เซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งออกไปจากห้องอย่างมีความสุข แต่แล้วเธอก็พบว่าเย่ซิวได้ออกจากวิลล่าไปแล้วในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็ได้มาถึงยังวิลล่าตระกูลลู่แล้ว แน่นอนว่าเนื้องูที่เขาได้มา เขาก็ไม่ลืมที่จะนำมาให้กับลู่เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยเมื่อตอนทำอาหาร เขาตั้งใจเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้เธอวันนี้เขาจะให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทานเนื้องูเพื่อเสริมสร้างรากฐานของเธอจากนั้น พรุ่งนี้เขาก็จะเริ่มนำดีงูมาใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพรเพราะดีงูมีประสิทธิภาพที่ทรงพลังมากกว่าส่วนเนื้อของงูมากเขาเข้าไปในห้องลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างช่ำชองเหมือนเช่นเคยและเธอเองก็มักจะเปิดหน้าต่างไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เย่ซิวเข้ามาหาเธอได้สะดวกทันทีที่เห็นเย่ซิว ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ากอดเขาด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้นทั้งสองโอบกอดกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถอนอ้อมกอดจากเย่ซิวเมื่อเธอเห็นเขาถือกล่องอาหารเก็บความร้อนสองกล่องอยู่ในมือ เธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ข้างในมันคืออะไรเหรอ?”เขาวางกล่องอาหารสองกล่องลงบนโต๊ะแล้วเปิดมันออกทีละกล่อง“ไม่ต้องถามหรอก มากินเถอะ มันมีประโยช์นต่อการฝึกกังฟูของคุณเขาไม่ได้บอกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ว่ามันคือเน
ลู่เสวี่ยเอ๋อร์จ้องมองเย่ซิวอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะขยับตัว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นายหลับแล้วเหรอ?”“ใกล้แล้ว คุณเองก็รีบนอนได้แล้ว การพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ที่ฝึกยุทธ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกโกรธเล็กน้อย “นายนี่เหมือนท่อนไม้เลยนะ ขนาดมีหญิงสาว ๆ สวย ๆ แบบฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่มีความคิดอื่นแล้วหรือไง?”“ไม่มี” เย่ซิวตอบตามตรงตอนนี้เขาไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ จนกว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะบรรลุระดับปรมาจารย์ ดังนั้น เขาจึงไม่ควรมีความคิดอื่นใดภายในใจ“น่าเกลียดที่สุด ฉันโกรธแล้วนะ แล้วก็จะไม่สนใจนายแล้วด้วย”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์หันหลังให้เขาด้วยท่าทางโกรธเคืองเธออยากให้เย่ซิวง้อเธอใจจะขาด แต่รออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอจึงทำได้เพียงหันกลับมา จากนั้นเธอก็วางศีรษะลงบนหน้าอกของเขา“นายนี่มันน่าเกลียดจริง ๆ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่รู้จักทะนุถนอมกันบ้างเลย”เย่ซิวตอบกลับไปว่า “เข้าใจแล้วครับ ครั้งหน้าผมจะใส่ใจคุณให้มากขึ้นแล้วกัน”“…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถึงกับหมดคำพูดแต่พอมาคิดดูแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่า การแสดงออกของเย่ซิวหมายความว่า เขายังไม่เคยมีความรักมาก่อนเมื่อคิดได
