“เดี๋ยวมึงนี่ใจร้อน” คเชนทร์ในวัย 15 ปีเช่นกัน หันไปบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายกระซิบ และในจังหวะที่แอบดูเหยื่อ คเชนทร์ก็ทำทีเป็นเดินเล่น ดูนั่นดูนี่ จากที่คนน้อยๆ กลับเดินสวนไปสวนมา ทว่ามันกลับเป็นโอกาสให้เด็กหนุ่มคเชนทร์เดินเข้าไปประชิดตัวเหยื่อผู้มุ่งหวัง ที่เป็นหนุ่มวัยรุ่นในชุดนักศึกษา เขากำลังเปิดกระเป๋าเงิน และด้วยความที่ไม่ใช่มืออาชีพนัก คเชนทร์ก็ตื่นเต้น กลัว รอจนกระทั่งชายหนุ่มคนนั้น เอากระเป๋าเงินใส่กระเป๋าหลัง จังหวะที่กำลังจะใส่ คเชนทร์ก็วิ่งไปคว้าเอาในมือทันที “เห้ย!” ชายหนุ่มเจ้าของกระเป๋าเงินรีบหันไปมองทันที และเห็นเด็กน้อยวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้วิ่งตาม บอดี้การ์ดก็ไวกว่า วิ่งเร็วราวกับนักกีฬา ฝ่าผู้คนที่เดินไปมาอย่างขวักไขว่“ช่วยทีครับไอ้เด็กนั่นฉกกระเป๋า” ชายหนุ่มที่วิ่งตามตะโกนบอก แต่เด็กหนุ่มก็วิ่งหน้าตั้งแต่จะเร็วเท่ากับคนที่ชำนาญได้อย่างไร พอวิ่งไปได้สักพักก็หอบจับ และเมื่อใกล้จะถึงตัว ชายหนุ่มบอดี้การ์ดก็พุ่งตัวเข้าไปคว้าตัวเด็กน้อยเอาไว้ และลิ้มกลิ้งไม่เป็นท่า “เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดขโมยเหรอเราน่ะ ห๊า” ชายหนุ่มบอกและกอดรัดเจ้าตัวเล็กเอาไว้แน่น แต่
จากนั้นคเชนทร์จึงบอกแหล่งที่จะไปซื้อ แสนลักษณ์ก็สั่งคนขับรถพาไปยังแหล่งนั้นทันที และติดต่อซื้อยามาให้คเชนทร์ เมื่อคเชนทร์ได้รับไปราวกับได้ขึ้นสวรรค์ “มึงยังมีความผิดอยู่นะไอ้หนู” แสนลักษณ์บอก ขณะที่นั่งรถออกจากแหล่งนั้นอีกครั้ง คเชนทร์จึงได้ยกมือไหว้แสนลักษณ์อย่างขอบคุณ พร้อมกับมีน้ำตา การแสดงออกเช่นนี้ ทำให้แสนลักษณ์สังเกตว่าคเชนทร์ไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน ยังมีความนอบน้อม หวาดกลัว “เอาผมไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้ แต่ผมไม่อยากติดคุก ไม่อยากกลับไปบ้านเด็กกำพร้าแล้ว ผมอยากเป็นอิสระ ก็เลยหนีออกมา” “ทำไมถึงไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” “ผมก็ไม่รู้ จำความได้ก็อยู่ที่นั่น” “อายุสิบห้าไม่ได้เรียนหนังสือเหรอ หืม” “เรียนครับ แต่ตามเพื่อนออกมา ก็เลยไม่ได้เรียนต่อ” “ออกมาแล้วใช่ว่าจะทำสิ่งดีๆ มึงมาติดยาแล้ววิ่งราวเนี่ยนะ” “เพื่อนมันพาไปครับ พอติดแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีเงินก็เลย” “ทำยังไงถึงจะไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “ผมไม่รู้ครับ” ฟังคำพูดคำจาและการตอบโต้ ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้จักความเลย ทว่ารู้จักพูดครับเสียด้วยซ้ำ แสดงว่าตอนที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าก็คงจะได้รับการอบรมอยู่หรอก แต่พอออกมาสู่โลกภายนอกแล้
