“ก็หวาน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกัน เธอจึงเอามือแนะที่ปากของเขา“พี่อยากเข้าไปอยู่ในตัวของเจ้า ทั้งวันทั้งคืน อยากกอด อยากจูบ”“เจ้าจะรอนะคะ ไปทำงานแล้วกลับมาเร็วๆ นะ”“ทำไมยั่วนะ แม่คนคลั่งรัก”“คลั่งพี่เชนทร์”“หึๆ พี่ก็คลั่งหนู” สิ้นคำเขาก็จูบที่ปากนุ่มอีกครั้งด้วยความที่ห้ามใจไม่ได้ อยากจะเริ่มต้นอะไรต่อมิอะไรอีกเหลือเกิน หากไม่ติดว่าพ่อเลี้ยงรออยู่ละก็จะต่ออีกสักยก“พี่รักหนูนะ เจ้าขา” เขาถอนจูบออก และเอามือเสยผมให้กับเธออย่างอ่อนโยน ทว่าคำรักนี้เขากลับมีน้ำเสียงหม่นลงไปเล็กน้อย พร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากัน“หึๆ เจ้ารู้แล้วค่ะ เมื่อกี้บอกเจ้าแล้ว”“อยากบอกอีก อยากพูดให้รู้ ที่เกิดขึ้นเพราะรัก” ตอนนี้เขาพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้น ขอรักเธอเพียงเท่านี้พอ“ค่ะ เกิดขึ้นเพราะรัก ไม
“ทำไมผมจะไม่ไหว”“ป๋ากลัวแกจะขาอ่อน” พ่อเลี้ยงหันมาแซวแบบเอียงคอมองแบบเจ้าเล่ห์“ผมแข็งแรง ฟิตมาก อายุยังไม่ถึงสี่สิบด้วย อย่าดูถูกผม”“ถึงขั้นขอลาครึ่งวันเนี่ยนะ เท่านั้นยังไม่พอ ป๋าให้สามวันเลย”“ก็แหม... คนมันคลั่งรัก” คเชนทร์ยอมรับแบบหน้าตาเฉย เท่านั้นแหละพ่อเลี้ยงก็หันมามองทันที“น้องวี จะว่าอะไรไหม ถ้าอาจะนั่งไปกับเจ้าเชนทร์ วีนั่งรถเชนทร์แล้วให้เขตขับให้นะจ๊ะ”“ได้ค่ะ” มนัสวีตอบและยิ้มหวาน เพราะรู้ว่าแสนลักษณ์มีเรื่องจะคุยกับคเชนทร์เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว“มีอะไรเหรอครับ” คเชนทร์ถามขึ้น“นั่งไปด้วยกัน ฉันก็คิดถึงแกนะเนี่ย”“หึๆ ก็ได้ครับ” คเชนทร์ตอบพลางหัวเราะ แล้วจึงเปิดประตูให้พ่อเลี้ยงขึ้นไปนั่ง แล้วเขาจึงตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ส่วนมนัสวีย้ายไปรถของเขาแทนโดยให้เขตแดนเป็นคนขับนั่นเอ
“รู้ตัวก็ดี เวลาอยู่บ้านมีความสุข ออกนอกบ้านระวังอีกอย่าง ส่วนเข้ามาทำงานก็ระวังอีกอย่าง วันหนึ่งๆ ชีวิตคนเราก็ต้องเจอ”“เหมือนพ่อเป๊ะ แมงวันแมงหวี่เยอะแยะเต็มไปด้วย”“หึๆ” ติ้ง! แสนลักษณ์หัวเราะก่อนที่ลิฟต์จะส่งสัญญาณ แล้วจึงเปิดออก“ตั้งใจทำงานนะลูกชาย” แสนลักษณ์กล่าว จากนั้นจึงได้เดินแยกกันเข้าห้องทำงาน“อรุณสวัสดิ์ครับนาย” เปรมณัฐเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ เมื่อเห็นคเชนทร์เดินมาถึงโต๊ะพอดี“อรุณสวัสดิ์” คเชนทร์ตอบเสียงเรียบ“อีกสักครู่ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดจะมา บอกให้เข้าไปพบฉันได้เลย”“เข้ามาพบท่านทำไมครับ”“เดี๋ยวรอเข้าไปด้านในพร้อมกัน จะพูดทีเดียว” คเชนทร์ตอบเสียงเรียบอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องทันที ทิ้งให้เปรมณัฐสงสัย หรือจะเป็นเรื่องวันนั้นเพราะว่าคเชนทร์ไม่ได้เข้าโรงแรม ก็เลยเลื่อนออกไป น่าจะใช่
“อย่าพูดให้พ่อได้ยิน เดี๋ยวส้นตีนติดคอ หึงแรง”“หึๆ น่ารักก็บอกว่าน่ารัก แต่... ของท่านก็นัมเบอร์วันเลยครับ กินกันไม่ลงกับแม่เลี้ยง อิจๆๆ”“ไอ้เปรม” คเชนทร์เค้นเสียงพลางกัดฟัน เท่านั้นแหละเปรมณัฐก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที คเชนทร์ก็ได้แต่ถอนใจด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะตั้งสมาธิทำงานเสียทีขณะเดียวกันผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็กลับมาที่ห้อง เรียกตัวนักศึกษาในแผนกทั้งหมดมาพูดคุยถึงข้อกำหนดหรือกฎต่างๆ ที่คเชนทร์สั่งเอาไว้“ถ้าไม่อยากให้ถูกบอกเลิกฝึกงานก่อนเวลาอันควรล่ะก็ ให้ปฏิบัติตามกฎนี้ให้ได้ คุณคนนี้ถ้าได้ออกคำสั่งละก็ใครห้ามขัด ไม่งั้นปลิวหมด เข้าใจไหม” ผู้จัดการวัยสี่สิบเอ่ยเสียงเครียด“ทำไมท่านดุจังค่ะ” มิลินเอ่ยถาม“เป็นคนดุ ระเบียบจัด ใครทำผิดไล่ออกอย่างเดียว ถ้าอยากฝึกงานจนจบก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เข้าใจไหม”“เข้าใจคะ แล้วเจ้าของโรงแรมดุขนาดนี้ไหมคะ” มิลินเข้าใจแต่ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้อีกสิน่า ขณะที่คนอื่นไม่กล้าถาม“ไม่ดุ แต
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ เจ้าของหัวใจของคเชนทร์ ไม่ได้เก็บตัวอยู่ในบ้านเหมือนอย่างที่คเชนทร์หรือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์คิดหรอก เห็นเงียบๆ จันทราก็แค่อยากอยู่เฉย เดือนเดียวมันก็ไม่ได้นาน เพราะฝ่ายบิดาเธอก็ตามติดเรื่องตุลยเทพเช่นกัน“พ่อคะ สบายดีใช่ไหม” จันทรภาโทรถามบิดาในรอบหลายวัน“สบายดีลูก แล้วลูกล่ะ”“เจ้าขาสบายดีค่ะ เอ่อ ทางนั้นเป็นยังไงบ้างเขาติดต่อพ่อหรือเปล่า”“ส่วนใหญ่คุยเรื่องเงินๆ ทองๆ พ่อทำได้แค่บอกปัดไปก่อน เขาต้องการเงินลงทุน ถ้าไม่ได้นี่ผิดใจกันแน่ๆ”“พ่อยอมเหรอคะ”“พ่อไม่ยอมแต่เราจะหลีกหนีสถานการณ์นี้ไปได้ยังไง เราตกปากรับคำที่จะช่วยไปแล้ว เขาไม่ได้ผิดและไม่มีอะไรมาหักล้าง เขามองว่าลูกผิด”“เจ้าพร้อมแล้ว เจ้าจะจัดการเองค่ะและจะไปหาพ่อ จะไปเคลียร์ทุกอย่างด้วยตัวเอง”“มันจะเสี่ยงไหมถ้าหนูจะมากรุงเทพ เพราะตุลย์ยังอยู่ที่นั่น”
“ยังไงก็ผู้ชาย พ่อกลัวหนูสู้ไม่ไหว”“ต้องลองดูสักตั้ง ตอนนี้เจ้าตั้งหลักได้แล้ว”“งั้นลูกรอฟังเย็นนี้นะ”“ค่ะ แค่นี้นะคะคุณพ่อ”“จ้ะ” สิ้นคำ ทั้งสองจึงวางสายพร้อมกัน เจ้าสัวภากรจะรอฟังว่าเย็นนี้ตุลาจะมาไม้ไหน จะใช้ลูกอะไรขอทุนที่ยังไม่ได้สักแดงเดียว โชคดีแล้วที่จันทรภาหนีไปแบบนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เป็นได้ตกนรกทั้งครอบครัว ท่านคิดส่วนจันทรภา ยืนกำโทรศัพท์เอาไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเครียด ก่อนจะออกไปจากบ้าน เป็นจังหวะที่เกตุวดีเดินมาพอดี “อ้าว เจ้าขาจะไปไหนจ้ะ”“เจ้าคิดอะไรเพลินๆ เรื่องที่กรุงเทพค่ะ”“แล้วพี่เกตุจะไปไหนเหรอคะ แต่งตัวแบบเหมือนคาวเกิร์ล”“ออ จะพาลูกค้าไปทัวร์สนามยิงปืนน่ะ กิจกรรมพิเศษ บางคนก็ขี่ม้า ขับ ATV สนใจไหม จะได้ไม่เหงาไง แก้เบื่อเผื่ออยากลอง”
“รอเดี๋ยว” สิ้นคำเกตุวดีก็เลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง แต่ไม่ได้ดับเครื่องจากนั้นก็โทรศัพท์ทันทีกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ปลายสายดังขึ้นขณะที่เจ้าของเครื่องยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เรือนรับรองบริเวณริมสระว่ายน้ำ ยังไม่ได้ขึ้นห้องทำงานเสียด้วยซ้ำ“ครับ มีอะไรพี่เกตุ” พ่อเลี้ยงหนุ่มกล่าวทักทายเสียงเรียบ“พ่อเลี้ยง เอ่อ ตอนนี้พี่เกตุจะเข้าเมือง”“เข้ามาทำไม” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเสียงเครียดทันที“คือ พี่มีเรื่องจะถาม ตอบพี่ก่อนนะ คอนโดวิเวียงคอมเพลสน่ะ ใครเป็นเจ้าของ” ถามถึงชื่อคอนโดนี้แสนลักษณ์รู้ได้ทันทีว่าเกตุวดีคิดจะทำอะไร เขาคิดพลางขมวดคิ้ว“วิเวียงคอมเพลสเหรอ เฮ้อ! เป็น... ของน้องเฮียต้น พี่จะไปทำอะไรที่นั่น”“ทำไมรู้ว่าพี่จะไปทำอะไร”“ถ้าไม่ไปทำอะไรจะถามทำไม หืม”“พี่เกตุกับเจ้าขามา...”
