูเข้าไปในวิลล่าเซี่ยซิ่วซิ่วลงมาถึงได้สักพักแล้ว เธอและหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดูแลตัวเองอยู่ภายในห้องรับแขก เมื่อเห็นเย่ซิวเข้ามาในสภาพเช่นนั้น พวกเธอทั้งสองคนจึงตกตะลึงแต่พวกเธอทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจกลิ่นคาวเลือดบนตัวของเย่ซิวและรีบวิ่งไปหาเขาทันที“พี่เย่ซิว นี่พี่ไปทำอะไรมา?”“นายเย่ซิว เลือดเต็มตัวนายไปหมดเลย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เย่ซิวยิ้มตอบ “ไปเชือดงูมาน่ะ พวกเธอรออยู่ที่ห้องรับแขกก่อนนะ วันนี้ฉันจะจัดงานเลี้ยงเนื้องู”ทั้งสองสาวเป็นคนกลัวงูมาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเธอก็รีบก้าวถอยหลังพร้อมส่ายหัวอย่างรุนแรง“เนื้องูน่ากลัวจะตาย ถึงฉันตาย ฉันก็จะไม่กินมันเด็ดขาด!”“ฉันด้วย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ฉันไม่มีทางกินมันเด็ดขาด!”พวกเธอแสดงถึงเจตนาต่อต้านการกินเนื้องูมากขึ้นไปอีกเย่ซิว ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เห็นพวกเธอแสดงเจตนารมย์เช่นนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเธอจะยอมรับไม่ได้ในตอนนี้แต่ถ้าหากว่าพวกเธอได้เห็นอาหารที่เย่ซิวเป็นคนลงมือทำ พวกเธอก็จะไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไปเขานำหนังงูที่ห่อหุ้มเนื้อเอาไว้เ
เพราะพวกเขาเป็นแค่บอดี้การ์ดในความเป็นจริง พวกเขาต่างก็รู้ดีว่านายจ้างส่วนใหญ่มักจะดูหมิ่นดูแคลนพวกเขาพวกเขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มานับไม่ถ้วนแต่เย่ซิวกลับไม่ได้มีท่าทีดูถูกพวกเขาแม้แต่น้อย และยังเอ่ยชวนพวกเขาให้เข้าไปทานอาหารในวิลล่าด้วยกัน ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพวกเขารู้สึกซาบซึ้งที่ได้รับการยอมรับจากเจ้านายของพวกเขาพวกเขาแอบสาบานว่า ต่อไปจะตั้งใจทำงานให้ดียิ่งขึ้นและจะไม่ให้คนในครอบครัวของเย่ซิวได้รับอันตรายเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวเรียกทุกคนมารวมตัวกัน “อย่ามัวแต่ยืนอึ้งกันอยู่เลย รีบนั่งลงได้แล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะครับวันนี้พวกคุณจะต้องกินเนื้องูพวกนี้ให้หมดแล้วพวกคุณถึงจะได้รับอนุญาตให้ออกไป”คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ถูกฝึกฝนมาและเป็นคนใกล้ชิดเขาทั้งหมดเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่างก็ช่วยกันตักซุปให้กับพวกเขา มันยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับการเอาใจใส่มากจนเกินไปเย่ซิวเริ่มลงมือทานก่อน เขาตักน้ำซุปหนึ่งถ้วยเข้าปาก คน ๆ อื่นจึงเริ่มตักอาหารตามเขา เมื่อได้ลิ้มรสเนื้องู พวกเขาทุกคนต่างก็เบิกตากว้างนอกจากรสชาติจะดีแล้ว เมื่ออา
เนื่องจากกำลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น การฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกครั้งจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถกลับมาฟื้นฟูได้ เซี่ยซิ่วซิ่วเองก็ช่วยเขามามากแล้วนอกจากนี้ การกระทำของเธอยังทำให้เย่ซิวรู้สึกประทับใจมากเช่นกัน“จริงเหรอ?” เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกประหลาดใจและดีใจมากในเวลาเดียวกันเย่ซิวยิ้มและพยักหน้าตอบจากนั้น เย่ซิวก็ตามเซี่ยซิ่วซิ่วเข้าไปในห้องของเธอเมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องน้ำ หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เต้นแรงมากขึ้นทันที ชายหญิงสองคนอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน หากมีใครอยู่ตรงนั้น พวกเขาจะต้องจินตนาการไปไกลอย่างแน่นอนเย่ซิวให้เซี่ยซิ่วซิ่วนอนลงบนพื้น จากนั้นเขาก็เริ่มช่วยยืดเส้นลมปราณและฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กับเธอกระบวนการเหมือนกับตอนที่เคยทำให้กับลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋น ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็มีความสุข ซึ่งคนภายนอกจะไม่มีทางเข้าใจได้หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ ร่างกายของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เหมือนกับกองโคลนที่แหลกเหลว เธอนอนอ่อนแรงด้วยร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อ แต่การหายใจยังคงสม่ำเสมอและมีพลัง จากเดิมรูปร่างของเธอที่สูงเพรียวอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้หลังจากที่เย่ซิวทำการยืดเ
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้