“เจอกันครั้งเดียวพี่ก็ให้ผมขนาดนี้” คเชนทร์เอ่ยลอยๆ พลางก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาหยดแหมะ“ผมจะต้องตามหาพี่ให้เจอให้ได้” เขาบอกอย่างมาดมั่นเมื่อคเชนทร์ออกจากศูนย์บำบัด เขาก็เคว้งคว้างไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กับเงินหนึ่งก้อนหากกลับไปเรียน ก็ต้องกลับไปที่บ้านเด็กกำพร้าอีก เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนอย่างที่พี่คนนั้นบอก แต่อยากเจอพี่อีกสักครั้ง ทางเดียวที่จะได้เจอคือกลับไปที่เดิม ต้องมีวันใดวันหนึ่งที่พี่คนนั้นไปซื้อของทำบุญแหละน่าว่าแล้วคเชนทร์ก็แอบไปเฝ้าที่ตลาดทุกวัน เฝ้ามองว่าจะมีรถเก๋งสีขาวมาจอดหรือไม่ แต่ก็ไม่เจอ มาคิดได้ว่าพี่ต้องมาวันพระหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็แต่งตัวหล่อเลย ใส่เสื้อที่พี่ซื้อให้นั่นแหละจะได้จำได้ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นโผล่มาจน กระทั่งหมดกำลังใจ คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว คงไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพี่คนนั้นแล้ว คเชนทร์คิด ก่อนจะเดินคอตกและกำลังจะออกไปจากตลาด ก็ได้ยินเสียงหนึ่งพอดี“ดอกบัวสองมัดครับ” เสียงคุ้นหู ทำให้คเชนทร์หันกลับไปมองและแทบยิ้มออกมาด้วยความดีใจ“พี่แสน! พี่แสนจริงๆ ด้วย” ว่าแล้วเขาก็วิ่งเข้าไปหาทันที พร้อมกับหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้
“อุ้ย! โทษทีค่ะ” จันทรภาอุทานพลางหยุดกึกและเงยหน้าขึ้น ส่วนหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ้มบางๆ “ขอโทษค่ะ” จันทรภายกมือไหว้พร้อมกับถอยออกมาให้ห่าง เพราะดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้ามีบุคลิกที่น่าเกรงขามพอสมควร“ไม่เป็นไรจ้ะ เป็นเพื่อนคเชนทร์เหรอ” หญิงสาวรุ่นพี่ถาม“เอ่อ ค่ะ เป็น เป็นเพื่อนก็ได้” เธอตอบแบบอึกอัก “หึๆ พี่ชื่อเกตุจ้ะ เป็นผู้ช่วยพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ทำงานประจำรีสอร์ตจ้ะ”“อุ้ย! สวัสดีค่ะ ชื่อเจ้าขาค่ะ” จันทรภายกมือไหว้เกตุวดีอีกรอบ“ชื่อน่ารักเชียว ไม่ต้องไหว้แล้ว สองรอบแล้วเนี่ย แล้วนี่เชนทร์ไปไหน เห็นบอกว่าไม่ไปทำงาน” “อยู่ในบ้านค่ะ เจ้าก็เลยออกมาเดินเล่น เขาดูหงุดหงิดแปลกๆ” “หึๆ คนทำงานหลายอย่างก็งี้แหละ มีเรื่องให้คิดจุกจิกไปหมด ว่าแต่ใช่เราหรือเปล่าที่มากับเชนทร์เมื่อคืนน่ะ” “เอ่อ ทะ ทะ ทำไมรู้คะ หรือว่าทุกคนรู้หมดแล้ว” จันทรภาอึกอักไปทันที เพราะไม่รู้ว่าคนจะมองเช่นไร “พี่ก็ต้องรู้เป็นธรรมดาแหละ ไปเดินเล่นกันไหม” แน่นอนการชวนเดินเล่นจะได้รู้ประวัติของสาวสวยคนนี้ “ค่ะ” จันทรภาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเกร็งชอบกล ว่าแล้วเกตุวดีก็พาเดินเล่นริมลำธารแถวๆ บ้านของคเชนทร์นั่นแหละ แต่ห่า