“โอ้! ระดับพี่เกตุนะครับ”“ระดับพี่เกตุ ก็แพ้คนรุมได้เหมือนกัน เฮียรบกวนหน่อย และเปิดทาง อาจจะมีการขอขึ้นห้อง เฮียรู้ว่ามันผิดแต่ว่า...”“ขอแค่เฮียเอ่ยมา ผมยินดี นี่เป็นครั้งแรกที่เฮียขอให้ผมช่วย ปกติเฮียไปทางเฮียต้นมากกว่า”“ขอบใจ เฮียขอเท่านี้”“ได้ครับได้ งั้นแค่นี้นะครับเฮีย จะโทรบอกทางนั้นก่อน”“โอเค ขอบใจอีกครั้ง” เมื่อคุยกันเสร็จ ต๊อด หรือปิยะก็รีบโทรศัพท์แจ้งลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ ให้เข้าไปรอรับเกตุวดีและน้องสะใภ้เฮียแสนลักษณ์ทันที รวมถึงเปิดทางให้เข้าไปในคอนโดได้ โดยใช้กุญแจสำรองหากมีการขึ้นห้อง เรียกได้ว่าอารักขาอยู่ห่างๆ ไม่ให้รู้ตัวช่วงเวลาเดียวกัน เกตุวดีก็พาจันทรภา มาจนถึงหน้าคอนโดหลังที่ว่านี้ แล้วจอดที่ด้านหน้าเสียก่อน เพื่อสอดส่องดูว่ามีผู้ชายน่าสงสัยอยู่ด้านหน้าล็อบบี้ของคอนโดหรือเปล่า แต่ทางคอนโดไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าไปนั่งอย่างแน่นอน นอกจากรถอยู่ด้านนอก ซึ่งเกตุวดีสังเกตแล้วว่าไม่มีใคร “ทางโล่ง เข้าไปกันเถอะ” เกตุวดีบอกพร้อมก
“ไม่คิดว่าจะมา” แสนลักษณ์เอ่ยเบาๆ“หัวใจของวี หัวใจไม่อยู่วีก็ไม่เป็นอันทำอะไร” “มาซะทีนะไอ้เชนทร์ พ่อมึงสำคัญมาก มึงก็ตัวสำคัญเลย” เสียงตุลยเทพดังขึ้นและด้วยความไว คเชนทร์ก็ดันทุกคนหลบ ขณะที่ตุลยเทพเดินมาหาช้าๆ ลูกน้องที่เหลือก็ตามมา“สาวๆ ไม่ต้องออกแล้ว หลบอยู่นี่” คเชนทร์บอกพร้อมกับสำรวจใบหน้าจันทรภา“เจ้าไหวค่ะ”“พี่มาแล้ว เจ้าไม่ต้องอีกแล้ว ส่วนพ่อน่ะพอแล้ว...” สิ้นคำคเชนทร์ก็มองหน้าแสนลักษณ์ด้วยดวงตาแดงก่ำ พลางสำรวจไปทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ของจันทรภานั้นมีเพียงน้อยนิด เขาจึงใช้มือประคองใบหน้าทั้งสองคนเอาไว้“ดูแลมานาน ผมไม่เคยให้ใครถึงตัวพ่อมาก่อนเลย ไม่เคยให้ใครแตะเนื้อต้องตัว แล้วดูซิ” ไปพลางก็เอามือแตะไปพลางอยู่ๆ ก็น้ำตาคลอ“เมียแกก็ครอบครัวเรา ทำไมจะแลกไม่ได้”“ผมไม่ให้แลก ไม่ให้ใครเจ็บอีก” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยม พลางมองออกที่ตุลยเทพ“มันใช่ไหม ที่กล้าทำให้พ่อกับ
“โอเคค่ะ หัวใจจะวาย” เธอว่าก่อนจะมองไปที่ประตูเป็นระยะทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น รถเก๋งสีดำหลายคัน แล่นเข้ามาจอดบริเวณใกล้ๆ กับโกดัง พร้อมกับปิดไฟมาแต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้เห็นและได้ยินเสียงรถ เมื่อจอดสนิทก็ต้องเดินไปอีกร้อยเมตร ดีหน่อยที่มีหญ้าขึ้นรก ทำให้อำพรางได้“นี่มันด้านข้างของโกดัง คุณวีอยู่ใกล้ผม พี่เกตุคุมหนุ่มๆ อ้อมด้านหน้า ผมจะอ้อมไปด้านหลัง” “โอเค” เกตุวดีรับคำ“เก็บเสียงด้วยนะครับ ทุกคนระวังให้พี่เกตุด้วยเผื่อป้าเค้าสายตาไม่ดี”“ไอ้เชนทร์ จะมากวนประสาทอะไรตอนนี้”“อย่าเพิ่งบ่นไปได้แล้ว” คเชนทร์แซวและก็แยกย้าย แน่นอนว่าเขาให้ทุกคนใช้อุปกรณ์สำหรับเก็บเสียง และทำให้เงียบที่สุด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ย่องมาทางด้านหลัง ตามด้วยมนัสวี“ไอ้พวกหางแถว เป็นขยะสังคม เด็ดไปให้หมดแผ่นดินน่าจะสูงขึ้นนะ” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยมแต่เบา“ได้ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำ ภายในโกดังมืดแทบจะไม่มีไฟ อาศัยแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นนำทาง
