“อย่าพูดให้พ่อได้ยิน เดี๋ยวส้นตีนติดคอ หึงแรง”
“หึๆ น่ารักก็บอกว่าน่ารัก แต่... ของท่านก็นัมเบอร์วันเลยครับ กินกันไม่ลงกับแม่เลี้ยง อิจๆๆ”“ไอ้เปรม” คเชนทร์เค้นเสียงพลางกัดฟัน เท่านั้นแหละเปรมณัฐก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที คเชนทร์ก็ได้แต่ถอนใจด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะตั้งสมาธิทำงานเสียที ขณะเดียวกันผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็กลับมาที่ห้อง เรียกตัวนักศึกษาในแผนกทั้งหมดมาพูดคุยถึงข้อกำหนดหรือกฎต่างๆ ที่คเชนทร์สั่งเอาไว้ “ถ้าไม่อยากให้ถูกบอกเลิกฝึกงานก่อนเวลาอันควรล่ะก็ ให้ปฏิบัติตามกฎนี้ให้ได้ คุณคนนี้ถ้าได้ออกคำสั่งละก็ใครห้ามขัด ไม่งั้นปลิวหมด เข้าใจไหม” ผู้จัดการวัยสี่สิบเอ่ยเสียงเครียด“ทำไมท่านดุจังค่ะ” มิลินเอ่ยถาม“เป็นคนดุ ระเบียบจัด ใครทำผิดไล่ออกอย่างเดียว ถ้าอยากฝึกงานจนจบก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เข้าใจไหม” “เข้าใจคะ แล้วเจ้าของโรงแรมดุขนาดนี้ไหมคะ” มิลินเข้าใจแต่ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้อีกสิน่า ขณะที่คนอื่นไม่กล้าถาม“ไม่ดุ แตช่วงเวลาเดียวกันนี้ เจ้าของหัวใจของคเชนทร์ ไม่ได้เก็บตัวอยู่ในบ้านเหมือนอย่างที่คเชนทร์หรือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์คิดหรอก เห็นเงียบๆ จันทราก็แค่อยากอยู่เฉย เดือนเดียวมันก็ไม่ได้นาน เพราะฝ่ายบิดาเธอก็ตามติดเรื่องตุลยเทพเช่นกัน“พ่อคะ สบายดีใช่ไหม” จันทรภาโทรถามบิดาในรอบหลายวัน“สบายดีลูก แล้วลูกล่ะ”“เจ้าขาสบายดีค่ะ เอ่อ ทางนั้นเป็นยังไงบ้างเขาติดต่อพ่อหรือเปล่า”“ส่วนใหญ่คุยเรื่องเงินๆ ทองๆ พ่อทำได้แค่บอกปัดไปก่อน เขาต้องการเงินลงทุน ถ้าไม่ได้นี่ผิดใจกันแน่ๆ”“พ่อยอมเหรอคะ”“พ่อไม่ยอมแต่เราจะหลีกหนีสถานการณ์นี้ไปได้ยังไง เราตกปากรับคำที่จะช่วยไปแล้ว เขาไม่ได้ผิดและไม่มีอะไรมาหักล้าง เขามองว่าลูกผิด”“เจ้าพร้อมแล้ว เจ้าจะจัดการเองค่ะและจะไปหาพ่อ จะไปเคลียร์ทุกอย่างด้วยตัวเอง”“มันจะเสี่ยงไหมถ้าหนูจะมากรุงเทพ เพราะตุลย์ยังอยู่ที่นั่น”
“ยังไงก็ผู้ชาย พ่อกลัวหนูสู้ไม่ไหว”“ต้องลองดูสักตั้ง ตอนนี้เจ้าตั้งหลักได้แล้ว”“งั้นลูกรอฟังเย็นนี้นะ”“ค่ะ แค่นี้นะคะคุณพ่อ”“จ้ะ” สิ้นคำ ทั้งสองจึงวางสายพร้อมกัน เจ้าสัวภากรจะรอฟังว่าเย็นนี้ตุลาจะมาไม้ไหน จะใช้ลูกอะไรขอทุนที่ยังไม่ได้สักแดงเดียว โชคดีแล้วที่จันทรภาหนีไปแบบนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เป็นได้ตกนรกทั้งครอบครัว ท่านคิดส่วนจันทรภา ยืนกำโทรศัพท์เอาไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเครียด ก่อนจะออกไปจากบ้าน เป็นจังหวะที่เกตุวดีเดินมาพอดี “อ้าว เจ้าขาจะไปไหนจ้ะ”“เจ้าคิดอะไรเพลินๆ เรื่องที่กรุงเทพค่ะ”“แล้วพี่เกตุจะไปไหนเหรอคะ แต่งตัวแบบเหมือนคาวเกิร์ล”“ออ จะพาลูกค้าไปทัวร์สนามยิงปืนน่ะ กิจกรรมพิเศษ บางคนก็ขี่ม้า ขับ ATV สนใจไหม จะได้ไม่เหงาไง แก้เบื่อเผื่ออยากลอง”