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ที่โรงแรมเหมราชมนตรา ณ ห้องจัดเลี้ยง เริ่มมีการเก็บทุกอย่างภายในห้องจัดเลี้ยงออกไป ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าของงานก็ต้องมาจ่ายทุกอย่างที่เสียไป ทว่าสิ่งที่ได้มาคือเมียอีกคนที่ไม่ใช่จันทรภา คราวนี้ได้แซ่บโดยไม่ต้องกังวลว่าจันทรภาจะจับได้แล้ว แต่ตุลยเทพก็ยังอยากได้จันทรภามาเป็นเมียเอกเพื่อมาประคองชีวิต เขาอยากได้เธอรวมถึงอยากได้อย่างอื่นที่เธอมีด้วย“เฮ้อ” ตุลยเทพถอนหายใจอย่างเครียดๆ ก่อนจะลุกจากเตียง แล้วควานหาผ้าเช็ดตัวมาสวมใส่ จากนั้นจึงหันไปมองคนบนเตียงที่ยังคงนอนหลับ เนื้อตัวเปลือยเปล่าไม่สวมเสื้อผ้า ใช่ เขาละเลงเพลงรักกับน้ำอิงอย่างเมามัน ทว่าก็ต้องหลบซ่อนอยู่ดี เพราะจะให้ผู้ใหญ่รู้ความสัมพันธ์ฉันชู้ไม่ได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างจะชวดหมดก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำเอาเขาตกใจ ก่อนจะหันไปมองคนบนเตียงอีกรอบ แล้วรีบใส่เสื้อคลุมทับอีกชั้น เพื่อจะได้ออกจากห้องนอน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น และเปิดประตู เพราะห้องนี้เป็นห้องทะลุนั่นเอง เขาส่องตาแมวก่อนที่จะเปิด “คุณแม่ คุณพ่อ” เขาเปิดออกพร้อมกับเอ่ยเรียกท่านทั้งสองด้วยน้ำเสียงหม่นๆ และเครียด“พ่อกับแม่เข้าไปหน่อยได้ไหม” ต
“พ่อ! พ่อกวนตีนมากครับ แค่นี้แหละผมแต่งตัวแปบ” “มึงจะใส่เสื้อขาดมึงมาก็ได้นะเชนทร์ พ่อชอบ”“คร้าบบบบ แค่นี้แหละ เดี๋ยวรีบไป” พูดจบคเชนทร์ก็รีบวางสายจากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ทันที และไม่ได้แต่งตัวอะไรหรอก หน้าหล่อก็พอการแต่งตัวก็ช่างมัน แต่ก่อนจะไปเขาก็ตามหาจันทรภาเสียก่อน ด้วยการขับรถตามหา ก็เห็นเธอยังอยู่กับเกตุวดีอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงขับรถเข้าไปใกล้ๆ “เอ่อ คุณ อยู่กับพี่เกตุก่อนนะ เดี๋ยวผมมาจะเข้าเมืองไปดูงานน่ะ” คเชนทร์บอก ทว่าสีหน้าและแววตาเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว เกตุวดีสังเกตได้“ด่วนเหรอเชนทร์ พ่อโทรมาตามหรือไง” “ครับ คุณอยู่ได้ใช่ไหม เดี๋ยวซื้ออะไรเข้ามาฝากละกัน” “อยู่ได้ค่ะ” จันทรภาตอบสั้นๆ น้ำเสียงหม่นๆ“โอเค” คเชนทร์รับคำแบบแบ่งรับแบ่งสู้ จะยิ้มแหล่ไม่ยิ้มแหล่ อาการแปลกๆ จากนั้นเขาจึงขับรถออกจากรีสอร์ต โดยที่จันทรภามองตามด้วยความสงสัย และสงสัยสถานะของผู้ชายที่เธอมาขอความช่วยเหลือ ไม่น่าจะธรรมดา“เอ่อ พี่เกตุคะ เขาบอกว่าเป็นพนักงานโรงแรม แปลว่าจะไปโรงแรมใช่ไหมคะเนี่ย” เธอถามเกตุวดี แต่ก็มีสิ่งคัดค้านในใจคือ พนักงานอะไรจะขับรถเบนซ์“ใช่จ้ะ น่าจะแวะไปดูงานน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนมีงา
“เราไม่ได้ซื้อกินเหรอคะ”“ซื้อเหรอ! นั่นทำให้เปลืองมาก หากจะซื้อกินรายได้เราไม่พอรายจ่ายหรอกจ้ะ”“แย่จัง”“ไม่แย่หรอกน่า แต่คนทำอะไรไม่เป็นจะยากหน่อย โดยเฉพาะกับเจ้าเชนทร์เนี่ย” เกตุวดีเอ่ยพลางเหลือบมองจันทรภาเล็กน้อย“คุณเชนทร์ทำไมคะ เขาทำอะไรๆ เก่งนักเหรอ”“ที่ 1 เลยล่ะ” เกตุวดีเอ่ยปากชมพลางยิ้ม“แหม ใครจะไม่ชมคนของตัวเองคะ”“หึๆ เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็รู้” เกตุวดีหัวเราะเบาๆ และสังเกตสีหน้าของจันทรภา ซึ่งเธอยังคงหม่นหมองอยู่ ต่อให้เกตุวดีชวนคุยมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้ เข้าใจดีเลยล่ะ จากการที่ได้เห็นคลิปนั้นแล้ว เป็นใครก็ช็อกและเสียใจยิ่งมันเกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานของตัวเองด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าจะรับไหวมากน้อยแค่ไหน ต้องดูกันไปเป็นวันๆ จันทรภาอาจจะคิดสั้น เพราะความเสียใจก็เป็นได้ หากเธอคิดได้ว่าชีวิตมีค่าไม่ควรเสียให้กับคนแบบนั้น ก็คงจะดำเนินชีวิตไปได้ แต่ถ้าหากเธอเอาผู้ชายคนนั้นและความรักเป็นศูนย์กลาง ก็อาจจะคิดสั้นก็เป็นไ
ต่อมาคเชนทร์ยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความที่เป็นคนรอบคอบจนเป็นนิสัย เขาตระเวนหาซื้อของใช้ผู้หญิง เพราะจันทรภาไม่มีอะไรติดตัวเลย มากับชุดแต่งงานอย่างเดียว ครั้นจะขอมนัสวีหรือเกตุวดี ก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไป หญิงสาวต้องมีเป็นของตัวเอง และสิ่งที่เขาซื้อไปด้วยนั้นเธอต้องกรี้ดแน่ๆหลังจากที่คเชนทร์ปล่อยให้จันทรภาอยู่บ้านเกือบทั้งวัน เพราะไม่ได้ไปแปบเดียวอย่างที่บอก เนื่องจากมีอะไรต้องทำ ต้องสืบ ส่วนจันทรภาก็มีเกตุวดีอยู่เป็นเพื่อน จนเกือบเย็น แล้วจึงแยกตัวไปดูแลงานด้านอื่นต่อ ตอนนี้จันทรภา อยู่เพียงลำพัง นั่งกอดเข่าอยู่ตรงระเบียงห้องรับแขก พลางมองออกไปยังลำธาร มองสายน้ำที่ไหลด้วยใจเหม่อลอย แต่การมองน้ำไหลมันก็เพลินจนลืมเวลา ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้เธอสะดุ้ง พร้อมกับอาการดีใจที่แสดงออกมาด้วยความลืมตัว เธอรีบยืดตัวขึ้นแล้วหันไปมองที่หน้าบ้าน แต่พอได้สติว่าเพิ่งรู้จักเขานี่นะ แค่เขากลับมาจะดีใจทำไมเนี่ย คิดได้ดังนั้นเธอก็แสร้งนั่งนิ่ง รอจนกระทั่งเขาเปิดประตูเข้าบ้าน หัวใจดันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ บ้าบอ
