เนื่องจากกำลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น การฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกครั้งจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถกลับมาฟื้นฟูได้ เซี่ยซิ่วซิ่วเองก็ช่วยเขามามากแล้วนอกจากนี้ การกระทำของเธอยังทำให้เย่ซิวรู้สึกประทับใจมากเช่นกัน“จริงเหรอ?” เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกประหลาดใจและดีใจมากในเวลาเดียวกันเย่ซิวยิ้มและพยักหน้าตอบจากนั้น เย่ซิวก็ตามเซี่ยซิ่วซิ่วเข้าไปในห้องของเธอเมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องน้ำ หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เต้นแรงมากขึ้นทันที ชายหญิงสองคนอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน หากมีใครอยู่ตรงนั้น พวกเขาจะต้องจินตนาการไปไกลอย่างแน่นอนเย่ซิวให้เซี่ยซิ่วซิ่วนอนลงบนพื้น จากนั้นเขาก็เริ่มช่วยยืดเส้นลมปราณและฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กับเธอกระบวนการเหมือนกับตอนที่เคยทำให้กับลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋น ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็มีความสุข ซึ่งคนภายนอกจะไม่มีทางเข้าใจได้หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ ร่างกายของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เหมือนกับกองโคลนที่แหลกเหลว เธอนอนอ่อนแรงด้วยร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อ แต่การหายใจยังคงสม่ำเสมอและมีพลัง จากเดิมรูปร่างของเธอที่สูงเพรียวอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้หลังจากที่เย่ซิวทำการยืดเ
เซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งออกไปจากห้องอย่างมีความสุข แต่แล้วเธอก็พบว่าเย่ซิวได้ออกจากวิลล่าไปแล้วในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็ได้มาถึงยังวิลล่าตระกูลลู่แล้ว แน่นอนว่าเนื้องูที่เขาได้มา เขาก็ไม่ลืมที่จะนำมาให้กับลู่เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยเมื่อตอนทำอาหาร เขาตั้งใจเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้เธอวันนี้เขาจะให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทานเนื้องูเพื่อเสริมสร้างรากฐานของเธอจากนั้น พรุ่งนี้เขาก็จะเริ่มนำดีงูมาใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพรเพราะดีงูมีประสิทธิภาพที่ทรงพลังมากกว่าส่วนเนื้อของงูมากเขาเข้าไปในห้องลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างช่ำชองเหมือนเช่นเคยและเธอเองก็มักจะเปิดหน้าต่างไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เย่ซิวเข้ามาหาเธอได้สะดวกทันทีที่เห็นเย่ซิว ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ากอดเขาด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้นทั้งสองโอบกอดกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถอนอ้อมกอดจากเย่ซิวเมื่อเธอเห็นเขาถือกล่องอาหารเก็บความร้อนสองกล่องอยู่ในมือ เธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ข้างในมันคืออะไรเหรอ?”เขาวางกล่องอาหารสองกล่องลงบนโต๊ะแล้วเปิดมันออกทีละกล่อง“ไม่ต้องถามหรอก มากินเถอะ มันมีประโยช์นต่อการฝึกกังฟูของคุณเขาไม่ได้บอกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ว่ามันคือเน
ลู่เสวี่ยเอ๋อร์จ้องมองเย่ซิวอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะขยับตัว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นายหลับแล้วเหรอ?”“ใกล้แล้ว คุณเองก็รีบนอนได้แล้ว การพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ที่ฝึกยุทธ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกโกรธเล็กน้อย “นายนี่เหมือนท่อนไม้เลยนะ ขนาดมีหญิงสาว ๆ สวย ๆ แบบฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่มีความคิดอื่นแล้วหรือไง?”