วันนี้เย่ซิวบอกกับสองสาวว่าไม่ต้องไปเรียนหรือเข้าบริษัท ให้พวกเธออยู่บ้านแทนจนถึงช่วงกลางวัน เย่ซิวก็นำชามยาที่มีสีดำขลิบวางไว้ตรงหน้าพวกเธอ“กินยานี่ให้หมด จากนั้นก็เริ่มฝึกท่าที่ผมสอนให้เมื่อวานนี้”สองสาวมองดูยานั้น มันจะมีกลิ่นเหม็นและดูน่าขยะแขยงเล็กน้อยแต่ด้วยความเชื่อมั่นในคำพูดของเย่ซิว พวกเธอจึงตัดสินใจกินมันหมดในคราวเดียวถึงแม้ว่ามันจะดูน่าขยะแขยง แต่เมื่อกินเข้าไป ยากลับมีรสหวานอ่อน ๆสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เย่ซิวได้ใช้เครื่องยาสมุนไพรต่าง ๆ กลบกลิ่นขมเดิมของมันและเขาก็ยังคงความมีประสิทธิภาพของยาเอาไว้ทันทีที่กินเข้าไป ร่างกายของสองสาวราวกับกำลังถูกไฟเผา ผิวหนังของพวกเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ต่อมา พวกเธอก็เริ่มฝึกท่าทางที่เย่ซิวสอนให้ทันทีในเวลานั้น ศีรษะของพวกเธอมีไอน้ำลอยออกมา มันดูเหมือนกับการฝึกปรือในแนวทางการบำเพ็ญเซียนภายในร่างกายของพวกเธอมีเสียงคล้ายกับการคั่วถั่วดังขึ้นเป็นระยะ ๆทุกครั้งที่ฝึกฝน ร่างกายของพวกเธอก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อฝึกถึงรอบที่สิบ ฤทธิ์ของยาก็ถูกดูดซึมไปครึ่งหนึ่ง พวกเธอจึงสามารถก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับสองได
แต่ยังมีที่ดินตามมุมพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนใหญ่ ๆ จะไม่สนใจอยู่แล้วทุกคนต่างก็พากันสืบค้นข้อมูลว่า ใครกันที่โลภมากขนาดนั้น เขาถึงได้ซื้อที่ดินทั้งหมดหนึ่งแสนไร่ไปในคราวเดียวไม่นานพวกเขาก็สืบค้นจนรู้ว่าเป็นเย่ซิวจากนั้น พวกเขาก็พากันไปที่บริษัทของเย่ซิวโดยไม่ได้นัดหมายวันนี้ หลังจากที่เย่ซิวดูข่าวนั้นจบ เขาก็รีบเข้ามาที่บริษัททันทีเพราะเขารู้ว่าจะต้องมีคนจำนวนมากมาหาเขา ดังนั้น เขาจึงมารออยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้า เลขานุการเดินเข้าออกห้องทำงานของเขาตลอดเวลา เพื่อแจ้งเขาว่า มีผู้บริหารจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มาขอเข้าพบอีกแล้วเย่ซิวเรียกพวกเขาทั้งหมดมาที่ห้องรับรอง เขาไม่ได้พบปะใครเป็นการส่วนตัวเขาตั้งใจว่าจะรอให้ทุกคนมาถึงพร้อมกันก่อนแล้วค่อยทำการเจรจาหลังจากรอจนถึงสิบโมง เย่ซิวจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องรับรองพร้อมกับเลขานุการเมื่อทุกคนเห็นว่าเย่ซิวมีอายุยังน้อย คนเหล่านั้นก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขาแต่ละคนแสดงแววตาของการดูถูกออกมาในตอนแรก พวกเขารู้เพียงว่าเย่ซิวได้ซื้อที่ดินหนึ่งแสนไร่ในทางตอนเหนือทั้งหมดแต่สำหรับราย
ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากหลายแห่งต่างก็โน้มน้าวเขาอย่างต่อเนื่องในถ้อยคำของพวกเขา ดูเหมือนว่าราคาที่พวกเขาให้นั้น ถือว่าเป็นการให้เกียรติเย่ซิวเป็นอย่างมากแล้วเย่ซิวนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้พูดอะไรหลังจากที่พวกเขาพูดจบ เย่ซิวจึงเปิดปากพูดขึ้นว่า “พวกคุณพูดจบแล้วใช่ไหม? พูดจบก็เชิญออกไปได้แล้วครับ”ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน ในคำพูดของเขามีการแฝงความคุกคามเล็กน้อย“คุณเย่ซิว คิดให้ดี ๆ นะ ศักยภาพในทุกด้านของบริษัทของคุณค่อนข้างธรรมดา หากว่าคุณไม่ยอมขายที่ดินให้กับพวกเรา เกรงว่าบริษัทของคุณคงจะไม่มีปัญญาเริ่มโครงการหรอกนะ”ผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ ชายวัยกลางคนเองก็เห็นด้วยกับเขา “ใช่ค่ะ ดูจากข่าวที่ประกาศออกมาแล้ว พวกเขาน่าจะเริ่มโครงการภายในหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าพื่นที่นี้ไม่ถูกพัฒนาให้เร็วที่สุด มันจะทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่า คุณเจตนาที่จะเก็บที่ดินไว้โดยไม่มีการพัฒนา ซึ่งเป็นการขัดขวางการพัฒนาของบ้านเมือง และนั่นก็ไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่เล็กน้อยเลยนะคะ”เย่ซิวจ้องมองใบหน้าของพวกเขาทีละคนพวกเขาทั้งหมดที่นี่ล้วนแต่เป็นคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ติดอันดับในสามสิบอันดับต้น ๆ ขอ