“โอเคค่ะ หัวใจจะวาย” เธอว่าก่อนจะมองไปที่ประตูเป็นระยะทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น รถเก๋งสีดำหลายคัน แล่นเข้ามาจอดบริเวณใกล้ๆ กับโกดัง พร้อมกับปิดไฟมาแต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้เห็นและได้ยินเสียงรถ เมื่อจอดสนิทก็ต้องเดินไปอีกร้อยเมตร ดีหน่อยที่มีหญ้าขึ้นรก ทำให้อำพรางได้“นี่มันด้านข้างของโกดัง คุณวีอยู่ใกล้ผม พี่เกตุคุมหนุ่มๆ อ้อมด้านหน้า ผมจะอ้อมไปด้านหลัง” “โอเค” เกตุวดีรับคำ“เก็บเสียงด้วยนะครับ ทุกคนระวังให้พี่เกตุด้วยเผื่อป้าเค้าสายตาไม่ดี”“ไอ้เชนทร์ จะมากวนประสาทอะไรตอนนี้”“อย่าเพิ่งบ่นไปได้แล้ว” คเชนทร์แซวและก็แยกย้าย แน่นอนว่าเขาให้ทุกคนใช้อุปกรณ์สำหรับเก็บเสียง และทำให้เงียบที่สุด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ย่องมาทางด้านหลัง ตามด้วยมนัสวี“ไอ้พวกหางแถว เป็นขยะสังคม เด็ดไปให้หมดแผ่นดินน่าจะสูงขึ้นนะ” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยมแต่เบา“ได้ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำ ภายในโกดังมืดแทบจะไม่มีไฟ อาศัยแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นนำทาง
“เฮียเป็นพี่จะกลัวอะไรกับพ่อเลี้ยงล่ะครับ” คเชนทร์แซว“มันด่าเก่ง ไอ้นี่ปากร้ายจะตายขี้เกียจเถียงกับมัน” ที่แท้ก็กลัวปากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์นี่ ก็แหงละเวลาอยู่ด้วยกันฟาดฟันกันตลอด“ว่าแต่ ไม่ให้อั้วะช่วยใช่ไหมเชนทร์”“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้จิ๊บๆ เด็กๆ ทางนี้มีเยอะ”“เฮ้อ! ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ขอให้ปลอดภัยก็แล้วกันทั้งแฟนลื้อแล้วก็ไอ้แสน เป็นอะไรขึ้นมาไม่รู้จะทะเลาะกับใครแล้วเนี่ย”“หึๆ ครับเฮียต้น”“อั้วะจะส่งเด็กไปเก็บกวาดให้ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับเฮีย แค่นี้ก่อนนะครับผมจะส่งข่าว”“อืม อั้วะจะรอ ดูแลตัวเองก็แล้วกันอย่าเป็นอะไร ไอ้แสนเองมันก็รักลื้อที่สุด” ยิ่งได้ยินอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้คเชนทร์หวาดหวั่นเหลือเกิน ต่างคนต่างไม่อยากให้ใครเจ็บ แต่แสนลักษณ์ก็เสียสละตัวเอง เพื่อเข้าไปอยู่ใกล้จันทรภาเกินไป“ครับเฮีย” สิ้นคำคเชนทร์ก็วางสายก่อน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่คเชนทร์วางสายจากนายตุลยเทพแล้วนั้น