“รอเดี๋ยว” สิ้นคำเกตุวดีก็เลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง แต่ไม่ได้ดับเครื่องจากนั้นก็โทรศัพท์ทันทีกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ปลายสายดังขึ้นขณะที่เจ้าของเครื่องยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เรือนรับรองบริเวณริมสระว่ายน้ำ ยังไม่ได้ขึ้นห้องทำงานเสียด้วยซ้ำ“ครับ มีอะไรพี่เกตุ” พ่อเลี้ยงหนุ่มกล่าวทักทายเสียงเรียบ“พ่อเลี้ยง เอ่อ ตอนนี้พี่เกตุจะเข้าเมือง”“เข้ามาทำไม” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเสียงเครียดทันที“คือ พี่มีเรื่องจะถาม ตอบพี่ก่อนนะ คอนโดวิเวียงคอมเพลสน่ะ ใครเป็นเจ้าของ” ถามถึงชื่อคอนโดนี้แสนลักษณ์รู้ได้ทันทีว่าเกตุวดีคิดจะทำอะไร เขาคิดพลางขมวดคิ้ว“วิเวียงคอมเพลสเหรอ เฮ้อ! เป็น... ของน้องเฮียต้น พี่จะไปทำอะไรที่นั่น”“ทำไมรู้ว่าพี่จะไปทำอะไร”“ถ้าไม่ไปทำอะไรจะถามทำไม หืม”“พี่เกตุกับเจ้าขามา...”
“โอ้! ระดับพี่เกตุนะครับ”“ระดับพี่เกตุ ก็แพ้คนรุมได้เหมือนกัน เฮียรบกวนหน่อย และเปิดทาง อาจจะมีการขอขึ้นห้อง เฮียรู้ว่ามันผิดแต่ว่า...”“ขอแค่เฮียเอ่ยมา ผมยินดี นี่เป็นครั้งแรกที่เฮียขอให้ผมช่วย ปกติเฮียไปทางเฮียต้นมากกว่า”“ขอบใจ เฮียขอเท่านี้”“ได้ครับได้ งั้นแค่นี้นะครับเฮีย จะโทรบอกทางนั้นก่อน”“โอเค ขอบใจอีกครั้ง” เมื่อคุยกันเสร็จ ต๊อด หรือปิยะก็รีบโทรศัพท์แจ้งลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ ให้เข้าไปรอรับเกตุวดีและน้องสะใภ้เฮียแสนลักษณ์ทันที รวมถึงเปิดทางให้เข้าไปในคอนโดได้ โดยใช้กุญแจสำรองหากมีการขึ้นห้อง เรียกได้ว่าอารักขาอยู่ห่างๆ ไม่ให้รู้ตัวช่วงเวลาเดียวกัน เกตุวดีก็พาจันทรภา มาจนถึงหน้าคอนโดหลังที่ว่านี้ แล้วจอดที่ด้านหน้าเสียก่อน เพื่อสอดส่องดูว่ามีผู้ชายน่าสงสัยอยู่ด้านหน้าล็อบบี้ของคอนโดหรือเปล่า แต่ทางคอนโดไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าไปนั่งอย่างแน่นอน นอกจากรถอยู่ด้านนอก ซึ่งเกตุวดีสังเกตแล้วว่าไม่มีใคร “ทางโล่ง เข้าไปกันเถอะ” เกตุวดีบอกพร้อมก
“วันนั้นที่ฉันเห็นแกสองคนเอากันอยู่ รู้มันไหมว่ามันทำให้ฉันเจ็บแค่ไหน ฉันมาเอาคืนวันนี้มันยังน้อยไป” จันทรภาเอ่ยอย่างเคียดแค้น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าของน้ำอิงหนักๆผัวะ! “อ้าย! พี่ตุลย์ ช่วยด้วย” ยังไม่ทันจบคำ จันทรภาก็ต่อยไปอีกหมัดผัวะ! “อ้าย” ปากก็ส่งเสียงร้องไป แต่ใบหน้าต่อยซ้ายต่อยขวา พร้อมกับโดนจิกผมจนยุ่งเหยิงหมด“อีนังเจ้า! อีนังเพื่อน...” ตุบ! โอ๊ย! จันทรภาต่อยอีกมัดไปที่ท้องเสียเลย ทำเอาน้ำอิงถึงกับจุกฟุบไปกับพื้นและพูดไม่ออก “แกสิอีนังเพื่อนเลว ก็สมกันแล้วกับผู้ชายชั่ว ฉันยกให้ เอาไปเลย”“เจ้าหยุด!” ตุลยเทพตะโกนว่า และทนเห็นไม่ไหว จึงลุกทั้งที่ไม่ใส่อะไรนั่นแหละแล้วคว้าหาผ้าเช็ดตัวมาใส่ ก่อนจะปรีเข้ามาหาจันทรภา ทว่าเธอยกเท้ายันไปที่กลางเป้าของชายหนุ่มผัวะ! “อื้อ!” เท้าหนักๆ จัดเข้าไปเต็มๆ จนชายหนุ่มจุกจนหน้าเขียวผัวะ! “อื้อ อ่า เจ้า...&r