“เฮียเป็นพี่จะกลัวอะไรกับพ่อเลี้ยงล่ะครับ” คเชนทร์แซว“มันด่าเก่ง ไอ้นี่ปากร้ายจะตายขี้เกียจเถียงกับมัน” ที่แท้ก็กลัวปากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์นี่ ก็แหงละเวลาอยู่ด้วยกันฟาดฟันกันตลอด“ว่าแต่ ไม่ให้อั้วะช่วยใช่ไหมเชนทร์”“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้จิ๊บๆ เด็กๆ ทางนี้มีเยอะ”“เฮ้อ! ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ขอให้ปลอดภัยก็แล้วกันทั้งแฟนลื้อแล้วก็ไอ้แสน เป็นอะไรขึ้นมาไม่รู้จะทะเลาะกับใครแล้วเนี่ย”“หึๆ ครับเฮียต้น”“อั้วะจะส่งเด็กไปเก็บกวาดให้ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับเฮีย แค่นี้ก่อนนะครับผมจะส่งข่าว”“อืม อั้วะจะรอ ดูแลตัวเองก็แล้วกันอย่าเป็นอะไร ไอ้แสนเองมันก็รักลื้อที่สุด” ยิ่งได้ยินอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้คเชนทร์หวาดหวั่นเหลือเกิน ต่างคนต่างไม่อยากให้ใครเจ็บ แต่แสนลักษณ์ก็เสียสละตัวเอง เพื่อเข้าไปอยู่ใกล้จันทรภาเกินไป“ครับเฮีย” สิ้นคำคเชนทร์ก็วางสายก่อน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่คเชนทร์วางสายจากนายตุลยเทพแล้วนั้น เขาก็ยืนนิ่งมองหน้าทุกคนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ใครก็ได้ไปเรียกคุณวีมาที” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ลูกน้องคนหนึ่งจึงพยักหน้าและกำลังจะไปขึ้นเรียกบนชั้นสองแต่มนัสวีก็ลงมาพอดี“คุณวีครับ คุณเชนทร์เชิญที่ห้องนั่งเล่น”“อาแสนกลับมาแล้วเหรอคะ”“ยังครับ เชิญครับ” ลูกน้องผายมือเชิญ จากนั้นมนัสวีจึงได้เดินตาม เห็นคเชนทร์ยืนนิ่ง ทว่าหางตาของเขาเห็นแล้วว่าเธอมาจากทางขวามือ เขาจึงหันไปมองด้วยสีหน้าหม่น ก่อนจะเดินไปหาเธอช้าๆ พร้อมกับประคองให้เธอเดินมาใกล้ๆ“คุณเชนทร์ มีอะไรคะ” มนัสวีถามเสียงเครียด“พ่อเลี้ยงอยู่กับเจ้าขา” สิ้นคำของคเชนทร์เท่านั้นแหละ มนัสวีก็อึ้งไปและมองหน้าทุกคน เธอต้องตกใจมากน้อยแค่ไหนล่ะ ในเมื่อรู้ว่าสามีเก่ง แต่ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น“อา... อาแสนถูก...” เธออึกอักพูดไม่ออก“ครับ พ่อเลี้ยงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าพ่อไม่ตั้งใจใครเลยจะเอาตัวพ่อไปได้ เพราะอยากรู้