เขาก็ยืนนิ่งมองหน้าทุกคนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ใครก็ได้ไปเรียกคุณวีมาที” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ลูกน้องคนหนึ่งจึงพยักหน้าและกำลังจะไปขึ้นเรียกบนชั้นสองแต่มนัสวีก็ลงมาพอดี“คุณวีครับ คุณเชนทร์เชิญที่ห้องนั่งเล่น”“อาแสนกลับมาแล้วเหรอคะ”“ยังครับ เชิญครับ” ลูกน้องผายมือเชิญ จากนั้นมนัสวีจึงได้เดินตาม เห็นคเชนทร์ยืนนิ่ง ทว่าหางตาของเขาเห็นแล้วว่าเธอมาจากทางขวามือ เขาจึงหันไปมองด้วยสีหน้าหม่น ก่อนจะเดินไปหาเธอช้าๆ พร้อมกับประคองให้เธอเดินมาใกล้ๆ“คุณเชนทร์ มีอะไรคะ” มนัสวีถามเสียงเครียด“พ่อเลี้ยงอยู่กับเจ้าขา” สิ้นคำของคเชนทร์เท่านั้นแหละ มนัสวีก็อึ้งไปและมองหน้าทุกคน เธอต้องตกใจมากน้อยแค่ไหนล่ะ ในเมื่อรู้ว่าสามีเก่ง แต่ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น“อา... อาแสนถูก...” เธออึกอักพูดไม่ออก“ครับ พ่อเลี้ยงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าพ่อไม่ตั้งใจใครเลยจะเอาตัวพ่อไปได้ เพราะอยากรู้
“ไง ไอ้ขี้ข้า มีคนอยากคุยด้วยแน่ะ คิดว่าคงจะอยากได้ยินใช่ไหม” สิ้นคำตุลยเทพก็ให้น้ำอิงเอาโทรศัพท์ไปให้แสนลักษณ์คุย ด้วยการแนบหูกับหัวไหล่เพื่อหนีบโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ถอยออกมาให้ห่าง เพราะกลัวโดนเท้ายาวๆ ของแสนลักษณ์เช่นกัน“เชนทร์” แสนลักษณ์เรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขึ้น ต่างกับตอนคุยกับ ตลุยเทพโดยสิ้นเชิง เท่านั้นแหละคเชนทร์ตกใจยิ่งกว่าจันทรภาถูกพาตัวไปเสียอีก“พ่อ! พ่อ! อยู่นั่นได้ไง มันเอาตัวพ่อไปได้ยังไง” คำพูดของคเชนทร์ทำให้ทุกคนที่ฟังอยู่ตกใจเช่นกัน“อย่าทำเป็นกระต่ายตูมน่า”“ได้ไง ไอ้สี่คนนั้นปล่อยให้พ่อพาตัวไปได้ยังไง ไอ้ไก่อ่อนนั่นทำอะไรพ่อ”“ฉัน... จะไปสู้ใครได้ เอาปืนมาจี้ก็กลัวตายแล้ว ก็เลยต้องยอมเนี่ย” น้ำเสียงของแสนลักษณ์นุ่มหู แต่กวนประสาทจริงๆ เชียว“พ่ออย่ามาพูดแบบนี้นะ ตรงที่พ่ออยู่คือที่ไหนผมจะรีบไป”“ฟังนะ ฉันปลอดภัย เจ้าขาปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้เราสองคนตายก็เตรียมเงินมาแลกก็แล้วกัน บอกเมียพ่อด้วยให้เตรียมพร้อม”
“ก็... มันปากพล่อยแล้วฉันว่าลุง ไอ้แก่ ก็เลยเอ่อ สั่งสอนนิดหน่อยให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ และยิ้มมุมปากนิดๆ ลูกน้องคนหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปดู และสัมผัสไปตามเนื้อตัวเพื่อดูว่าสลบหรือไม่“ลูกพี่... ไม่หายใจครับนาย ลูกพี่ตายแล้ว” ลูกน้องเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ“แกเป็นใครเนี่ย” ตุลยเทพถามด้วยความตกใจกลัว พลางมองไปที่ลูกน้อง“เป็นพ่อมึงไง” แสนลักษณ์ตอบเสียงเข้ม