แต่เขาจะลงมือด้วยตนเองเหตุผลที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลงมือก็เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาเดือดร้อนเพราะคนพวกนี้เป็นคนใหญ่คนโต พวกเขาเองก็คงไม่กล้าลงมือดังนั้น เขาจึงต้องลงมือด้วยตนเอง คนเหล่านั้นไม่มีความสามารถในการต่อต้านเขาอย่างแน่นอนพวกเขาเพียงมีรูปร่างสูงใหญ่และไม่ได้เป็นดั่งที่เห็น เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาถูกสุราและความสุขทางเพศทำให้ร่างกายอ่อนแอลงจนตอนนี้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอยิ่งกว่าผู้ชายทั่วไปซะอีกไม่นาน ทุกคนก็ล้มลงไปกองบนพื้นและร้องโอดโอยด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดเย่ซิวสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากพวกเขาออกไป แล้วโยนพวกเขาลงไปที่ใต้ตึกของบริษัท จึงทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้ความสนใจและอยากรู้อยากเห็นพวกเขาไม่เคยเผชิญกับความอับอายแบบนี้มาก่อน แต่ละคนโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่“ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว! มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำ!”“โทรเรียกตำรวจให้มาที่นี่ ผู้บริหารระดับสูงได้รับบาดเจ็บกันขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อว่าเมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงเฉิงจะกล้าปฏิเสธที่จะรับเรื่อง!”“โทรหาสถานีตำรวจเข้า ฉันจะไปเรียกรถพยาบาล!”ไม่นาน ทางด้านสถานีตำรว
คำพูดของหมอทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น รู้สึกงงงวยหัวหน้าตำรวจเดินเข้ามาและถามว่า “คุณหมอครับ ที่พวกคุณพูดหมายความยังไงครับ?”หมอคนหนึ่งตอบกลับว่า “พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย กระดูกก็สมบูรณ์ดี ผมแนะนำให้กักขังพวกเขาสักสองสามวัน พฤติกรรมแบบนี้น่ารังเกียจมาก!”“ใช่ครับ!” หมออีกคนเอ่ยด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน “พวกคุณทำให้เราต้องเสียทั้งกำลังคนและทรัพยากร ถ้าตอนนี้เกิดมีคนอื่นที่กำลังเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง?!”เมื่อผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นได้ยินคำพูดนั้นก็เริ่มกังวล“พวกคุณตรวจผิดหรือเปล่า?!”“ผมเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว กระดูกต้องหักแน่ ๆ!”“คุณเช็กให้ดีอีกครั้งซิ!”……“คุณเลิกเล่นละครได้แล้ว!” หมอคนนั้นพูดด้วยความโกรธ “กระดูกยังสมบูรณ์ดี เห็นได้ชัดว่าคุณสามารถลุกขึ้นได้!”หัวหน้าตำรวจก็ย่อตัวลงไปบีบกระดูกของพวกเขาและพบว่าไม่มีความผิดปกติ จากนั้น เขาก็ดึงหนึ่งคนให้ลุกขึ้นยืนชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ทันใดนั้น ก็หยุดชะงักไป แล้วพยายามลองยันขาให้ยืนขึ้น“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าขาของฉันหักไปแล้วเหรอ?”เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริหารระดับสูงคนอ
“อ่า…”……บริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วนี่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในอันดับที่สามของประเทศหลงเถิงณ ชั้นสูงสุดของสำนักงานใหญ่หลินซวงมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีรถวิ่งไปมาไม่ขาดสาย ดวงตาของเธอเปล่งประกายความคิดบางอย่าง“ท่านประธานคะ ข้อมูลที่เกี่ยวกับเย่ซิวอยู่นี่แล้วค่ะ”เลขานุการที่ติดตามเธอมาเป็นเวลาหลายปีเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารกองหนึ่งในมือหลินซวงรับเอกสารกองนั้นมาและเริ่มดูอย่างละเอียดใช้เวลานานเกือบชั่วโมงถึงจะอ่านจบทั้งหมดโดยมีเลขานุการของเธอยืนอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลาหลินซวงวางเอกสารลงแล้วนวดศีรษะของตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “รบกวนจองตั๋วเครื่องบินให้ฉันด้วยนะคะ ฉันต้องการพบเขาให้เร็วที่สุด”เลขานุการถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง “ท่านประธานต้องไปพบเขาด้วยตัวเองเหรอคะ? จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอคะ?”บริษัทอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วเป็นถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในอันดับสามของประเทศหลงเถิง ซึ่งมีมูลค่าตลาดเกินกว่าห้าแสนล้านบาท ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่และมีอิทธิพลอย่างมากแต่ส่วนทรัพย์สินของเย่ซิวยังไม่ถึงหนึ่งแสนล้านด้วยซ้ำ สองฝ่ายนี้ไม่สามารถเปรียบเ
จากนั้นเย่ซิวก็ปล่อยปราณกระบี่ออกมาหลายสาย ผนึกพื้นที่รอบตัวเด็กหญิงไว้ เด็กหญิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นดาวหายนะ พ่อแม่และครอบครัวของเธอทั้งหมดล้วนต้องตายไปเพราะเธอ หลังจากนั้นเธอก็ถูกขังไว้ในกรงพิเศษ ไม่เคยเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย จนกระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาในตอนนี้ เย่ซิวมองแววตาของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ร่างกายที่เป็นอยู่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เธอเองไม่อาจควบคุมได้ และไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย เย่ซิวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่ามพลังหายนะของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล้กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่เกินจะจินตนาการได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็ร่ายอาคม สร้างเหยี่ยวตัวหนึ่งให้ก่อตัวขึ้น แล้วให้มันบินไปเกี่ยวตัวเด็กหญิงขึ้นมา เตรียมจะพาขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันจะบินขึ้น เหยี่ยวกลับสลายตัวไปในพริบตาเย่ซิวลองหาวิธีอื่นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ได้เลยเย่ซิวรู้สึกปวดหัวไปหมด เขาจึงตัดสินใจปลอบเด็กหญิงก่อน แล้วโยนอาหารไปให้เธอจากระยะไกลไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธ
เย่ซิวเดินออกจากห้องลับ แล้วพบว่าโลกทั้งใบที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น และเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น เฉินหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอก พอเห็นเย่ซิวก็ยิ้มหวานออกมา "สวัสดีค่ะ นายท่าน" เย่ซิวโบกมือไปมา "ต่อไปไม่ต้องเรียกนายท่านแล้ว เรียกว่าท่านเจ้าสำนักเถอะ" เฉินหลานมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ ก่อนจะพยักหน้าขานรับอืมเบา ๆเรียกว่าเจ้าสำนักดูจะเป็นกันเองกว่าการเรียกว่านายท่าน "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?" เย่ซิวถาม "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากจบศึกครั้งนี้ คนในสำนักโอสถก็ยิ่งให้ความไว้วางใจกับพวกเรามากขึ้น งานในด้านอื่น ๆ ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น" "แล้วในระดับนานาชาติล่ะ?" "บรรดาทูตจากนานาชาติมาถึงประเทศหลงเถิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เดิมทีพวกเขาต้องการเริ่มการเจรจาทันที แต่รัฐบาลหลงเถิงกลับจัดเตรียมอาหารเลิศรส และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้พวกเขา โดยให้เหตุผลว่าประเทศของตนให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุด เมื่อลูกค้ามาเยือนก็ต้องให้การต้อนรับอย่างดี จากนั้นจึงค่อยพูดคุยเรื่องอื่น บรรดาทูตก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเพลิดเพลินไปกับกา
หลังจากที่ฝึกฝนความสามารถใหม่ของร่างกายจนคุ้นเคยแล้ว เย่ซิวก็กลับมาทำการหลอมโอสถต่อมีโอสถอีกหลายประเภทที่ต้องหลอมเช่นโอสถยอดเพชร โอสถต้นกำเนิด โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกรายและอื่น ๆนอกจากเตรียมโอสถสำหรับสร้างกองกำลังสุดยอดแล้ว ยังมีบางส่วนที่เย่ซิวตั้งใจจะเตรียมไว้ใช้เอง รวมถึงให้คนใกล้ตัวของเขาหลังจากที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ประสิทธิภาพในการหลอมยาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาหลังจากใช้งานก็เร็วขึ้นหลายเท่าตัวสองวันต่อมา ประเทศจ้านส่งสมุนไพรมาเป็นค่าชดเชย ซึ่งถูกใช้ไปแล้วกว่าเก้าหมื่นต้น ผลลัพธ์คือโอสถชนิดต่าง ๆ ถูกหลอมออกมามากกว่าห้าหมื่นเม็ดเมื่อหลอมยาเสร็จ เย่ซิวก็หยุดการหลอม เก็บเตาโอสถกลับไปแล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงน้ำแข็งทันใดนั้นภาพถ่ายที่พรีเอลล์เคยส่งให้ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาเธอเคยพูดถึงโซเฟียลูกพี่ลูกน้องของเธอเย่ซิวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่าย แล้วเดินไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาอาจจะแตกต่างกัน แต่บรรยากาศและพลังบางอย่างที่แผ่ออกมานั้นคล้ายกันมากมันให้ความรู้สึกเหมือนประชาชนของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง กับคน
ตอนนี้เย่ซิวกำลังหลอมโอสถยอดเพชรโอสถชนิดนี้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากรับประทานในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้ร่างกายกลายเป็นกายาวัชระได้ ซึ่งเป็นกายาอันแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่พุทธศาสนา นี่คือโอสถที่เย่ซิวเตรียมไว้สำหรับกองกำลังพิเศษในอนาคตของเขา ในเมื่อเป็นกองกำลังระดับสุดยอด ก็ต้องมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้ การป้องกัน การลอบสังหาร ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถมีจุดอ่อนได้ ภายในเตาหลอมโอสถ ตอนนี้มีโอสถยอดเพชรกว่ายี่สิบเม็ด แต่ท่ามกลางโอสถเหล่านั้น มีอยู่เม็ดหนึ่งที่แตกต่างจากเม็ดอื่นโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และมีแสงสีทองระยิบระยับไหลเวียนอยู่ภายใน ดวงตาของเย่ซิวหดแคบลงทันที นี่มันหรือว่าจะเป็นโอสถกลายพันธุ์ในตำนาน? บางครั้งในการหลอมโอสถ นักปรุงยาอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้โอสถเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา โอสถกลายพันธุ์เหล่านี้ บางครั้งอาจไร้ประโยชน์ หรือร้ายแรงถึงขั้นมีพิษรุนแรง แต่ในบางกรณี มันอาจมีสรรพคุณสูงกว่าโอสถทั่วไปหลายสิบเท่า และในบางครั้งโอสถกลายพันธุ์เหล่านี