“ไง ไอ้ขี้ข้า มีคนอยากคุยด้วยแน่ะ คิดว่าคงจะอยากได้ยินใช่ไหม” สิ้นคำตุลยเทพก็ให้น้ำอิงเอาโทรศัพท์ไปให้แสนลักษณ์คุย ด้วยการแนบหูกับหัวไหล่เพื่อหนีบโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ถอยออกมาให้ห่าง เพราะกลัวโดนเท้ายาวๆ ของแสนลักษณ์เช่นกัน“เชนทร์” แสนลักษณ์เรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขึ้น ต่างกับตอนคุยกับ ตลุยเทพโดยสิ้นเชิง เท่านั้นแหละคเชนทร์ตกใจยิ่งกว่าจันทรภาถูกพาตัวไปเสียอีก“พ่อ! พ่อ! อยู่นั่นได้ไง มันเอาตัวพ่อไปได้ยังไง” คำพูดของคเชนทร์ทำให้ทุกคนที่ฟังอยู่ตกใจเช่นกัน“อย่าทำเป็นกระต่ายตูมน่า”“ได้ไง ไอ้สี่คนนั้นปล่อยให้พ่อพาตัวไปได้ยังไง ไอ้ไก่อ่อนนั่นทำอะไรพ่อ”“ฉัน... จะไปสู้ใครได้ เอาปืนมาจี้ก็กลัวตายแล้ว ก็เลยต้องยอมเนี่ย” น้ำเสียงของแสนลักษณ์นุ่มหู แต่กวนประสาทจริงๆ เชียว“พ่ออย่ามาพูดแบบนี้นะ ตรงที่พ่ออยู่คือที่ไหนผมจะรีบไป”“ฟังนะ ฉันปลอดภัย เจ้าขาปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้เราสองคนตายก็เตรียมเงินมาแลกก็แล้วกัน บอกเมียพ่อด้วยให้เตรียมพร้อม”
“ก็... มันปากพล่อยแล้วฉันว่าลุง ไอ้แก่ ก็เลยเอ่อ สั่งสอนนิดหน่อยให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ และยิ้มมุมปากนิดๆ ลูกน้องคนหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปดู และสัมผัสไปตามเนื้อตัวเพื่อดูว่าสลบหรือไม่“ลูกพี่... ไม่หายใจครับนาย ลูกพี่ตายแล้ว” ลูกน้องเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ“แกเป็นใครเนี่ย” ตุลยเทพถามด้วยความตกใจกลัว พลางมองไปที่ลูกน้อง“เป็นพ่อมึงไง” แสนลักษณ์ตอบเสียงเข้ม เท่านั้นตุลยเทพก็บันดาลโทสะด้วยการต่อยแสนลักษณ์ไปสองทีผัวะ! ผัวะ! แสนลักษณ์หน้าสะบัดก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับแววตานิ่ง“อาแสน” จันทรภาเรียก เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากปากแสนลักษณ์ ทว่าเขากลับส่ายหน้าให้เธอ แต่ในวินาทีเดียวกันตุลยเทพก็กระชากคอเสื้อแสนลักษณ์แรงๆ“ฉันถามว่าแกเป็นใคร” ตุลยเทพถามอย่างเดือดดาล“เป็นพ่อ... พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ รู้จักหรือยังไอ้หนู” แสนลักษณ์กล่าวและยิ้ม“มันคือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ นาย เขาเป็น... เจ้าพ่อ” ลูกน้องคนหนึ่งแทรกขึ้น เมื่อจำได้แล้วและต้องตกใ
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแกเป็นใคร เพราะถ้าไอ้เชนทร์มันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่มันจะวิ่งแจ้นมาทันที” “หึๆ รู้จักกันสักนิดน่า ว่าแต่นายตุลาเป็นยังไง ฟื้นหรือยัง หืม” แสนลักษณ์ถามเสียงเรียบและยิ้มนิด ให้ตายสิ รู้เรื่องพ่ออีก“แสดงว่าพวกแกรวมหัวกับนังนั่น” สิ้นคำตุลยเทพก็หันไปมองจันทรภาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ“ใครหนุนหลังเธอ รวมหัวกันกี่คนว่ามา ใครที่มันกล้าเปิดทางให้ขึ้นคอนโดขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ระดับบิ๊ก ต้องมีตัวใหญ่ มันเป็นใคร” ตุลยเทพถามพลางเอื้อมมือจิกผมจันทรภา แสนลักษณ์เห็นก็ได้แต่กัดฟัน