“หึๆ ค่ะ” ว่าแล้วเกตุวดีก็พาจันทรภากลับบ้าน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปตามข้างทาง หรือแม้แต่ตอนขับรถก็มองกระจกหลัง จันทรภาเห็นความผิดปกติตรงมีรถขับตาม เลี้ยวไปทางไหนก็เลี้ยวตาม“สงสัยพี่ตุลย์โทรบอกลูกน้องให้ตามเราแล้ว” จันทรภาบอกด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ“จริงเหรอ แล้วทำไมพี่เห็นเจ้าขาไม่ตื่นเต้นหรือกลัว”“ก็... เจ้าอยู่ในถิ่นพ่อเลี้ยง เลยไม่กลัวเท่าไหร่ อีกอย่างพี่เกตุเก่งขนาดนี้”“ไม่อ่ะ พี่เกตุว่าเจ้านั่นแหละ ทำพี่เกตุอึ้ง แต่ระวังตัวหน่อยก็ดี”“ค่ะ งั้นเรารีบกลับกัน ตามก็ให้เขาตามไป” ว่าแล้วเกตุวดีก็รีบเหยียบคันเร่งทันที และอย่างที่บอก ตามก็ให้ตามไปเพราะนี่มันถิ่นของพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์และเช่นเดียวกัน ฝ่ายตุลยเทพทั้งเสียงหน้า เจ็บ อับอาย ทำให้ความโกรธแค้นกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นมาจากเตียงได้อย่างไม่อยากเย็น หลังจากที่เอาแต่ขลุกอยู่บนเตียงเป็นเดือน ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คราวนี้คงต้องได้เริ่มซะที“โธ่โว้ย!!! หายตัวตามหาไม่เจอเป็นเดือน พอจะโ
“ตอนนี้ผมว่าไม่ล่ะ แผนเราคงต้องเปลี่ยน ลงทุนไปธุรกิจก็ไม่ใช่ของลูกสาวผม และไม่รู้ว่าจะได้กำไรไหม เพราะได้ข่าวว่าขายไม่ออกสักหลัง ผมยอมรับภาวะทุนหายกำไรหดไม่ได้”“แต่เจ้าสัวรับปากแล้ว และคนที่ทำให้เรื่องมันเสียหายแบบนี้ก็เพราะลูกสาวท่านหนีไปนั่นแหละ ไม่งั้นมันคงไม่พัง” การกล่าวหาจันทรภาถือว่าเป็นที่สิ่งที่ผิดพลาด เพราะเจ้าสัวก็ยิ่งจะไม่ยอม“อย่ามากล่าวหาลูกสาวผม เพราะถ้าไม่หยุด เรื่องธุรกิจไม่ต้องมาคุย” เจ้าสัวยื่นคำขาด ทำเอาตุลาถึงกับควันออกหูเลยทีเดียว“ได้ หากเจ้าสัวจะเล่นแบบนี้ ยอมผิดคำพูด ผิดสัจจะเพราะเรื่องเด็กๆ ดีล่ะงั้นผมก็จะเอาเรื่องเด็กๆ นี่แหละ ไปบอกนักข่าวให้รู้กันให้หมด คนอย่างผมน่ะมันแค่นักธุรกิจเสียหน้าแปบเดียว แต่ระดับเจ้าสัวน่ะ ผมไม่แน่ใจถ้านักข่าวรู้ว่าหนูเจ้าขา หนีตามผู้ชาย” เจอคำพูดของตุลา ก็ทำให้เจ้าสัวภากรถึงกับเลือดขึ้นหน้า แต่พยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด โกรธที่ลูกสาวโดนกล่าวหาเช่นนี้“เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ หากคุณจะใช้แต่อารมณ์ แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าใครจะเสียหน้ามากกว่า
“จะไปรู้เหรอครับ เห็นสั่งน้ำแดงโซดา”“มันก็มีน้ำตาลตกบ้างแหละน่า ไม่ได้ดื่มอะไรหวานๆ เลยนะวันนี้” คำพูดคำจาเหมือนคนอ่อนเพลีย ทว่ากลับมีรอยยิ้มแปลกๆ คเชนทร์คิดพลางมองหน้า“มีอะไรครับ ยิ้มแปลกๆ”“เปล่า ยิ้มเฉยๆ เห็นหน้าแกแล้วนึกถึงตอนน้องวีมาอยู่กับเราใหม่ๆ สอนทุกอย่างจนเป็น”“ทำไมอยู่ๆ นึกถึงวันวานครับ 4 ปีที่แล้วเอง ทำอย่างกับนานงั้นแหละ”“วันนี้ทำให้นึกถึงวันนี้ แต่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันว่าแกต้องระวังตัวเองเอาไว้”“เรื่องอะไรครับ”“เรื่องสาวๆ น่ะ เผื่อแฟนแกขี้หึง เห็นป้วนเปี้ยนใกล้ๆ”“พ่อหมายถึงใครครับ”“หึๆ อย่าทำเป็นไม่รู้ คนอย่างแกดูออกเสมอแหละว่าใครชอบตัวเองหรือไม่ชอบ”“ผมไม่ได้สนนี่ครับ”“ระวังไว้หน่อยก็ได้ สาวๆ สมัยนี้น่ากลัว เขาไม่ค่อยกลัวอะไรแม้กระทั่งบาปบุญหรือว่านรก”“พูดแปลกๆ พ่อก็ระวังไว้ด้วย ผมเห็นนะอย่าให้เข้
ช่วงเวลาเดียวกัน แม้งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว คเชนทร์กับแสนลักษณ์ ยังสามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เป็นอย่างดี แม้จะพลาดบ้างก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่การันตีได้แล้วว่าเขาสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้ แม้แต่เจ้าสัวเองก็ยังเป็นหนี้ชีวิตคเชนทร์ มิเช่นนั้นท่านคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ งานเลี้ยงฉลองคงได้กลายเป็นงานศพ และเอาเป็นว่างานฉลอง ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป หาเวลาทำอาหารอร่อยให้พ่อตาแม่ยายรับประทานจะดีกว่า แต่ต้องหลังจากที่ซิ่งกันจนเหนื่อยแล้วนะเสียงรถ ATV ในพื้นที่ไร่ผลไม้อันกว้างขวาง เป็นพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน หรือขับ ATV เช่นคราวนี้ไม่ใช่นักเที่ยว หากแต่เป็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่อยากจะแว้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วหนุ่มๆ ก็ได้แต่ยืนรอแบบหน้าบึ้งๆ เพื่อสาวๆ จะมารวมตัวกันขับรถเล่น บอกหนุ่มๆ ไม่ต้องยุ่งทว่าเสียงแว้นรถ ATV ก็ดังบึ้นๆ จนหนุ่มๆ หันไปมอง“วู้วววว หนุ่มๆ คุยกันไปนะคะ” เสียงของมนัสวีดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบิดนำไปเลย ทำเอาแสนลักษณ์อ้าปากค้างกำลังทักท้วง เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปตามอง ตามด้วยจันทรภา“เ
“มาทำไมอ่ะตุลย์ มาหาที่ตายเหรอ” แสนลักษณ์แทรกขึ้น“ใช่ หนีไปก็ถือว่าฉลาดแล้วนะ ไม่น่าโง่กลับมาเลย” คเชนทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะมาแก้แค้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสูญเสีย ฉันจะไม่ให้พวกแกได้มีความสุข” เขาบอกอย่างเจ็บแค้น“ตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วนะตุลย์” คเชนทร์ว่า“ฉันก็จะไม่ให้แกเหลืออะไร” “หึๆ เรารู้จักกันน้อยเกินไป เพราะถ้ารู้จักดีกว่านี้ แกจะไม่โผล่มาที่นี่คนเดียว มึงดูถูกฝีมือกูเกินไป” “จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น“เอามันไปนอนในคุก ก็ถือว่าฉันปราณีไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวลูกสาวฉัน ทำร้ายครอบครัวลูกสาวฉันแล้ว ฉันจะทำให้แกไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สำนึกอยู่ในนั้น แม่แกคงดีใจนะ เฝ้าผัวที่หลับไม่ตื่น ลูกชายก็เข้าคุก อยู่ในนั้นหลายปี คิดให้ได้ถ้าคิดไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ เราเจอกัน” เจ้าสัวบอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาบุตรสาว อยู่กับนักเลงท่านก็นักเลง แต่ทุกคนก็หวั่นใจในคำตัดสินของท่าน และแม้จะได้รับการยกโทษ ที่ไม่ให้ถึงตายแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตลุยเทพรู้สึกเป็นบุญคุณเขากลับโกรธเกลียดเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม ความดำมืดมันเบียดบังความสว่างแห่งจิตใจไม่รู้ดีร
“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดก็จูงมือเจ้าสาวเสียเลย ส่วนมืออีกข้างก็ถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นจึงได้เดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายแม่พ่อเจ้าสาวก็มองด้วยความสุขและปริ่มเปรม เพราะเห็นสีหน้าแววตาของลูก บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงใด แขกเหรื่อในงานหันมามองพร้อมกับถ่ายรูป ตามด้วยเสียงบรรเลงเพลงรักช้าๆ สองฝาแฝดเดินเตาะแตะอย่างน่าเอ็นดู ในชุดเพื่อนเจ้าสาวน้อยๆ และหนุ่มน้อยคาวบอย มนัสวีก็เดินตามพร้อมกับจูงมือเกตุวดีให้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาปลื้มปริ่มพอๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านหน้าพิธี ก็มีบิดามารดาของจันทรภายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้งสองจึงกอดสองฝาแฝดเอาไว้ และหอมซ้ายหอมขวาด้วยความเอ็นดู จากนั้นมนัสวีจึงเดินมาจูงเด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้แถวหน้า ขณะที่จันทรภาก็โน้มตัวไปสวมกอดพ่อกับแม่แนบแน่น “แม่รักหนูนะลูก มีความสุขมากๆ นะ” มารดาเอ่ยขึ้นก่อน“มีความสุขมากๆ กับผู้ชายที่ลูกเลือกนะ” บิดาเอ่ยเช่นกัน“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่” จันทรภาตอบเสียงสั่น ก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมกอดของท่านทั้งสอง“แม่รู้นะว่าหนูกำลังหวั่นใจ” มารดาดูสีหน้าออกอีกแน่ะ นั่นก็เพราะจันทรภานึกถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราววันนี้มันเหมือนกัน ตรงที
“เพราะความรักดีที่ทำให้แกมีวันนี้ต่างหาก เพราะตัวแกเอง ฉันก็แค่เป็นผู้นำพาออกมา หากไม่รักดีซะอย่าง มันก็จะเหมือนเดิม รู้ใช่ไหม ต่อจากนี้ไปต้องเติบโตกว่าที่เป็นอยู่” แสนลักษณ์กล่าวพลางเอามือลูบๆ ปัดหัวไหล่ให้คเชนทร์ราวกับห่วง คเชนทร์สังเกตได้คนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต “ห่วงผมเหรอครับพ่อเลี้ยง” “ห่วง ไปเป็นนายคนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ไปอยู่บริหารงานช่วยเจ้าสัวอย่าห่ามให้มันมากนัก ฝึกใจเย็นให้มากๆ ดูแลครอบครัวใหม่ให้ดี แกจะไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวของเจ้าขาเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำไปพร้อมๆ กับเจ้าสัวด้วย” “ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ผมกลัวทำให้ท่านผิดหวัง” “ฉันสอนแกมาทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเห็น นำไปใช้ซะ องค์กรธุรกิจที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มากนัก” “ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไป” “เราต้องเติบโต แกจะตัดช่องน้อย เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วให้พ่อแม่เขาดูแลกันเองไม่ได้ เจ้าขาเป็นทายาทแกเป็นสามี ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปกุมบังเหียน สักวันท่านก็ปล่อยมือ ช่วยเจ้าขาดูแลทุกอย่างให้ดีๆ” “พ่อจะไม่คิดถึงผมใช่ไหม” “หึๆ ไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปเมืองนอกซะหน่อย คิดถึงก็มาหา เดือนละค
“หนุ่มๆ เขามั่นใจว่าเขาหล่อมากค่ะ แต่งนิดเดียวก็หล่อ แต่ดูเอาเถอะ เราเสร็จก่อนซะอีก” มนัสวีเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวให้เขาตามไปทีหลังก็ได้ลูก ไม่ซีเรียส กันเองทั้งนั้นสบายๆ อย่าพิธีเยอะแล้วจะไม่สนุก” เจ้าสัวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม เพราะท่านผ่านความเครียดและซีเรียสมาแล้ว ทั้งสองงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความสุขและความเรียบง่าย และวันนี้ท่านมีความสุขมาก มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของคนกันเอง ไม่มีใครอื่น ในงานก็สวยงามด้วยดอกไม้ในสวน และริมลำธารตามที่คเชนทร์และจันทรภาต้องการ“ดูแล้วสบายตาจังเลยเนอะพ่อ ไม่เหมือน...” จันทร์จิรากล่าวแต่ก็อดนึกถึงงานคราวก่อนไม่ได้“เอาน่า อย่าไปนึกถึงมันเลย” “มันก็คล้ายๆ กันนะคะ เพราะเจ้าขามารอเจ้าบ่าวอีกแล้ว” “พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเขยคนนี้ คนที่ลูกเลือกเอง” “แม่อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้น่ะ”“ทำใจให้สบาย วันนี้เป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำและยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในงาน ท่านทั้งสองไม่รู้จักใครเพราะไม่ได้เชิญแขกที่อื่น แต่ทุกคนรู้แล้วว่าท่านคือบิดาและมารดาของจันทรภา หรือเจ้าสัวหมื่นล้านพ่อตาของคเชนทร์ ทุกคนจึงได้ให้ความเป็นกันเองกับท่
“หึๆ คนนั้นต้องยอม แต่วันนี้ก็ต้องยกให้เจ้าบ่าวหนึ่งวันนะครับ” “พี่ว่าเราเข้าไปในงานดีกว่า ไปรับแขกแทนพวกเขาไปก่อน เพราะว่าคนกันเองทั้งนั้น” “ครับพี่” สิ้นคำเกตุวดีก็กับเปรมณัฐก็พากันเดินเข้างาน เพื่อทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่จันทรภาต้องมานั่งแต่งหน้า แต่งตัวในฐานะเจ้าสาวอีกครั้ง และครั้งนี้แอบคิดถึงคราวก่อน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคลิปนั้นที่เธอถ่ายเองกับมือ สิ่งต่างๆ มันหวนให้นึกถึง จนรอยยิ้มของเธอหายไปจากใบหน้า ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หม่นลงเสียอย่างนั้น “เป็นอะไรไปคะพี่เจ้า หืม” มนัสวีเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังดัดผมเป็นเกลียวๆ ให้จันทรภา ซึ่งเธอนั่งอยู่หน้ากระจก ห้องรับพักรับรองบ้านแสนลักษณ์“วี พี่ อยู่ๆ ก็นึกถึงวันนั้น มันนึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”“พี่เจ้ากลัวพี่เชนทร์เทงานแต่งเหรอคะ” “มันหลอนๆ น่ะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์น่า”“หึๆ เอาชีวิตแลกขนาดนี้ต้องได้เมียแล้วล่ะค่ะ วีเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์เหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ ลืมมันไปเถอะ” “พี่คิด พี่ตุลย์มันหนีกบกาน ถ้ามันยังไม่ตาย มันแว้งกันเราได้เสมอเลย” “อืม ไม่เอาสิคะ วันนี้งานเลี้ยงมงคลนะคะ ไม่คิดถึงเรื่อ
ดังคำที่เจ้าสัวภากร กับภรรยาได้ให้ไว้กับคเชนทร์ คนเป็นพ่อแม่จะต้องการอะไรนอกจากเห็นความสุขของลูก ต่อให้ความสุขนั้นมันแสนจะเรียบง่าย แต่ท่านก็เห็นแล้วมันคือสวรรค์ และท่านฝืนทนที่จะไม่ยิ้มรับความสุขนั้นไม่ได้ ท่านเห็นและสัมผัสจนต้องยิ้มทั้งน้ำตาท่านยอมแพ้หัวใจของผู้ชายธรรมดาอย่างคเชนทร์ ไม่ใช่เพราะทำสิ่งที่เอาชนะใจ หากแต่ทำให้ลูกสาวท่านเปลี่ยนไปต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านยินยอมที่จะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ และยอมยกให้นานแล้วเพียงแต่รอเวลาอันเหมาะสมแต่การเป็นลูกเขยเจ้าสัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่ไม่มีเงินค่าสินสอด แต่กลัวท่านจะเสียหน้า กลัวคนเอาไปติฉินนินทาว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียวแต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ค่าสินสอด อาจจะทำให้อับอาย เช่นนั้นแล้วมันก็ต้องมีทั้งค่าน้ำนมและพิธีตามที่เห็นสมควร “พ่อไม่ได้ขายลูกกิน พ่อกับแม่รวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะยังอยากได้ค่าสินสอดอีกเหรอ หืม ไอ้ลูกเขย” เจ้าสัวกล่าวอีกครั้งเมื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นทางการในห้องนั่งเล่นบ้านแสนลักษณ์“ผมเรียกว่าค่าน้ำนมครับ” คเชนทร์กล่าวเสียงเรียบ“เชนทร์ ถ้ากลัวพ่อแม่จะเสียหน้า เสียชื่อ จำได้ใช่ไหม ว่าสิ่งเหล่านี้เจอมาแล
ขณะที่คเชนทร์ก้มกราบแทบเท้าท่าน เห็นเช่นนี้แล้วอยู่ๆ ท่านกลับจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาเจ้ากรรมดันปริ่มตรงขอบตาเสียอย่างนั้น จันทร์ จิรายิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าสัวอึ้งมือสั่นกระทั่งคเชนทร์เงยหน้าขึ้น“ผมกราบขอขมาครับ ในการกระทำที่ได้ล่วงเกินไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือว่าทางใจ รวมถึงเรื่องที่ผมกับเจ้าขาอยู่ด้วยกัน กราบขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวัง ที่ผมอาจจะทำให้เจ้าขา มีความสุขหรือสุขสบายน้อยกว่าที่ผ่านมา” คเชนทร์ตัดใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและหม่นเล็กน้อย เงยหน้ามองสบตาเจ้าสัวภากรเป็นหลัก ซึ่งท่านฟังดังนั้นแล้วได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เบือนสายตาไปทางอื่นนิดหน่อย ขณะที่ภรรยาท่านต้องกุมมือเอาไว้“เธอกล้ามาก” ท่านกล่าวสั้นๆ หยุดเอาไว้เพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ“กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้ชายหลายคนไม่กล้าทำ คือนั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่ามันไม่ง่ายใช่ไหม” “ครับ ไม่ง่าย แต่ผม... คนไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครให้ก้มกราบแบบนี้ คิดอะไรผมก็ทำ พิธีรีตองมากว่านี้ก็ไม่เป็น ทื่อๆ แข็งๆ อาจไม่ประทับใจ แต่มันออกจากหัวใจของผม”“ไม่ได้ต้องการประทับใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเธอมานั่งคุกเข่าตรงนี้พ่อนักเลง” เจ้าสัวหันมากล
“ไม่ต้องมาอวยผมเลย ผมอาจจะไม่ดีสำหรับท่านก็ได้” “ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรา แกกับเจ้าขาต่างหาก ต้องดีสำหรับเจ้าขา” แสนลักษณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่คเชนทร์เบาๆ“ทุกวันนี้มีความสุขกันหรือเปล่าล่ะ”“ครับ มีความสุขมาก แต่พอท่านมาผมก็หวั่นใจ” “แม่ยายเอ็นดูนี่ ความจริงแล้วพ่อตาเราน่ะ เขาแค่หวงลูกสาวกลัวจะลำบาก เพราะเคยเลี้ยงลูกให้สุขสบายจนเคยตัว แต่เจ้าขาน่ะรักการเรียนรู้ เธอน่ารักตรงนี้ และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากแก นั่นคือสิ่งที่ชนะใจพ่อกับแม่ แกไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแต่เจ้าขาน่ะพิสูจน์แทน” “พ่อรู้ได้ไง”“ฉันก็คิดว่าแกรู้ เชื่อมั่นในตัวเองเชนทร์ เขายกลูกสาวให้อยู่แล้วล่ะ” “ผมกลัวไม่มีค่าสินสอดให้เขา” “คิดอะไรเยอะแยะ ฉันยังไม่มีค่าสินสอดน้องวี ยังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ แค่จดทะเบียนก็สมบูรณ์แล้ว” “แต่นี่เจ้าสัวเลยนะครับ” “อย่าคิดแทนท่าน ได้เวลาที่ต้องคุย” “โอเคครับ คุยก็คุย ไปดีกว่า แวะมาเอากำลังใจเท่านี้แหละ ผมอาจจะกลับก่อนนะครับ”“อืม อะไรจัดการก็ไปเถอะ” สิ้นคำของแสนลักษณ์ คเชนทร์ก็ลุกจากไป แต่ก่อนจะเปิดประตูเขาก็หันมาหาแสนลักษณ์เสียก่อน“พ่อครับ” “อะไร” “ยืมเงินสัก 50 ล้านนะ” ประโยคนี้