เท่านั้นตุลยเทพก็บันดาลโทสะด้วยการต่อยแสนลักษณ์ไปสองทีผัวะ! ผัวะ! แสนลักษณ์หน้าสะบัดก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับแววตานิ่ง“อาแสน” จันทรภาเรียก เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากปากแสนลักษณ์ ทว่าเขากลับส่ายหน้าให้เธอ แต่ในวินาทีเดียวกันตุลยเทพก็กระชากคอเสื้อแสนลักษณ์แรงๆ“ฉันถามว่าแกเป็นใคร” ตุลยเทพถามอย่างเดือดดาล“เป็นพ่อ... พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ รู้จักหรือยังไอ้หนู” แสนลักษณ์กล่าวและยิ้ม“มันคือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ นาย เขาเป็น... เจ้าพ่อ” ลูกน้องคนหนึ่งแทรกขึ้น เมื่อจำได้แล้วและต้องตกใ
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแกเป็นใคร เพราะถ้าไอ้เชนทร์มันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่มันจะวิ่งแจ้นมาทันที” “หึๆ รู้จักกันสักนิดน่า ว่าแต่นายตุลาเป็นยังไง ฟื้นหรือยัง หืม” แสนลักษณ์ถามเสียงเรียบและยิ้มนิด ให้ตายสิ รู้เรื่องพ่ออีก“แสดงว่าพวกแกรวมหัวกับนังนั่น” สิ้นคำตุลยเทพก็หันไปมองจันทรภาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ“ใครหนุนหลังเธอ รวมหัวกันกี่คนว่ามา ใครที่มันกล้าเปิดทางให้ขึ้นคอนโดขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ระดับบิ๊ก ต้องมีตัวใหญ่ มันเป็นใคร” ตุลยเทพถามพลางเอื้อมมือจิกผมจันทรภา แสนลักษณ์เห็นก็ได้แต่กัดฟัน สบตาจันทรภาซึ่งเธอก็สบตากลับและไม่ตอบ“แกมันอ่อนหัดจริงๆ ด้วยไอ้พี่ตุลย์ ไม่รู้จักคนที่ตัวเองลักพาตัวมา นับประสาอะไรจะรู้จักตัวพ่อของที่นี่”“ฉันถามว่าใคร”“ก็ลองไปจับกลุ่มนั่งคิดกันอีกสักรอบ เผื่อจะคิดออกว่าฉันชื่ออะไร ทำไมเจ้าเชนทร์ถึงได้วางหัวใจเอาไว้ที่นี่ วางชีวิตเอาไว้ตรงนี้” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ“ก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาพักผ่อนมองหน้ากันไปก่อนนะ แกตัวใ
ใช้เวลาประมาณสิบนาที แสนลักษณ์ก็เดินกลับออกมา สายตาก็เหลือบมองไปที่ต้นทางนิดหน่อย ก่อนจะเดินมาที่รถทว่ากลับยืนหันหลังให้รถ พร้อมกับล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบเสียก่อน ราวกับว่ากำลังเครียดหรือรออะไรบางอย่าง ลูกน้องทั้งหมดก็อารักขาเจ้านายเป็นอย่างดี ไม่ถามสักนิดว่าพ่อเป็นอะไรหากพ่อไม่เป็นคนเอ่ยออกมาเองแสนลักษณ์ก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ พลางหลับตา ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเขาเอี้ยวตัวหันกลับไปจะขึ้นรถ ก็ต้องชะงักและหนุ่มๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ จะไม่ให้ชะงักได้อย่างไรในเมื่อเอาปืนเล็งมาขนาดนี้แถมยังมากันหลายคนอีก แต่แสนลักษณ์ยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งแนบบุหรี่เข้าปาก อีกข้างยกขึ้นเพื่อให้รู้ว่าไม่สู้ ขณะที่สายตาไม่ได้มองชายหนุ่มที่เอาปืนจ่อเลย“สูบบุหรี่แปบ” แสนลักษณ์เอ่ยอย่างยียวน“ให้ไว อย่าลีลา” ชายแปลกหน้าสวมโม่งกล่าว“เอ่อ รีบสูบรีบเสร็จมันจะฟินอะไรวะ” แสนลักษณ์ตอบกลับ เท่านั้นแหละชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกพี่ ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ เล็งปลายกระบอกปืนแทบจะจ่อหน้าผาก ลูกๆ ของแสนลักษณ์ทำได้แค่กัดฟั
“ผมไม่ให้ แต่ผมจะทำให้จำชื่อผมและพ่อเลี้ยงเอาไว้ให้แม่น”“มันนัดอีกเมื่อไหร่” เกตุวดีถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้ว“ก็คงจะพรุ่งนี้ครับ รอรับสาย”“พี่จะไม่ยอมอยู่เฉย แกต้องให้พี่ไปด้วย พี่เป็นสาเหตุให้เจ้าขาถูกพาตัวไป พี่ไม่ดูแล”“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ใช่คนรับใช้ซะหน่อย จะให้ตามติดกันตลอดเวลาก็ไม่ใช่ เลิกรู้สึกผิดนะครับ ทำใจให้สบายรอฟังสัญญาณจากผม”“โอเค” แม้ปากจะพูดว่าโอเค แต่ภายในใจยังรู้สึกผิดที่ทำให้จันทรภาถูกพาตัวไป เพราะไม่เฝ้าระวัง ทว่าอย่างที่คเชนทร์บอก จะตามติดตลอดเวลาราวกับนักโทษก็ไม่ใช่“เซ็นงานกองนี้ให้เสร็จนะ ผมมาบอกเท่านี้ แล้วเดี๋ยวออกไปเจอกันที่บ้านพ่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมจะไปรอที่นั่น หารือกันอีกทีรอพ่อมา”“จ้ะ” เกตวดีรับคำน้ำเสียงหวั่นๆ ความรู้สึกแย่มันยังคงมีอยู่ คำพูดของคเชนทร์ไม่สามารถปลอบใจได้ ถ้าออกไปดูจันทรภาสักนิดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น อย่าให้ฉันเจอนะ ท
“แน่ใจนะครับว่าเป็นจุดอ่อน คนนี้ผมคุ้นๆ หน้าเป็นคนมีชื่อเสียงด้วยนะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”“ทำไม คนเดียวกันยังไง”“ไอ้พวกผมน่ะ มันทำงานรอบนอก รับจ้างรับจ๊อบ ไม่ค่อยได้เห็นคนมีชื่อเสียงบ่อยนัก แค่คุ้นๆ ว่าคนนี้หรือเปล่า เป็นคนมีชื่อเสียง หน้าคุ้นน่ะครับ”“เราเห็นเขาอยู่โรงแรม เป็นผู้บริหารที่โรงแรมนั้นหรือเปล่าคะ”“คิดว่าใช่ สนุกล่ะทีนี้ ไอ้เชนทร์ หึๆ ดูซิว่ามันจะมีปัญญาช่วยเมียนางฟ้ามันได้ไหมนะ ค่าหัวเจ้าขาไม่ยอมให้ แต่ถ้าบวกกับคนนี้ไม่แน่ ฉันอยากได้หัวใจดวงนี้ของมัน พวกแกทำได้ไหม”“เอ่อ ไม่มั่นใจครับ”“ทำไมวะ ทำไมไม่มั่นใจ นี่ฉันจะจ้างพวกแกไว้ทำไมเนี่ย”“ที่บอกว่าไม่มั่นใจเพราะกลัวจะเข้าถึงตัวยาก ถ้าเขาเป็นคนมีชื่อเสียง”“ก็แค่อาจจะเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง” น้ำอิงแทรกขึ้น“ใช่ กลัวอะไร”“ผมไม่ได้กลัว”“งั้นจัดการ ฉันอยากเห็นหน้า ทำ