นอกจากนี้เย่ซิวยังมีฐานปลูกสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศหลงเถิง เมื่อรวมกันแล้ว ฐานทั้งสองแห่งสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมยาได้เป็นจำนวนมหาศาล ต่อไปเมื่อเขาสามารถหลอมยาได้มากพอ ก็จะสามารถใช้โอสถเหล่านั้นสร้างกองกำลังสุดแกร่งขึ้นมาได้ เป็นกองกำลังที่สามารถทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เย่ซิวมีแนวคิดเกี่ยวกับกองกำลังนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มดำเนินการ สำหรับแกนหลักของกองกำลัง เย่ซิววางแผนให้สมาชิกของหน่วยกองกำลังหมาป่าราตรีเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขามีทั้งพลังและประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป เย่ซิวมอบหมายให้หวังซวงเป็นผู้จัดการเรื่องรถถังและทองคำ โดยทองคำบางส่วนจะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและทรัพยากร ก่อนจะส่งไปให้ถังอวิ้น การพัฒนาของประเทศสุ่ยจือยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนักก็คือ ประเทศสุ่ยจือมีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน แนวภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โอกาสที่ประเทศนี้จะถูกโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้สภาพของที
เย่ซิวเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ดังนั้นการบำเพ็ญที่กินเวลาสองชั่วโมงกว่าจึงเริ่มขึ้น เขายังช่วยหนานกงอวี่แก้ไขข้อบกพร่องบางอย่างอีกด้วย… หลังจากนั้น หนานกงเสวี่ยก็เสร็จสิ้นงานของวันและกลับมาที่วิลล่า เมื่อเห็นเย่ซิวกลับมาก็รู้สึกดีใจมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองน้องสาวของตัวเองอย่างตำหนิเล็กน้อย ในใจคิดว่า ‘ยายตัวแสบ แอบกินเงียบ ๆ ไม่แบ่งพี่เลยนะ’จากนั้นเธอก็เข้าร่วมการบำเพ็ญตนด้วย พลังของเย่ซิวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาก็กำลังก้าวเข้าสู่จินตานขั้นสมบูรณ์อย่างมั่นคง เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ เพราะตามที่บันทึกโบราณได้กล่าวไว้ เมื่อไปถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงบางคนจะสามารถเข้าใจวิถีแห่งสวรรค์และโลกได้พวกเขาสามารถรวบรวมร่างพลังขนาดใหญ่ได้หลายร้อยหรือแม้แต่พันเมตร ดึงพลังของสวรรค์และโลกมาใช้ ซึ่งมีพลังทำลายล้างมหาศาล ถึงขั้นที่เมืองทั้งเมืองอาจไม่สามารถต้านทานได้ ในมือของเขายังมีโอสถเม็ดหนึ่ง ซึ่งได้มาตอนที่ได้รับเตาเพลิงปฐพีมา แต่เขาก็อดกลั้นไว้ ไม่ได้ใช้มัน นี่คือโอสถที่เขาตั้งใจจะเก็บไว้ใช้ตอนที่ทะล
พรีเอลล์ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย เย่ซิวไม่ได้ปฏิเสธเด็ดขาดในทันที นั่นหมายความว่ายังพอมีช่องทางให้เจรจาต่อรองได้ หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก เขาก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานนัก เย่ซิวก็ได้รับรูปภาพหนึ่งทางโทรศัพท์ของเขา เมื่อเปิดดู ดวงตาของเขาหดเล็กลงเล็กน้อย ในภาพเป็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง หญิงสาวที่สวยจนยากจะบรรยายเป็นคำพูด เธอมีผมสีทองส่องประกายราวกับเปล่งแสงได้ ดวงตาสีฟ้าลึกเหมือนอัญมณีไพลินใบหน้าสวยบริสุทธิ์แต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ยั่วยวนเล็กน้อย สันจมูกโด่ง ริมฝีปากเล็กสีชมพูชวนหลงใหล สิ่งที่ทำให้เย่ซิวรู้สึกสะดุดตาคือออร่าของหญิงสาวในภาพช่างคล้ายกับหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็ง ทั้งสองมีบรรยากาศที่ดูสูงส่ง ดั่งกำเนิดมาเพื่อเป็นผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งปวง มองลงมายังสรรพสิ่งเบื้องล่าง เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะคิดไปว่า หรือว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกัน?เดิมทีเย่ซิวไม่ได้สนใจอะไรมากเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องที่พรีเอลล์พูดถึง แต่ตอนนี้เขากลับต้องคิดทบทวนใหม่ คงต้องหาโอกาสไปดูให้เห็นกับตา ใต้ภาพ พรีเอลล์ยังทิ้งข้อความไว้ด้วย : “เป็นไงล่ะ? สวยส
"มีอะไรหรือเปล่า?" เย่ซิวกดรับสาย คนที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่น เป็นพรีเอลล์ครั้งก่อนเขาเผลอมองข้ามเธอไป ผู้หญิงคนนี้คงโกรธมากแน่ ๆ และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ในมุมหนึ่งของสถานที่แห่งหนึ่ง พรีเอลล์มีสีหน้าดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่เสียงที่เธอพูดกลับอ่อนหวานเหลือจะกล่าว จนทำให้ผู้ฟังขนลุกชัน "พี่ชายที่รัก ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ คิดถึงมากเลยนะ" เย่ซิวแสยะยิ้มเย็น ถ้าเขาไม่เคยติดต่อกับเธอมาก่อน คงเผลอเชื่อคำพูดของเธอไปแล้ว "พูดมาเถอะ มีธุระอะไร ระหว่างเราไม่ต้องมาเสียเวลาพูดจาอ้อมค้อม" "จะมีอะไรได้ยังไงล่ะ หรือฉันคิดถึงคุณไม่ได้เหรอ? เราสองคนก็เคยทำแบบนั้นแล้วนี่นา แต่ทำไมคุณถึงยังสงสัยว่าฉันมีแผนอะไรอีกล่ะ เสียใจจังเลย" เย่ซิวแค่นเสียงเยาะที่มุมปาก "งั้นเหรอ ถ้าไม่มีธุระอะไร งั้นผมวางสายแล้วนะ" "เดี๋ยว ๆ ๆ!" เสียงของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นปกติขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดอย่างหงุดหงิด"ไอ้คนไร้รสนิยม! คุณนี่ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงมีผู้หญิงชอบเยอะขนาดนี้แต่ก็เอาเถอะ นี่โทรมานี่ก็เพราะมีเรื่องจะถาม ว่าคุณจะขายหุ่นยนต์ให้ฉันสักสองสามตัวได้ไหม ราคาคุณตั้งมาได้เลย"
เย่ซิวกำหนดเงื่อนไขให้พวกเขาส่งคนมาได้เพียงแค่หนึ่งร้อยคน และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง หลังจากจบการสนทนา เย่ซิวกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม พลางจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ความบาดหมางระหว่างเขากับประเทศจ้านคงไม่จบลงง่าย ๆ แน่นอน เขารู้ดีว่าประเทศนี้เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาตบหน้าพวกนั้นอย่างรุนแรงขนาดนี้ อีกฝ่ายจะต้องหาทางเอาคืนแน่นอน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้สายการผลิตเร่งสร้างจักรกลมังกรดำอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากสายการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ขอแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ส่วนที่เหลือก็ให้ระบบจัดการได้เลยด้วยประสิทธิภาพการผลิตในปัจจุบัน สามารถสร้างจักรกลมังกรดำได้วันละสองตัว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ ต้องเสริมแนวป้องกันบริเวณพรมแดนทุกจุด และต้องรับสมัครผู้ควบคุมหุ่นยนต์เพิ่มอีก ยังต้องเตรียมรับมือกับมาตรการทางทหารจากอำนาจอื่น ๆ รอบตัว แต่โชคดีที่ตอนนี้เขามีคนเก่งอยู่ในทีมเยอะขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงแค่ออกคำสั่งก็พอ หลังจากนั้นเขาก็ออกจากที่นี่และตรงไปหาหยางถิงถิงที่กำลังทำงานสร้างถนน สาวน้อยคนนี้ดูอารมณ์เสีย หงุดหงิดไม่น้อย