สบตาจันทรภาซึ่งเธอก็สบตากลับและไม่ตอบ“แกมันอ่อนหัดจริงๆ ด้วยไอ้พี่ตุลย์ ไม่รู้จักคนที่ตัวเองลักพาตัวมา นับประสาอะไรจะรู้จักตัวพ่อของที่นี่”“ฉันถามว่าใคร”“ก็ลองไปจับกลุ่มนั่งคิดกันอีกสักรอบ เผื่อจะคิดออกว่าฉันชื่ออะไร ทำไมเจ้าเชนทร์ถึงได้วางหัวใจเอาไว้ที่นี่ วางชีวิตเอาไว้ตรงนี้” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ“ก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาพักผ่อนมองหน้ากันไปก่อนนะ แกตัวใ
ใช้เวลาประมาณสิบนาที แสนลักษณ์ก็เดินกลับออกมา สายตาก็เหลือบมองไปที่ต้นทางนิดหน่อย ก่อนจะเดินมาที่รถทว่ากลับยืนหันหลังให้รถ พร้อมกับล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบเสียก่อน ราวกับว่ากำลังเครียดหรือรออะไรบางอย่าง ลูกน้องทั้งหมดก็อารักขาเจ้านายเป็นอย่างดี ไม่ถามสักนิดว่าพ่อเป็นอะไรหากพ่อไม่เป็นคนเอ่ยออกมาเองแสนลักษณ์ก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ พลางหลับตา ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเขาเอี้ยวตัวหันกลับไปจะขึ้นรถ ก็ต้องชะงักและหนุ่มๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ จะไม่ให้ชะงักได้อย่างไรในเมื่อเอาปืนเล็งมาขนาดนี้แถมยังมากันหลายคนอีก แต่แสนลักษณ์ยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งแนบบุหรี่เข้าปาก อีกข้างยกขึ้นเพื่อให้รู้ว่าไม่สู้ ขณะที่สายตาไม่ได้มองชายหนุ่มที่เอาปืนจ่อเลย“สูบบุหรี่แปบ” แสนลักษณ์เอ่ยอย่างยียวน“ให้ไว อย่าลีลา” ชายแปลกหน้าสวมโม่งกล่าว“เอ่อ รีบสูบรีบเสร็จมันจะฟินอะไรวะ” แสนลักษณ์ตอบกลับ เท่านั้นแหละชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกพี่ ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ เล็งปลายกระบอกปืนแทบจะจ่อหน้าผาก ลูกๆ ของแสนลักษณ์ทำได้แค่กัดฟั
“ผมไม่ให้ แต่ผมจะทำให้จำชื่อผมและพ่อเลี้ยงเอาไว้ให้แม่น”“มันนัดอีกเมื่อไหร่” เกตุวดีถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้ว“ก็คงจะพรุ่งนี้ครับ รอรับสาย”“พี่จะไม่ยอมอยู่เฉย แกต้องให้พี่ไปด้วย พี่เป็นสาเหตุให้เจ้าขาถูกพาตัวไป พี่ไม่ดูแล”“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ใช่คนรับใช้ซะหน่อย จะให้ตามติดกันตลอดเวลาก็ไม่ใช่ เลิกรู้สึกผิดนะครับ ทำใจให้สบายรอฟังสัญญาณจากผม”“โอเค” แม้ปากจะพูดว่าโอเค แต่ภายในใจยังรู้สึกผิดที่ทำให้จันทรภาถูกพาตัวไป เพราะไม่เฝ้าระวัง ทว่าอย่างที่คเชนทร์บอก จะตามติดตลอดเวลาราวกับนักโทษก็ไม่ใช่“เซ็นงานกองนี้ให้เสร็จนะ ผมมาบอกเท่านี้ แล้วเดี๋ยวออกไปเจอกันที่บ้านพ่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมจะไปรอที่นั่น หารือกันอีกทีรอพ่อมา”“จ้ะ” เกตวดีรับคำน้ำเสียงหวั่นๆ ความรู้สึกแย่มันยังคงมีอยู่ คำพูดของคเชนทร์ไม่สามารถปลอบใจได้ ถ้าออกไปดูจันทรภาสักนิดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น อย่าให้ฉันเจอนะ ท