“ไม่มี” เย่ซิวตอบตามตรงตอนนี้เขาไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ จนกว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะบรรลุระดับปรมาจารย์ ดังนั้น เขาจึงไม่ควรมีความคิดอื่นใดภายในใจ“น่าเกลียดที่สุด ฉันโกรธแล้วนะ แล้วก็จะไม่สนใจนายแล้วด้วย”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์หันหลังให้เขาด้วยท่าทางโกรธเคืองเธออยากให้เย่ซิวง้อเธอใจจะขาด แต่รออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอจึงทำได้เพียงหันกลับมา จากนั้นเธอก็วางศีรษะลงบนหน้าอกของเขา“นายนี่มันน่าเกลียดจริง ๆ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่รู้จักทะนุถนอมกันบ้างเลย”เย่ซิวตอบกลับไปว่า “เข้าใจแล้วครับ ครั้งหน้าผมจะใส่ใจคุณให้มากขึ้นแล้วกัน”“…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถึงกับหมดคำพูดแต่พอมาคิดดูแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่า การแสดงออกของเย่ซิวหมายความว่า เขายังไม่เคยมีความรักมาก่อนเมื่อคิดได
วันนี้เย่ซิวบอกกับสองสาวว่าไม่ต้องไปเรียนหรือเข้าบริษัท ให้พวกเธออยู่บ้านแทนจนถึงช่วงกลางวัน เย่ซิวก็นำชามยาที่มีสีดำขลิบวางไว้ตรงหน้าพวกเธอ“กินยานี่ให้หมด จากนั้นก็เริ่มฝึกท่าที่ผมสอนให้เมื่อวานนี้”สองสาวมองดูยานั้น มันจะมีกลิ่นเหม็นและดูน่าขยะแขยงเล็กน้อยแต่ด้วยความเชื่อมั่นในคำพูดของเย่ซิว พวกเธอจึงตัดสินใจกินมันหมดในคราวเดียวถึงแม้ว่ามันจะดูน่าขยะแขยง แต่เมื่อกินเข้าไป ยากลับมีรสหวานอ่อน ๆสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เย่ซิวได้ใช้เครื่องยาสมุนไพรต่าง ๆ กลบกลิ่นขมเดิมของมันและเขาก็ยังคงความมีประสิทธิภาพของยาเอาไว้ทันทีที่กินเข้าไป ร่างกายของสองสาวราวกับกำลังถูกไฟเผา ผิวหนังของพวกเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ต่อมา พวกเธอก็เริ่มฝึกท่าทางที่เย่ซิวสอนให้ทันทีในเวลานั้น ศีรษะของพวกเธอมีไอน้ำลอยออกมา มันดูเหมือนกับการฝึกปรือในแนวทางการบำเพ็ญเซียนภายในร่างกายของพวกเธอมีเสียงคล้ายกับการคั่วถั่วดังขึ้นเป็นระยะ ๆทุกครั้งที่ฝึกฝน ร่างกายของพวกเธอก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อฝึกถึงรอบที่สิบ ฤทธิ์ของยาก็ถูกดูดซึมไปครึ่งหนึ่ง พวกเธอจึงสามารถก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับสองได
แต่ยังมีที่ดินตามมุมพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนใหญ่ ๆ จะไม่สนใจอยู่แล้วทุกคนต่างก็พากันสืบค้นข้อมูลว่า ใครกันที่โลภมากขนาดนั้น เขาถึงได้ซื้อที่ดินทั้งหมดหนึ่งแสนไร่ไปในคราวเดียวไม่นานพวกเขาก็สืบค้นจนรู้ว่าเป็นเย่ซิวจากนั้น พวกเขาก็พากันไปที่บริษัทของเย่ซิวโดยไม่ได้นัดหมายวันนี้ หลังจากที่เย่ซิวดูข่าวนั้นจบ เขาก็รีบเข้ามาที่บริษัททันทีเพราะเขารู้ว่าจะต้องมีคนจำนวนมากมาหาเขา ดังนั้น เขาจึงมารออยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้า เลขานุการเดินเข้าออกห้องทำงานของเขาตลอดเวลา เพื่อแจ้งเขาว่า มีผู้บริหารจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มาขอเข้าพบอีกแล้วเย่ซิวเรียกพวกเขาทั้งหมดมาที่ห้องรับรอง เขาไม่ได้พบปะใครเป็นการส่วนตัวเขาตั้งใจว่าจะรอให้ทุกคนมาถึงพร้อมกันก่อนแล้วค่อยทำการเจรจาหลังจากรอจนถึงสิบโมง เย่ซิวจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องรับรองพร้อมกับเลขานุการเมื่อทุกคนเห็นว่าเย่ซิวมีอายุยังน้อย คนเหล่านั้นก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขาแต่ละคนแสดงแววตาของการดูถูกออกมาในตอนแรก พวกเขารู้เพียงว่าเย่ซิวได้ซื้อที่ดินหนึ่งแสนไร่ในทางตอนเหนือทั้งหมดแต่สำหรับราย
ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากหลายแห่งต่างก็โน้มน้าวเขาอย่างต่อเนื่องในถ้อยคำของพวกเขา ดูเหมือนว่าราคาที่พวกเขาให้นั้น ถือว่าเป็นการให้เกียรติเย่ซิวเป็นอย่างมากแล้วเย่ซิวนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้พูดอะไรหลังจากที่พวกเขาพูดจบ เย่ซิวจึงเปิดปากพูดขึ้นว่า “พวกคุณพูดจบแล้วใช่ไหม? พูดจบก็เชิญออกไปได้แล้วครับ”ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน ในคำพูดของเขามีการแฝงความคุกคามเล็กน้อย“คุณเย่ซิว คิดให้ดี ๆ นะ ศักยภาพในทุกด้านของบริษัทของคุณค่อนข้างธรรมดา หากว่าคุณไม่ยอมขายที่ดินให้กับพวกเรา เกรงว่าบริษัทของคุณคงจะไม่มีปัญญาเริ่มโครงการหรอกนะ”ผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ ชายวัยกลางคนเองก็เห็นด้วยกับเขา “ใช่ค่ะ ดูจากข่าวที่ประกาศออกมาแล้ว พวกเขาน่าจะเริ่มโครงการภายในหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าพื่นที่นี้ไม่ถูกพัฒนาให้เร็วที่สุด มันจะทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่า คุณเจตนาที่จะเก็บที่ดินไว้โดยไม่มีการพัฒนา ซึ่งเป็นการขัดขวางการพัฒนาของบ้านเมือง และนั่นก็ไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่เล็กน้อยเลยนะคะ”เย่ซิวจ้องมองใบหน้าของพวกเขาทีละคนพวกเขาทั้งหมดที่นี่ล้วนแต่เป็นคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ติดอันดับในสามสิบอันดับต้น ๆ ขอ
แต่เขาจะลงมือด้วยตนเองเหตุผลที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลงมือก็เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาเดือดร้อนเพราะคนพวกนี้เป็นคนใหญ่คนโต พวกเขาเองก็คงไม่กล้าลงมือดังนั้น เขาจึงต้องลงมือด้วยตนเอง คนเหล่านั้นไม่มีความสามารถในการต่อต้านเขาอย่างแน่นอนพวกเขาเพียงมีรูปร่างสูงใหญ่และไม่ได้เป็นดั่งที่เห็น เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาถูกสุราและความสุขทางเพศทำให้ร่างกายอ่อนแอลงจนตอนนี้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอยิ่งกว่าผู้ชายทั่วไปซะอีกไม่นาน ทุกคนก็ล้มลงไปกองบนพื้นและร้องโอดโอยด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดเย่ซิวสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากพวกเขาออกไป แล้วโยนพวกเขาลงไปที่ใต้ตึกของบริษัท จึงทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้ความสนใจและอยากรู้อยากเห็นพวกเขาไม่เคยเผชิญกับความอับอายแบบนี้มาก่อน แต่ละคนโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่“ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว! มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำ!”“โทรเรียกตำรวจให้มาที่นี่ ผู้บริหารระดับสูงได้รับบาดเจ็บกันขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงเฉิงจะกล้าปฏิเสธที่จะรับเรื่อง!”“โทรหาสถานีตำรวจเข้า ฉันจะไปเรียกรถพยาบาล!”ไม่นาน ทางด้านสถานีตำรว
คำพูดของหมอทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น รู้สึกงงงวยหัวหน้าตำรวจเดินเข้ามาและถามว่า “คุณหมอครับ ที่พวกคุณพูดหมายความยังไงครับ?”หมอคนหนึ่งตอบกลับว่า “พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย กระดูกก็สมบูรณ์ดี ผมแนะนำให้กักขังพวกเขาสักสองสามวัน พฤติกรรมแบบนี้น่ารังเกียจมาก!”“ใช่ครับ!” หมออีกคนเอ่ยด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน “พวกคุณทำให้เราต้องเสียทั้งกำลังคนและทรัพยากร ถ้าตอนนี้เกิดมีคนอื่นที่กำลังเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง?!”เมื่อผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นได้ยินคำพูดนั้นก็เริ่มกังวล“พวกคุณตรวจผิดหรือเปล่า?!”“ผมเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว กระดูกต้องหักแน่ ๆ!”“คุณเช็กให้ดีอีกครั้งซิ!”……“คุณเลิกเล่นละครได้แล้ว!” หมอคนนั้นพูดด้วยความโกรธ “กระดูกยังสมบูรณ์ดี เห็นได้ชัดว่าคุณสามารถลุกขึ้นได้!”หัวหน้าตำรวจก็ย่อตัวลงไปบีบกระดูกของพวกเขาและพบว่าไม่มีความผิดปกติ จากนั้น เขาก็ดึงหนึ่งคนให้ลุกขึ้นยืนชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ทันใดนั้น ก็หยุดชะงักไป แล้วพยายามลองยันขาให้ยืนขึ้น“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าขาของฉันหักไปแล้วเหรอ?”เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริหารระดับสูงคนอ
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม