“จะไปรู้เหรอครับ เห็นสั่งน้ำแดงโซดา”
“มันก็มีน้ำตาลตกบ้างแหละน่า ไม่ได้ดื่มอะไรหวานๆ เลยนะวันนี้” คำพูดคำจาเหมือนคนอ่อนเพลีย ทว่ากลับมีรอยยิ้มแปลกๆ คเชนทร์คิดพลางมองหน้า“มีอะไรครับ ยิ้มแปลกๆ”“เปล่า ยิ้มเฉยๆ เห็นหน้าแกแล้วนึกถึงตอนน้องวีมาอยู่กับเราใหม่ๆ สอนทุกอย่างจนเป็น” “ทำไมอยู่ๆ นึกถึงวันวานครับ 4 ปีที่แล้วเอง ทำอย่างกับนานงั้นแหละ” “วันนี้ทำให้นึกถึงวันนี้ แต่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันว่าแกต้องระวังตัวเองเอาไว้”“เรื่องอะไรครับ” “เรื่องสาวๆ น่ะ เผื่อแฟนแกขี้หึง เห็นป้วนเปี้ยนใกล้ๆ” “พ่อหมายถึงใครครับ” “หึๆ อย่าทำเป็นไม่รู้ คนอย่างแกดูออกเสมอแหละว่าใครชอบตัวเองหรือไม่ชอบ” “ผมไม่ได้สนนี่ครับ” “ระวังไว้หน่อยก็ได้ สาวๆ สมัยนี้น่ากลัว เขาไม่ค่อยกลัวอะไรแม้กระทั่งบาปบุญหรือว่านรก” “พูดแปลกๆ พ่อก็ระวังไว้ด้วย ผมเห็นนะอย่าให้เข้ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ตุลยเทพกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับน้ำอิง และลูกน้องซึ่งนั่งอยู่อีกโต๊ะ น้ำอิงที่ช่างเล่นโซเชียลเก่งก็ดันเห็นข่าวตัวเองกับตุลยเทพเข้าพอดี แล้วต้องตกใจทำอะไรไม่ถูก“พี่ตุลย์! พี่ตุลย์ดูนี่!” น้ำอิงเอ่ยก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ตุลยเทพดูด้วยอาการมือสั่น“คลิป! คลิปวันนี้นี่ นี่มัน!” ตุลยเทพแทบพูดไม่ออก และจะทำอย่างไรดีในเมื่อคลิปนี้ถูกแชร์ว่อนเน็ต ภาพนิ่งชัดมากพร้อมทั้งภาพเคลื่อนไหวอีก แถมที่รุนแรงที่สุดคือเฟซบุ๊กส์ซึ่งกระจายไปเร็วเกินจะต้าน“นังตัวดี ผู้หญิงชั่ว มันเป็นคนปล่อยคลิปแน่ๆ”“เราจะทำยังไงกันดีคะ ไม่มีเซ็นเซอร์เลย” น้ำอิงถามด้วยน้ำเสียงสั่นและหวาดกลัว พลางมองไปรอบๆ ตัว และรู้สึกว่าคนที่เล่นโทรศัพท์อยู่มองมาที่โต๊ะเธอด้วยแถมยังเอาไปซุบซิบกันอีก“พี่จะเอาคืนให้สาสม เงินก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายมาอับอายกับไอ้เรื่อง...”“พี่ตุลย์คนมองเรา หรือว่าเขาเห็นข่าว” สิ้นคำของเธอ ตุลยเทพก็ก้มหน้าทันที
“มันค่อนข้างจะเห็นหมดเลยครับคุณท่าน คุณเจ้าขาหนีไปคงเป็นเพราะคืนนั้น อีกคลิปหนึ่งก็กำลัง... เอ่อ”“ไอ้ลูกไม่รักดี มันเป็นคนทำพังเองทุกอย่าง แล้วจะให้พ่อแม่เอาหน้าไปไว้ไหน หมดสิ้นกัน ทั้งเงินแล้วก็บารมีที่กำลังจะสร้าง นี่มันเวรกรรมอะไรของฉัน” อรสาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาและได้แต่กอดสามีเอาไว้ ขณะที่คนขับรถก็เร่งสุดกำลังเพื่อจะได้ไปถึงเร็วต่อมา ตุลาถึงโรงพยาบาล แล้วเข้าสู่ห้องฉุกเฉิน ทว่าตุลาหยุดหายใจ จึงมีการปั้มหัวใจเพื่อยื้อให้กลับมา ใช้เวลากว่า 30 นาที ร่างกายของตุลาจึงได้ตอบสนอง หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง ทว่าไม่ได้ฟื้นและใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจ ข่าวร้ายทำให้อรสาแทบทรุด คือสาเหตุเพราะตุลาเป็นโรคหัวใจ ตกใจและเสียใจรุนแรง และเมื่อกู้ชีวิตกลับคืนมาได้ ก็ไม่สมบูรณ์อีกแล้ว ตุลาอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนินทรา“กรี๊ดดดด ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ฉันไม่เชื่อ เขาจะต้องไม่เป็นอะไร” อรสากรีดร้องราวกับคนบ้า เมื่อแพทย์มารายงานอาการ“เบื้องต้นหมอบอกได้เท่านี้ อยากให้คุณทำใจ ตอนนี้เข้าไปเยี่ยมได้ครับ เชิญ” แพทย์บอกอีกครั้งอรสาก็ไ
“พี่เชนทร์ เจ้าถามว่าโกรธเจ้าเหรอ” เธอรบเร้าทว่าเขาไม่ตอบ เธอจึงต้องขยับไปนั่งข้างๆ เอามือเกาะแขนเขาไว้ทำท่าทางออดอ้อน มองเสี้ยวหน้า ทว่าเขาก็ยังทำเป็นไม่สนใจอีก“พี่เชนทร์ เจ้าขอโทษ จะไม่ทำอะไรห่ามๆ แบบนี้อีกแล้วสัญญา” เธอบอกเสียงออดอ้อนก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำท่าสัญญา“อย่าเงียบสิ พี่เชนทร์” เรียกไปพลางก็เขย่าแขนเขาไปพลาง และยิ่งเห็นเขาวางเฉย แล้วยกน้ำขึ้นมาดื่มแบบไม่พูดไม่จา ก็ยิ่งใจคอไม่ค่อยดี จะโกรธจะงอนเธอจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย เธอคิด ก่อนจะตัดสินใจปล่อยมือจากแขนของเขา แล้วเอามือประคองใบหน้าของเขาแทน พร้อมกับบังคับให้หันกลับมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบแนบแน่นที่ปากของเขาเสียเลยเขาก็ตกใจแต่ไม่ได้ทำอะไรนอกเสียยอม แล้วเธอก็ถอนออกอย่างรวดเร็วพลางมองหน้า พอเห็นว่าเขาเฉยอีกเธอก็จูบอีก ทำแบบนี้ซ้ำๆ จนเขาดันเธอออกเล็กน้อย และสบตากันในระยะปลายจมูกชนกัน “ทำอะไรเนี่ย”“ก็ง้อไง เห็นโกรธเจ้า”“ไม่ต้องง้อ เพราะพี่ลงโทษเจ้าแน่ๆ” สิ้นคำเขาก็ขยับอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักเสียเลย แล
“พี่... พี่เชนทร์... อ๊ะ อ๊ะ อื้อ เร็วค่ะ โอ้ว แรงๆ เจ้าจะ...” เธอครางอย่างสุดจะกลั้นเมื่อความปรารถนากำลังจะพุ่งทะยานไปสู่จุดหมาย เขาก็ระรัวเร่งจนเนินกายเปลือยเปล่าเบียดแน่นจนได้ยินเสียง“เจ้า... เจ้าจ๋า พี่รักเจ้า อ่า พี่รักเจ้า” เป็นเหมือนเช่นทุกครั้งที่อารมณ์พุ่งทะยานถึงขีดสุดเขาจะบอกรักเธอ“เจ้าก็... อ่า รัก... พี่เชนทร์ อื้อ” สิ้นเสียงร้องครางร่างน้อยก็กระตุกเกร็งและกอดเขาเอาไว้แน่น พร้อมกับแอ่นเนินกายขึ้นและจิบเล็บลงไปบนแผ่นหลังของเขาแรงๆ เม็ดเสียวตอดตูบๆ จนเขาสัมผัสได้ ขณะที่เขากดสะโพกเอาไว้แล้วปลดปล่อยลาวาอันร้อนระอุพุ่งพ่นเข้าไปในร่างกายของเธอ หลวมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันและในที่สุด ความสุขก็ถึงจุดหมายปลายทางตรงสวรรค์ชั้น 7ขณะที่ร่างกายกำลังปลดปล่อยความปรารถนาอยู่นั้น สองกายยังคงกอดรัดแนบแน่น และบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มราวกับไม่อิ่มเอม“อืม” เสียงครางของเขาดังออกมาอย่างพอใจ และเมื่อร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ จึงได้ถอนจูบออกจากกันทว่าแทบจะไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปาก มีเพียงเสียงหายใจหอบของคนที่เพิ่ง
“ถ้าเป็นแขกด่าผมตะเพิ้ดแล้ว ที่ผมถือไม้หน้าสามมาขวางเอาไว้ แต่นี่อะไรมีพิรุธ อึกอักดูกลัว ดูไปแอบทำผิด”“งั้นเราคงต้องระวังตัว พี่น่ะไม่กลัวหรอก แต่พี่ห่วงเจ้าขามากกว่า ก้าวออกไปจากรีสอร์ทเนี่ยก็อันตราย กลัวมันจะโกรธจนปองร้ายเจ้าขาน่ะ”“ผมก็คิดอย่างนั้น”“แล้วรู้จักชื่อไหม”“นิรุธกับณัฐพลครับ ชื่อที่มันใช้จองที่พัก”“เรามียามอยู่ บอกยามมาสอดส่องดูแลแถวบ้านเราทุกหลังด้วย ตอนนี้เราทุกคนน่าเป็นห่วงหมดนั่นแหละ”“โอเคครับ”“ขอบใจ แล้วเดี๋ยวพี่จะบอกพ่อเลี้ยงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน แต่ฝากพนักงานตามไอ้สองคนนั้นด้วยนะ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”“ได้ครับพี่ งั้นผมขอตัวนะครับมาบอกเท่านี้”“โอเค” เมื่อคุยกันเสร็จ เขตแดนก็ปลีกตัวจากไป ทว่ายังไม่ได้เข้าบ้านหรอก ยังคงตรวจตราอะไรไปเรื่อยๆ เมื่อก่อน หน้าที่นี้เป็นของคเชนทร์ แต่เมื่อคเชนทร์มาอยู่ในจุดที่สูงขึ้นไปอีก พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ก็ยกตำแหน่งนี้ให้เขตแดน แต่ก็อีกนั่นแหละเพราะความ
“ปล่อยมันไปจะดีเหรอครับ”“ไม่ดีหรอก แต่อยากให้ไอ้ตุลย์มันรู้ คิดอยากจะสืบเรื่องฉันเหรอ ก็รู้ๆ กันไป และถ้าคิดที่จะทำอะไร นั่นแปลว่ามันเองนั่นแหละที่ต้องเตรียมโลง พวกนายเพิ่มเวรยาม ตั้งรับให้ดี มีอะไรโทรเรียก อย่าให้คนแปลกหน้าเดินเพ่นพ่านแถวบ้านเราและพ่อเลี้ยงอีก เพราะถ้าพ่อรู้อาจจะไม่ใจดีแบบนี้ก็ได้ และพวกนายนั่นแหละจะโดนมิใช่น้อย ข้อหาหละหลวมต่อหน้าที่”“ครับนาย”“เอาล่ะ แยกย้าย” สิ้นคำ ลูกน้องทั้งหมดก็แยกย้าย จากนั้นคเชนทร์จึงเอี้ยวตัวหันกลับไปทางรีสอร์ต ซึ่งมีพนักงานด้านในและแขกออกมายืนดู แต่พอเห็นคเชนทร์มองกลับทุกคนก็หลบหายเข้าไปทันที เห็นดังนั้นแล้วคเชนทร์ก็เดินดุ่มๆ ขึ้นไปหาพนักงานอีกรอบ“ปิดปากเรื่องวันนี้ให้ได้”“ครับนาย จะรูดซิบให้หมดทุกคน”“ก็ดี เห็นใครแปลกหน้าโทรหาฉันโดยตรง อย่าวางเฉย”“ครับ” พนักงานรับคำ จากนั้นคเชนทร์จึงได้เดินกลับไปยังบ้าน เพื่อจะได้พักเสียที เอาไว้เรื่องนี้ค่อยบอกพ่อเลี้ยงจะดีกว่า เนื่องจากมัน
“มันคนเดียว ซ้อมผมด้วยกระบองแล้วส่งต่อให้ลูกน้องยำต่อ โดยไม่สนใจว่าใครจะเห็น ผมว่ามันไม่ธรรมดานะครับนาย”“แล้วทำไมพวกเอ็งไม่รู้จัก”“ก็ พวกเราไม่ได้อยู่ในถิ่นนี้นี่ครับ แล้วรีสอร์ตหลังที่ไปน่ะ ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปเลย นี่เป็นครั้งแรก”“ไปทำตัวจิ๊กโก๋ให้มันจับได้ล่ะสิไม่ว่า” เสียงของน้ำอิงแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา“ครับ มันบอกว่าผมเป็นจิ๊กโก๋ฟรีแลนด์”“แล้วเป็นไหมล่ะ ลบคำสบประมาทให้ได้ อั้วะจ้างพวกลื้อมา ก็ทำให้สมกับค่าจ้าง พวกลื้อและเพื่อนอีกสามคนทำยังไงก็ได้ ไปลากตัวเมียฉันกลับมา คราวนี้ฉันจะเอาทั้งเงินและเมีย”“ครับ ผมจะไปวางแผนกับ เด็กๆ มันอีกต่อหนึ่งว่าแล้ว ลากตัวไปไว้ที่ไหนครับ”“ในตัวเมืองและที่ๆ แกไป ไม่ใช่ถิ่นของแกเหรอ หาโกดังเก่าๆ สักที่เอามันไปไว้ที่นั่น ฉันจะจัดหนักให้ดู”“ได้ครบนาย” ว่าแล้วลูกน้องก็ขอตัวกลับเข้าห้องก่อน เพื่อจะได้ดูสภาพของตัวเอง และจะได้เรียกรวมกำลังอีกสามคน ก่อนจะระดมส
“ไม่เป็นไรจ๊ะ เราตื่นสายด้วยกันทั้งคู่ พี่จะพาไปบ้านพ่อเลี้ยง มีอะไรคุยกับพ่อเลี้ยงก่อนไปโรงแรมน่ะ อยากให้เจ้าอยู่ด้วย”“ก็ได้ค่ะ” เธอรับคำ จากนั้นเขาจึงจูงมือออกไป พร้อมกับปิดประตูตรงระเบียงให้เรียบร้อย แล้วพาออกไปจากบ้าน และปิดเอาไว้ให้เรียบร้อยเช่นกัน จากนั้นจึงได้พาเธอนั่งรถไป เพราะเขาจะได้เลยไปทำงานด้วย เพียงแปบเดียวก็ถึงบ้านพ่อเลี้ยงซึ่งช่วงเวลาเดียวกันนี้ รถของผู้ติดตามรวมถึงคนสนิทก็มาจอดเต็มหน้าบ้านไปหมด ราวกับรู้เป็นนัยๆ เหมือนที่คเชนทร์จะมานั่นแหละ“ทำไมวันนี้รถเยอะกว่าปกติคะเนี่ย”“เวลางานด่วน งานสำคัญ รถจะเยอะแบบนี้แหละ” คเชนทร์บอก ก่อนจะพาเธอเดินเข้าบ้าน ทว่าเขตแดนเดินออกมารับ“มาพอดีเลยครับ พ่อจะคุยด้วยเรื่องเมื่อคืน”“พี่ก็มาเรื่องนี้แหละ นายบอกพ่อเหรอ”“ไม่บอกพ่อก็รู้ไหม เมื่อคืนพี่เชนทร์ทำอะไรไป รู้กันไปทั่วนั่นแหละ”“เอ่อน่า ห้องทำงานใช่ไหม”“ใช่ครับ”“งั้
ช่วงเวลาเดียวกัน แม้งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว คเชนทร์กับแสนลักษณ์ ยังสามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เป็นอย่างดี แม้จะพลาดบ้างก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่การันตีได้แล้วว่าเขาสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้ แม้แต่เจ้าสัวเองก็ยังเป็นหนี้ชีวิตคเชนทร์ มิเช่นนั้นท่านคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ งานเลี้ยงฉลองคงได้กลายเป็นงานศพ และเอาเป็นว่างานฉลอง ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป หาเวลาทำอาหารอร่อยให้พ่อตาแม่ยายรับประทานจะดีกว่า แต่ต้องหลังจากที่ซิ่งกันจนเหนื่อยแล้วนะเสียงรถ ATV ในพื้นที่ไร่ผลไม้อันกว้างขวาง เป็นพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน หรือขับ ATV เช่นคราวนี้ไม่ใช่นักเที่ยว หากแต่เป็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่อยากจะแว้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วหนุ่มๆ ก็ได้แต่ยืนรอแบบหน้าบึ้งๆ เพื่อสาวๆ จะมารวมตัวกันขับรถเล่น บอกหนุ่มๆ ไม่ต้องยุ่งทว่าเสียงแว้นรถ ATV ก็ดังบึ้นๆ จนหนุ่มๆ หันไปมอง“วู้วววว หนุ่มๆ คุยกันไปนะคะ” เสียงของมนัสวีดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบิดนำไปเลย ทำเอาแสนลักษณ์อ้าปากค้างกำลังทักท้วง เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปตามอง ตามด้วยจันทรภา“เ
“มาทำไมอ่ะตุลย์ มาหาที่ตายเหรอ” แสนลักษณ์แทรกขึ้น“ใช่ หนีไปก็ถือว่าฉลาดแล้วนะ ไม่น่าโง่กลับมาเลย” คเชนทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะมาแก้แค้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสูญเสีย ฉันจะไม่ให้พวกแกได้มีความสุข” เขาบอกอย่างเจ็บแค้น“ตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วนะตุลย์” คเชนทร์ว่า“ฉันก็จะไม่ให้แกเหลืออะไร” “หึๆ เรารู้จักกันน้อยเกินไป เพราะถ้ารู้จักดีกว่านี้ แกจะไม่โผล่มาที่นี่คนเดียว มึงดูถูกฝีมือกูเกินไป” “จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น“เอามันไปนอนในคุก ก็ถือว่าฉันปราณีไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวลูกสาวฉัน ทำร้ายครอบครัวลูกสาวฉันแล้ว ฉันจะทำให้แกไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สำนึกอยู่ในนั้น แม่แกคงดีใจนะ เฝ้าผัวที่หลับไม่ตื่น ลูกชายก็เข้าคุก อยู่ในนั้นหลายปี คิดให้ได้ถ้าคิดไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ เราเจอกัน” เจ้าสัวบอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาบุตรสาว อยู่กับนักเลงท่านก็นักเลง แต่ทุกคนก็หวั่นใจในคำตัดสินของท่าน และแม้จะได้รับการยกโทษ ที่ไม่ให้ถึงตายแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตลุยเทพรู้สึกเป็นบุญคุณเขากลับโกรธเกลียดเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม ความดำมืดมันเบียดบังความสว่างแห่งจิตใจไม่รู้ดีร
“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดก็จูงมือเจ้าสาวเสียเลย ส่วนมืออีกข้างก็ถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นจึงได้เดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายแม่พ่อเจ้าสาวก็มองด้วยความสุขและปริ่มเปรม เพราะเห็นสีหน้าแววตาของลูก บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงใด แขกเหรื่อในงานหันมามองพร้อมกับถ่ายรูป ตามด้วยเสียงบรรเลงเพลงรักช้าๆ สองฝาแฝดเดินเตาะแตะอย่างน่าเอ็นดู ในชุดเพื่อนเจ้าสาวน้อยๆ และหนุ่มน้อยคาวบอย มนัสวีก็เดินตามพร้อมกับจูงมือเกตุวดีให้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาปลื้มปริ่มพอๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านหน้าพิธี ก็มีบิดามารดาของจันทรภายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้งสองจึงกอดสองฝาแฝดเอาไว้ และหอมซ้ายหอมขวาด้วยความเอ็นดู จากนั้นมนัสวีจึงเดินมาจูงเด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้แถวหน้า ขณะที่จันทรภาก็โน้มตัวไปสวมกอดพ่อกับแม่แนบแน่น “แม่รักหนูนะลูก มีความสุขมากๆ นะ” มารดาเอ่ยขึ้นก่อน“มีความสุขมากๆ กับผู้ชายที่ลูกเลือกนะ” บิดาเอ่ยเช่นกัน“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่” จันทรภาตอบเสียงสั่น ก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมกอดของท่านทั้งสอง“แม่รู้นะว่าหนูกำลังหวั่นใจ” มารดาดูสีหน้าออกอีกแน่ะ นั่นก็เพราะจันทรภานึกถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราววันนี้มันเหมือนกัน ตรงที
“เพราะความรักดีที่ทำให้แกมีวันนี้ต่างหาก เพราะตัวแกเอง ฉันก็แค่เป็นผู้นำพาออกมา หากไม่รักดีซะอย่าง มันก็จะเหมือนเดิม รู้ใช่ไหม ต่อจากนี้ไปต้องเติบโตกว่าที่เป็นอยู่” แสนลักษณ์กล่าวพลางเอามือลูบๆ ปัดหัวไหล่ให้คเชนทร์ราวกับห่วง คเชนทร์สังเกตได้คนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต “ห่วงผมเหรอครับพ่อเลี้ยง” “ห่วง ไปเป็นนายคนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ไปอยู่บริหารงานช่วยเจ้าสัวอย่าห่ามให้มันมากนัก ฝึกใจเย็นให้มากๆ ดูแลครอบครัวใหม่ให้ดี แกจะไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวของเจ้าขาเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำไปพร้อมๆ กับเจ้าสัวด้วย” “ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ผมกลัวทำให้ท่านผิดหวัง” “ฉันสอนแกมาทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเห็น นำไปใช้ซะ องค์กรธุรกิจที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มากนัก” “ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไป” “เราต้องเติบโต แกจะตัดช่องน้อย เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วให้พ่อแม่เขาดูแลกันเองไม่ได้ เจ้าขาเป็นทายาทแกเป็นสามี ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปกุมบังเหียน สักวันท่านก็ปล่อยมือ ช่วยเจ้าขาดูแลทุกอย่างให้ดีๆ” “พ่อจะไม่คิดถึงผมใช่ไหม” “หึๆ ไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปเมืองนอกซะหน่อย คิดถึงก็มาหา เดือนละค
“หนุ่มๆ เขามั่นใจว่าเขาหล่อมากค่ะ แต่งนิดเดียวก็หล่อ แต่ดูเอาเถอะ เราเสร็จก่อนซะอีก” มนัสวีเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวให้เขาตามไปทีหลังก็ได้ลูก ไม่ซีเรียส กันเองทั้งนั้นสบายๆ อย่าพิธีเยอะแล้วจะไม่สนุก” เจ้าสัวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม เพราะท่านผ่านความเครียดและซีเรียสมาแล้ว ทั้งสองงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความสุขและความเรียบง่าย และวันนี้ท่านมีความสุขมาก มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของคนกันเอง ไม่มีใครอื่น ในงานก็สวยงามด้วยดอกไม้ในสวน และริมลำธารตามที่คเชนทร์และจันทรภาต้องการ“ดูแล้วสบายตาจังเลยเนอะพ่อ ไม่เหมือน...” จันทร์จิรากล่าวแต่ก็อดนึกถึงงานคราวก่อนไม่ได้“เอาน่า อย่าไปนึกถึงมันเลย” “มันก็คล้ายๆ กันนะคะ เพราะเจ้าขามารอเจ้าบ่าวอีกแล้ว” “พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเขยคนนี้ คนที่ลูกเลือกเอง” “แม่อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้น่ะ”“ทำใจให้สบาย วันนี้เป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำและยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในงาน ท่านทั้งสองไม่รู้จักใครเพราะไม่ได้เชิญแขกที่อื่น แต่ทุกคนรู้แล้วว่าท่านคือบิดาและมารดาของจันทรภา หรือเจ้าสัวหมื่นล้านพ่อตาของคเชนทร์ ทุกคนจึงได้ให้ความเป็นกันเองกับท่
“หึๆ คนนั้นต้องยอม แต่วันนี้ก็ต้องยกให้เจ้าบ่าวหนึ่งวันนะครับ” “พี่ว่าเราเข้าไปในงานดีกว่า ไปรับแขกแทนพวกเขาไปก่อน เพราะว่าคนกันเองทั้งนั้น” “ครับพี่” สิ้นคำเกตุวดีก็กับเปรมณัฐก็พากันเดินเข้างาน เพื่อทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่จันทรภาต้องมานั่งแต่งหน้า แต่งตัวในฐานะเจ้าสาวอีกครั้ง และครั้งนี้แอบคิดถึงคราวก่อน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคลิปนั้นที่เธอถ่ายเองกับมือ สิ่งต่างๆ มันหวนให้นึกถึง จนรอยยิ้มของเธอหายไปจากใบหน้า ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หม่นลงเสียอย่างนั้น “เป็นอะไรไปคะพี่เจ้า หืม” มนัสวีเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังดัดผมเป็นเกลียวๆ ให้จันทรภา ซึ่งเธอนั่งอยู่หน้ากระจก ห้องรับพักรับรองบ้านแสนลักษณ์“วี พี่ อยู่ๆ ก็นึกถึงวันนั้น มันนึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”“พี่เจ้ากลัวพี่เชนทร์เทงานแต่งเหรอคะ” “มันหลอนๆ น่ะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์น่า”“หึๆ เอาชีวิตแลกขนาดนี้ต้องได้เมียแล้วล่ะค่ะ วีเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์เหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ ลืมมันไปเถอะ” “พี่คิด พี่ตุลย์มันหนีกบกาน ถ้ามันยังไม่ตาย มันแว้งกันเราได้เสมอเลย” “อืม ไม่เอาสิคะ วันนี้งานเลี้ยงมงคลนะคะ ไม่คิดถึงเรื่อ
ดังคำที่เจ้าสัวภากร กับภรรยาได้ให้ไว้กับคเชนทร์ คนเป็นพ่อแม่จะต้องการอะไรนอกจากเห็นความสุขของลูก ต่อให้ความสุขนั้นมันแสนจะเรียบง่าย แต่ท่านก็เห็นแล้วมันคือสวรรค์ และท่านฝืนทนที่จะไม่ยิ้มรับความสุขนั้นไม่ได้ ท่านเห็นและสัมผัสจนต้องยิ้มทั้งน้ำตาท่านยอมแพ้หัวใจของผู้ชายธรรมดาอย่างคเชนทร์ ไม่ใช่เพราะทำสิ่งที่เอาชนะใจ หากแต่ทำให้ลูกสาวท่านเปลี่ยนไปต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านยินยอมที่จะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ และยอมยกให้นานแล้วเพียงแต่รอเวลาอันเหมาะสมแต่การเป็นลูกเขยเจ้าสัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่ไม่มีเงินค่าสินสอด แต่กลัวท่านจะเสียหน้า กลัวคนเอาไปติฉินนินทาว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียวแต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ค่าสินสอด อาจจะทำให้อับอาย เช่นนั้นแล้วมันก็ต้องมีทั้งค่าน้ำนมและพิธีตามที่เห็นสมควร “พ่อไม่ได้ขายลูกกิน พ่อกับแม่รวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะยังอยากได้ค่าสินสอดอีกเหรอ หืม ไอ้ลูกเขย” เจ้าสัวกล่าวอีกครั้งเมื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นทางการในห้องนั่งเล่นบ้านแสนลักษณ์“ผมเรียกว่าค่าน้ำนมครับ” คเชนทร์กล่าวเสียงเรียบ“เชนทร์ ถ้ากลัวพ่อแม่จะเสียหน้า เสียชื่อ จำได้ใช่ไหม ว่าสิ่งเหล่านี้เจอมาแล
ขณะที่คเชนทร์ก้มกราบแทบเท้าท่าน เห็นเช่นนี้แล้วอยู่ๆ ท่านกลับจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาเจ้ากรรมดันปริ่มตรงขอบตาเสียอย่างนั้น จันทร์ จิรายิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าสัวอึ้งมือสั่นกระทั่งคเชนทร์เงยหน้าขึ้น“ผมกราบขอขมาครับ ในการกระทำที่ได้ล่วงเกินไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือว่าทางใจ รวมถึงเรื่องที่ผมกับเจ้าขาอยู่ด้วยกัน กราบขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวัง ที่ผมอาจจะทำให้เจ้าขา มีความสุขหรือสุขสบายน้อยกว่าที่ผ่านมา” คเชนทร์ตัดใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและหม่นเล็กน้อย เงยหน้ามองสบตาเจ้าสัวภากรเป็นหลัก ซึ่งท่านฟังดังนั้นแล้วได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เบือนสายตาไปทางอื่นนิดหน่อย ขณะที่ภรรยาท่านต้องกุมมือเอาไว้“เธอกล้ามาก” ท่านกล่าวสั้นๆ หยุดเอาไว้เพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ“กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้ชายหลายคนไม่กล้าทำ คือนั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่ามันไม่ง่ายใช่ไหม” “ครับ ไม่ง่าย แต่ผม... คนไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครให้ก้มกราบแบบนี้ คิดอะไรผมก็ทำ พิธีรีตองมากว่านี้ก็ไม่เป็น ทื่อๆ แข็งๆ อาจไม่ประทับใจ แต่มันออกจากหัวใจของผม”“ไม่ได้ต้องการประทับใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเธอมานั่งคุกเข่าตรงนี้พ่อนักเลง” เจ้าสัวหันมากล
“ไม่ต้องมาอวยผมเลย ผมอาจจะไม่ดีสำหรับท่านก็ได้” “ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรา แกกับเจ้าขาต่างหาก ต้องดีสำหรับเจ้าขา” แสนลักษณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่คเชนทร์เบาๆ“ทุกวันนี้มีความสุขกันหรือเปล่าล่ะ”“ครับ มีความสุขมาก แต่พอท่านมาผมก็หวั่นใจ” “แม่ยายเอ็นดูนี่ ความจริงแล้วพ่อตาเราน่ะ เขาแค่หวงลูกสาวกลัวจะลำบาก เพราะเคยเลี้ยงลูกให้สุขสบายจนเคยตัว แต่เจ้าขาน่ะรักการเรียนรู้ เธอน่ารักตรงนี้ และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากแก นั่นคือสิ่งที่ชนะใจพ่อกับแม่ แกไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแต่เจ้าขาน่ะพิสูจน์แทน” “พ่อรู้ได้ไง”“ฉันก็คิดว่าแกรู้ เชื่อมั่นในตัวเองเชนทร์ เขายกลูกสาวให้อยู่แล้วล่ะ” “ผมกลัวไม่มีค่าสินสอดให้เขา” “คิดอะไรเยอะแยะ ฉันยังไม่มีค่าสินสอดน้องวี ยังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ แค่จดทะเบียนก็สมบูรณ์แล้ว” “แต่นี่เจ้าสัวเลยนะครับ” “อย่าคิดแทนท่าน ได้เวลาที่ต้องคุย” “โอเคครับ คุยก็คุย ไปดีกว่า แวะมาเอากำลังใจเท่านี้แหละ ผมอาจจะกลับก่อนนะครับ”“อืม อะไรจัดการก็ไปเถอะ” สิ้นคำของแสนลักษณ์ คเชนทร์ก็ลุกจากไป แต่ก่อนจะเปิดประตูเขาก็หันมาหาแสนลักษณ์เสียก่อน“พ่อครับ” “อะไร” “ยืมเงินสัก 50 ล้านนะ” ประโยคนี้